26 กันยายน 2553 22:36 น.
กระบี่ใบไม้
เจ้าโจวถามพระรูปหนึ่งซึ่งบวชใหม่
เจ้าเคยมาที่นี่ไหมกุฏิข้า
พระใหม่ตอบ ตรงนี้เลยข้าเคยมา
แวะดื่มชาสักถ้วยก่อนผ่อนกมล
วันเวลาผันผ่านไปไม่ช้านาน
พระใหม่มาเยี่ยมอาจารย์อีกหนึ่งหน
ถามเคยมาที่นี่ไหมในบัดดล
พระใหม่ตอบมั่นใจล้น ...ไม่เคยมา...
งั้น เจ้าจงพักดื่มชาสักหนึ่งถ้วย
พระ อินชู นั่งอยู่ด้วยสะกิดว่า
ผู้นี้ตอบไม่เหมือนกันสักครั้งครา
ใยอาจารย์เอื้อเฟื้อชาแก่เขาไป
เสียงตอบอาจารย์...เจ้าโจว... โอ...อินชู...
ครับ อาจารย์ศิษย์ฟังอยู่ให้สงสัย
เมื่อฟังแล้วก็อย่าจงสงสัยใจ
พักดื่มชาสักถ้วยไหม...เล่าอินชู!!!
ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดของท่านอาจารย์หนานเฉียนผู่เหยียน เจ้าโจวฉงเซิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เจ้าโจว (ญี่ปุ่นเรียกว่า โจชู) เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด และภายหลังได้ต่อสายธรรมจากท่าน มีบันทึกและตำนานเกี่ยวกับเจ้าโจวมากมาย ด้วยเป็นพระเซ็นที่มีสีสันที่สุดในประวัติศาสตร์เซ็น โดยเฉพาะวาจาที่คมกริบและแทงตรงจนเข้าข่ายกวนประสาทของท่าน(อ้างอิงจาก มังกรเซ็น ของ วินทร์ เลียววาริณ หน้า 185)
25 กันยายน 2553 15:56 น.
กระบี่ใบไม้
ศิษย์อาจารย์เดินผ่านริมชายหาด
มองเห็นคลื่นคอยซัดสาดสะท้อนไหว
หวังขึ้นเรือข้ามทะเลที่เห่ไกว
ลูกศิษย์ก็แสนเศร้าใจสอบถามคำ
อาจารย์ครับผมมีเหตุสังเกตว่า
ขณะที่เรือเทียบท่าย่อมบดย่ำ
ทับกุ้งหอยปูปลาตาดำดำ
ข้าอยากรู้ว่าผลกรรมตกแก่ใคร
เป็นความผิดของชาวเรือทุกเมื่อผ่าน
หรือเป็นกรรมผู้โดยสารต้องแบกไว้
ขออาจารย์ช่วยตอบตรง - สงสัยใจ
ผลกรรมตกใส่ผู้ใดข้าอยากรู้
กรรมนั้นเคยตกแก่ใครที่ไหนเล่า
แต่มันเกิดตกที่เจ้ารับรู้อยู่
เรือกดทับใส่กุ้งหอยและปลาปู
คนบนเรือล้วนไร้ผู้จะรู้รับ
สิ่งบนโลกมีอะไรที่ชัดแจ้ง
ย่อมหมุนวนเปลี่ยนแปลงและแตกดับ
หอยปูปลาน่าอนาถอาจถูกทับ
แต่เจ้ากลับนำเรือแตกแบกใส่ใจ
คนบนเรือทั้งกุ้งหอยและปูปลา
ล้วนหามีเจตนากระทบไม่
บาปเกิดขึ้นจากดวงจิตมีพิษภัย
จิตไม่มีกรรมที่ไหน...คอยติดตาม
23 กันยายน 2553 21:22 น.
กระบี่ใบไม้
อาจารย์คนหนึ่งเข้าถึงฌาน ลึกซึ้งยาวนาน
ร่างกายหยุดนิ่งไม่ติงไหว
ลูกศิษย์สุดแสนเศร้าใจ เผาร่างอาจารย์ไป
ขอท่านสู่ภพที่ดี
จิตเดิมกลับร่างเดิมนี้ หวนคืนสู่ที่
...ตอนนี้ร่างข้าอยู่ที่ไหน...
เฝ้าตามถามหาใครใคร ร่างข้าหายไป
วิญญาณเวียนวนติดตาม
เหล่าศิษย์พากันครั่นคร้าม หวาดกลัวทุกยาม
แว่วเสียงหาร่างหลอกหลอน
หลบลี้เสียงผีร้าวรอน พาใจเร่าร้อน
ถามหาอาจารย์ จิ้งคง
พระอาจารย์จึงบอกเจ้าจง เอาถ่านไฟลง
เตรียมพร้อมตั้งเตาเผาไฟ
อีกคนจงเตรียมถังไว้ เติมน้ำลงไป
ข้าจักเป่าภัยให้เอง
ในคืนเมฆคลึ้มวังเวง แว่วเสียงที่เกรง
...ร่างข้าอยู่ไหนใครพบ...
อาจารย์ จิ้งคงฟังจบ ทบทวนหวนทบ
บ่งชี้ไปที่ปฐพินทร์
สงสัยร่างท่านลงดิน กล่าวจบดวงวิญ-
ญาณก็จมภพจบหาย
ที่นี้ไม่มีร่างกาย ดวงใจสลาย
...บอกทางบ่งร่างข้ามา...
