19 ธันวาคม 2552 19:09 น.
กระบี่ใบไม้
เจ้านกน้อยคอยจ้องแหงนมองฟ้า
ว่าวสีสันงามตาพลิ้วไสว
หัวใจเจ้านกน้อยคงสงสัยใจ
เราทำไมไม่สวยสดและงดงาม?
แม่นกน้อยค่อยยิ้มออกบอกลูกว่า
ก่อนที่เจ้าจะลืมตาตั้งคำถาม
เจ้าจงมองข้อเท็จจริงทุกสิ่งความ
ว่าวที่เจ้าคอยติดตามคือสิ่งใด?
ว่าวอาจงามด้วยเฉดสีสวยพิสุทธิ์
แต่มันงามด้วยแรงยุดจากจุดไหน
ถ้าไม่มีสายป่านถือจากมือไกว
หรือขาดลมที่พลิ้วไหวในนภา
ว่าวที่ร่วงลงสู่พื้นข้ามคืนนั้น
คงเป็นแค่แผ่นสีสันอันไร้ค่า
หากเจ้าไม่ตีตัวให้ไร้ราคา
ฟ้าไม่เคยสร้างเจ้ามาให้ท้อใจ
ฟ้าสร้างปีกเจ้าผกผินบินอย่างนก
เพื่อให้เจ้าได้เหินหกและยิ่งใหญ่
ให้เจ้าได้บินล่องท่องเที่ยวไป
ไม่เคยต้องใช้แรงใคร...ช่วยหากิน
.................................................
ตราบที่แสงแห่งฟ้ายังปรากฏ
โลกยังคงงามงดไม่หมดสิ้น
ขอเพียงแค่มีดวงจิตคิดโบยบิน
โลกคงสวยด้วยดวงจินต์...ที่งดงาม
2 ตุลาคม 2552 13:58 น.
กระบี่ใบไม้
คล้ายเธอคงอยู่ตรงนั้น...ฉันมองเห็น
เช้าและเย็นวูบและไหวในวันผ่าน
ราบและเรียบเงียบและงันเหมือนวันวาน
เก็บความรักที่แสนหวาน...อยู่ในหัวใจ
เธอยังคงอยู่ตรงนี้...ที่เคยอยู่
ริมประตู,ปลายรั้วบ้าน ยังหวานไหว
ฟูกเคยนอน...หมอนเคยหนุน...ยังอุ่นไอ
ไม่เคยเลยจะห่างไกลในกันและกัน
เธอยังคงอยู่ตรงนี้...ที่ยังรัก
แม้วันนี้เพียงรู้จักในภาพฝัน
จากวันนี้ ถึงพรุ่งนี้ กี่วารวัน
เธอไม่เคยจากตรงนั้น-แต่ก่อนมา
ในอ้อมกอดที่เหงาคว้างและว่างเปล่า
ไม่มีคำว่าปวดร้าวให้เหว่ว้า
เรายังคงอยู่ใกล้กันขอสัญญา
บอกรักเธอทุกเวลา...ไม่เปลี่ยนแปลง
ชนะเลิศ การประกวดกลอน(ตามฉันทลักษณ์) ก.ย.52 หัวข้อ กาลเวลา
เวบไซต์ กวีคลับดอทคอม http://www.kaweeclub.com/index.php
20 กันยายน 2552 19:17 น.
กระบี่ใบไม้
อุ่นไหม...ดวงดาว?
จึงนั่งผิงความเหน็บหนาว...ในคืนเหว่ว้า
หวานไหม...น้ำตา?
จึงปล่อยให้มันไหลบ่า...สะท้อนกลับมาใต้แสงจันทร์
เป็นแค่คนหนึ่งคน...ที่ยังคง...ผิงดาว
ในค่ำคืนเหน็บหนาว...สะท้อนฝัน
คนหนึ่งคนที่เธอเคยคิด...ว่าผูกพัน
กลับไม่มีความสำคัญ...อีกต่อไป
เหงาไหม...แสงดาว?
