11 กรกฎาคม 2551 23:56 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ฉากที่2 : ท้องวิหารเลี่ยมพรายระยับ พระอินทร์ประทับนั่งอย่างสง่าบนบัลลังก์
พระอินทร์องค์ทรงยศกำหนดหมาย
จำแลงกายเป็นยาจกรูปน่าขำ
ฉลององค์เก่าหมองเปื้อนด่างดำ
กายาคล้ำจำแลงแสลงใจ
เพ่งพิศพินิจร่างเคยบันเจิด
ประกายเพริศวาวแววระยับไหว
บัดนี้กายทมิฬดั่งตั้งใจ
แต่หทัยขุ่นหมองฟ้องรูปตัว
พระอินทร์
"อันตัวข้าก็แปลกแรกตั้งจิต
ไม่ยึดติดรูปกายอยู่ในหัว
เอาเข้าจริงใยแสนจะหวาดกลัว
เหมือนเกลือกกลั้วมัวเมากับมายา
ทั้งปราสาทวิจิตรใช้ประทับ
เสียงสดับบรรเลงเพลงหรรษา
อีกอัปสรอรชรกิริยา
สิเน่หาเหมือนหนึ่งว่าข้าวปลากิน"
อัปสร
"โอ้องค์ท่านรำพันประการนี้
ประชาชีชาวสวรรค์จะติฉิน
ว่าเอกองค์อมรฟ้าอมรินทร์
จิตราคินปานว่าจุติกาล"
พระอินทร์
"ตัวข้าคงพะวงทางข้างหน้า
ที่รอท่าจากชนผู้สงสาร
มากมีคนอดกั้นทรมาน
แลมากพาลปลูกข้าวบนหลังคน
เราตั้งมั่นพันธกิจช่วยปลดแอก
ชาวนาแบกแอกไถกรำแดดฝน
คุณสถานเทียบชั้นวีระชน
แต่ยากจนในสังคมความปัจจุบัน
บัดนี้เวลาโอกาสเอื้อ
มัวยืดเยื้อก็คงจะน่าขัน
ตั้งมั่นแล้วมีฤาจะจาบัลย์
บนสวรรค์เสพสุขบนทุกข์ใคร"
ว่าแล้วองค์อินทร์ย่างก้าว
จากแดนดาวดึงส์อันผ่องใส
มิอาวรณ์แดนทิพย์เรื่ออำไพ
เหลือทิ้งไว้เพียงพจน์รจนา
แดนมนุษย์วันนี้ช่างสับสน
เรามิทนดูดายได้หรอกหนา
แสงแห่งเราจะส่องกระจ่างตา
เพื่อนำพาความผาสุกยุคนิรันดร์
11 กรกฎาคม 2551 16:07 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ฉากที่1 : วิมารองค์อินทร์ อันวิจิตรแห่งท้องพระโรง บนสรวงสวรรค์ สาระพันสิ่งบรรเจิดเพริศแพร้วแวววาวดาวดึงส์
นางอัปสร
"ฟ้าเอ๋ยฟ้าเจ้าข้าขอร้องทุกข์
มหายุคประชาที่รังสรรค์
ถูกกฎหมู่พรูพรั่งราโรมรัน
เหลือสวรรค์เท่านั้นจะเยียวยา
จึงดันด้นปนเมฆรจเลขถึง
หาวดาวดึงส์พึ่งเทพที่สูงค่า
สารอันนี้คือเสียงมวลประชา
เถิดกรุณาเมตตาประชาชี"
พระอินทร์
"มนุษย์เบื้องล่างมันร้องทุกข์
เราฤาสุขอยู่ได้กระไรนี่
ก็ชาวนาถูกกระทำแลย่ำยี
คงถึงทีที่ข้าต้องลงทัณฑ์
จากเมืองฟ้าสู่เมืองมวลมนุษย์
จากนวลนุชงามงอนอัปสรสวรรค์
จากวิหารประกายแรงแสงสุวรรณ
เพื่อสั่งสอนพวกมันให้หลาบจำ"
นางอัปสร
"เขาเล่าว่าเบื้องล่างนั้นมันโสมม
จึงมิสมที่องค์จะลงต่ำ
กายจะเปื้อนมายาจะทิ่มตำ
องค์ก็ช้ำด่างดำด้วยราคิน
สุระโลกมีเสียงจากคนธรรพ์
อันค่าล้ำบรรเลงมิจบสิ้น
แต่มนุษย์โลกโหวกเหวกเป็นอาจิณ
