8 กุมภาพันธ์ 2553 02:57 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ด้วยมนุษย์นิยมชมชื่นฟ้า
อิสราฝุ่นดินฤาบินไหว
จึงจำอดจดทนแต่ต้นไป
เปรียบน้ำไซร้น้อยนิดจะปิดเพลิง
เคยหลงผิดนิมิตไว้เพียงกายร่าง
จึ่งเดินทางย่างสมในลมเหลิง
เคยปล่อยตัวมั่วสุมรุมระเริง
ดังวนว่ายว่างเวิ้งสีทันดร
ทุรชาติภูมิย้ำคำหยันเยาะ
ก้องร้ายเราะปราชิตอาบพิษหลอน
ชลารมณ์ตรมเศร้าสำเภาคลอน
ชีวาตม์วอนย้อนตะวันบูรพา
นภสินธุ์ยังพร่างนำทางใฝ่
แม้นสรวงไร้ฉายจันทร์อันปรารถนา
จะฝันเฝ้าเอาผิดนิมิตมา
เป็นมรรคาย่างย่ำอย่างชำนาญ
หวังทิพย์สูรย์จำรูญมาศวิลาสเลิศ
อุษาเพริศเช้าอุ่นอรุณฉาน
ให้แรกรุ่งมุ่งหวังปณิธาน
ให้สาบานวารพ้นคนคู่ควร
กฤตศิลป์ ชินบุตร
8 กุมภาพันธ์ 2553
บรรณาศรม
2 กุมภาพันธ์ 2553 04:01 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๑
เมื่อโลกร้างว่างเปล่ามวลชีวิต
ไร้อิทธิฤทธิ์เสกสร้างปาฏิหาริย์
เพียงศพซากกากเน่าปนดินดาน
แลปราการซากเมืองป่นธุลี
มรสุมคาวเลือดยังเน่ากลิ่น
ธรณินข้นเหลวระเริงสี
นัยหมายท้ายโลกโลกีย์
ก็ย่อมมีอนิยตธรรมดา
๒
วาดซากศพฟื้นตื่นคืนชีวิต
นิรมิตเมืองสร้างปรารถนา
บรรจงเส้นทีละสายปลายปากกา
ชุบดินฟ้าดาราดวงตะวัน
ให้น้ำฝนหล่นหลั่งล้างเลือดพิษ
ชโลมจิตโสฬสแลสวรรค์
นรชาติดาษดื่นรู้ตื่นธรรม์
ตฤณชาติไพรวันรมณีย์
อสุราปรากฏเป็นพรตป่า
โภชนาเปรตร้ายได้สุขี
ติรัจฉานขานธรรมรสพจนีย์
อเวจีสมาธิปณิธาน
มีมนุษย์พุทธวัตรจรัสเลิศ
บังอบายบรรเจิดสุรีย์ฉาน
อริยโกสุมปทุมยาน
กิเลสมารกลิ้งหลุนชลธี
เทวารัณย์งามผ่องรองรัตน์
พิมานมาศประภัสร์รัศมี
เทวธรรมล้ำยิ่งพรหมจารี
อันสุขารมณีย์เป็นนิรันดร์
พรหมบถรสธรรมเลิศล้ำค่า
มวลนรกชาวฟ้ามาเสพสันต์
ทวีสุขพรหมจักรอัศจรรย์
สัมปรายพรหมพันธุ์สุนทรีย์
อรหัตวิโมกขธรรมสุข
อริยยุคธรรมกายไร้สุขี
คือความว่างสุญตาความไม่มี
พ้นโลกีย์สู่โลกุตรธรรม
๓
คว้าปากกากลิ้งหล่นบนพื้นแข็ง
ลืมผ่อนแรงเก้าอี้เอียงถลำ
มือรีบคว้าน้ำหมึกเปรอะเปื้อนดำ
รูปเจ้ากรรมเปื้อนด่างเป็นทางลวง
ภาพเลือนรางใต้หมึกสีดำหก
เพ่งสะทกอกสะท้านนั่นสุดหวง
ภาพสวรรค์นรกอื่นทั้งปวง
น้ำตาร่วงทรวงฝืนทรมาน์
ปาดน้ำหมึกเท่ามีขยี้ภาพ
ยิ่งดำอาบฉาบสีปริศนา
ได้น้ำหมึกคืนกลับจินตนา
ทว่าภาพไร้ค่าราคามี
กฤตศิลป์ ชินบุตร
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
25 มกราคม 2553 18:40 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ตะวันพลบจบแสงสุรีย์สาด
ดวงจันทร์พาดดาดสีรุจีสรวง
คลื่นชลไหววับวาวสกาวดวง
ลมหนาวลวงเพ้อถึงเจ้ามิรู้วาย
