30 สิงหาคม 2552 12:53 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๏ เช้ารุ่งมิรุ่งราง
เมฆาครางบังรังสี
เคลื่อนขับจรลี
ก้องอึงมี่นภาเทา
๏ ยามเช้าบรรณาศรม
คนระทมด้วยหมองเศร้า
ควันไฟและตัวเรา
นั่งจับเจ่าละห้อยมอง
๏ ฝนเจ้าเถิดโปรยมา
ให้รู้ว่าข้ากลัดหนอง
น้ำฟ้าสุธารอง
แต่ข้าครองโศกทวี
๏ ฝนมาสิล้าไหล
สิเย้ยใครแล้วหลีกหนี
สิมามาเสียที
มิหลีกหนีถวายกาย
๏ แม้นเช้าจะเทาหม่น
แม้นฝนจะหล่นสาย
แม้นฟ้าจะงำพราย
ชีวาวายจึงจำนน
๏ ยามเช้าวันเศร้าศัลย์
อาศรมบรรณ์จะฝ่าฝน
ฝันกล้าจะท้าทน
แม้นหนึ่งคนจะฝ่าไป ๚ะ๛
24 สิงหาคม 2552 02:20 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ประชามติชน
บนเล่ห์กลสรรพสิ่ง
คงคาเสมือนนิ่ง
ท้ายที่จริงนั้นเชี่ยวแรง
รัฐธรรมนูญใหม่
ที่เท่าไหร่มหาแพง
ฉีกเขียนโดยเปลี่ยนแปลง
อำนาจแฝงไว้คงมือ
ผ่านรับใช่ผ่านชอบ
ใช่คำตอบประเทศหรือ
เสียงต้านอึงมี่คือ
เสียงใบ้บื้อหรืออย่างไร
รับก่อนแล้วค่อยแก้
โอ้ล่ะแม่สันดานใคร
ปาหี่โดยชอบใจ
มติได้มหาชน
ชอบธรรมกรรมที่ก่อ
ชอบชูคอวอเมืองบน
ชอบอ้างนิรมล
ชอบฉ้อฉลคนเดินดิน
เห็นว่าไร้เดียงสา
จมปลักนาเป็นอาจินต์
หยาดเลือดที่รดริน
ดูดซดกินจนสิ้นคาว
อำนาจมันเผือกร้อน
ผ่องถ่ายก่อนคดีฉาว
ดื่นดวงดารกพราว
มิยืดยาวเพียงตะวัน
เลือกตั้งหลังปฏิวัติ
นี้ชี้ชัดศรัทธาฝัน
แสงวาบมิดับพลัน
สถิตมั่นในใจชน
การเมืองเสียงข้างมาก
ใช่จูงลากไม่กี่คน
ชั่วดีประจักษ์ผล
กลไกนิติธรรม
อำนาจย่อมมีได้
แต่ครองใจพิสุทธิ์ล้ำ
ฟ้ากว้างแล้วสีดำ
ก็หมายจำมณีจาง
เมฆาจะบังแสง
ยังเสียดแทงอุษาสาง
ยิ่งมืดกลับรุ่งราง
ยังท่ามกลางประชาคม
คืนผ่านการเลือกตั้ง
คืนความหวังกลับมาหน
คืนวันประชาชน
คืนฉ้อฉลเผด็จการ
และแล้วก็ปรากฏ
อัปยศพญามาร
พร้อมทั้งบริวาร
กำเริบหาญเป็นไพรี
เรือเริ่มทะยานเคลื่อน
ก็บิดเบือนและป้ายสี
ลวงพรางจรลี
เป็นฉันนี้มาช้านาน
เพื่อนบ้านไปไกลโพ้น
เราย่ำโคลนบนดินลาน
ทั่วโลกดุจพิมาน
เราคะคานในโลกันตร์
ดีคือท่านเสพสุข
ร้ายคือทุกข์ประชาศัลย์
ดีคือท่านเมามัน
ร้ายคือฝันประชาวาย
เสพสุขเสวยราษฎร์
บริภาษทาสเจ้านาย
บฤงคพในบั้นปลาย
สำคัญหมายให้ยืนยง
เมามันเกมอำนาจ
ดารดาษพันธุ์ยูงหงส์
ฆ่าช้างเพื่อธำรง
บนผืนธงสามัคคี
ฟ้าสูงดึงลงต่ำ
ยิ่งตองย้ำความกาลี
ใส่ร้ายและป้ายสี
ดัชนีมฤตยู
กี่ศพที่เข่นฆ่า
กี่เวลาที่อดสู
กี่การณ์ ที่ทนดู
กี่รับรู้ที่ชินชา
สักศพจักลบเลือน
