29 มกราคม 2555 21:29 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
มิตรภาพภาพอาบละมุ่นอบอุ่นด้วยรอยยิ้มบ้านโป่งไฮ
ธารน้ำใจสู่สายใยชุมชนมจร.ห้องเรียนวัดพระแก้วเชียงราย
เงียบวังเวงเพลงปลายดอยจากเวิ้งฟ้า นึกถึงบทกลอนที่ตัวเองเคยเขียนไว้จนมีคนนำไปแต่งทำนองและร้องอย่างไพเราะมีความหมาย ฟ้าช่างกว้างนัก ภายใต้ฟ้าเดียวกัน บางที โอกาส ความเป็นอยู่ แตกต่างกันลิบลับ เมื่อได้ร่วมกับคณะพระอาจารย์และอาจารย์อีกท่านเดินทางไป ที่ โรงเรียนตชด.บ้านโป่งไฮ
สู่ โรงเรียน บ้านโป่งไฮ อำเภอ แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ผ่านเส้นทางธรรมชาติ แห่งขุนเขา ป่าไม้ อากาศที่เย็นสบาย เต็มไปด้วยใจที่อิ่มอุ่นมีความสุข เสื้อกันหนาวมือสองสองร้อยตัวที่ได้รับความเมตตาจากผู้อำนวยการห้องเรียนพระอาจารย์ดร.พระมหาสมพงษ์ใส่ถุงอยู่หลังรถ พร้อมหนังสือหลายลังวางรวมกันไป เพื่อนำไปให้พระโกษา พระที่เปี่ยมไปด้วยพลังศรัทธาในพระพุทธศาสนา ยอมอุทิศตนมาอยู่ที่ห่างไกล ความเจริญ เพื่อสอนเด็กชาวดอยที่ด้อยโอกาส และเผยแพร่พุทธศาสนา อบรมให้เด็กๆเป็นคนดี แม้เส้นทางบางเส้น จะขุรขระ ยากลำบาก ขึ้นดอยสูงไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่ทอดยาวของภูเขา ไม่มีใครเหน็ดเหนื่อย ไม่มีใครบ่น มีแต่รอยยิ้มที่เปื้อนหน้าเต็มไปด้วยความสุขแม้กระทั่งคนขับเองก็ตามที่ต้องรับบทหนักในการขับรถตลอดเส้นทางเพราะเมื่อนึกถึงจุดหมายปลายทางแล้วจะมีกำลังใจเข้ามาเติมเต็มเสมอ เสียงธรรมชาติ เสียงใบไม้ ริมทาง อากาศที่เย็นสบายดูงดงามสบายตายามพบเห็นในความรู้สึกยิ่งนึกถึงใบหน้าเด็กๆที่ไร้เดียงสารออยู่ ยิ่งอยากไปเจอจนต้องเขียนออกมาจากความรู้สึกของหัวใจ
ดู ดู ดู ใบหน้าเด็ก เหมือนธารใสไหลเย็นฉ่ำ
ดู ดู ดู มวลวิหกเต้นระบำฟากฟ้าเหิร
ดู ดู ดู พวกเราต่างคนมาไกลเหลือเกิน
พบอุปสรรคที่เผชิญท้าทายนัก
เพื่อขอพบจุดหมายทางข้างหน้า
ที่ทายท้าท้าทายได้ประจักษ์
รอยยิ้มเด็กใสซื่อสวยงามนัก
บ้านโป่งไฮ งดงามด้วยความรัก มิตรไมตรี
รอยยิ้มเด็กๆเวลาได้เสื้อ เวลาอาย เวลาดีใจ เวลาตอบคำถาม เวลาที่กระต่ายให้รางวัล เวลาที่ได้จับมือ โอบกอด กัน หลายคนบอกว่าเด็กดอยอาจจะไม่สะอาด เท่าที่เรารู้และเข้าใจกัน แต่สำหรับกระต่ายแล้ว เด็กสะอาดและงดงามในความรู้สึก เด็กๆที่นี่ขาดโอกาสเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ ขาดอุปกรณ์หลายอย่างด้านการศึกษา อุปกรณ์กีฬา ที่เรียนคือเพิงที่ดูไม่เพียงพอสำหรับเด็กๆคือที่ๆกระต่ายไปแจกเสื้อกันหนาวและหนังสือ พระโกษาทำหลายโครงการไม่ว่า โครงการ สืบทอดอนุรักษ์ป่าต้นน้ำเด็ก60คนอยู่ในโครงการ และโครงการบวชเณรภาคฤดูร้อน โครงการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และสอนศีลธรรมในโรงเรียน ประมาณรวมแล้วเด็ก 187 คน เด็กๆไม่มีโต๊ะนั่งเขียนหนังสือ เท่าที่คุย ท่านอยากได้ โต๊ะญี่ปุ่นประมาณ15 ตัวเพื่อให้เด็กใช้นั่งเขียน หนังสือ อุปกรณ์กีฬา เครื่องเขียน เสื้อผ้า หรือแม้แต่ ต้องการร่วมสร้างสถานที่เรียนให้เด็กให้เพียงพอ ท่านใดสนใจร่วมบุญครั้งนี้ ติดต่อสอบถามมาได้ที่เมลล์kataynoi_21@hotmail.Comคะ
สะพานใจสู่สายใยสะพานบุญ
กระต่ายใต้เงาจันทร์
11 มกราคม 2555 14:26 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
คำสัญญาที่สายน้ำกก
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันปล่อยความคิดให้เรื่อยไหลไปตามความรู้ส...ึก ฉันกลับมาที่นี้ กี่ครั้งแล้วน่ะ แม่น้ำกกสายนี้ไหลรววมกับหยดน้ำตาที่รดรินกับความรอคอยที่เจ็บปวด เคยคิดว่าเมื่อเวลาและคำสัญญาที่เธอพูดไว้ เธอต้องกลับมา เปล่าเลยฉันกลับไม่เจอใครอีกคนที่เคยบอกไว้ในหลายปีที่ผ่าน
ฉันจะชินและชาจนลืมความเจ็บปวด เปล่าเลยมีประโยชน์อันใดหัวใจกลับเจ็บหนักกว่าเก่า จนรู้สึกเหมือนใจจะขาด หายใจหอบถี่ สายน้ำช่างอ้างว้าง ดูเปลี่ยวเหงา จะโศกฌศร้าอยู่เดียวดาย จุดหมายปลายทางอยู่จุดใด ทำไมฉันมองไม่เห็น ทำได้เพียงปลอบใจตัวเองเสมอ คนอีกคนต้องมีชีวิตอยู่ พลังแห่งรัก พลังแห่งความห่วงหา คงมีอาณุภาพพอ ที่จะส่งถึงคนอีกคนที่อยู่ปลายฝั่งหนึ่งของฝากฟ้า ต้องกลับมา ต้องกลับมา
เวลาเลือนหายผ่านไปหลายปีเต็มทนแต่หัวใจฉันยังคงเรียกร้อง เพราะอะไรกระนั้นหรือ ฉันก็แค่.... ฉันก็แค่....อยากรู้ว่าคนอีกคนเป็นอย่างไรบ้าง การรอคอย ทำให้ฉันความหวังแม้มันช่างเลือนรางริบรี่เต็มทน
การรอคอยค่อยๆคลุกคลืบทำร้ายและทำลายหัวใจฉันให้ย่อยยับแหลกเหลวลงไปทีละเล็ก ทีละน้อย โดยเจ้าของหัวใจไม่สนใจที่จะไปดูแลมันปล่อยให้มันเจ็บและเจ็บอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานวัน
ฉันและแม่น้ำกกสายเดิม ที่เดิม อยากแม่น้ำสายนี้รักษาใจที่ปวดช้ำ เหล่านี้ให้จางหาย แต่ ความชุ่มเย็นของน้ำที่สะท้อนกับเงาของดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า ธรรมชาติงดงามยามเย็น ไม่อาจลบเลือนความเจ็บปวดในใจ
คำสัญญา ความรัก การรอคอย ความสุขในความรักที่เราเคยมีร่วมกัน เป็นภาพสะท้อนกลับมาทำร้าย หัวใจ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า น้ำตากี่หยด ที่ไหลรินร่วงหล่นในสายน้ำ ซ่อนสะอื้นกี่ครั้งที่พบความเวิ้งว้าง ว่างเปล่า
หรือฉันให้คำสัญญามาเป็นพันธการตัวเอง จนมิเคยเหลียวมองชายใด
ได้โปรดสักครั้ง...ในช่วงชีวิตที่ผู้หญิงคนนี้...ยังมีลมหายใจอยู่...ถ้าคุณรู้...กลับมาหาฉันสักครั้งไดไหม......
