20 มิถุนายน 2553 10:31 น.

สำนักปฎิบัติธรรมเขาพระรอบ

กระต่ายใต้เงาจันทร์



ความในใจของหลวงพ่อชัน อินฺทวํโส

 ข้าพเจ้าได้เดินทางไปสำนักปฎิบัติธรรม เขาพระรอบ  อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ได้พบกับกับหลวงพ่อชัน หลวงพ่อมีความในใจที่อยากจะนำมาแผยแพร่ให้สาธุชนทั้งหลายได้รับทราบ
    จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อชัน อินฺทวํโสซึ่งขณะนี้อาพาธด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคเนื้องอกทับหลอดเสียง ผ่าตัดแล้วทำให้เป็นแผลกดทับ เป็นผลให้ไม่มีเสียงเวลาพูด โรคต่อมลูกหมากโต ได้รับการรักษาโดยฉันยาประจำ มียาละลายลิ่มเลือด ยาลดไขมันในเลือดและขณะนี้ แพทย์สงสัยว่าจะมีโรคไตด้วย ได้บอกกับผู้เขียนพร้อมทั้งน้ำตาว่า มีความประสงค์และอยากถวายที่พักสงฆ์เขาพระรอบกับสมเด็จพระเทพรัตนสุดาพระบรมราชกุมารีเพราะฟังและติดตามข่าวของพระองค์ท่านตลอดทำให้เลื่อมใสศรัทธาและชีวิตนี้อยากเข้าเฝ้าพระองค์ท่านสักครั้งและถวายที่พักสงฆ์เขาพระรอบด้วยมือตนเอง ในสองครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จมาที่หุบกะพงหลวงพ่อท่านอาพาธและได้ฝากเรื่องการถวายที่พักสงฆ์แห่งนี้ไปกับญาติโยมหลายท่าน หลวงพ่อเฝ้ารอคอยด้วยใจจดจ่อว่า พระองค์ท่านจะเสด็จมาที่นี่แต่เรื่องกลับเงียบหาย

      หลวงพ่อชันท่านมีความประสงค์และตั้งใจอย่างยิ่งที่จะถวายที่พักสงฆ์เขาพระรอบแห่งนี้ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๔๕ได้ฝากและให้ข้อมูลไปกับญาติโยมหลายท่านเพื่อนำไปทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนสุดาพระบรมราชกุมารี แต่บัดนี้ล่วงเลยมาปี พ.ศ.๒๕๕๑เรื่องก็ยังเงียบหายมิได้รับคำตอบอันใดกลับมา


ขณะนี้หลวงพ่อชันอาพาธ ผู้เขียนเองได้พูดคุยและสนทนา ทุกครั้งที่เอ่ยถึงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาพระบรมราชกุมารี หลวงพ่อจะมีน้ำตาไหลออกมาและร้องไห้ทุกครั้งไปทำให้ ผู้เขียนสงสารท่านเป็นยิ่งนัก จึงปลอบใจท่านไปว่าหลวงพ่อต้องรักษาตัวเองให้หายเพื่อจะได้เจอและถวายที่พักสงฆ์แห่งนี้ด้วยมือตัวเอง ในระยะเวลาที่ผู้เขียนและดร.ฤทธิชัย แกมนาคมาเก็บข้อมูลจะเห็นว่าหลวงพ่อพยายามลุกขึ้นมาเดินด้วยตัวเอง มีคนคอยดูแลอยู่ห่างๆเพราะหลวงพ่อท่านมีกำลังใจและความหวังขึ้นมาอีกครั้ง


        ที่สำนักสงฆ์เขาพระรอบนี้ ไม่มีไฟฟ้าไม่มีน้ำประปาใช้ พระภิกษุอุบาสก-อุบาสิกาที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่นี่มาด้วยความศรัทธาและเลื่อมใสในตัวหลวงพ่อเองทั้งสิ้น สมัยที่หลวงพ่อร่างกายยังแข็งแรง หลังจากทำวัตรเย็นหลวงพ่อจะสอนญาติโยมด้วยเสียงอันดังโดยมิได้ลุกไปไหนจนกระทั้งตี๑-ตี๒บางวันสว่างคาตาก็ยังมี วิธีสอนของท่านคือให้พิจารณาจากตัวเราสอนความเป็นอนิจจังจึงมีญาติโยมเลื่อมใสศรัทธามาปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก

