25 กุมภาพันธ์ 2554 17:55 น.
กระบี่ใบไม้
เธอโดดเด่นเป็นประกายพรายแสงจ้า
ดังแสงเพชรก่องเก็จกล้ามณีฉาย
เขาคนนั้นเหมือนกับคนอื่นมากมาย
มีเงารักเปล่งประกายจากสายตา
จำยังจำภาพวันนั้นที่พานพบ
คล้ายบุพเพได้ประสบเลือกเฟ้นหา
เขาและเธอ,ร้านกาแฟ,ใต้ชายคา
ชายหนุ่มนั้นแสนประหม่าเกินเอ่ยคำ
กลางความเงียบทั้งสองล้วน - ชวนอึดอัด
บรรยากาศช่างบีบรัดจนน่าขำ
ทันใดนั้น เขาก็ชี้ กาแฟดำ
เรียกพนักงานส่งเกลือนำมาใส่ที
คนตะลึง(ยิ้มหัว)ทั่วทั้งร้าน
เมื่อเขาบอกความต้องการรสชาตินี้
ทุกครั้งดื่มกาแฟเค็ม...รู้สึกดี
คิดถึงพ่อแม่น้องพี่ที่ริมเล
ยามเป็นเด็กล่องเรือน้อยลอยจากฝั่ง
สู้พายุฟ้าคลุ้มคลั่ง...ลมหักเห
ใต้ต้นพร้าว...แม่คงไกวแกว่งสายเปล
ยามเขาพูดถึงพื้นเพอาบน้ำตา
เธอคนนั้นสะท้อนไหวเศร้าในจิต
มองดูเขาอย่างพินิจ...ก่อนคิดว่า
ใครคนหนึ่งคิดถึงบ้านอยู่ทุกเวลา
เขาคนนั้นย่อมซึ้งค่าของครอบครัว
เธอชวนเขาคุยมากมายหลากหลายสิ่ง
ก่อนเริ่มรู้ความจริงอย่างถ้วนทั่ว
ชายคนนี้ที่ท่าทางเหมือนขลาดกลัว
แต่แฝงเร้นซ่อนในตัวคือ...ซื่อตรง...
..............................................................
ตลอดสี่สิบปีนี้ที่เปลี่ยนผ่าน
รักคงเป็นเช่นวันวานชวนลุ่มหลง
กาแฟใส่เกลือเท่านั้นที่เธอชง
คง...มั่นคง...ดุจคำรักซื่อปักใจ
..............................................................
วันนี้เขาจากเธอไปแสนไกลแล้ว
กาแฟใส่เกลือในแก้วยังกรุ่นไหว
จดหมายน้อยฉบับนั้นคงอุ่นไอ
พร้อมถ้อยคำเหลือทิ้งไว้...อาบน้ำตา...
ผมมีบางถ้อยคำนี้จะสารภาพ
อาจรอคอยคุณจนตราบไม่เห็นหน้า
ผมเคยคิด คิดบอกคุณเสมอมา
แต่ไม่เคย...เลยคิดกล้า...จะกล่าวคำ
คุณยังจำเรื่องกาแฟนั้นได้ไหม
สิ่งที่ผมพูดออกไปดูน่าขำ
ผมสั่งเกลือ...เอามาใส่...กาแฟดำ
ผมพูดผิด...อยากกล่าวย้ำเรียก...น้ำตาล...
เป็นหนึ่งเดียวที่ผมนั้นเคยโกหก
เผลอเอ่ยคำกล่าวเพ้อพกไร้แก่นสาร
แต่ผมรัก รักคุณมั่นมายาวนาน
นั่นแหละคือความต้องการไม่ผันแปร
ผมเคยหลอกลวงคุณมาแล้วในชั่วชีวิต
เป็นหนึ่งเดียวที่พลั้งผิดจนเกินแก้
ผมทนดื่มรสชาติเค็มของกาแฟ
ล้วนเกิดจากความรักแท้ผูกสายใย
...สุดท้ายนี้...อยากบอกคุณอีกครั้งว่า...
คุณคือยอดปรารถนาอันยิ่งใหญ่
ย้อนเวลา...ได้...ยังขอดื่ม...มันต่อไป
ผมไม่เคยคิดเสียใจที่รักคุณ
..............................................................
