28 ตุลาคม 2552 08:04 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ยุคหน้าสมัยหน้า
ประเทศว่ามงคลสมัย
อำมาตย์เคยเกรียงไกร
จำนนใต้มหาชน
หนึ่งสิทธิ์เสมอเหมือน
ทั้งดาวเดือนประจักษ์ผล
ไร้เล่ห์อภิชน
เสมือนคนธรรมดา
เท่าเทียมโดยแท้จริง
สิ้นแอบอิงในศรัทธา
ชาวดินถึงถิ่นฟ้า
เสมอหน้าในเสรี
เท่าเทียมโดยเทียมเท่า
ขุนนางเล่าเท่าตาสี
คือหนึ่งความชั่วดี
บาทวิถีปุถุชน
ทำดีคือได้ดี
ชั่วทำมีอาญาผล
เลวใช่ใครบางคน
จะหลุดพ้นผลกรรม
ใช่ชั่วแล้วได้ดี
ใช่กาลีว่างามขำ
ใช่ขาวเป็นสีดำ
แต่คือธรรมอันเท่าเทียม
อำนาจประชาชน
โดยมวลคนอันเต็มเปี่ยม
ดังยิ่งกว่าปืนเสียง
คือสำเนียงอุดมการณ์
ชาวนากรรมาชน
ผู้ทุกข์ทนมาช้านาน
ขึ้นยืนโดยอาจหาญ
เพื่อชูพานแห่งเสรี
ท้องฟ้าคลายเศร้าหม่น
แปลงอำพลรัศมี
เบิกฟ้ารุ่งสุรีย์
ประชาชีสิทธิ์สมบูรณ์
เหมือนฝันประเทศนี้
มวลกาลีพินาศสูญ
ประชาอันเทิดทูน
โดยสมบูรณ์อันควรมี
เหมือนฝันศยามเขต
สิ้นสังเวชและกาลี
ไพร่พลธรณี
เหนือไพรีอันสามานย์
เหมือนฝันในฝังฝัน
เหมือนชีวันอันแสนหวาน
เหมือนไม้จะผลิบาน
บรรจบกาลเป็นหนึ่งเดียว
บางความจากสังเวชประเทศศยามหมายเลข ๒
25 ตุลาคม 2552 11:25 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ทะยอยค่อยเคลื่อนรวมหมู่
ลุงครูพ่อบ้านหลานเหลน
พี่ป้าน้าอาใจเย็น
คุยเล่นสรวลเสเฮฮา
การบ้านการเมืองการมุ้ง
คุยฟุ้งเจื้อยแจ้วหรรษา
การกินการอยู่เจรจา
ประสาบ้านนาป่าดง
เมื่อพร้อมพ่อบ้านขานเรียก
พร้อมเพรียกปรึกษาประสงค์
ผู้รู้มากรู้อาจอง
ผู้น้อยจำนงคงตาม
เสียงเล็กเสียงน้อยแทรกสอด
อิดออดสงสัยไต่ถาม
ประชาสมาคมลือนาม
งามงามตามพื้นเสรี
บ้านนอกขอกนาว่ากล่าว
เรื่องราวจัดการโรงสี
บ้านในใจกลางธานี
ปาหี่ยี่เกอันใด
...................................
อ้างสิทธิ์โดยมั่นระบอบ
คำตอบชอบเจนเป็นใหญ่
อำนาจมือถือคือไร
ด้วยไม่ใส่ใจพัฒนา
กู้ยืมลืมคิดคืนยืม
ดูดดื่มลืมลิ้นชิวหา
ไวพจน์สุนทรวาจา
ประชาฝันหวานหว่านลม
ผู้นำพาทีเฉโก
อักโขโคฉกผสม
ยิ้มชื่นยืนร่าอ้าอม
เสพลมกลมเปล่งคานวอ
สะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ลำยองพองขนจริงหนอ
เศษใดไส้กิ่วลิ่วล้อ
อิ่มพอถ่อถึงประชา
นี่หรือคือฝันแห่งรัด
กำหนดขัดสีตีหน้า
นี่หรือรางวัลบิดา
วางยาปาหี่ยี่เก
...............................