        หลวงพ่อชันเคยพูดหลายครั้งว่าพื้นที่สำนักสงฆ์เขาพระรอบแห่งนี้เป็นพื้นที่ในโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อมาสร้างความเจริญจึงอยากถวายคืน หลวงพ่อได้สร้างความเจริญ สิ่งก่อสร้างต่างมาจากเงินของญาติโยมที่บริจาคด้วยศรัทธา โดยมิได้เคยออกไปเรี่ยไรผู้ใด ทั้งยังอนุรักษ์ต้นไม้เน้นธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เป็นพืชสมุนไพรที่สามารถนำมารักษาโรคต่างๆได้ ความสะอาดรอบบริเวณที่พักสงฆ์ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกฝ่ายโดยมิต้องบอกและสั่งอันใดต่างทำกันด้วยความสมัครใจรูปแบบกุฏิศาลาสถานที่ปฏิบัติธรรมเป็นรูปแบบที่ชดช้อยงานละเอียดประณีตอ่อนหวานร่มรื่นเย็นตาซึ่งควรค่าแก่การรักษาและใช้ประโยชน์ให้คุมค่าเป็นอย่างยิ่งและจากการสอบถามจึงทราบว่ามาจากนิมิตและจิตนาการของหลวงพ่อมิได้มีแผนผังหรือรูปแบบอันใด
				
14 มิถุนายน 2553 13:13 น.

มิติแห่งฝัน....แสงจันทร์ร้อยใจ

กระต่ายใต้เงาจันทร์



ผู้ชายที่คุณรอนิสัยอย่างไร...คุณรอคอยใคร...
คำถาม...และหลายคนเฝ้าเวีนนวนอยากรู้
             หลับตา..แต่หัวใจ..เจ็บเหลือเกิน..คิดว่ากาลเวลารักษาแผลใจได้  คำพูดของใครบางคน    จากน้ำเสียง   การทักทาย    ทำให้ความทรงจำที่เก็บไว้   ที่หลืบลึกของซอกหัวใจ    ระริกไหวทำงานอีกครั้ง        น้ำตาหลั่งรินร้าวลึกทั่วร่างกาย   อยากจะให้ชาชิน   ไม่รู้สึก   แต่ไม่เคยสักครั้ง   หัวใจไม่รักดี  กลับมาทำร้ายเจ้าของ   ครั้งแล้วครั้งเล่า
           มองดูภาพใบไม้ที่ใส่กรอบที่คนอีกคน      ทำให้และทิ้งให้เป็นสัญญาแทนใจ    .มีหลายครั้งในหลายปี    ที่โยนภาพนี้ทิ้งถังขยะ     แต่ใจอีกฝั่งกลับไม่รักดีจะสั่งให้เก็บสิ่งนี้   มาไว้ตรงหัวเตียงข้างที่นอนเสมอ
              รอยอดีตเหมือนภาพทับซ้อน   เพิ่งเกิดขึ้น   ไม่นาน   
มโนภาพค่อยผุดพรายเวียนว่ายมาอีกครั้ง