กระดาษบางเปียกแล้ว - คนลาลับ
หยาดน้ำตาไหลกลืนกับกาแฟกรุ่น
กล่อมรสชาติกาแฟนี้ให้หวานละมุน
หอม...กาแฟเสิร์ฟไออุ่น...ชั่วนิจนิรันดร์
ดัดแปลงบทประพันธ์นี้จากฟอร์เวิร์ดเมล
19 กุมภาพันธ์ 2554 16:03 น.
กระบี่ใบไม้
กลางโลกฝันอันพริ้งพรายประกายผุด
มีดวงใจใสพิสุทธิ์แห่งอักษร
จินตนาของแผ่นฟ้าเอื้ออาทร
ต่างอาภรณ์คลี่ผืนพรมคลุมห่มใจ
เก็บพวงร้อยช่ออักษรก่อกลอนวาด
ด้วยใจอันใสสะอาดซึ้งผ่องใส
ลอยข้ามผ่านทุกความลวงด้วยห่วงใย
ใช้ความซื่อถืออภัยเป็นกำลัง
ไม่มีตัวเอกตัวรองหรือตัวร้าย
แสงแห่งมิตรคงพริ้งพรายส่องความหวัง
ยังโลกสวนแห่งกวีที่จีรัง
ไร้สิ่งใดมาบดบัง...ความฝันเรา
15 กุมภาพันธ์ 2554 18:10 น.
กระบี่ใบไม้
ฉันรอนายถึงวันนี้,ที่ตรงนั้น
ผ่านคืนวันอยู่ตรงนี้ที่นายหาย
หวังพานพบอยู่กับท่านถึงวันตาย
ตราบวันนี้ไม่เห็นนาย...ฉันยังรอ
.......................................
๑
วันที่เขาเลี้ยงมันไว้ที่ในบ้าน
ดังพบพานเพื่อนสนิทแนบชิดหนอ
ทุกทุกวันไม่เคยเหงาเคล้าเคลียคลอ
ความอบอุ่นสาดแสงทอที่แววตา
แม้ไม่อาจพูดออกไปดังใจรัก
แต่ความภักดีก็เห็นประหนึ่งว่า
พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันตลอดมา
ไร้เล่ห์เหลี่ยมไร้มารยาคอยห่วงใย
คอยไปส่งชานชาลาเวลาเช้า
หิมะพราวหนาวเหน็บแท้สักแค่ไหน
ตราบภาพนายเดินหายลับกับรถไฟ
ย้อนกลับมาถึงเมื่อไหร่...ยังเฝ้าคอย
๒
เย็นวันหนึ่งนายหายไปไม่กลับบ้าน
นั่งรอคอยอยู่เนิ่นนานเศร้าเหงาหงอย
ตราบอาทิตย์ลับผ่านวัน พระจันทร์ลอย
เจ้าหมาน้อยรอนายอยู่...คู่ชานชาลา
๓
ใครหนอมาเต็มบ้านเมื่อวานนี้
มันคงสงสัยฤดี...ไม่รู้ว่า -
พวกเขานำคำข่าวร้ายของนายมา
...ไร้โอกาสพานพบหน้าชั่วกัปกัลป์...
๔
ชานชาลายามเช้านั้นมันแสนหนาว
หิมะพราวพรมขนทั่วทั้งตัวนั่น
รออยู่จนถึงยามเย็นเช่นทุกวัน
ใจคงเศร้าคงหนาวสั่นกว่าร่างกาย
.......................................