จากปีเดือนพันธนา
สักถ้อยจำนรรจา
ประกาศกล้าการเปลี่ยนแปลง
ไพร่ทาสไม่มีแล้ว
เสนาแก้วไยแอบแฝง
อิงอ้างบทแสดง
ทั้งจำแลงคราบนักบุญ
ประชายังไม่พร้อม
คำหว่านล้อม ฟังคุ้นคุ้น
อำมาตย์สิขาดทุน
แย้มอรุณประชาชน
ประชาธิปไตย
ย่อมข้าไทยประจักษ์ผล
อำมาตย์ทุรชน
ย่อมทุรนทุรายลาญ
นักบุญไม่รู้บาป
แต่รู้ทราบวิชามาร
ยืนตนอันธพาล
เพื่อประจานสันดานตัว
เคยสุขสโมสร
ดัสกรขยาดกลัว
เสพสมในเมามัว
จนเกลือกกลั้วไม่รู้อาย
เคยเห็นมิได้ดู
ยอดโฉมตรูมาเร้นหาย
ของรักสิ้นมลาย
ความเสียดายธรรมดา
รู้เช่นจนเห็นชาติ
เหล่าอำมาตย์วาสนา
เพลินลิ้นภุญชนา
เปรมปรีดาหลังบ่าคน
สางแสงจะปรากฏ
อนิยตในเมืองบน
เสรีมหาชน
จักหลุดพ้นอนธการ
ต้นเค้าแห่งรุ่งราง
คือแสงสางก่อผสาน
ต้านเค้าบริวาร
คือสามานย์เงาทมิฬ
บางบทจาก กวีเสียดสีการเมือง
"สังเวชประเทศศยาม"
บันทึกฝัน บรรณอาศรม ชมรมฅนเศร้า
23 สิงหาคม 2552 03:04 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๏ บุปผาพราววาวมณีรุจีแสง
จำรูญแรงแมลงภู่ชู้ถวิล
นาฏการสานอุษาวนาดิน
หมอกราคินม่านราตรีทวีคลาย
๏ กลีบเจ้างามท่ามกลางน้ำค้างพรม
อณูเกร็ดเพชรผสมสุรีย์ฉาย
ชมพูแกมแซมขาววาวรัตน์พราย
เสกมนต์ขลังมิวายแม้นเสี้ยวมอง
๏ กลิ่นเกสรเย้าชวนให้ยวนพิศ
หมายสนิทฤทธิ์แฝงแรงสนอง
โอนลมสายพายพลิ้วปลิวลำพอง
หนึ่งพนาว่าครองผองนิยม
๏ ภมรภู่หมู่ผึ้งเข้าทึ้งรุม
วิหคคุมเวหาถลาผสม
มดบุ้งหนอนซอนไชอภิรมย์
ดอกไม้เช้าเจ้าอุดมพงศ์มาลา
๏ ตะวันโพ้นดลรังสีสุรีย์ส่อง
เบิกครรลองธรรมชาติปรารถนา
แต่ไม้หนึ่งพึงหวังมรณา
ด้วยภังคาอนิยตหมดสิ้นงาม
๏ บุปผาพราวคราวนี้ฤดีโศก
ศัลย์วิโยคโรคภัยให้เกรงขาม
นาฏการลาญพฤกษ์ลึกลานกาม
ให้นิยามนามไม้ออกดอกอรุณ ๚ะ๛
กฤตศิลป์ ชินบุตร
บรรณอาศรม ชมรมฅนเศร้า
พระอาทิตย์ที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๒
20 สิงหาคม 2552 16:10 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๏ โอมศุภมหาฤกษ์ดิเรกสมัย
สุรโลกเทวาลัยไอศูรย์
สถิตแท่นมณีรัตน์ไพบูลย์
คีตธรรมจำรูญมณูควร
๏ ชูพระธาตุพนมกรบวรศาสน์
อภิวาทเทวามหิศวร
สักการะเจ้าพ่อมอประสิทธิ์ชวน
เทพารักษ์ทั่วถ้วนประพฤทธิ์พร
๏ บัวสวรรค์ปุบผาสุวิมล
เด่นสกลพนพฤกษ์สิงขร
ยอดมาลีมีวารวเนจร
มาเคียงซ้อนกัลป์พฤกษ์ มอดินแดง
๏ เพียงพันธุ์ตฤณชาติในวานพฤกษ์
มิอาจหมายผนึกให้นึกแหนง
ขอรองรับบัวสวรรค์ขยันแรง
