10 กันยายน 2553 18:46 น.
กระบี่ใบไม้
พระอาจารย์ผู้หนึ่งชื่อ เบ็งกะอี
เลื่องชื่อเรื่องเทศนาดีรู้กันทั่ว
พระนิกาย นิชิเรนหนึ่งเมามัว
จิตขลาดกลัว ริษยาอิจฉาธรรม
ประกาศกลางที่ประชุม - ชุมนุมว่า
หากว่าท่านนั้นเก่งกล้าดังคำพร่ำ
จงสอนสั่งข้านี้เพื่อเชื่อถือคำ
หากข้าเชื่อตามท่านนำ...ข้าขอยอม
พระอาจารย์ เบ็งกะอีกล่าว นี่ท่าน -
จะบอกให้รู้ทั่วกันว่าฉันพร้อม
มานี่สิ...หากท่านไซร้ใช่ของปลอม
พระใจมืดก็เดินอ้อมไปตามคำ
ท่านโปรดอ้อมมาทางขวาของฉันหน่อย
ฉันจะเริ่มกล่าวธรรมร้อยอันเลิศล้ำ
ที่ตรงนั้นมืดไป,ไม่กล่าวธรรม
พระใจบอด ไม่ต้องย้ำ ข้าไปเอง
พระอาจารย์บอก ทางขวาดีกว่าไหม
ดูตรงนี้สว่างไป,ใจร้อนเร่ง
อ๋อ...ได้เลยฉันไม่เคยจะหวั่นเกรง
ตอนนี้ท่านพร้อมบรรเลงได้หรือยัง...
พระอาจารย์ เบ็งกะอีจึงชี้ว่า
ท่านเชื่อฟังฉันแล้วหนา - ดูพร้อมพรั่ง
เมื่อท่านเดินตามสั่งแล้วก็จงฟัง
หลบตรงนี้หาที่นั่ง...อย่าบังคน!!!
9 กันยายน 2553 12:54 น.
กระบี่ใบไม้
ท่านเศรษฐีให้อาจารย์เขียนคาถา
ช่วยอวยพรให้ชีวานั้นเรืองรุ่ง
พระอาจารย์หยุดนิ่งคิดก่อนปรับปรุง
เขียนอักษรตัวยุ่งยุ่งส่งให้ไป
...ให้ท่านตาย...ลูกหลานตาย...ตามลำดับ...
ท่านเศรษฐีแทบล้มพับยืนจับไข้
ท่านอาจารย์เขียนอย่างนี้ได้อย่างไร
ถ้อยอาจารย์เขียนมาให้...ไร้มงคล
พระอาจารย์จึงชี้แจงแถลงไข
ที่ฉันเขียนให้ท่านไปเพราะหวังผล
ลองคิดดูถ้าลูกตาย - ไปก่อนตน
ท่านคงเสียใจมากล้นเหลือประมาณ
และถ้าหากว่าหลานท่านนั้นตายก่อน
ท่านและลูกคงทุกข์ร้อนกันทั้งบ้าน
แต่ถ้าตายตามลำดับของอาจารย์
ทุ่งสิ่งย่อมเป็นตามกาลและเวลา
ทุกชีวิต...มีสิ่งใดไม่เคยตาย
อยู่ที่มีความหมายหรือไร้ค่า
รู้เท่าทันข้อเท็จจริงในมายา
นี่แหละคือความหมายว่า...ความเจริญ
น่าเสียดายที่นิทานเรื่องนี้ตอนจบไม่ได้บอกว่าท่านเศรษฐีเก็บข้อความอวยพรของท่านอาจารย์ บันเคไว้ที่ไหน แต่ถ้าเป็นผู้เขียนนะ จะเก็บไว้บูชาที่หัวนอนเลย เพราะจะไปหาถ้อยคำอวยพรอย่างนี้ที่ไหนได้อีก หาได้ยากจริงๆ.....
8 กันยายน 2553 19:30 น.