ขอองค์อินทร์ตรองเถิดก่อนจากจร
บนสรวงนั้นสงบในภพไตร
โลกมนุษย์เปลวไฟระเริงฟ้อน
องค์ท่านควรฤาจะอาวรณ์
สู้ทำอนาทรมิดีฤา"
พระอินทร์
"ข้าทำอย่างนั้นมิได้หรอก
สารก็บอกว่าประชาทรงนับถือ
ข้าจะทำเป็นว่าไม่อออือ
ก็เสียชื่อเสียชาติอำนาจเรา
ประชาเขาตกทุกข์จึงได้อยาก
ด้วยชนมากกลเล่ห์เสน่ห์เร้า
ควรฤาที่ข้าจะดูเบา
ปล่อยพวกเขาผจญชะตากรรม"
8 กรกฎาคม 2551 10:35 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
ปลายทางทะมึนดื่นดึก
เสียงสะอึกสะอื้นโหยหวน
รายทางมากมีหมู่มวล
รัญจวนทุกขเวทนา
ลมร้ายพัดโหมโถมกระหน่ำ
เมฆดำปกคลุมทิวผา
เส้นทางแวดล้อมมายา
อหังการ์ก้าวเดินทระนง
คมหินบาดเท้าเปลือยเปล่า
รวดร้าวถึงฤทธิ์พิษสง
รอยเลือดแดงฉานจารผจง
อาจองแน่วนำทางเทียว
บาดแผลมากมายปรากฏ
กบฏด้วยใจเด็ดเดี่ยว
เส้นทางสายคดลดเลี้ยว
ผู้เดียวจำต้องย่างกราย
เพื่อกวาดขวากหนามรกชัฏ
ขจัดผองภัยสลาย
มาตรแม้นด้วยแลกความตาย
เสียดายชีพนี้ฤามี
ทางน้ำสายเล็กปรากฏ
ไหลหยดรดรินถิ่นที่
ทางเลือดพร่างพรมวารี
เซ่นพลีผู้กล้าวีระชน
ทางเลือดจึงผลิดอกไม้
ผ่อนคลายไอแดดแผดฝน
ทางจรไร้ฝ้ามัวปน
ทางคนจึงงามวามแวว
ปลายทางทะมึนดื่นดึก
สำนึกปวงชนเพริดแพร้ว
ต่อเท้าก้าวเดินเป็นแนว
ย่อมแคล้วผองภัยเพียรพาล
7 กรกฎาคม 2551
5 กรกฎาคม 2551 12:52 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
พักฝนยลรสธรรมแสดง
นำแสงพร่างพรายไอศูรย์
รังสีงามหล้าจำรูญ
เวไนยวิทูรจำนง
ชินศรีชี้นำคำสอน
ชินวรดำรัสประสงค์
ชินบุตรแน่วทางพุทธองค์
ดำรงบวรศาสดา
พักฝนพักธรรมจารึก
ธรรมกถึกศึกษา
รู้ศาสตร์เพียรศีลวิญญาณ์
วิชชานำโลกภิญโญ
ดวงหน้าอาบอิ่มธรรมรส
หมดจดเปรมจิตสุขโข
ธรรมะอกาลิโก
นโมพุทธโสภณ
สั่งสอนเวไนยสัตว์
จำรัสจำรูญหลุดพ้น
ถือศีลคลองธรรมนำยล
ผลิผลสูงส่งดวงมาน
พุทธบริษัทสำนึก
เพียรฝึกจิตมั่นผสาน
บังอบายลวงใจนรกานต์
นฤพานบันเจิดประกาย
พักฝนวนมาครานี้
ทำดีเถิดหนาทั้งหลาย
ละเลิกมัวเมาอบาย
พร่างพรายทางธรรมนำจร
พักฝนวนมาคราไหน
แน่วใจยึดมั่นคำสอน
บูชาแด่องค์ชินวร
ยอกรวันทานิรันดร์ฯ
กฤตศิลป์ ชินบุตร
3 กรกฎาคม 2551 11:08 น.
กฤตศิลป์ ชินบุตร
เด็กน้อยชาวนาหลังเขา
วัยเยาว์ใสชื่อเดียงสา
เริงเล่นกลางถิ่นวนา
พฤกษาโอบล้อมกลางใจ
เด็นหนุ่มชาวนาบากหน้า
มุ่งหาวันฟ้าสดใส
บายหน้าสู่ฟ้าอำไพ
ลับไกลในความเป็นจริง
เด็กน้อยชาวนาของโลก
อับโชควาสนาสรรพสิ่ง
บ่ายหน้าสู่ฟ้างามจริง
แท้มิ่งท้องนาเคยเนา
วันนี้ เวลา 11.11 น.