   ตัวโตในวัยเด็ก   มักชวนตัวเล็ก  วิ่งเล่นในสวนของพ่อ
เวลาตัวเล็กถูกรังแก  ตัวโตจะปกป้อง   เวลาตัวเล็กทำการบ้านไม่ได้ 
ตัวโตจะคอยสอน   เวลาตัวเล็กงอแง    แสนงอน   ตัวโตจะเอาใบไม้มาเป่าเป็นบทเพลง   ให้ตัวเล็กฟังเสมอ
              ใบไม้ทุกใบ  มีค่า  ตัวโตมักจะสอดใบไม้ใส่สมุดให้ตัวเล็กทุกครั้งที่เจอกัน   
           มองท้องฟ้า  ความฝัน  ต้องตามความฝัน  ตัวโตไปตามความฝันอยากบินอยู่บนท้องฟ้า
           เพลงใบไม้กับใบไม้ที่ตัวโตมอบให้ใส่กรอบพร้อมกุหลาบขาวที่ตัวโตทำให้  เริ่มเก่าตามกาลเวลา
           ความห่างไกล   ทำให้ตัวโตเงียบหาย    ไร้ร่องรอยเหมือนประหนึ่งว่า   โลกนี้ไม่มีตัวโตของตัวเล็กอีกแล้ว
          สวนแห่งนั้นทรุดโทรมตามกาลเวลา   แต่มีใครบางคน
กลับไปที่จุดนั้นเสมอ  เฝ้ารอคอย  สัญญาที่เคยให้   ว่าจะพบกันใต้ต้นไม้ที่เคยเป่าเพลงให้ตัวเล็กฟัง
         จากวันแปรเปลี่ยนเป็นเดือน  จากเดือนหมุนเปลี่ยนเป็นปี
แต่หัวใจ   ใยไม่เคยเปลี่ยน   ทำไมต้องรอคอย
          มันน่าจะสิ้นสุดกันสักที  กับน้ำตา   กับสัญญาของใครบางคน
ได้แต่วิงวอน  สายลม  หอบความรัก  ข้ามขอบฟ้าไกล
         ถ้าตัวโตได้ยิน   จงโปรดกลับมาดูแลหัวใจกันอีกสักครั้ง
       คุณอยู่ที่ไหน    เสียงเรียกร้องของหัวใจ  ได้ยินบ้างไหม
       เสียงเริ่มแผ่วหาย  แต่ทำไมรอยแผลเพิ่มทับทุกวัน
     น้ำตาของตัวเล็กคงไม่มีค่า  พอที่ตัวโตจะเอื้อมมือเช็ดให้อีกแล้ว

ในทุกนาที   ทุกเวลา   ในเวลาค่ำคืน     ตัวเล็ก  ได้แต่อนิษฐาน    ผ่านแสงจันทร์    แห่งมิติของกาลเวลา

เพียงหวัง    ได้แต่เพียงหวัง    จะได้มีโอกาสพบพี่ตัวโต   อีกสักครั้ง   น้ำตาที่ไหลอาบอาบทอผ่านแสงจันทร์ยามคำคืนที่เหน็บหนาว

คงจะแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่น

				
10 มิถุนายน 2553 23:49 น.

อ่านไม่ถึง 3 นาที แต่อาจมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นอีกทั้งชีวิต

กระต่ายใต้เงาจันทร์



อ่านไม่ถึง 3 นาที แต่อาจมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นอีกทั้งชีวิต 
วันนี้ได้รับอีเมล์จาก คนที่รู้จัก ได้ส่งสิ่งดีๆมาให้จึงขอโอกาสนำเสนอ เพื่อจะได้เป็นข้อคิดสำหรับทุกๆคน ที่ต้องต่อสู้และดิ้นรน



 โลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก 
อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง 
คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย 
ไม่ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ 
ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น 
ในโลกกลม ๆ ใบนี้ ไม่มีคำว่า แน่นอน 
คนเราเมื่อ ตัวตายก็ต้องลงดิน 
ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา พักได้ แต่อย่าหยุด 
เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของคน อีกคนหนึ่ง 
ถ้าไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร 
หนทางอันยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ 
ปัญหาทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น 
จะเห็นค่าของความอบอุ่น เมื่อผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว 
อันตรายที่สุดคือ การคาดหวัง 

เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย 
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ 
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์ 
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน 
ไม่มีคำว่า บังเอิญ ในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่า ตั้งใจ 
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป 

หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ 
หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว 
ไม่เป็นขุนนางนะ ได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้ 
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง 
เมื่อวานก็สายเกินแล้วพรุ่งนี้ ก็สายเกินไป 
อย่าหวังว่าจะได้รับความรัก จากคนที่คุณรัก 
เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณ หมดทุกคน 

