1 มีนาคม 2554 19:47 น.
กระบี่ใบไม้
28 กุมภา ไม่ใช่วันวาเลนไทน์ของผู้ใด แต่เป็นวันโชคร้ายของข้าพเจ้า
เหตุการณ์นี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ข้าพเจ้าเริ่มไปทำธุรกรรมทางการเงินที่แบ็งค์ ก.ไก่(นามสมมติ)วันนี้เอง
เย็นย่ำอาทิตย์อัศดง ข้าพเจ้าถือสมุดคู่ฝาก(ถือมาปรับบัญชี)ยืนอยู่หน้าแบ็งค์ด้วยความเศร้าโศก(แบ็งค์แถวนิคมอุตสาหกรรมเลิกค่ำเป็นปกติ)
โอ...ฟ้าส่งข้าพเจ้ามาเกิดแล้ว ทำไมต้องทำให้ข้าพเจ้าลืมเอาบัตร ATM มากดเงินด้วย...
หลังจากที่ยืนทำใจมองธนาคารเล็ก ๆ แต่แออัดไปด้วยผู้ใช้บริการแห่งนั้นเกือบ 5 นาที ข้าพเจ้าก็ทำตัวเป็นแมลงสาบสอดแทรกตัวไปยังพื้นที่อันน้อยนิดเป็นผลสำเร็จ
อะโห คิวที่สี่ร้อยหกสิบเอ็ด พระเจ้า แล้วกระผมจะมีโอกาสได้ใช้บริการกับเขาไหมเนี่ย....
เร็วเท่าความคิด ข้าพเจ้าฉกตัวเข้าไปยังตู้บัตรคิวอย่างรวดเร็ว
โอ้แม่จ้าว ห้าร้อยสาม ห้าร้อยสามทีเดียวหรือนี่ชีวิตฉันข้าพเจ้าส่งเสียงร้องด้วยความรันทดสุดห้วงดวงจิต
โอ...มหาชนผู้ทุกข์ยาก ทำไมจึงมากมายเยี่ยงนี้หนอ?ข้าพเจ้าพยายามสะบัดความขมขื่นออกไปตามประสาของคนสู้ชีวิต
เอ...ทำไมเราต้องยืนแกร่วรอคิวในแบ็งค์แน่น ๆ อย่างนี้ด้วยล่ะ หะหาเรายังมีอย่างอื่นที่ต้องทำฆ่าเวลาไปก่อนก็ได้นี่ อย่างเช่นไปซื้อคอนแท็คเลนและจ่ายค่าโทรศัพท์ก่อนเป็นต้นวิญญาณส่วนที่มองโลกในแง่ดีกระซิบกระซาบ
เอาเถอะ ยังไงก็เหลืออีกตั้งสี่สิบคิว รีบไปตอนนี้ก็ยังไม่สายหลังจากที่ข้าพเจ้าไปเข้าคิว(อีกแล้ว)จ่ายค่าโทรศัพท์มาเรียบร้อย ข้าพเจ้าก็รีบกลับมาที่แบ็งค์แห่งเดิมเพื่อชะเง้อชะแง้เหลียวแลดูเลขที่คิวของตัวเองอย่างคนมีความรับผิดชอบ
สี่ร้อยแปดสิบสาม เวลายังเหลืออีกเพียบเลยนะเนี่ย เอาเถอะแวะไปซื้อลูกกะตาสำรองถอดเก็บได้(คอนแท็คเลน)ก่อนก็น่าจะทันนะหลังจากที่ข้าพเจ้าวิ่งเฟี้ยวฟ้าว ไปหาซื้อของกลับมา ข้าพเจ้าก็มายืนอยู่น่าเค้าน์เตอร์อีกครั้ง
...ขอเชิญหมายเลข สี่ร้อย...เก้า...สิบเจ็ด มารับบริการที่ช่อง...สอง...ค่ะ....ขอเชิญหมายเลข....ข้าพเจ้าฟังเสียงเรียกจอมปลอมที่เปล่งจากปากของเครื่องจักรกลที่ไร้สมองเหล่านั้นอย่างผาสุก
เกือบสองชั่วโมงของข้าพเจ้า ในที่สุดก็ใกล้เดินทางมาถึงแล้ว ฮ่าฮ่า
...ขอเชิญหมายเลข สี่ร้อย...เก้า...สิบแปด มารับบริการที่ช่อง...หนึ่ง...ค่ะ....ขอเชิญหมายเลขสี่ร้อย...เก้า...สิบเก้า มารับบริการที่ช่อง...สอง...ค่ะ....
ข้าพเจ้าลุกยืนอย่างผึ่งผาย(ก็มันมีอยู่แค่สองช่องเองนี่)
ห้าร้อยสาม ห้าร้อยสามข้าพเจ้านับถอยหลังอย่างเริงร่า
...ขอเชิญหมายเลข ศูนย์...หนึ่ง มารับบริการที่ช่อง...หนึ่ง...ค่ะ....