ฉันรอนายถึงวันนี้,ที่ตรงนั้น
ผ่านคืนวันอยู่ตรงนี้ที่นายหาย
หวังพานพบอยู่กับท่านถึงวันตาย
ตราบวันนี้รอคอยนาย...อยู่ที่เดิม
ที่มาของบทกลอน
เรื่องของฮาจิโกะ
ในปี 1924 ฮาจิโกะถูกซื้อจากโตเกียว โดยศาสตร์ตราจารย์ ฮิเดะซาปุโระ อุเอโนะ (ศาสตราจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว) ระหว่างที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่ ฮาจิโกะจะไปส่งเจ้านาย บริเวณใกล้ๆกับสถานีรถไฟชิบุย่าและรอคอยเจ้านายกลับบ้านที่นั่นทุกๆวันในตอนเย็น
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเดือน พฤษภาคม ปี 1925 ศาสตราจารย์ อุเอโนะ ก็ไม่ได้กลับบ้านมาเหมือนปกติเนื่องจากมีอาการป่วยกำเริบที่มหาลัยในวันนั้น และเขาก็ได้เสียชีวิตลง
แต่ละวันฮาจิโกะ จะเฝ้ารอศาสตราจารย์ อุเอโนะกลับมา รอรถไฟขบวนแล้วขบวนเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้านายที่รักของมันจะก้าวออกมาให้เห็นเหมือนเช่นเคย แต่มันก็ยังคงเฝ้ารออย่างตั้งใจอยู่อย่างนั้นทุกวัน
พวกคนที่ผ่านไปมารวมทั้งนักข่าวต่างสงสัยกันว่า ทำไมเจ้าหมาตัวนี้ถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้จ้องมองไปที่รถไฟทุกวัน จนได้รู้เรื่องจึงได้ซื้ออาหารเลี้ยงดูเอาใจใส่เจ้าฮะจิในระหว่างที่รอเจ้านายของมันอยู่
10 ปีผ่านไป นักข่าวคนหนึ่งที่เคยทราบเรื่อง กลับมาที่สถานีรถไฟที่เดิมอีกครั้งและที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดเมื่อเขาพบว่าเจ้า ฮาจิโกะ สุนัขตัวเดิมที่ยังคงนั่งจ้องรถไฟรอเจ้านายของมันอยู่ เหมือนดัง 10 ปีที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนแปลงเลย จนกระทั่ง
วันที่ 3 มีนาคม 1935 ฮาจิโกะก็ได้เสียชีวิตลง โดยถูกพบบนถนนย่านชิบุย่า เรื่องราวของฮะจิถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2478
เมื่อหนังสือพิมพ์อาซาฮีได้ตีพิมพ์เรื่องราวดังกล่าว จนภายหลังได้รับการยกย่องว่าเป็น "สุนัขยอดกตัญญู" (忠犬)และถูกสร้างเป็นอนุสาวรีย์อยู่ที่หน้าสถานีรถไฟชิบุยะ ซึ่งเป็นจุดที่ฮะจิโกะเคยนั่งรอเจ้านายของมัน
ในปัจจุบันฮาจิเป็นสัญลักษณ์ของความสัตย์ซื่อ หนุ่มสาวญี่ปุ่นจะไปสัญญารักต่อกันหน้า รูปหล่อของฮะจิที่สถานีรถไฟแห่งนี้.....
13 กุมภาพันธ์ 2554 18:59 น.
กระบี่ใบไม้
กุหลาบน้อยยิ้มรับคืนสะอื้นเช้า
มองเห็นแสงแห่งจันทร์พราวสว่างไสว
ความคิดถึงติดลมบนหนอคนไกล
ยังมองเห็นกันหรือไม่หนอจันทรา
จันทร์คงมีกระต่ายน้อยคู่กลอยใจ
ปล่อยกุหลาบหนึ่งช่อไว้ให้เหว่ว้า
สายลมหนาวที่เคยเยือนเดือนกุมภาฯ
ใกล้สิบสี่แล้วหนาเจ้าจันทร
พิงม่านเมฆอ้อยสร้อยล่องลอยซึ้ง
หวังวันหนึ่งลอยเคียงดินกลิ่นเกสร
คู่เคียงจันทร์ขวัญฟ้าสถาพร
ต่อความฝันนิรันดรกุหลาบดง
จันทร์ห่างไกลไม่เกินใจจะคิดถึง
รู้ไหมดอกไม้ช่อหนึ่งคอยลุ่มหลง
แม้อาจเกิดที่กลางป่าพนาพง
ยังหยิบยื่นความจำนงคิดถึงจันทร์
แม้ไม่อาจเป็นกระต่ายที่ปลายฟ้า
ขอยืนอยู่ข้างจันทราคอยคู่ขวัญ
แง้มเหลี่ยมเมฆได้ตราตรึงคิดถึงกัน
กุหลาบน้อยหนึ่งช่อนั้น...ก็เบ่งบาน
บทกวีบทนี้บรรจงเขียนขึ้นด้วยความร้องขอของมิ่งมิตรที่สุดแสนสำคัญยิ่งของกระบี่ใบไม้ นู๋Zam,Cicada หรือ มะขิ่น
และบทกวีบทนี้ก็บรรจงเขียนขึ้นด้วยความเต็มใจยิ่งของกระบี่ใบไม้ ให้กับนู๋Zam,Cicada หรือ มะขิ่น
ขอให้นู๋Zam,Cicada หรือ มะขิ่น มีความสุขตลอดวันวาเลนไทน์และตลอดไปนะจ๊ะ
11 กุมภาพันธ์ 2554 18:11 น.
