20 กันยายน 2552 19:17 น.
กระบี่ใบไม้
อุ่นไหม...ดวงดาว?
จึงนั่งผิงความเหน็บหนาว...ในคืนเหว่ว้า
หวานไหม...น้ำตา?
จึงปล่อยให้มันไหลบ่า...สะท้อนกลับมาใต้แสงจันทร์
เป็นแค่คนหนึ่งคน...ที่ยังคง...ผิงดาว
ในค่ำคืนเหน็บหนาว...สะท้อนฝัน
คนหนึ่งคนที่เธอเคยคิด...ว่าผูกพัน
กลับไม่มีความสำคัญ...อีกต่อไป
เหงาไหม...แสงดาว?
ให้ฉันฝ่าความเหน็บหนาว...เป็นเพื่อนไหม?
อาจไม่อุ่นเสมอ...ได้เท่ากับคนที่เธอ...ชวนผิงไฟ
มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
แค่ผิงดาวที่ห่างไกล..ก็อุ่นพอ
1 กันยายน 2552 17:40 น.
กระบี่ใบไม้
ก่อนที่แสงสุดท้ายจะฉายฉาน
มืดหม่น-อนธการ-หมองไหม้
จ้องมอง...หาสิ่งที่หายไป
เพื่อค้นพบว่าหัวใจนั้นหลุดลอย
ตะวันรอนอ่อนแสงสีแดงสาด
สกุณชาติแว่วหวังกลับรังน้อย
ไม่มีที่ของคนท้อผู้รอคอย
ส่งใจเศร้าเหงาหงอย...กับสายลม
กับผืนดิน กับผืนฟ้า กับอากาศ
กับทุ่งหญ้าดารดาษที่คลี่ห่ม
เมื่อยามเศร้าไร้สุขทุกข์ระทม
ตะโกนถามความขื่นขมกับท้องฟ้า
ฟ้าส่ง...ฉันเกิดมาเพื่อใคร
ให้ฉันมีหัวใจที่ไร้ค่า
ให้ฉันตายลงไปอย่างช้าช้า
ให้ฉันนี้มีน้ำตาที่ไหลนอง
ฉันไม่ต่างจากหุ่นฟางที่แกว่งไกว
แต่ฉันมีดวงใจที่เศร้าหมอง
ฟ้าไม่ส่งให้ใครมาเหลียวมอง
หุ่นอย่างฉันก็ไม่จ้องเหลียวมองฟ้า
ก่อนที่แสงสุดท้ายจะฉายฉาน
ความมืดมน-อนธการ-เริ่มไหลบ่า
ไม่ต้องการให้ยามหลับซับน้ำตา
ความสมเพชเวทนา-ไม่อยากมี
..
ตะวันรอนอ่อนแสงสีแดงสด
คลี่ห่มใจไหวรันทดย่ำยามนี้
คอยนับแสงสุดท้ายมาหลายปี
ให้ร่างกายและชีวีนี้ผุพัง
ไม่ต้องการสิ่งใดจากฟากฟ้า
ไม่ว่าความเย็นชาหรือความหวัง
กี่ชาติภพปรับเปลี่ยนหมุนเวียนยัง
พร้อมหันหลังให้ทุกชาติ...ลาขาดเธอ