7 กันยายน 2553 20:46 น.

บุญคืออะไร

กระต่ายใต้เงาจันทร์



บุญคืออะไร
อะไรเป็นบุญ   อะไรเป็นบาป
ในการใส่บาตรแล้ว   พระเป็นตัวบุญใช่ไหม   เคยถามพระไหม   ว่าพระใช่ตัวบุญ   หรือไม่    หากไม่ใช่   คงจะเป็นวัตถุสิ่งของ    ที่เราถวายพระ    แต่ถ้าไม่ใช่   คงจะเป็นตัวเรา   เพราะเราเป็นคนทำบุญ   แต่ถ้าไม่ใช่  วัตถุ สิ่งของ   คงจะเป็นความตั้งใจ  ความรู้สึกนึกคิด  มากกว่าที่เป็นตัวบุญโดยเจตนา
ถามว่า   บางคนบริจาคน้อย  กลัวจะได้บุญน้อย    และคิดว่า    ถ้าบริจาคมากคงจะได้บุญมาก
แต่ถ้ามาคิดดูให้ดี  ถ้าเราขาดความตั้งใจเสียแล้ว   ในการทำบุญในแต่ละครั้ง   คงจะไม่มีความหมายอะไร     
การทำบุญในแต่ละครั้งนั้น  ขึ้นอยู่ที่เราตั้งใจมากก็จะได้บุญมาก
ตั้งใจน้อย  ก็จะได้บุญน้อย
ถ้าบริจาคมากแต่ตั้งใจน้อยคงจะไม่ได้ผลบุญเท่าใด
แต่ถ้าบริจาคน้อยแต่ตั้งใจมากจะได้บุญมาก
การทำบุญทำได้หลายวิธี    เช่น
การรักษาศีล    การช่วยเหลือ   ผู้คน     หรือ  สัตว์  โดยความเต็มใจ
การบริจาคทาน  ไม่ว่าวิธีทางใด  ย่อมได้รับผลบุญเช่นกัน  เพราะเรากระทำด้วยความเต็มใจ
การไม่กล่าวนินทาใส่ร้ายผู้อื่น    หรือ   การที่จิตเกิดอกุศลในการลบและต้องคิดและฝึกจิตให้คิดในทางบวก
(จากหนังสือ   คำสอน   อุทิศบุญที่ได้ผล    พระอาจารย์เกษม  )
				
2 กันยายน 2553 00:06 น.

นิทานธรรมบท

กระต่ายใต้เงาจันทร์

เรื่องที่   ๑๕๖   การระงับการทะเลาะแห่งหมู่พระญาติ
	เรื่องมีอยู่ว่า   พวกเจ้าศากยะและพวกเจ้าโกลิยะนั้นแย่งน้ำกันทำนา  ถึงขนาดต้องเตรัยมออกรบกัน  จะฆ่าฟันกัน  ณ  ที่แดนแบ่งน้ำ
	พระศาสดาทรงทราบเรื่องนั้นในเวลาใกล้รุ่ง   จึงเสด็จไปทางอากาศพระองค์เดียวเท่านั้น   ประทับนั่งโดยบัลลังก็ในอากาศ  ณ  ท่ามกลางแม่น้ำโรหิณี   พระญาติทั้งหลาย   เห็นพระศาสดาแล้วทิ้งอาวุธถวายบังคม
	ลำดับนั้น   พระศาสดาตรัสว่า   มหาบพิตร   นี่ทะเลาะกันเรื่องอะไร
	พวกข้าพระองค์  ไม่ทราบ  พระเจ้าข้า   พระญาติเหล่านั้นทูลตอบ
	บัดนี้  จักมีใครทราบบ้าง   พระศาสดาตรัสถามต่อไป
	พวกญาติเหล่านั้น  ถามตลอดถึงพวกทาสและกรรมกรแล้วกราบทูลว่า
	ทะเลาะกันเรื่องน้ำ   พระเจ้าข้า
	น้ำมีราคาเท่าไร   มหาบพิตร   พระศาสดาตรัสถาม
	มีราคาน้อย  พระเจ้าข้า
	กษัตริย์ทั้งหลาย   มีราคาเท่าไร
	หาค่ามิได้   พระเจ้าข้า
	พระศาสดาตรัสว่า   การที่พวกท่าน  ยังกษัตริย์ซึ่งหาค่ามิได้ให้ฉิบหาย   เพราะอาศัยน้ำซึ่งมีราคาน้อย   ควรแล้วหรือ
	พวกพระญาติเหล่านั้นนิ่ง   ลำดับนั้น   พระศาสดาตรัสเตือนพระญาติเหล่านั้นแล้ว   ตรัสว่า   มหาบพิตร   เพราะเหตุไร   พวกท่านจึงกระทำกรรมเห็นปานนี้   เมื่อไม่มีเรา  ในวันนี้  สายธารแห่งเลือดคงจักไหลนอง   ท่านทั้งหลาย  ทำกรรมไม่สมควรแล้ว   ท่านทั้งหลายเป็นผู้มีเวรอยู่ด้วยเวร  ๕  เราไม่มีเวร   ท่านทั้งหลายเดือดร้อนด้วยกิเลส  แต่เราไม่เดือดร้อน   ท่านทั้งหลายขวนขวายในการแสวงหากามคุณแต่เราไม่ขวนขวาย   แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า
	ในมนุษย์ทั้งหลายผู้มีเวรกัน   พวกเรา  ไม่มีเวร  เป็นอยู่สบายดีหนอ   เมื่อมนุษย์พากันเดือดร้อนเราไม่เดือดร้อน  เป็นอยู่สบายดีหนอ   เมื่อมนุษย์ทั้งหลายขวนขวายกัน  เราไม่มีความขวนขวายอยู่สบายดีหรือ
	ในเวลาจบเทศนา  พวกพระญาติเหล่านั้นเลิกทะเลาะกัน
คติจากเรื่องนี้
การทะเลาะกันเพราะอาศัยเหตุเพียงเล็กน้อย   พึงฆ่าฟันกันตาย 
 ย่อมเป็นสิ่งที่คนฉลาดไม่พึงกระทำ				
1 กันยายน 2553 23:56 น.