20 กันยายน 2552 15:30 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ในโลกใบไร้ครูผู้ประสิทธิ์
ย่อมมืดมิดวิปริตผิดวิสัย
ด้วยไม่รู้สรรพวิทย์ลิขิตใด
ชะตากรรมนำไปอย่างไร้ทาง
แต่โลกใดไซร้มีผู้ชี้ทิศ
อบรมศิษย์ปริศนาเบิกฟ้าสาง
จะแห่งหนกลใดไม่ละวาง
ย่อมถึงพร่างทางฝันบรรลุไกล
จึงการุณย์คุณอนันต์ท่านประศาสน์
เคารพอาศิรพาทพิสมัย
ดลปวงเทพเทวาชั้นฟ้าใด
อำนวยให้คุณาจารย์สันต์เกษม
ด้วยปณิธานดวงมานอันมั่นมุ่ง
ค้ำผดุงทางประชาดุลยาเหม
ด้วยวิสุทธิ์พุทธิคุณละมุนเปรม
ให้ศิษย์หาอิ่มเอมเต็มไพบูลย์
จึงสูงยิ่งเทียมฟ้าบูชาไหว้
จึงยิ่งใหญ่ใดเทียมกลับเสื่อมสูญ
จึงสถิตนิจดวงปวงชนทูน
จึงจำรูญสูรย์แสงสำแดงมี
17 กันยายน 2552 15:43 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ปวงอากาศธาตุทิพย์วิบวับแสง
หมายสำแดงสิ่งใดให้ข้าเห็น
ฤาแสแสร้งแกล้งยวนชวนประเด็น
ว่าข้ามีข้าเป็นเช่นดารา
ชีพมีแต่ใจนั้นไร้รส
กำลังมีมิกำหนดปรารถนา
หวังหรือคือหวังมรณา
สิ้นฤาสิ้นชีวามิจาบัลย์
ดาวน้อยเจ้ารออะไรเล่า
จันทร์สกาวเช้าสุรีย์มิผกผัน
เพียงประดับราตรีทุกวี่วัน
ก็เท่านั้นดาวน้อยด้อยจันทร
เท่านั้นหรือดาวดาวจวนเช้าแล้ว
อุษาแพร้วเบิกสุรีย์มณีหลอน
ดาวเจ้าเอยเคยไหมจะลานอน
อุทัยก่อนจันทรลับเจ้ากลับมี
นั่นสินะดาราเจ้ากล้าแกร่ง
เจ้าสำแดงแรงหวังรัศมี
ให้จันทราลาลับขอบราตรี
สานสุรีย์เจ้านี้ครองนภา
ดาวเจ้าเอยเผยหวังพลังโศก
สักกี่แสนวิโยคยังปรารถนา
ด้วยคอยหวังสักวันเวลา
มวลดาราครองฟ้านภารอง
คอยเถิดหนาชะตาข้ากำหนด
อนิยตอย่างไรไม่กลัดหนอง
ด้วยหมู่ดาววาวนี้ยังลำพอง
ต่อราตรีสุรีย์ส่องครรลองอรุณ
30 สิงหาคม 2552 16:42 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
โลกร้างเพราะว่างเปล่า
คนโฉดเขลามิอ่านเขียน
ฟ้ามืดเพราะดาวเปลี่ยน
คนไร้เพื่อนเห็นแก่ตัว
โลกร้างเพราะวางปล่อย
คนรู้น้อยกิเลสยั่ว
มืดฟ้าเพราะหวาดกลัว
สหายทั่วด้วยไมตรี
โลกสวยด้วยร่วมสร้าง
คนงามพร่างต่างภาษี
ฟ้าพราวดาวรุจี
มิตรอารีสถาวร