เอ๋ ไม่สิ ไม่ๆๆๆๆ ไม่ใช่มั๊ง มันอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ ยังเหลืออีกตั้งหนึ่งช่องเชียวนะ
...ขอเชิญหมายเลข ศูนย์...สอง มารับบริการที่ช่อง...สอง...ค่ะ....
เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว!!!ข้าพเจ้าลุกพรวด เหมือนสุนัขถูกรถเหยียบหาง
นี่ๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อนครับ ทำไมสี่ร้อยเก้าสิบเก้า แล้วกลายเป็นศูนย์หนึ่ง ศูนย์สองเลยล่ะ แล้วห้าร้อยมันหายไปไหน(ไอ้ห้าร้อยละลายเอ้ย/ข้าพเจ้าคิด)
ขอโทษค่ะ เลขห้าร้อยมันไม่มีหรอกค่ะเสียงหวานๆจากเคาน์เตอร์ดังสวนกลับมาฉับพลัน ท่ามกลางคลื่นความตกตะลึงของมหาชน(ห้าร้อยแม่งละลายหายไปจริง ๆด้วย)
ก็นี่ไงครับ เลขที่ห้าร้อยสามของผมเนี่ยมันจะไม่มีได้ยังไงข้าพเจ้าพยายามสะกดคำว่า แหกตาดูสิโว้ยไม่ให้หลุดออกจากปากอย่างยากเย็น
ขอโทษค่ะ ระบบคงขัดข้อง รบกวนลูกค้าไปกดบัตรคิวใหม่นะค่ะพนักงานท่านนั้นพยายามคลี่คลายสถานการณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่(ตำรวจ)ประจำแบ็งค์ช่วยอารีกดบัตรคิวให้ใหม่
ยี่สิบเอ็ด หมายเลขยี่สิบเอ็ด คุณจะบ้าเหรอ ผมรอคิวมาเกือบสองชั่วโมงแล้วนะ คุณจะให้ผมรอคิวใหม่อีกยี่สิบเอ็ดคิวเชียวเหรอ คุณจะมาทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะขีดสุดแห่งความอดทนขาดผึงโดยฉับพลัน บรรยากาศภายนอกเริ่มมืดแล้ว หิวข้าวก็หิวเพราะมัวแต่รอ(พวกมึง)มาตั้งสองชั่วโมงกว่า
ขอโทษครับ ผู้จัดการแบงค์อยู่ที่ไหน ผมขอเจรจาด้วยหน่อยซิข้าพเจ้าพยายามเดินเข้าไปยังจุดที่คาดว่ามีผู้จัดการแบ็งค์นั่งอยู่
เดี๋ยวคุณลูกค้านั่งทำรายการโต๊ะนี้เลยก็ได้ค่ะ เชิญค่ะพนักงานท่านหนึ่งพยายามตะล่อมบอก
...เก้า....แปด....เจ็ด...เรามาดีนะ เรามาดี ไม่ได้มาหาเรื่อง....ข้าพเจ้าพยายามนับถอยหลังเพื่อสะกดอารมณ์
...หก....ห้า...สี่....สาม...ไม่เป็นไรนะไม่เป็นไรของมันผิดพลาดกันได้....ข้าพเจ้าบอกตัวเองเช่นนั้นก่อนส่งมอบสมุดคู่ฝาก พร้อมใบฝากกับใบโอนอย่างละใบวางไว้ที่น่าเคาน์เตอร์
ขอโทษที่นะคะ ที่ให้บริการขัดข้องพนักงานท่านนั้นออกตัวอย่างจืดๆ
ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรขานี้ก็พยายามรักษามารยาทอย่างสุดฤทธิ์เช่นกัน
ข้าพเจ้าจับตาดูการคีย์ข้อมูลของพนักงานท่านนั้นเขม็ง(เชื่อเหอะ พนักงานและลูกค้าทั้งแบ็งค์ก็จับตามองเราสองอยู่ด้วยเช่นกัน)
รายการเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ค่าโอนเงินสดสองพันสองร้อยบวกค่าธรรมเนียมห้าสิบ ยอดถอนทั้งหมดหนึ่งหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทค่ะเสียงขานรายการดังเป็นรถด่วนขบวนสุดท้าย
เดี๋ยวๆๆๆๆ ถ้าทางคงจะมีการเข้าใจผิดกันแล้วล่ะครับผมชะโงกหน้าไปค้านอย่างเร่งด่วน
โอ.เค. ดูใบถอนนี่นะครับ ผมต้องการถอนเงินสดสองหมื่นสองพันบาทออกจากบัญชีนี้ข้าพเจ้าพูดเสร็จก็หยิบใบโอนขึ้นมา
และผมก็ขอโอนเงินอีกสองพันสองร้อยบาทจากในบัญชีนี้ไปยังอีกบัญชีนึงด้วยข้าพเจ้าเน้นถ้อยคำอย่างชัดเจน พร้อมสบตาทุกครั้งที่พูด
ก็นี่ไงคะ คุณถอนเงินสดจากในบัญชีสองหมื่นสองพันบาทพร้อมโอนเป็นเงินสดสองพันสองร้อยบาทบวกค่าธรรมเนียมอีกห้าสิบบาท คงเหลือเป็นเงิน....