กระบี่ใบไม้
เจ้ากบน้อยตัวหนึ่งนี้ขี้สงสัย
เห็นตะขาบเดินไต่จากกอหญ้า
ถาม ท่านเดินอย่างไร...ที่ผ่านมา
ขาท่านมีมากขาเป็นหมื่นพัน
ขาของข้าแท้แท้มีแค่สี่
จะเดินเหินแต่ละทีหาคงมั่น
บอกข้าหน่อยที่ท่านเดินอยู่ทุกวัน
สลับขาหลายข้างนั้น...ก่อนอย่างไร
ตะขาบยืนนับขาสงกาอยู่
เออ...มาลองคิดคิดดูก็สงสัย
ปกติเราก้าวย่างเดินทางไป
ขาไหนเดินก่อนขาไหนไม่เคยจำ
เจ้าตะขาบยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด
ขาเป็นแผงที่ยาวเหยียดก็พลิกคว่ำ
กว่าจะรู้สึกตัวหัวคะมำ
ไม่รู้ว่าจะเดินนำขาไหนดี
หากท่านเจอตะขาบใดในวันหน้า
โปรดอย่าได้ถามปัญหาอย่างวันนี้
ขาข้าเคยเดินผ่านมาชั่วตาปี
จะทำไงล่ะทีนี้...เป็นง่อยเลย
7 กันยายน 2553 19:44 น.
กระบี่ใบไม้
ลูกศิษย์น้อยขอบวชกับพระอาจารย์
อายุเจ้ายังถึงกาลหาบวชไม่
เจ้าเด็กน้อยเจ้าจะบวชไปทำไม
บอกอาจารย์หน่อยได้ไหม...ข้าอยากรู้
ข้าอยากรู้ต้นตอแห่งความตาย
เหตุที่พ่อแม่ล้มหายไม่อาจอยู่
หารากเหง้าแห่งชีวิตพินิจดู
จึงหวังสู่ร่มสุดท้ายสุดสายธรรม
หากเจ้าคิดจะออกบวชก็บวชเถิด
สู่ร่มเงาอันบรรเจิดและลึกล้ำ
แต่ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว,ไม่กระทำ
พรุ่งนี้เถิดข้าจะนำเจ้าบวชเอง
อาจารย์ครับ อายุข้านั้นยังน้อย
อาจไม่ทนรอคอยอย่างคร่ำเคร่ง
อาจารย์ก็ใกล้ฝั่งแล้ว ยิ่งวังเวง
ข้าหวั่นเกรงเช้าพรุ่งนี้จะสายเกิน
พระอาจารย์ส่งยิ้มให้ใจปีติ
สมดังคำเจ้าดำริแต่เนิ่นเนิ่น
มีสติคิดรู้ตัวอย่ามัวเพลิน
อย่าดูหมิ่นการก้าวเดิน...ของเวลา
6 กันยายน 2553 19:13 น.
กระบี่ใบไม้
ในสมัยราชวงศ์ถังใครหวังบวช
ต้องผ่านการคัดประกวดกลางสนาม
เด็กคนหนึ่งแสนอ่อนวัยไร้ชื่อนาม
แค่อายุสิบสอง สิบสาม ก็อยากเรียน
แต่เพราะความอ่อนวัยไร้ความรู้
จึงพ่ายแพ้การต่อสู้งานอ่านเขียน
เศร้าเสียใจมุ่งหวังมากหลังพากเพียร
จึงร้องไห้กลางสังเวียนที่ชุมนุม
คนคุมสอบสุดสงสัยเรียกไต่ถาม
เหตุใดเจ้าไม่หักห้ามความกลัดกลุ้ม
การชิงชัย แพ้ ชนะ เกินกะกุม
มาร้องไห้...ที่ประชุมมุ่งหวังใด
ที่ร้องไห้เพราะเสียดายความพ่ายแพ้
ปณิธานอันเที่ยงแท้มิอาจไข
หวังสืบทอดพุทธศาสน์ประกาศไกล
ปรากฏชื่อบันลือไว้ในแผ่นดิน
..................................................
คนคุมสอบสุดเห็นใจจึงให้ผ่าน
ปล่อยบุรุษหนึ่งเหนือกาลได้โผดผิน
จารึกชื่อ ซำจั๋ง ไว้ในดวงจินตน์
คือผู้กล้าเหนือปฐพินทร์...สืบสายธรรม
พระถังซำจั๋ง หรือ พระเหี้ยนจัง ถือเป็นพระที่มีคุณูปการแก่ศาสนพุทธในประเทศจีนอย่างใหญ่หลวง เพราะเป็นผู้เดินเท้านำพาพระไตรปิฎก จากประเทศอินเดีย มาเผยแพร่ยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้สำเร็จเป็นรูปแรก อีกทั้งยังเป็นบุคคลต้นแบบให้กับอมตะนิยายเลื่องชื่อ ไซอิ๋ว อีกด้วย