เพื่อนทั่วไป ไม่เห็นคุณร้องไห้ 
เพื่อนแท้ มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาให้ 
เพื่อนทั่วไป ถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ 
เพื่อนแท้ จะมาแต่หัววันเพื่อช่วยเตรียมงาน 
เพื่อนทั่วไป คาดหวังให้คุณเคียงข้างเขาเสมอ 
เพื่อนแท้ คาดหวังที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
เพื่อนทั่วไป เข้าหาผลประโยชน์ ที่ได้รับจากเรา

 
เพื่อนทั่วไปอ่านแล้วทิ้ง เพื่อนแท้จะส่งต่อๆ ไป 
ส่งผ่านให้ใครก็ได้ที่คุณห่วงใย 

				
4 มิถุนายน 2553 21:46 น.

ในสายฝน

กระต่ายใต้เงาจันทร์



สายฝนที่ร่วงหล่นจากราวฟ้า     ในความคิดของฉัน   สวยงามเยือกเย็นมีความอ่อนหวานปนอ่อนไหวในละอองฝนที่ตกลงเบาบางตา

สายฝนเหมือนใยแก้วที่เชื่อมฟ้าเชื่อมดิน  เชื่อมความรู้สึกให้หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว        

หนึ่งเม็ดฝนรวมตัวเป็นต้นน้ำ   ลำธาร   คลอง   หนอง   ห้วยบึ้ง    หยาดละอองของสายฝนจะเกาะกิ่งใบตามต้องแสงแดดอ่อนยามเช้าทาบทอเกล็ดระยิบระยับ

ดุสวยงามจับตาประดุจหนึ่งภาพฝัน

พยับแดดที่ไหวหวาบอยู่เหนือพื้นน้ำ  ในความรู้สึก   เหมือนบันไดสวรรค์ที่พาด

ทอเชื่อมสายน้ำและแผ่นฟ้า   เมฆหมอกเป็นเฉกเช่นขั้นบันได

ที่ป่ายปีนนำละอองน้ำรวมตัวเป็นดอกเมฆเบ่งดอกใบบานสะพรั่งรวมตัวอยู่ในเวิ้งฟ้าก่อนจะรวมตัวกันเป็นเม็ดฝนตกลงสู่ผืนดิน

ร่องรอย  ของความรัก   ความสุข  มิเคยจางหายจางหัวใจ

เราสองคนนั่งมองดูท้องฟ้าดูสายฝนที่ตกลงมาผิวแผ่วกระทบกาย

ไม่มีคำพูดใดๆ   จับมือ  อิงไหล่กันอย่างมีความสุขดูท้องฟ้า     หลังฝนตก


ยิ้มเงียบๆซึมซับความรู้สึกนั้น   มองตาก็รู้ใจ

ความรักทำให้ทุกสิ่งสวยงาม    ยามที่เราอยู่ด้วยกัน

ความใจดี    ความมีเมตตา   ความเอ็นดู   ที่ฉายผ่านส่องประกายสายตามาทำให้รู้สึกได้

ในสายฝน   ในความรัก    ไม่ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด   คนของหัวใจยังมั่นคงเสมอ
ในสายฝนของความทรงจำ  ความรู้สึกของฉันช่างสวยงามยิ่งนัก

				
4 มิถุนายน 2553 21:09 น.