ร่างท่านคงอยู่ในนภา วิญญาณค้นฟ้า
ร่ำหาถึงทั่วจักรวาล
ไม่มีร่างที่ต้องการ ทั่วทั้งคัคนานต์
ไร้ร่าง ข้าให้ไขว่คว้า
ร่างท่านคงอยู่ตรงหน้า กลางไฟเผาจ้า
วิญญาณก็มุดลงไฟ
ร่างท่านอยู่ตรงนั้นไง ในถังน้ำใส
วิญญาณดำมุดผุดลง
ท่านหลอกลวงข้ามั่นคง บ่งชี้ทางหลง
ให้ข้าหลงคิดติดตาม
ทั่วทั้งแผ่นฟ้าผืนน้ำ กองไฟลุกลาม
ใต้ดินไม่มีร่างกาย
อาจารย์ถาม ท่านงมงาย ตามหาร่างกาย
ผุพังร่างนี้ทำไม
ทั่วทั้งผืนภพจบไตร แม้แต่เพลิงไฟ
สายน้ำท่านยังก้าวเดิน
ข้าอิจฉาท่านนี้เหลือเกิน แบกร่างเผชิญ
โหดร้ายสารพัดโรคา...
..........................................
ในคืนเมฆคว้างพลางฟ้า สาดแสงจันทรา
ส่องผ่านหนทางมืดมน
ไม่มีเสียงที่ดิ้นรน วิญญาณเลิกวน
หยุดการเวียนว่ายถามทาง
สิ้นแล้วซึ่งเสียงครวญคราง ดิ้นรนค้นร่าง
...เลิกหาตัว ข้าแล้วหนอ...
21 กันยายน 2553 21:49 น.
กระบี่ใบไม้
ลูกศิษย์นั่งสมาธิอย่างเคร่งเครียด
ฝ่าค่ำคืนยาวเหยียดอย่างมุ่งมั่น
อาจารย์ถาม เจ้าต้องการสิ่งใดกัน
สิ่งที่ศิษย์ต้องการนั้น...เป็นพุทธะ
พระอาจารย์จึงนั่งลงอย่างเงียบเชียบ
ขัดกระเบื้องที่เย็นเฉียบไม่แล้วผละ
ลูกศิษย์ถาม ท่านจะขัดทำไมนะ
ข้าหวังจะขัดให้เป็น...กระจกเงา
สิ่งที่ศิษย์มองเห็นแท้...เป็นแค่กระเบื้อง
อาจารย์คงเสียแรงเปลืองอย่างโง่เขลา
ต่อให้ท่านขัดสีแท้แต่วัยเยาว์
คงไม่เปลี่ยนกระเบื้องเบาให้กลับกลาย
แล้วที่เจ้านั่งหลับตาเป็นบ้าหลัง
หรืออาจเปลี่ยนเป็นพุทธังดังหวังได้
ผู้รู้แจ้ง ในปัญญาฝ่างมงาย
นั่นแหละผู้...รู้ความหมาย...แห่งพุทธะ
ศิษย์และอาจารย์ที่เขียนถึงทั้งคู่นี้ต่อมาล้วนเป็นปรมาจารย์เซ็นผู้ยิ่งใหญ่ผู้ซึ่งวางรากฐานแห่ง เซ็น ให้แผ่ขยายกว้างไกลไปทั่วโลก
คนเป็นศิษย์เรียกว่า หม่าจู่เต้าอี้(ญี่ปุ่นเรียกว่า บะโซ) และคนเป็นอาจารย์ก็คือ หนานหยิวฮ่วยรั่ง แห่งหนานซานนั่นเอง...
16 กันยายน 2553 22:36 น.
กระบี่ใบไม้
นางชี จิโยโนะ ร่ำเรียน เซ็น
ปฏิบัติธรรมเช้าเย็นไม่ห่างหาย
แต่ไม่อาจตื่นฟื้นขึ้นจากงมงาย
และไม่อาจพบความหมายแห่ง ชีวิต
คืนวันผ่านหมุนเวียนปรับเปลี่ยนผัน
ยังไม่พบภาพหมอกควันที่บังจิต
ขณะที่ยืนตักน้ำในบ่อนิด
แสงจันทร์ก็ทอ-ดวงจิต-สะกิดใจ
มองเห็นเงาจันทร์ในน้ำวับวามเด่น
ในถังไม้...ภาพเดือนเพ็ญพริ้งพราวใส
ฉับพลันถังก็ทะลุ-ก้นผุไป
จันทร์พร้อมสายน้ำใสร่วงไหลลง
ในความมืดอันเวิ้งว้างถังว่างเปล่า
ไม่พบแสงแห่งจันทร์พราวลอยลุ่มหลง
แสงทาทาบฉาบจันทร์ฉายคล้ายยืนยง
หมดสิ้นแล้วความมั่นคงในสายตา
สาดแสงจันทร์อันเยือกเย็นเห็นกระจ่าง
สิ้นสุดการเดินทาง-จึงรู้ว่า
ภายใต้แสงจันทร์ฉายนี้คือมายา
บรรลุแสงแห่งธรรมมา...เพราะจันทร