ดังตะวันมิอาจเคียงจันทร์คู่
เฝ้าแลดูรู้มีแล้วหนีหาย
ดังสินธุ์ชลหมุนเชี่ยวเป็นเกลียวไป
มีไฉนวกกลับมาคงเดิม
คือรักยิ่งหญิงเดียวปรารถนา
แต่เวราอาถรรพ์มันหาญเหิม
จึงเจ็บยิ่งสิ่งเธอคอยซ้ำเติม
แต่รักเริ่มยังแย้มเต็มในทรวง
ว่าความรักยากนักจะบังเกิด
ทั้งเศร้าครองรองเพริศบันเจิดสรวง
ว่าความรักง่ายนักคนใจลวง
รักทิ้งขว้างเหมือนทิ้งผ้าอาบอาจม
แว่วเสียงหวานหว่านคมภิรมย์รื่น
พอหยิบยื่นไมตรีสุขีสม
ชั่วเกลียวชลวนปลุกสุขระดม
จึงสาดโถมทุกข์เท่าพันทวี
คืนเหน็บหนาวไร้เจ้ามาเคียงครอง
ให้กลัดหนองโศกแสนแดนภูตผี
คืนที่ผ่านใช่คืนจะฟื้นมี
แต่ราตรีไร้เจ้าไยเท่าเดิม
กฤตศิลป์ ชินบุตร
25 มกราคม 2553
บรรณาศรม
22 มกราคม 2553 10:16 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ดินเจ้าสูงสุดสอยคนต้อยต่ำ
เพียงทนช้ำคำเธอละเมอหลง
จะเอื้อมดินกินดาวอัสดง
อีกกัลป์คงป่ายถึงเพื่อซึ้งพาน
ด้วยยังเข็ญเวรกรรมผูกจำจอง
เสียงกรีดร้องเวทนามหาศาล
กี่ตายฟื้นวัฏจักรทรมาน
อินทรีย์ญาณยังกล้าจะเพียงดิน
ร้อนและรุ่มรุมเร้าดังเผาจิต
ซากชีวิตเศษผีให้ติฉิน
ยิ่งรุกไล่ยิ่งไกลธรณิน
หากหมายบินคงสิ้นทั้งวิญญาณ์
ขอทนทุกข์ในนรกอเวจี
เพื่อหลีกหนีทุกข์ร้ายสิเน่หา
ขอจำจดรสร้ายกัลปา
เพื่อชินชาหากว่าจะเอื้อมดาว
จะกินดินปีนป่ายขึ้นไปฟ้า
เพื่อรินหลั่งน้ำตามาจากหาว
อรุณเก็จเพชรมณีที่วับวาว
ถึงฝนร้าวข่าวเศร้าให้เจ้ามอง
จะเอื้อมดินกินดาวที่พราวฟ้า
เพื่อรุกไล่เทวาอย่างจองหอง
จึงค้นหากามเทพมาคุมครอง
แล้วโก่งศรปักน้องให้ต้องใจ
แต่เอื้อมดินดินสูงมิอาจคว้า
จะเอื้อมฟ้ากินดาวได้ไฉน
ขอทนทุกข์เมืองนรกอีกต่อไป
อย่าหมายได้ในฝันอันไม่มี...
กฤตศิลป์ ชินบุตร
22 มกราคม 53
บรรณาศรม
5 มกราคม 2553 02:47 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
สวะชนจะทนสู้
เอาร่างปูสะพานฝัน
น้อยหนึ่งให้ชีวัน
ทาเลือดฉานสร้างแผ่นดิน
แห้งโหยโดยกาฝาก
เหลือเศษซากกลางผาหิน
แร้งสาปยังเริงบิน
หมายกำซาบรสโอชา
ลมลาญผลาญไม้ใบ
เงาพฤกษ์ไหวปลิดว่อนฟ้า
ซากไม้เวทนา
ยังหนอนด้วงมิปล่อยวาง
ลาญป่ามาลาญเมือง
ฉากโครงเรื่องยังเวิ้งว้าง
ศพซากทบท่าวทาง
จนท่วมท้นเป็นเนินภู
ปีนป่ายจากกองกูณฑ์
ไม่ดับสูญเพียงหยัดสู้
ต่อร่างเทียมศัตรู
ให้รู้หวาดรู้หวั่นเกรง
คงคนด้วยรู้ค่า
ใช่เทวาจะข่มเหง
ย่ำย่างทางเราเอง
และเพื่อนพ้องผู้ติดตาม
สวะชนจะมองฟ้า
ต่างเทวาใดกล่าวถาม
ตีนมือหรือผ้างาม
ที่สวมผ่องเป็นยองใย
สวะชนจงลุกสู้
ต่อศัตรูอย่าหวั่นไหว
เลือดฉานนองดินไทย
ล้างสังคมอันโสมม
กฤตศิลป์ ชินบุตร
บรรณาศรม
5 มกราคม 53