บุรุษ คนใดคนหนึ่ง(นิทานธรรมบท)

กระต่ายใต้เงาจันทร์


เรื่องที่  ๒๑  บุรุษ คนใดคนหนึ่ง
	มีเรื่องเลากันว่า  ในมหรสพวันหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิ  โกศลทรงกระทำทักษิณพระนคร   ทรงช้างเผือกล้วนเชือกหนึ่ง  ทอดพระเนตรเห็นภรรยาของบุรุษเข็ญใจคนหนึ่ง  ซึ่งมองดูพระองค์ที่ปราสาทเจ็ดชั้น  พอพระองค์ทอดพระเนตรเห็น  นางก็หลบพระองค์  ภาพของนางเหมือนพระจันทร์หายเข้ากลีบเมฆ
	พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเสียดายเป็นกำลัง   อำนาจความรักทำให้พระองค์เป็นประหนึ่งว่าจะตกจากหลังช้าง   รีบกระทำปทักษิณพระนครแล้วรับสั่งให้อำมาตย์ไปสืบ  พอได้ความว่า  เธอผู้นั้นเป็นภรรยาของบุรุษเข็ญใจคนหนึ่ง  จึงสั่งให้บุรุษคนนั้นเข้ามาเฝ้า  บอกกับเขาว่า  ให้ปฏิบัติพระองค์อยู่ใกล้ชิดพระองค์  การที่พระองค์ทรงกระทำเช่นนั้น  ก็เพื่อจะหาโอกาสฆ่าเขาเสีย   แล้วริบเอาภรรยาของเขามาสมความปรารถนาของพระองค์
	แต่ว่า   พระเจ้าไม่ได้เข้าคนผิด  พระองค์ไม่ได้โอกาสสักที  แม้ว่า  พระองค์จะกระทำวางแผนใด ๆ  กับเขา  ก็ไม่สามารถทำให้เขาเป็นผู้มีความผิด  พอที่พระองค์จะสั่งประหารได้   จนกระทั่งครั้งสุดท้าย  พระองค์ได้ทรงสั่งให้เขาไปเอาดินสี่อรุณกับดอกโกมุทและดอกอุบล  ซึ่งอยู่ในใต้บาดาลมาแต่ว่าโชคก็คงเข้าข้างเขาอีก  โดยเขาได้บริจาคข้าวเป็นทานแก่ปลาในน้ำ  แล้วประกาศให้ส่วนบุญแก่พระยานาค  พระยานาคได้นำมาให้เขา
	พระเจ้าปเสนทิโกศลคิดกลัวว่า  จะไม่สำเร็จ  จึงสั่งให้ปิดประตูเสียแต่วัน  เพื่อมิให้เขาเข้าเมืองได้คิดว่า   รุ่งขึ้นก็จักจับเขามาประหารเสีย  แล้วริบเอาภรรยาของเขามาถึงประตูพระนครแต่วันแต่ไม่ทัน   ประตูพระนครปิดเสียก่อนเขาจึงปาดินและดอกโกมุท  ดอกอุบล   เหล่านั้นเข้าไปในประตูพระนครพร้อมทั้งประกาศว่า   เขาได้นำสิ่งที่พระราชาต้องการมาให้แล้ว  แล้วนอนอยู่ที่ศาลาภายนอกพระนคร
	คืนนั้น  พระเจ้าปเสนทิโกศลบรรทมไม่หลับ  ด้วยทรงคิดถึงหญิงนั้นเป็นกำลัง  ตกดึกทรงได้ยินเสียงเปรตจากอเวจีร้องว่า   ทุ   ส   น   โส     พระองค์ทรงตกพระทัยเป็นกำลังรุ่งเช้ารีบให้หาโหรมาดำรัสถาม   ฝ่ายโหรเองไม่รู้ไม่ชี้ก็ทูลพระองค์ว่า  เป็นพระเคราะห์ของพระองค์   ขอให้พระองค์รีบบูชายัญญ์  โดยให้จับช้าง   ม้า  โค  แม่โคนม  แพะ   แกะ  ไก่  สุกร   เด็กชาย   เด็กหญิง   อย่างละร้อย   มาฆ่าบูชายัญญ์ซึ่งพระองค์ก็ทรงสั่งให้ราชบุรุษจับคนและสัตว์เหล่านั้นมาขังไว้เพื่อจะได้จัดการฆ่าบูชายัญญ์ในวันรุ่งขึ้น
