12 พฤษภาคม 2552 21:15 น.
กระบี่ใบไม้
. ครั้งหนึ่งเมื่อครั้งบ้านนอกยังเป็นบ้านนอก ท้องนายังเป็นท้องนา ในทุ่งนายังมีฝูงวัวควายแทะเล็มหญ้าอยู่อย่างนั้น
พ่อเฒ่ากำลังสั่งเสียบุตรชายเพียงคนเดียวของตนที่กำลังตัดสินใจไปเผชิญโชคในโลกกว้าง
ลูกเอ๋ยเมืองกรุงนั้นน่ากลัวนัก ยังไงเสียมันก็คงไม่มีความสุขเหมือนบ้านเราดอกหนา เมื่อเจ้าจากบ้านไปแล้วเจ้าต้องระวังตัวให้มาก ๆ ทุกฝีก้าว นะลูกนะ
ไม่ต้องห่วงหรอกครับพ่อ ผมจะไปเป็นกวี ผมจะนำความบริสุทธิ์เที่ยงแท้เสรีแห่งอักษรา ไปฝากยังเมืองใหญ่แห่งนั้น และผมก็จะนำความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้กลับคืนสู่ผืนนาบ้านเราด้วย ผมจะทำให้พ่อได้ปลาบปลื้มใจให้ได้ในสักวันชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยหัวใจที่ฮึกเหิมและลุกโชติช่วงด้วยไฟฝัน
กวีหนุ่มกราบกรานบิดาของตนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหอบหิ้วต้นฉบับบทกวีมากมายเดินทางจากไป
.........................................................................................................................
แสงตะวันทอประกายสดใสเหมือนหัวใจชายหนุ่ม เสียงรถไฟดังฉึกฉัก ๆ จากท้องทุ่งนามุ่งตรงสู่มหานครใหญ่
อา...เราจักไปนำความบริสุทธิ์เที่ยงแท้แห่งอักษราขับกล่อมปวงประชาแลผืนดินฟ้าชั่วกาลนิรันดร์กวีหนุ่มยิ่งคิดก็ยิ่งชุ่มชื่นหัวใจนัก
แล้วหมอนรถไฟอันทอดยาวก็พากวีหนุ่มไปถึงมหานครใหญ่แห่งนั้นจนได้ มหานครที่มีรถยนต์วิ่งกันขวักไขว่ไปมาแต่ไม่มีหัวใจเหมือนกับวัวควายแถวบ้าน
กวีหนุ่มมองมหานครที่น่าตื่นตาอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะหอบต้นฉบับเดินมึนงงลงจากขบวนรถไฟแห่งนั้นไป
ก่อนอื่นเราต้องหาบ้านพักเล็ก ๆ สักแห่งหนึ่ง ก่อนจะนำความบริสุทธิ์เที่ยงแท้แห่งอักษราไปขับกล่อมปวงประชาแลผืนดินฟ้าชั่วกาลนิรันดร์กวีหนุ่มบอกกับตัวเอง
ค่าห้องพักเดือนละพันห้าค่ะรวมค่าน้ำค่าไฟด้วย แต่คุณต้องจ่ายค่าเช่าก่อนสามเดือนนะคะ เราถึงจะอนุญาตให้คุณพักอยู่ได้หญิงเจ้าของห้องเช่าบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
กวีหนุ่มเช็ดเหงื่อมองห้องเช่าเท่ารังหนูหลังนั้นพร้อมกับค่อยๆบรรจงนับธนบัตรที่มีอยู่อันน้อยนิดจ่ายค่าเช่าห้อง
เอาเถอะ พวกเขายังไม่เห็นคุณค่าของเราว่าสำคัญสักเพียงไหน วันหนึ่งเมื่อผลงานแห่งกวีของเราปรากฏ พวกเขาทั้งหลายจักต้องพากันแซ่ซ้องและจ้องมองเราด้วยสายตาแห่งความเลื่อมใสเป็นแน่แท้
ขณะที่กวีหนุ่มกำลังหาอาหารตามสั่งกินอยู่นั้นเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ใกล้ ๆ
ท่านเป็นใครหรือ ทำไมจึงมายืนจ้องมองเราอยู่อย่างนี้?
เราคือ ความเหงา น่ะ เราจะมาขออาศัยอยู่กับท่านด้วยชายผู้ทำหน้าเศร้าผู้นั้นกล่าว
ขออยู่ด้วยรึ?กวีหนุ่มย้ำถามด้วยความงงงัน
ทำไมเราต้องให้ท่านอยู่ด้วยล่ะ?