ติดตามผลงานและมิวสิกวีดีโอเพลง...สํญญาสายน้ำกกจากกลุ่มศิลปินเชียงรายได้ที่นี่ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=9y6hgFdWJ-M&feature=share
9 มกราคม 2555 15:55 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
คิดว่าผู้หญิงหลายคนคงเป็น อยากให้คนที่รักมีอนาคตที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี มีครอบครัวที่ดี มีฐานะทางการเงินที่ดี แต่งตัวดูดีรวมถึงการกินดีอยู่ดี นอนหลับอย่างมีความสุข พอเป็นจุดนี้ขึ้นมาในใจว่า แฟนฉันต้องดูดีในทุกข้อที่กล่าวมา ผู้หญิงเลยกลายเป็นทาสรับใช้และทาสทางอารมณ์ให้บรรดาผู้ชายหงุดหงิดใส่ว่า น่ารำคาญ น่าเบื่อ จุกจิก พูดมาก
แม้ผู้ชายดี ๆ ที่ตามใจหญิงสาวนั้นจะหล่อเลิศ สมบูรณ์พร้อมปานเทพบุตรขนาดไหน แต่หากถึงจุด ๆ หนึ่งที่เป็นขีดจำกัดแล้ว สัญชาติญาณจะเริ่มทำงานทันที แต่ผู้ชายลืมไปข้อว่าผู้หญิงชอบผู้ชายที่เป็นทั้งผู้นำและผู้เดินไปพร้อมกัน หากฝ่ายชายนั้นไม่มีความเป็นผู้นำมากพอ และเมื่อไม่มีความเป็นผู้นำมากพอ ก็เท่ากับไม่สามารถปกป้องเธอได้ รวมถึงไม่สามารถตัดสินใจใด ๆ เองได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเธอต้องเป็นผู้คิดเองทั้งหมด ความเบื่อหน่ายจะตามมา แถมถ้ามาเจอผู้ชายที่ต้องเป็นผู้นำคนข้างนอกได้ดูดี แต่เรียกว่า ไม่มีสักครั้งที่จะนำในชีวิตของความรักในความอบอุ่นช่วยเหลือหรือแค่คำพูดที่ดีๆให้กับผู้หญิงที่อยู่ข้างตัวนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาของความรัก
เรื่องของมุมมองความรักเป็นที่สิ่งสวยงาม อบอุ่น และอ่อนโยน ถ้ารู้จัก รัก และทนุถนอม เอื้ออาทร เอาใจใส่ซึ่งกันและกันความรักคือความละเอียดอ่อน ในความรู้สึกของมนุษย์ จึงมีอิทธิพล และ อาณุภาพ อันยิ่งใหญ่ มหาศาล ทั้งด้านจิตใจและร่างกาย ในรูปธรรมและนามธรรม
สำหรับผู้หญิงพอรักแฟนมากกว่าตัวเอง ความรู้สึกความเป็นเจ้าของ ความหวงความหึงก็เพิ่มขึ้น และยอมทำทำเพื่อคนที่เรารักได้ทุกอย่างจนผู้ชายลืมคำว่า แฟน นึกว่า ผู้หญิง เป็นข้าทาส หรือขี้ข้า ให้ใช้ตามสบาย บรรดาผู้หญิงต้องตอบปัญหาข้อนี้ให้ตัวเองก่อนคะ...เราลืมตัวเองตัวเองไปหรือเปล่า หรือเราเรียกร้องว่าทำแล้วทำไมผู้ชายไม่ดีกับเราบ้าง...ถ้าทำให้แล้วผู้ชายยังทำตัวเหมือนเดิม...นั่นคือ..ความโง่ที่เรายอมโง่เอง...แต่ถ้าเราเต็มใจทำเราก็ต้องทำใจอย่าไปคาดหวังอะไรกลับมา ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก็พอแล้วก็วาง เพราะผู้หญิงทุกคนก็มีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ในตัวเอง