	ฝ่ายเหล่าชนที่เป็นญาติของเด็กชายเด็กหญิงเหล่านั้นต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญมาหาพระนางมัลลิกาเทวี   พระนางได้เข้าไปทูลพระเจ้าปเสนทิโกศล  ทรงเตือนให้พระองค์ทรงระลึกถึงพระศาสดา   แล้วได้พาพระองค์ไปเฝ้าพระศาสดา  ทูลเรื่องนั้นให้พระศาสดาทรงทราบ
	พระศาสดาทรงทราบเรื่อง   ก็ตรัสว่า  มิใช่เคราะห์กรรมอะไรของพระองค์ดอก   แต่หากเสียงที่พระองค์ได้ยินนั้นเป็นเสียงเปรตจากอเวจี   ซึ่งจมลงในโลหกุมภีถึง  ๓  หมื่นปีจึงได้ขึ้นมาบนปากหม้อครั้งหนึ่ง  และเขาจะกล่าวคาถา  แต่ว่าไม่สามารถจะกล่าวได้   กล่าวคนละอักษรแล้ว   ก็หมุนกลับเข้าไปสู่หม้ออย่างเดิมอีก   แล้วทรงตรัสพระคาถาเต็มว่า
พวกเราเมื่อโภคะมีอยู่  ไม่ได้ถวายทาน  ไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน  พวกเราจัดว่ามีชีวิตอยู่อย่างชั่วช้าที่สุด
เมื่อเราถูกไฟไหม้อยู่ในนรกครบ  ๖  หมื่นปีโดยประการทั้งปวง   เมื่อไรที่สุดจักปรากฏ  
ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย  ที่สุดย่อมไม่มี   ที่สุดจักมีแต่ที่ไหน  ที่สุดจักปรากฏ  เพราะว่ากรรมชั่วที่เราและท่านได้กระทำไปแล้วในกาลนั้น   เรานั้นไปจากที่นี้แล้ว   ได้กำเนิดเป็นมนุษย์จักเป็นผู้รู้ถ้อยคำที่ยาจกกล่าว  ถึงพร้อมด้วยศีล   ทำกุศลให้มากแน่
พระศาสดาตรัสเช่นนั้นแล้ว   ตรัสว่า  มหาบพิตรเปรตทั้ง  ๔  นั้น  ปรารถนาจะกล่าวคาถาคนละคาถา   แต่ไม่สามารถจะกล่าวได้  กล่าวได้เพียงคนละอักษรเดียวเท่านั้นแล้วเข้าไปสู่โลหะกุมภีนั้นอีกด้วยประการฉะนี้แล
	ฝ่ายพระราชา  เกิดความสังเวช  เพราะได้สดับเทศนานั้น  ทรงดำริว่า   ชื่อว่าปรทาริกกรรมนี้หนักหนอ   ทราบว่าชนทั้ง  ๔  นี้ไหม้ในอเวจีนรก  ตลอดพุทธันดรหนึ่ง  จุติจากอเวจีนั้นแล้วเกิดในโลหกุมภี   อีกถึง  ๖  หมื่นปี   แม้อย่างนี้ยังไม่ทราบว่า   เมื่อไรจักพ้นทุกข์   เราทำความเยื่อใยในภรรยาของคนอื่น   ไม่ได้หลับตลอดคืนยังรุ่ง   บัดนี้   ตั้งแต่นี้ไป   เราจักไม่ผูกความไม่พอใจในภรรยาของชายอื่นละ  แล้วจึงกราบทูลพระศาสดาว่า   ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์ทราบความที่ราตรีนานไนวันนี้เอง
	บุรุษนั้น   นั่งอยู่ในที่นั้น  ฟังถ้อยคำนั้น  คิดว่า  เราได้ปัจจัยมีกำลัง  จึงกราบทูลพระศาสดาว่า  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  พระราชาทรงทราบว่าราตรีนั้นนาน   ในวันนี้ก่อนข้าส่วนพระองค์เองได้ทราบว่าโยชน์ไกลในวันวาน