ท่านต้องให้เราอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเราจะมาเป็นเพื่อนแท้ของท่านตลอดไปความเหงาตอบ
กวีหนุ่มผู้มีจิตใจดีก็พยักหน้ารับในที่สุด
หลายวันมานี้ ท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่านในท้องทุ่งหมอกควันแห่งมหานครใหญ่ กวีหนุ่มก็ค้นพบว่าผู้คน ณ ที่แห่งนี้ต่างคนต่างไม่มีใครสนใจซึ่งกันและกันเลย ไม่มีใครสนใจชายหนุ่ม ผู้จะนำความบริสุทธิ์เที่ยงแท้แห่งอักษราไปขับกล่อมปวงประชาแลผืนดินฟ้าชั่วกาลนิรันดร์เลยแม้แต่เพียงผู้เดียว
กวีหนุ่มพบเพียงความเหงาที่คอยเดินตามเขาทุกฝีก้าว ขณะที่กวีหนุ่มกำลังหอบหิ้วต้นฉบับเดินทางค้นหาสำนักพิมพ์สักแห่งหนึ่งเพื่อจะเสนอผลงานของเขาอยู่นั้น เขาก็พบชายอีกผู้หนึ่งกำลังยืนรอเขาอยู่
ท่านเป็นใครกันหรือ มายืนจ้องมองเราทำไม?
เราคือ ความขมขื่น เราจะมาขออาศัยอยู่กับท่านด้วยชายผู้ทำหน้าอมทุกข์และเจ็บปวดกล่าวขึ้น
ขออยู่ด้วย?กวีหนุ่มย้ำถาม
แล้วทำไมเราต้องให้ท่านอยู่ด้วยล่ะ?
ท่านต้องให้เราอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเราจะมาเป็นเพื่อนแท้ของท่านตลอดไปความขมขื่นตอบ
กวีหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะหอบหิ้วต้นฉบับเดินดุ่ม ๆ พาสหายทั้งสองเดินทางเพื่อค้นหาความฝันต่อไปตามเมืองใหญ่
ณ ที่ในห้องแอร์อันเย็นฉ่ำแห่งหนึ่ง ชายร่างใหญ่ผู้เป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์สูงศักดิ์มองดูสารรูปการแต่งกายของกวีหนุ่มด้วยความเหยียดหยาม
คุณเคยได้รับรางวัลจากที่ไหนมาบ้างรึเปล่า คุณเคยมีผลงานได้รับการตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์ใหญ่ ๆ มาบ้างไหม?
ไม่เคยเลยครับ ผมเพิ่งเอาบทกวีมาหาที่ตีพิมพ์ที่นี่เป็นครั้งแรก
งั้นคุณก็ออกจากห้องนี้ไปได้เลย สำนักพิมพ์ของเราไม่รับบทกวีโนเนมอย่างนี้เป็นอันขาด มันเสียสถาบันของผมหมดบก.ผู้นั้นผลักต้นฉบับของกวีหนุ่มกลับคืนมาโดยไม่ชายตาแลเลยแม้แต่สักเพียงนิดเดียว
นี่คุณจะไม่อ่านกวีผมสักนิดหนึ่งเลยหรือ? งานของผมจะนำความบริสุทธิ์เที่ยงแท้แห่งอักษรามาสู่สำนักพิมพ์คุณเชียวนะ
บอกว่าไม่รับก็ไม่รับสิ ไว้คุณไปได้รางวัลอะไรจากที่ไหนมาสักอย่าง หรือเคยมีชื่อตีพิมพ์ในสำนักพิมพ์ใหญ่ ๆ จากที่ไหนมาสักที่ ค่อยเอาผลงานมาเสนอผมอีกครั้ง ตอนนี้พวกคุณออกจากห้องผมไปได้แล้วพูดจบก็เอ่ยปากขับไล่คนทั้งหมดอย่างไม่ใยดี กวีหนุ่มและสหายทั้งสองจึงต้องเดินหน้าเศร้าออกจากที่แห่งนั้นไป
จากนั้นทั้งสามคนก็เดินมาถึงสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่มีป้ายอันใหญ่โตว่าสำนักพิมพ์กระซู่พับลิชชิ่ง หัวหน้ากอง บก.ใส่เสื้อสีฉูดฉาดกำลังนั่งตะไบเล็บอยู่