เดี๋ยวๆๆๆๆ คุณฟังผมอีกครั้งนะ คือว่าวันนี้ ผมต้องการใช้เงินสดสองหมื่นสองพันบาทข้าพเจ้าชี้ไปที่ใบเบิก
และ นี่ ผมต้องการโอนเงินจากบัญชีนี้...ข้าพเจ้าชี้ไปที่รอยขีดในช่องเงินโอนของใบโอน
ผมต้องการโอนเงินจากบัญชีนี้ ไม่ใช่จากเงินสด คุณเข้าใจมั้ยว่าผมไม่ได้ติ๊กช่องเงินสดข้าพเจ้าพยายามสะกดความรู้สึกขุ่นมัวที่ทะยานพุ่งปรี๊ดอย่างสุดความสามารถ
แต่มันก็มีค่าเท่ากัน....
มันไม่เท่ากันหรอก(โว้ย)คร๊าบ เพราะผมต้องการใช้เงินสองหมื่นสองพันบาทวันนี้ ไม่ใช่หมื่นเก้าอย่างที่คุณเข้าใจ
โอ.เค.งั้นคุณเขียนใบเบิกอีกใบใหม่ข้าพเจ้าหัวเราะหึหึ จรดปลายปากกาเขียนใบเบิกใหม่อีกรอบ
แต่เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี๊คุณว่าค่าโอนเท่าไหร่นะ
ห้าสิบบาทค่ะ
ห้าสิบบาท...ค่าโอนมะเขืออะไร(วะ)ตั้งห้าสิบบาทเสียงข้าพเจ้าดังลั่น มันไม่ใช่ความรู้สึกโกรธแล้ว แต่เป็นความรู้สึกตกใจที่สุดในโลกมากกว่า
ค่ะ ห้าสิบบาท ถ้าคุณถอนเงินในนี้ แต่ถ้าคุณใช้บัตร ATM กดเงินจากภายนอกจะถูกกว่านี้ค่ะในหัวข้าพเจ้ามองเห็นบัตร ATM กำลังนอนเยาะเย้ยข้าพเจ้าอยู่ที่บ้าน พร้อมด้วยดวงวิญญาณครึ่งหนึ่งของเงินห้าสิบบาทกำลังลอยละล่องโบยบินจากไป
ท่านอาจจะรู้สึกแปลกใจ ทำไมข้าพเจ้าไม่วีนใส่พนักงานแบ็งค์ผู้นั้น ทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้ากำลังโกรธ แบ็งค์ ก.ไก่ อย่างเหลือล้นพ้นประมาณ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของพนักงานที่ปล้นเงินจากความไม่รู้ในกระเป๋าของข้าพเจ้า มีความผิดพลาดต่างๆ มากมายเกิดขึ้นในแบ็งค์แห่งนี้ แต่ทุกความผิดพลาดที่เกิดขึ้นข้าพเจ้าเชื่อมั่นโดยสุจริตใจว่าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของพนักงาน ข้าพเจ้าอาจโมโหพนักงานเหล่านั้นบ้าง แต่ไม่ใช่ความโกรธเด็ดขาด แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกโกรธแล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้โกรธพนักงาน(ที่เป็นพนักงานกินเงินเดือนเหมือนข้าพเจ้า) แต่ข้าพเจ้ากำลังโกรธธนาคาร ก.ไก่ !!!
คุณปล้นเงินของประชาชน คุณปล้นเงินจากความไม่รู้ของประชาชน วันวันหนึ่งคิดเป็นกี่สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน แล้วตอนนี้ สคบ.ไปซุกหัวอยู่ที่ไหน ทำไมไม่คิดจะ(แหก)ตาดูบ้าง ว่าการที่ธนาคาร(ที่มีรัฐบาลเป็นประกัน) แอบงุบงิบขึ้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมลักษณะเดียวกัน ต่างกันก็แต่โอนแบ็งค์กับโอนตู้โดยไม่แจ้งให้ประชาชนทั่วไปรับทราบได้ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น จัดเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ถ้าคุณ(มึง)แน่จริง ทำไมไม่ติดประกาศหน้าธนาคารไปเลยล่ะว่าค่าธรรมเนียมที่แบ็งค์กับที่ตู้ไม่เท่ากัน ปัดโธ่เอ้ย ไอ้ธนาคาร ก.ไก่...
มืดแล้ว ข้าพเจ้าออกไปเกือบเป็นคนสุดท้ายของแบ็งค์ แต่ความขุ่นมัวคงติดตาตรึงใจของข้าพเจ้าไปอีกนาน ขอบอกเลยว่าความซวยของข้าพเจ้ายังมีอยู่ไม่หมดสิ้นแต่เพียงเท่านี้ เพราะความฉุนขาดของข้าพเจ้าเลยเผลอลืมคอนแท็คเลนไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคารแห่งนั้นด้วย วันนี้คงไปเอาไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้คงหน้ามืดตามัวเหมือนเคยไปทั้งวัน