	พระศาสดาทรงเทียบเคียงถ้อยคำ  ของคนทั้งสองแล้วตรัสว่า   ราตรีของคนบางคนย่อมเป็นเวลานาน   โยชน์ของคนบางคนเป็นของไกล   ส่วนสงสารของคนพาลย่อมเป็นสิ่งที่ยาว   แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า
	ราตรีของผู้ตื่นอยู่   นาน   โยชน์ของคนเดินทางไกล  เมื่อยล้า   ไกล   สงสารของคนพาลทั้งหลายผู้ไม่รู้สัทธรรม   ย่อมยาว
	ในเวลาจบเทศนา  บุรุษนั้นบรรลุโสดาปัตติผล   ฝ่ายพระราชาถวายบังคมพระศาสดาแล้ว  เสด็จกลับไปรับสั่งให้ปล่อยสัตว์เหล่านั้นจากเครื่องจองจำ   ทั้งหญิงทั้งชายต่างดีอกดีใจ   กล่าวสรรเสริญพระคุณของพระนางมัลลิกาเป็นอันมาก
	ตกเย็น  พวกภิกษุสนทนาในโรงธรรมว่า   น่าสรรเสริญ   พระนางมัลลิกานี้ฉลาดมาก   ทรงอาศัยพระปัญญาของพระองค์   ได้ประทานชีวิตแก่ชนเป็นอันมากได้
	พระศาสดาเสด็จมาทรงตรัสถามพวกเธอ   เมื่อทรงทราบเรื่องนั้นแล้ว   จึงตรัสอดีตนิทานว่า
	นานมาแล้ว   โอรสของพระเจ้าพาราณสีองค์หนึ่ง   เข้าไปบนบานศาลกล่าวกับเทพเจ้าที่สถิตอยู่ที่ต้นไทร  ขอให้ได้ราชสมบัติ   เมื่อพระราชบิดาทรงสวรรคตแล้ว  จะจับพระราชาในชมพูทวิปทั้งสิ้นพร้อมด้วยพระอัครมเหสี  ๑๐๑  พระองค์มาเชือดคอสังเวย
	ต่อมาไม่นาน  พระองค์ได้ราชสมบัติ   ทรงระลึกถึงปฏิญญาณที่ตนได้ให้ไว้ต่อเทพเจ้าที่ต้นไทรต้นนั้น   จึงทรงพาเสนาหมู่ใหญ่  ไปจับพระราชาทั้ง  ๑๐๑  พระองค์  นำมา  ณ  ที่นั้น  ฝ่ายเทพดาเห็นดังนั้นก็ตกใจ  ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร   กลัวว่าพระราชาในชมพูทวิปเหล่านั้นจะต้องสิ้นพระชนม์เพราะตนคนเดียว  จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเทพดาองค์อื่น   ก็ไม่มีใครสามารถจึงเขาไปหาท้าวสักกะ   ท้าวเธอได้ทรงตรัสบอกอุบายให้ว่า   จงแสดงตนให้พระราชาเห็น   นุ่งผ้าแดง   แสดงอาการดุจออกไปจากต้นไม้ของตน   เมื่อเป็นเช่นนี้  พระราชาจะคิดว่า   เทวดาของเราไปเสียแล้ว   เราจักให้เทวดากลับมาแล้วจักอ้อนวอนท่านด้วยประการต่าง ๆ  ท่านบนต่อเราไว้ว่าจักนำพระราชา  ๑๐๑  กับพระอัครมเหสีทั้งหลาย   มาทำพลีด้วยโลหิตในพระศอของพระราชาเหล่านั้น  แต่ท่านทิ้งเทวีของพระเจ้าอุคคเสนไว้   เราจักไม่รับพลีของคนผู้มักพูดเท็จเช่นกับพระองค์   เมื่อท่านพูดเช่นนี้  พระราชาก็จักให้นำพระเทวีนั้นมา   พระเทวีนั้นแสดงธรรมแก่พระราชาให้ชีวิตทานแก่พระราชาทั้งหมดได้   เทวดาได้กระทำเช่นนั้นทุกประการพระราชาได้รับสั่งให้นำพระเทวีนั้นมาแล้ว