ความรักจึงต้องใช้ให้ถูกกาลเทศะและวิธีแต่สิ่งที่ทุกคนควรจะรักและนับถือคือ ตัวเอง รักและชื่นชมในตัวเองในการกระทำความดีหรือแม้แต่เรื่องงาน
รักแล้วอย่าเห็นแก่ตัวต้องยอมรับและปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุขด้วย
อย่าคาดหวังว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เสมอไป ยอมรับในตัวตนซึ่งกันและกัน บางคนอาจขี้บ่น ขี้โมโห บางคน อาจชอบน้อยใจจะต้องยอมรับให้ได้ให้ได้ในความแตกต่างมองหาข้อดีมาทดแทนทั้งสองฝ่ายจะปรับตัวจะใช้ชีวิตร่วมกันง่ายขึ้น
ไม่ควรทำแต่สิ่งที่ตัวเองชอบต้องนึกถึงใจของอีกฝ่ายด้วยจึงต้องมีความเกรงใจมาประกอบด้วยเพราะเราอาจลืมข้อนี้ไปในความเกรงใจคือการให้เกียรติเคารพนับถือซึ่งกันและกัน
รู้จักพูดจาชื่นชมและให้กำลังใจอีกฝ่ายและคอยช่วยเหลือสนับสนุน
สิ่งสำคัญ ต้องรู้จักแสดงออกซึ่งความรัก สำหรับผู้หญิงแล้วคงสำคัญ ในการจำวันสำคัญ ต่างๆตั้งแต่เริ่มรักกันจนมีครอบครัว สำหรับผู้ชาย ผู้หญิงคงต้องคอยดูแลในเรื่องสิ่งที่ผู้หญิงควรทำแต่ควรมีแต่พอดีและพองาม ความรักถ้าคนสองคนพร้อมที่จะก้าวไปด้วยกันโดยรู้หน้าที่ของแต่ละคนคงจะดีที่สุด
6 มกราคม 2555 15:39 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เชิญชวนร่วมพิธีสืบชะตารับขวัญปีใหม่ที่ห้องเรียนเชียงราย
มจร.ห้องเรียนวัดพระแก้วขอเรียนเชิญประชาชนผู้สนใจร่วมพิธีสืบชะตา รับขวัญวันปีใหม่ แบบล้านนา วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕เวลา ๙.ooน.ที่ห้องสัมมนาวิชาการหอประชุมใหญ่ในอาคารห้องเรียนมจร.วัดพระแก้วโดยมีการจับฉลากแลกของขวัญสำหรับนิสิตในราคาไม่ต่ำกว่า100บาทคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ไม่ต่ำกว่า200 บาท
สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมงานสืบชะตามีค่าใช้จ่ายในการร่วมงานสืบชะตาท่านละ100 บาท
สนใจติดต่อได้ที่ พระครูกิตติพัฒนานุยุต 087-1762074
ทำไมต้องมีพิธีสืบชะตา
คิดว่าหลายคนคงสงสัยว่าสืบชะตาเพื่ออะไร ในพิธีสืบชะตาเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของชาวล้านนาที่เชื่อกันว่าเป็นการต่ออายุหรือต่อชีวิตของบ้านเมืองหรือของคนให้ยืนยาว มีความสุข ความเจริญ ตลอดจนเป็นการขจัดภัยอันตรายต่างๆที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย
พิธีสืบชะตาแบบพื้นเมืองของจังหวัดเชียงรายได้ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน ชาวเชียงรายทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลรู้จักและยึดถือปฏิบัติกันมาช้านานเพราะเชื่อว่าทุกข์ภัยทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และญาติพี่น้องจหายไปจากและจะชีวิตที่ยืนยาวยิ่งขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่การงานพร้อมที่จะสู้กับชะตาชีวิตต่อไป