หนุ่มบ้านนอก

กระต่ายใต้เงาจันทร์

หนุ่มบ้านนอกยากจนคนหนึ่ง เสี่ยงโชคเข้ามาหางานทำในกรุงเทพทั้งที่มิได้มีความรู้อะไรเลย

เนื่องจากได้ทราบข่าวที่เพื่อนเล่าให้ฟังว่ามีโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพกำลังรับสมัคร นักการภารโรง ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา

จึงจับรถมากรุงเทพและเดินกางแผนที่ (ที่เพื่อนเขียนให้)สุ่มถามชาวบ้านถึงที่ตั้งของโรงเรียนนั้นซึ่งกว่าจะเจอก็เหงื่อตกไปหลายปี๊บทีเดียวแหละ

เมื่อเข้าไปแจ้งความจำนงที่แผนกธุรการจึงมีเจ้าหน้าที่มาเรียกให้นั่ง< /SPAN>และยื่นใบสมัครมาให้กรอกข้อความ นายหนุ่มนั้นก็ยิ้มแหย ๆยกมือไหว้แล้วบอกอ่อย ๆ กับเจ้าหน้าที่ว่า

...ขอโทษครับพี่
ผม...คือว่า...
ผม...อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ครับ...

เจ้าหน้าที่ ท ี่นั่งรับสมัครอยู่นั้นชักสีหน้าทันที

...อะไรกัน คิดจะมาสมัครงานที่โรงเรียนถึงจะตำแหน่งแค่ นักการภารโรง
ถึงจะไม่ได้ใช้วุฒิการศึกษาแต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านออก เขียนได้ บ้างแหละ 

หนุ่มบ้านนอกหน้าซีดยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ประหลก ๆ

...ผมไม่รู้หนังสือจริง ๆ ครับแต่ช่วยรับผมไว้หน่อยเถิดครับพี่ให้ผมแบกหามกวาดถูอะไรก็ได้ทุกอย่างครับ

งั้นก็คงจะไม่ได้หรอก. ..เจ้าหน้าที่เก็บใบสมัคร กับปากกาที่วางไว้ให้ คืนที่อย่างไม่มีเยื่อใย

...เรามาสมัครงานกับโรงเรียนนะอย่างน้อยก็ต้องมีพื้นรู้หนังสือบ้างสิถ้าไม่รู้อะไรเลยอย่างนี้ ก็เสียใจด้วยนะกลับไปเถอะ

หนุ่มบ้านนอกก็ได้แต่เดินออกจากโรงเรียนที่ตั้งความหวังว่าจะได้งานทำนั้นอย่างเงื่องหงอยและเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ในกรุงเทพก็จึงต้องจำใจ กำเงินจำนวนสุดท้ายจับรถ ซมซานกลับบ้าน อย่างนกปีกหัก



แต่เมื่อกลับถึงบ้านจึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นเพิ่งได้รับมรดกเป็นที่ดินสวนรกร้างเท่าแ มวดิ้นตายมาจากพ่อผู้ล่วงลับไปแล้ว

ด้วยความเจ็บใจจึงเกิดเป็นแรงมานะ ให้จับจอบเสียมหักร้างถางพง ที่ดินสวนเก่าที่รกร้างนั้นและค่อย ๆ พลิกฟื้นลงร่องผลไม้ไปทีละเล็กละน้อยอย่างฮึดสู้ชะตาชีวิต ด้วยความอดทน. . .