กระบี่ใบไม้
กาลครั้ง...หนึ่งนานมา
กุหลาบทั่วทั้งดินฟ้ามีสีขาว
ไนติงเกลเจ้านกน้อย - คอยแสงดาว
เฝ้าบอกกล่าวชายคนรักเป็นเสียงเพลง
ไฟรักดังเพลิงรุมถึงหนุ่มน้อย
เฝ้ารอคอยด้วยหัวใจอันบานเบ่ง
...แต่หนุ่มนั้น... 'มีคนรัก'...ของเขาเอง
ไม่เคยยินเสียงบรรเลงของนกไพร
หวีดหวิว ลมหนาว ใต้ดาว-จันทร์
บอกเล่า ความฝัน วูบหวานไหว
ความรัก...นั้นหรือ คือสิ่งใด
...จึงคิดถึง...จึงห่วงใย...ทุกคืนวัน...
.........................................
ได้ยินเสียงกระซิบนี้ที่แสนเบา
ถ่ายทอดจากคำสาวเจ้านั้นชวนฝัน
ฉันจะแต่งงานกับเธอ...ใต้แสงจันทร์
กุหลาบน้อยเธอมอบนั้นเป็นสีแดง
หัวใจของชายหนุ่มนั้นพลันสลาย
กุหลาบขาวอยู่เรียงรายทุกหนแห่ง
สิ้นหวังแล้วดังเข็มคมมาทิ่มแทง
...เสียงนกน้อยร้องไห้แข่งกับเสียงคน
เจ้านกน้อยบินไปถามกุหลาบขาว
ใจคนรักข้ารานร้าวจนปี้ป่น
มองเห็นชายหนุ่มยืนเหงาเศร้ากังวล
กุหลาบเอ๋ย...ได้โปรดดลช่วยเขาที
ดูก่อน...เจ้านกน้อย
ความรักเจ้าช่างเลิศลอยล้ำเหลือที่
เจ้าจะรักเขาได้ไหมเท่าชีวี
...ขอถามเลือดของเจ้านี้...สีอะไร...
ได้ยินเสียงกุหลาบนั้นพลันได้คิด
ขอรักเขาเท่าชีวิต...จะได้ไหม
เธอปักหนามกุหลาบบาง...ที่กลางใจ
กุหลาบขาวปนเลือดไหลปรี่ร้อนแรง
.........................................
ณ ที่แสงจันทร์พรายประกายส่อง
กุหลาบเลือดสีเรืองรองยามต้องแสง
ใครจะรู้ถึงคุณค่าราคาแพง
เมื่อเขาได้...กุหลาบแดง...สมดังใจ...
.........................................
สงสารชีพของนกน้อยพลอยไร้ค่า
ภาพสาวน้อยร้อยมารยาเคียงชู้ใหม่
...แค้นแสนแค้นย่ำกุหลาบหักราบไป...
มันแลกมาด้วยอะไร...ไม่เคยรู้!!!
ปล.ด้วยเหตุนี้...จึงมีกุหลาบแดงเกิดขึ้นในโลกตั้งแต่นั้นมา....
ดัดแปลงจาก เรื่องของกุหลาบแดงกับนกไนติงเกล ประพันธ์โดย Oscar Wilde
กระบี่ใบไม้