พิธีสืบชะตานี้แบ่งเป็น ๓ ประเภทคือ
๑. สืบชะตาคน นิยมทำเมื่อขึ้นบ้านใหม่ ย้ายที่อยู่ใหม่ ได้รับยศหรือตำแหน่งสูงขึ้น วันเกิดที่ครบรอบเช่น ๒๔ ปี ๓๖ ปี ๔๘ ปี ๖๐ ปี ๗๒ ปี เป็นต้น หรือฟื้นจากป่วยหนัก หรือมีผู้ทักทายว่าชะตาไม่ดีจำเป็นต้องสะเดาะเคราะห์และสืบชะตา เป็นต้น
๒. สืบชะตาบ้าน นิยมทำเมื่อคนในหมู่บ้าน ประสบความเดือดร้อน หรือเจ็บไข้ได้ป่วยกันทั่วไปในหมู่บ้าน หรือตายติดต่อกันเกิน ๓ คน ขึ้นไป ถือเป็นเสนียดของหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านอาจพร้อมใจกันจัดในวันปากปี ปากเดือน หรือปากวัน คือวันที่หนึ่ง สอง หรือสามวันหลังวันเถลิงศก เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
๓. สืบชะตาเมือง จัดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนจากอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ เพราะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย เพราะการจราจลการศึก หรือเกิดโรคภัยแก่ประชาชนในเมืองเจ้านายท้าวพระยาบ้านเมืองจึงจัดพิธีสืบชะตาเมือง เพื่อให้อายุของเมืองได้ดำเนินต่อเนื่องสืบไป
พิธีกรรม
เครื่องสืบชะตาคนประกอบด้วย
๑. ไม้ค้ำสรี (สะหรี ต้นศรีมหาโพธิ์) ๑๐๐ เล่ม
๒. ขัว (สะพาน) ๑ คู่
๓. ลวดเบี้ย ๓ เส้น (เส้นหนึ่งใช้หอยเบี้ยร้อยเป็นสาย ๑๐๐ ตัว)
๔. ลวดหมาก,ลวดพลู ๓ เส้น (เส้นละ ๑๐๐)
๕. ลวดเมี่ยง ๓ เส้น (เส้นละ ๑๐๐)
๖. ลวดเงิน ๓ เส้น
๗. ลวดทอง ๓ เส้น
๘. ตุงยาวค่าคิง(ยาวเท่าตัวคน) ๓ ตัว
๙. ตุงเล็กและตุงช่อ ๑๐๐ ตัว
๑๐. ลวดข้าวตอก ๓ เส้น (เส้นละ ๑๐๐)
๑๑. บอกน้ำ,บอกทราย อย่างละ ๑ กระบอก
๑๒. บอกข้าวเปลือก,บอกข้าวสาร อย่างละ ๑ กระบอก
๑๓. ต้นกล้ามะพร้าว,ต้นอ้อย,ต้นกล้วย อย่างละ ๓ ต้น
๑๔. กล้วยน้ำว้าดิบ ๑ เครือ
๑๕. มะพร้าว ๑ ทะลาย
๑๖. สีสายค่าคิง(สายน้ำมันยาวเท่าตัว) ๑ สาย
๑๗. เสื่อใหม่ ๑ ผืน
๑๘. หมอนใหม่ ๑ ใบ
๑๙. เสื้อผ้าของผู้เข้าร่วมสืบชะตา
๒๐. หม้อใหม่ ๒ ใบ (หม้อเงิน,หม้อทอง) อย่างละ ๑ ใบ
๒๑. ใบไม้ที่เป็นมงคลเช่น ใบเต๊า ใบขนุน ใบเงิน ใบทอง เป็นต้น
๒๒. เทียนขี้ผึ้งแท้น้ำหนัก ๑ บาท ๑ แท่ง
๒๓. ด้ายสายสิญจน์ ๑ ม้วน
๒๔. บาตรสำหรับใส่น้ำพุทธมนต์ ๑ ใบ
๒๕. ปลาสำหรับปล่อยจำนวนเท่าอายุเจ้าชาตา
๒๖. นก ปู หรือหอยสำหรับปล่อย
อุปกรณ์ดังกล่าวให้จัดทำเป็นกระโจม ๓ ขา กว้างพอที่เจ้าชะตาจะเข้าไปนั่งในนั้นได้ โดยใช้ด้ายสายสิญจน์โยงจากศีรษะไปสู่ยอดกระโจมและดึงไปหาบาตรน้ำมนต์หน้าพระพุทธรูป พระสงฆ์จะถือด้ายสายสิญจน์ขณะสวดมนต์และจะใช้ผูกข้อมือเจ้าชะตาอีกด้วย บางตำราก็จะให้ทำพิธีขึ้นท้าวทั้งสี่ก่อนทำพิธีเครื่องประกอบพิธีอย่างอื่น ได้แก่
