16 มิถุนายน 2548 17:09 น.
กระป๋องสีชมพู
ยิ้มอะไรไม่รู้ก็สู้ยิ้ม
ยิ้มกริ่มกริ่มยิ้มรับกับวันใหม่
อยากจะยิ้มอย่างนี้อยู่เรื่อยไป
อยากให้ใจได้ยิ้มที่นุ่มนวล
ทั้งดอกไม้ที่เบิกบานกับยามเช้า
ช่างยั่วเย้าแสนงอนดูสดใส
ทั้งน้ำค้างไล่เลียงเคียงคู่ไป
ให้สายลมแตะกับยิ้มที่อ่อนโยน
ยิ้มใดๆในโลกช่างสดใส
ยิ้มดีใจยิ้มได้ไร้จุดหมาย
ยิ้มรับทุกสิ่งที่ผ่านมาโอบร่างกาย
ให้ใบหน้าที่สวยใสในชีวิน
........................
13 มิถุนายน 2548 16:49 น.
กระป๋องสีชมพู
เสียงเจื้อยแจ้วแว่วมาช่างขับขาน
เสียงสะท้านสะเทือนอกทุกแห่งหน
เสียงสะท้อนก้องไปทุกสากล
เสียงระคนก้องไปใจสมทรวง
ทั้งเปลวแดงแสงเสียดเหยียดยะเยือก
สะเทือนเดือนร้อนระอุถึงขุมขน
เมื่อเปลวไฟลุกโชนเกินจะทน
ให้คละปนด้วยเสียงที่โอดโอย
ทั้งหนามแหลมแทงทิ่จะกินเลือด
ทั้งกาเดือดทั้งแทงเสียดที่เผียดผิว
ให้เจ็บแสบแบงเบียดเหยียดระคน
สุดจะทนเกิดได้ที่เวรกรรม
อันบุญกรรมใครทำที่ตามแต่ง
ที่แสดงออกมาจะได้เห็น
ใช่ชาติหน้าก็ชาตินี้ที่จะเป็น
ที่ได้เห็นก็จะมีแต่ชั่ว-ดี
13 มิถุนายน 2548 16:39 น.
กระป๋องสีชมพู
เมือ่เวลาผ่านเลยไป
ให้หัวใจได้เติบโต
อ้อมแขนที่โอบโอน
ปลอบโพยนที่พักกาย
ใครหนอใครกันเล่า
ที่คอยเฝ้ามิห่างกาย
ยามดึกดื่นมิวาย
เสียงร้องไห้จากใจเธอ
แม้ว่าจะเหนื่อยล้า
ทั้งอ่อนแรงและอ่อนโรย
ใจเธอมิเคยโวย
ว่าเป็นเพราะด้วยเหตุใด
วันวานผ่านเลยมา
และผ่านไปด้วยใจสู้
สู้ไปด้วยหัวใจ
ที่ทำให้ได้ก้าวเดิน
เธอคือคนที่หนุนนำ
คอยผลักดันให้ก้าวไป
ส่งให้ได้เดินไป
ให้หัวใจที่แข็งแรง
รักนี้ที่มุ่งมั่น
แล้วใครกันมิห่างหาย
คอยอยู่คู่ข้างกาย
ด้วยหัวใจแม่ฉันเอง
10 มิถุนายน 2548 16:50 น.
กระป๋องสีชมพู
ครึกครื้นคลื่นโครมคราม
ฟ้าสีงามสวยสดใส
ทองเหลืองเรืองอำไพ
ดูสดใสในแสงเงา
นั่งมองในยามเช้า
เห็นแสงเงาสาดส่องไป
มองเหม่อเพ้อเรื่อยไป
ให้หัวใจไปกับเงา
แสงจ้าท้าลมแดด
แผดออกไปไกลแสนไกล
มันร้อนราวเตาไฟ
ให้หัวใจร้อนเต็มทรวง
แสงส่องสอดส่องลับ
ลบเลือนกลับลับเลือนหาย
พระจันทร์ก็ย่างกราย
อาทิตย์หายไปกับเงา
ดึกดื่นมืดสนิท
ยากจะคิดคำนึงหา
นั่งย้อนนับเวลา
เที่ยวตามหาจันทร์ส่องใจ
ไกลค่ำย่ำรุ่งแล้ว
เสียงแว่งแว่วมาแต่ไกล
สาดส่องกระทบไป
เสียงอะไรใจฟังดู
10 มิถุนายน 2548 16:41 น.
กระป๋องสีชมพู
ใบไม้ที่ร่วงริน
เหมือนชีวินที่อ่อนโรย
สายลมที่พัดโปรย
พาใบโรยร่วงหล่นไป
เหมือนชีวิตชีวิตหนึ่ง
ที่ยืนขึ้นต้องสู้ไป
ชีวิตมิสู้ไป
มีแพ้ไปใจอย่าโรย
ชีวิตต้องดิ้นรน
เหมือนผจญกับขวากหนาม
ขวากหนามที่ตามทาง
ก็เหมือนรางพิสูจน์ใจ