คือสัจพจน์หาแสร้งแต่งคำเกิน
๏ ยอดอุบลดลฟ้ามรรคามรรค
คือปรัชญาล้ำนักสรรเสริญ
จักสำเร็จเสร็จหมายใช่เพียงเพลิน
ด้วยบัณฑิตจำเริญวิชาการ
๏ สีน้ำเงินสีหลักปักสัญญะ
ภูวดลองค์พระทรงบรรหาร
เกียรติคุณสมนามพระราชทาน
ขจรไกลไพศาลวรรณวิชชา
๏ พนมพรวอนไหว้พระธาตุสถิต
มิ่งนิมิตรับขวัญสวรรค์ปุบผา
อุตส่าห์เยือนมิตรมิ่งกัลยาณ์
กรุณาปราโมชหฤทัย
๏ มหาวิทยาเทคโนโลยี
ธัญบุรีมลคลราชสมัย
นับเป็นเกียรติเป็นศรีแก่แดนไพร
แก่มหาวิทยาลัยมอดินแดง
๏ ศึกษาชนอุบลสรวงดวงประทีป
วิชชาชีพสืบสานขยันแข็ง
ศึกษาชาวขอนแก่นผสานแรง
เป็นมั่นแม่นเปลี่ยนแปลงผืนพารา
๏ ขอต้อนรับสวัสดิ์สุขทุกผู้ถ้วน
คลายรัญจวนให้สรวลสันต์หรรษา
สำเร็จหมายปลายมาดทัศนา
สำเร็จมุ่งมุทาประชากร
๏ ขออภัยบางสิ่งไม่นิ่งแน่
ผิดคอยแก้บทเรียนอุทาหรณ์
ขออย่าถือเคืองโกรธเป็นฟืนฟอน
ด้วยไมตรีผ่อนร้อนทวีเย็น
๏ หวังวันหนึ่งซึ่งมีไมตรีมิตร
จะผูกจิตรสัมพันธ์มิห่างเห็น
แม้นคืนวันพบสูรย์และบูลย์เพ็ญ
มหามิตรคลายเข็ญทุกครั้งไป
๏ ดลอำนวยทวยเทพพิทักษา
ดลพระสยามเทวาประสิทธิ์ให้
ดลเจ้าพ่อมอดินแดงป้องทุกข์ภัย
ดลสักการบูชาไหว้ด้วยดวงจินต์ ๚ะ๛
20 สิงหาคม 2552 16:04 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๏ เพื่อนขวัญเจ้าแปลกถิ่น
ธุลีตฤณต่างสถาน
แปลกที่แปลกพบพาน
ทั้งอาหารต่างโอชา
๏ เพื่อนพบคือเพื่อนใหม่
อยู่อาศัยต่างเคหา
เพื่อนเล่นเคยเฮฮา
เป็นแปลกหน้าไม่คุ้นชิน
๏ ร่มไม้ใช่ร่มเก่า
อุราเร้ากลับถวิล
ร่มโศกวิโยคจินต์
คะนึงถิ่นวเนจร
๏ ปุบผาใช่สวรรค์
เพียงกำนัลแต้มดินดอน
น้ำเงินเป็นอิฐมอญ
ให้สังวรว่าจรไกล
๏ ค่ำลงยิ่งสงกา
นักศึกษาปัญญาไท
จากถิ่นมาแรมใด
หรือมีใครบังคับมา
๏ สายันต์ตะวันพลบ
มิเลือนลบความโศกา
นกน้อยลอยนภา
หลงเวหาราตรีกาล ๚
๏ ค่ำแล้วเพื่อนแก้วเอ๋ย
กระไรเลยจะเศร้าสาน
ร้องรำให้สำราญ
เสมือนบ้านจะเป็นไร
๏ ดูดาวก็ดวงเดียว
จันทราเสี้ยวยังเป็นใหญ่
พิณแคนกล่อมแดนไพร
กังวานใสในราตรี ๚
๏ เพื่อนเอยเราคือเพื่อน
เราคือเดือนร่วมราศี
คือหวังประชาชี
คือมือนี้ป้องสังคม
๏ สร้างชาติให้อาจอง
ทระนงทุกขื่นขม
เพียงว่าประชาชม
ระรื่นรมย์อิสรา
๏ สร้างคนอุดมการณ์
วิชชาญาณให้ก้าวหน้า
สร้างศาสตร์พัฒนา
นักศึกษาปัญญาคน
๏ วันนี้เราร่วมมา
ผูกสัญญาเพื่อมวลชน
มุ่งมั่นบรรลุผล
ให้อำพลทั่วแดนไทย
๏ วันนี้เราร่วมสร้าง
นำแนวทางให้สดใส
พร้อมเพรียงเรียงน้ำใจ
สุกไสวแดนไทยงาม ๚ะ๛