อาจเป็นบุญในปางบรรพ์ของพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้ที่ปรากฎว่า หลายปีต่อมา
สวนผลไม้ที่ลงแรงไว้นั้นออกผลอย่างงดงาม และสร้างผลกำไรมากทบทวีขึ้นทุกปี
กระทั่งสามารถเก็บเงินซื้อที่ดินในแปลงข้างเคียงขยายอาณาเขตสวนของตนเอง จนกว้างขึ้น และกว้างขึ้น. . .

หลายสิบปีต่อมาจากความขยันขันแข็ง มานะอดทนและประสบการณ์ที่เพิ่มพูน

บัดนี้หนุ่มบ้านนอกคนนั้นก็กลายเป็นชายชราที่คนทั้งเมืองรู้จักในนามของ พ่อเลี้ยงสวนผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดและภูมิภาคนั้น



อยู่มาปีหนึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวผลไม้มากมายมหาศาลและชำระบัญน้ำบัญชีเรียบร้อย
โดยฝีมือของลูกหลานที่เลี้ยงดู ให้การศึกษาและแจกงานการให้ทำในสวนนั้นแล้ว

พ่อเลี้ยงชราก็หอบเงินเป็นฟ่อน นั่งรถเข้ามาในตัวอำเภอเพื่อขอเปิดบัญชีกับธนาคารเป็นครั้งแรก

เมื่อแจ้งนาม และความจำนงกับธนาคารแล้วพนักงานถึงกับตื่นเต้นกันยกใหญ่ผู้จัดการสาขาถึงกับเดินมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยทีเดียว

เมื่อพนมมือไหว้ลูกค้าใหญ่ รายใหม่ อย่างนอบน้อมแล้วผู้จัดการก็แตะข้อต่อศอก
ยื่นใบเปิดบัญชีพร้อมปากกาปลอกทองให้กับพ่อเลี้ยงชราอย่างพินอบพิเทา

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับทางเรารู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสบริการพ่อเลี้ยงในครั้งนี้รบกวนกรอกใบเปิดบัญชีด้วยครับ

พ่อเลี้ยงชราส่ายหน้าช้าๆยื่นปากกาปลอกทองคืนให้กับผู้จัดการพร้อมกับยิ้มให้ พลางกล่าวเนิบๆ

พ่อหนุ่มช่วยกรอกรายการให้ลุงทีเถิดลุงอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้หรอก...

ผู้จัดการรับปากกาคืนมาโดยอัตโนมัติแบบงงสุดขีดพลางค่อยๆอ้อมแอ้มถามลูกค้ารายใหญ่ (มาก ) อย่างเกรงใจสุดๆ

... เอ่อ...ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ...
...เอ่อ...ขออนุญาตเรียนถามพ่อเลี้ยงด้วยความเคารพนิดหนึ่งเถิด ครับ
คือ...พวกเราในจังหวัดนี้ก็ทราบกันดีอยู่ถึงชื่อเสียงของพ่อเลี้ยงในกิจการสวนผลไม้ที่ใหญ่โตและเจริญก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคนี้
แต่... ผู้จัดการ ชะงัก ด้วยความเกรงใจ

และในที่สุดก็หลุดปากถามออกมาด้วยความฉงนที่มิอาจเก็บไว้ได้จริงจริง 

...แต่ พ่อเลี้ยงอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนหนังสือไม่ได้ หรือครับ...

...พ่อหนุ่ม พ่อเลี้ยงชรายิ้มให้ผู้จัดการสาขาของธนาคารอย่างใจดี

...ถ้าลุงอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้น่ะนะ...

แกถอนหายใจยาว

ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผู้จัดการถึงกับอึ้งไปนานเลยว่า

...ป่านนี้ ลุงก็คงได้เป็นภารโรงไปแล้วแหละ...


============ ========= ========= ========= =

คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นกับสิ่งที่คนอื่นมองเรา 
แต่ขึ้นอยู่กับตัวเรา 
โอกาสยังมีอยู่เสมอ ขอเพียงแต่มองไปรอบๆ 
ตั้งใจทำในสิ่งที่ทำได้ และทำให้เต็มความสามารถ
แล้วดอกผลจะตามมาเอง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์