ให้ฉันฝ่าความเหน็บหนาว...เป็นเพื่อนไหม?
อาจไม่อุ่นเสมอ...ได้เท่ากับคนที่เธอ...ชวนผิงไฟ
มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
แค่ผิงดาวที่ห่างไกล..ก็อุ่นพอ
1 กันยายน 2552 17:40 น.
กระบี่ใบไม้
ก่อนที่แสงสุดท้ายจะฉายฉาน
มืดหม่น-อนธการ-หมองไหม้
จ้องมอง...หาสิ่งที่หายไป
เพื่อค้นพบว่าหัวใจนั้นหลุดลอย
ตะวันรอนอ่อนแสงสีแดงสาด
สกุณชาติแว่วหวังกลับรังน้อย
ไม่มีที่ของคนท้อผู้รอคอย
ส่งใจเศร้าเหงาหงอย...กับสายลม
กับผืนดิน กับผืนฟ้า กับอากาศ
กับทุ่งหญ้าดารดาษที่คลี่ห่ม
เมื่อยามเศร้าไร้สุขทุกข์ระทม
ตะโกนถามความขื่นขมกับท้องฟ้า
ฟ้าส่ง...ฉันเกิดมาเพื่อใคร
ให้ฉันมีหัวใจที่ไร้ค่า
ให้ฉันตายลงไปอย่างช้าช้า
ให้ฉันนี้มีน้ำตาที่ไหลนอง
ฉันไม่ต่างจากหุ่นฟางที่แกว่งไกว
แต่ฉันมีดวงใจที่เศร้าหมอง
ฟ้าไม่ส่งให้ใครมาเหลียวมอง
หุ่นอย่างฉันก็ไม่จ้องเหลียวมองฟ้า
ก่อนที่แสงสุดท้ายจะฉายฉาน
ความมืดมน-อนธการ-เริ่มไหลบ่า
ไม่ต้องการให้ยามหลับซับน้ำตา
ความสมเพชเวทนา-ไม่อยากมี
..
ตะวันรอนอ่อนแสงสีแดงสด
คลี่ห่มใจไหวรันทดย่ำยามนี้
คอยนับแสงสุดท้ายมาหลายปี
ให้ร่างกายและชีวีนี้ผุพัง
ไม่ต้องการสิ่งใดจากฟากฟ้า
ไม่ว่าความเย็นชาหรือความหวัง
กี่ชาติภพปรับเปลี่ยนหมุนเวียนยัง
พร้อมหันหลังให้ทุกชาติ...ลาขาดเธอ
23 สิงหาคม 2552 12:50 น.
กระบี่ใบไม้
เหว่ว้า อ้างว้างเดียวดาย
ใจแตกสลาย คล้ายดังตะวัน
ตกแล้ว ในหัวใจฉัน
ดวงใจไหวหวั่น ฉัน..มีน้ำตา
ตะวันตก แสนตกฤทัย
คล้ายแสงแห่งไฟ ร้าวรอนอ่อนล้า
เก็บฝัน วันนั้นคืนมา
ฉันลวงตัวว่า ฉัน...ยังมีเธอ
คืนวันหมุนเวียน เปลี่ยนแรง แสง...สุริยน
ดวงใจของคน เปลี่ยนแปรเป็น เช่นไฉน?
ไม่อยากจะรู้ ว่าเขาเป็นใคร
ฉันอยากรู้ใจ ของเธอคนเดียว
ตะวันคงดับ หลับตรงโค้งแก่งนภา
ม่านดำไหลบ่า ห่อหุ้ม...เขาเขียว
ฉันรู้ตัวฉัน นั้นเล็กนิดเดียว
ฉันไม่ขับเคี่ยว รักแรกแหลกลง
รอวันมัวหม่น ผ่านพ้นซึ้ง ซึ่ง ในรัตติกาล
ราตรีร้าวราน ท่วมท้นหม่นไหม้
ตะวันขึ้นแล้ว ฉันยังหายใจ
ฉันยอมรับได้ ...แม้ไม่ลืมเธอ...