ขันตั้งสืบชะตา ประกอบด้วยเทียนเล่มเล็ก ๘ คู่ เล่ม ๑ บาท ๑ คู่ เทียนเล่มเฟื้อง ๑ คู่ ข้าวตอกดอกไม้ หมากหัว พลูมัด เบี้ยพันสาม กล้วยเครือมะพร้าว บอกข้าวเปลือก บอกข้าวสาร หม้อน้ำ หม้อดิน
ขันขอศีล ประกอบด้วยเทียนเล่มเล็ก ๔ คู่ ข้างตอกดอกไม้ใส่พาน
ขันคารวะเครื่องสืบชะตา ประกอบด้วยเทียนเล่มเล็กน้ำหนัก ๒ สลึง ๔ คู่ เทียนสืบชะตา ๓ เล่มเทียนขนาดเล็ก ๑๐๐ เล่ม ประทีป ๑๐๐ อัน และตาเหลวคาเขียว ๑ อัน
ขั้นตอนในการประกอบพิธีสืบชะตา
ผู้ดำเนินการและผู้ประกอบพิธี
๑. พระสงฆ์จำนวน ๙ รูป
๒. อาจารย์ฝ่ายคฤหัสถ์
๓. ผู้เข้าร่วมพิธีสืบชะตา (เจ้าชะตาและคณะ)
ขั้นตอนพิธีการ
๑. ตั้งเครื่องสืบชะตา จัดโต๊ะหมู่บูชา ตั้งอาสนะสงฆ์ ๙ ที่
๒. เจ้าชะตาจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
- ประเคนบาตรน้ำมนต์ให้พระสงฆ์
- ประเคนขันสืบชะตา ด้ายสายสิญจน์
- ประเคนพานอาราธนาศีล แล้วกลับไปนั่งซุ้มพิธี
๓. อาจารย์(ผู้นำในการประกอบพิธี) นำกล่าวบูชาพระรัตนตรัย
๔. อาจารย์กล่าวอาราธนาศีล-ประธานสงฆ์ให้ศีล
๕. อาจารย์อาราธนาพระปริต
- พระสงฆ์องค์ที่ ๓ กล่าว สักเค ชุมนุมเทวดา
- คณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
๖. อาจารย์สมาธรรม และครัวทาน (ขอขมา)
๗. อาจารย์อาราธนาธรรม พระสงฆ์เทศนาธรรมสืบชะตา ๙ ผูก
๘. ประธานสงฆ์มอบเครื่องสืบชะตาให้แก่เจ้าชะตาและคณะ
๙. ประธานสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ พระสงฆ์เจริญไชยมงคลคาถา
๑๐. เจ้าชะตาและคณะถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแก่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา
๑๑. อาจารย์นำกราบพระ บูชา พระรัตนตรัย เจ้าชะตาถวายภัตตาหารและไทยทานเป็นอันเสร็จพิธี
ชื่อคัมภีร์ที่ใช้ประกอบพิธีสืบชะตา
๑. มหาทิพพมนต์ ๑ ผูก
๒. อุณหัสสะวิไชย ๑ ผูก
๓. โลกาวุฒิ ๔ ผูก
๔. สะลาถะวิชชาสูตร ๑ ผูก
๕. พุทธะสังคะหะโลก ๑ ผูก
๖. มหาไชยมงคล ๑ ผูก
การเทศน์ธรรมสืบชะตาทั้ง ๙ ผูก พระสงฆ์จะเทศน์พร้อมกันรูปละ ๑ ผูก ส่วนเครื่องประกอบพิธีกรรมสืบชะตาบ้าน กับชะตาเมืองนั้น เครื่องสืบชะตาจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเครื่อง ๑,๐๐๐ จะมีการโยงสายสิญจน์จากวัดหรือสถานประกอบพิธีผ่านไปยังบ้านแต่ละหลังจนครบทั้งหมู่บ้านและทุกครอบครัวก็จะเตรียมน้ำส้มป่อยน้ำอบ น้ำหอม และทรายมาร่วมพิธีเมื่อเสร็จแล้วจะได้นำกลับไปโปรยที่บ้านเรือนของตน
กระต่ายใต้เงาจันทร์
๖มกราคม