ต๊าย บทกวีหลงยุคมาจากที่ไหนกันนี่ยะ เดี๋ยวนี้เค้าอินเทรนด์กันแล้วทั้งนั้นบก.โยนต้นฉบับลงบนโต๊ะด้วยท่าทางขยะแขยง
นี่ ๆ มันต้องเป็นบทกลอนรักเบาสมอง ลีลาหวานฉ่ำอย่างนี้ เขียนได้ไหม พ่อไดโนเสาร์เต่าล้านปี...เอ้ย...พูดจบก็โยนหนังสือบทกลอนฉบับวิบัติฉันทลักษณ์ไทยที่เขียนด้วยลายเส้นการ์ตูนตาหวานมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
นี่คุณจะไม่พิจารณาบทกวีของผมสักนิดหนึ่งเลยหรือครับ งานของผมจะนำความบริสุทธิ์เที่ยงแท้แห่งอักษรามาสู่สำนักพิมพ์คุณเชียวนะ
บอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาสิยะ ออกจากห้องชั้นไปทั้งหมดเดี๋ยวนี้ เก็ทเอ๊าท์ ๆ แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะยะเสียงตวาดแว้ดดังแปดหลอด พาเอากวีหนุ่มและสหายกระเจิงออกจากห้องนั้นแทบไม่ทัน
พวกเราจะไปที่ไหนต่อกันอีกดีหนอ?กวีหนุ่มบ่นกับสหายทั้งสองที่เดินตามอยู่ด้วยความเศร้าสร้อย
และในเย็นย่ำของวันนั้นเอง กวีหนุ่มและสหายก็พาเดินทางมาถึงสำนักพิมพ์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ที่มีชื่อกะทัดรัดติดไว้ที่หน้าสำนักพิมพ์ว่าสำนักพิมพ์แบ่งฟาก
แม้จะมีคนไม่เยอะนักแต่บรรยากาศในการทำงานก็เป็นไปด้วยความคร่ำเคร่งและจริงจัง ชายหนุ่มผู้เป็น บก.เดินมาทักชายผู้เป็นกวีอย่างมีอัธยาศัย
อื้ม....ช่างเป็นงานเขียนบทกวีที่ดีมาก ๆ เลยนะ ทั้งแง่คิดและมุมมองแหลมคมเฉียบลึกแต่แสดงออกมาด้วยความละมุนละไม...บก.กล่าวชม ทำเอากวีหนุ่มยิ้มแป้น
อ้อ ผมลืมถามอะไรคุณไปอย่างหนึ่ง...ไม่ทราบว่าคุณมีแง่คิดทางการเมืองฝ่ายไหนครับเนี่ย?บก.ถาม
เอ๊ะ กวีต้องมีแนวคิดทางการเมืองด้วยเหรอครับ?
หา...คุณไม่มีแนวคิดทางการเมืองหรือนี่? ไม่ได้นะครับ สำนักพิมพ์เรารับแต่คนนิยมพรรคการเมืองสีเขียวเท่านั้น
แต่ว่าบทกวีของผมเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์เที่ยงแท้แห่งอักษราที่ไม่เลือกฟากเลือกฝ่ายการเมืองนะครับกวีหนุ่มตัดพ้อ
คุณนำผลงานคุณกลับไปเถอะครับ ที่นี่รับแต่คนที่นิยมแนวคิดทางการเมืองพรรคสีเขียวเท่านั้น...
.........................................................................................................................
ดวงตะวันสีแดงเข้มใกล้จะลาลับจากเมืองใหญ่ไปแล้ว กวีหนุ่มพาร่างกายและจิตใจอันเหนื่อยล้าของตนกลับสู่ที่พัก มีความเหงาและความขมขื่นคอยประคับประคองเพื่อนแท้เอาไว้ไม่ไกลห่าง
ขณะที่กวีหนุ่มกำลังเอามือล้วงไปในกระเป๋าที่เปล่าโล่งอยู่นั้นเอง ชายหนุ่มผู้มีร่างกายอันผอมซีดอีกผู้หนึ่งก็มายืนอยู่ตรงหน้า
ท่านเป็นชายผู้เขียนบทกวีใช่ไหมครับ?
ใช่แล้ว ทำไมรึ?
ผมชื่อ ความหิว จะมาขอเป็นเพื่อนแท้ของคุณครับ!