	ฝ่ายพระเทวี   มาถวายบังคมพระราชาผู้สามีของตนเท่านั้น   แม้ประทับนั่ง  ณ  ที่สุดของพระราชาเหล่านั้น  พระราชากริ้ว  ตรัสว่า
	เธอไม้ไหว้เราที่เป็นใหญ่กว่าพระราชาทั้งหมด   ไหว้สามีของเธอ  ซึ่งเป็นผู้น้อยกว่าพระราชาทั้งหมด
	เรื่องอะไรของหม่อมฉันต้องเกี่ยวข้องกับพระองค์เล่าพระราชาองค์นี้เป็นสามีผู้ให้ความเป็นใหญ่แก่หม่อมฉัน   ไม่ไหว้พระราชาพระองค์นี้  แล้วจักไหว้พระองค์ทำไม
	เทวดากล่าวว่า   ถูกแล้ว   พระเทวีผู้เจริญ  แล้วบูชาพระเทวีด้วยดอกไม้กำหนึ่ง
 	ฝ่ายพระราชาตรัสต่อไป  ถ้าเธอไม่ไหว้เรา   ทำไมจึงไม่ไหว้เทวดาของเราผู้มีอานุภาพมากอย่างนี้   ผู้ให้สิริราชสมบัติแก่เราเล่า
	ข้าแต่มหาราช   พระราชาทั้งหมด   พระองค์ทรงตั้งอยู่ในบุญของพระองค์  จึงจับได้  ไม่ใช่เทวดาจับถวาย
	ขณะนั้น  เทวดาได้บุชาพระนางด้วยดอกไม้อีกกำหนึ่ง
	พระองค์ตรัสว่า   พระราชาทั้งหมดนี้   เทวดาจับให้เรา   พระเทวีตรัสต่อไป  บัดนี้ต้นไม้ถูกไฟไหม้  ณ  ข้างซ้ายในเบื้องบนเทวดา   เทวดาของพระองค์  ทำไมเทวดานั้นจึงไม่สามารถจะดับไฟนั้นได้   ถ้าเทวดามีอานุภาพมากอย่างนั้น
	เทวดาได้บูชาเธออีก
	ขณะที่พระเทวีตรัสอยู่นั้น  พระองค์ทั้งทรงกันแสงทั้งทรงพระสรวล  พระราชาจึงตรัสถามว่า  เธอบ้าหรือดีนี่
	ขอเดชะ   ทำไมพระองค์จึงเหมาคนอย่างหม่อมฉันว่าเป็นบ้า   พระเทวีย้อนถาม
	เธอทั้งร้องไห้  ทั้งหัวเราะ   ก็จะไม่ให้ฉันว่าเป็นบ้าได้อย่างไร
	พระองค์จงสดับเถิด   พระเทวีตรัสตอบ   นานมาแล้ว   หม่อมฉันได้ฆ่าแพะตัวหนึ่งไหม้ในนรก   ด้วยเศษผลห่างกรรม   จึงได้ถูกตัดศีรษะด้วยการนับขนแม่แพะตัวนั้น  แต่ว่าพระองค์ฆ่าคนถึงขนาดนี้เมื่อไรจึงจะพ้นจากทุกข์ได้   หม่อมฉันเห็นเหตุนี้   จึงได้ร้องไห้
	แล้วทำไมเธอจึงหัวเราะเล่า   พระราชาตรัสถามต่อไป
	หม่อมฉันยินดีว่า   หม่อมฉันพ้นทุกข์แล้ว   จึงได้หัวเราะ
	คำพูดของพระเทวีทำให้พระราชาทรงสลดพระทัยยิ่งจึงได้สั่งให้ปล่อย  พระราชาเหล่านั้นกลับไปยังพระนครของตนโดยอาการขอขมาทั่วทุกพระองค์  ดังนี้แล ฯ

คติจากเรื่องนี้
การฆ่าคนอื่นเพื่อความสุขของตนเองนั้น  มิใช่การกระทำของคนที่ฉลาดเลย   หากเป็นการกระทำของคนที่โง่บัดซบนั้นมากกว่า

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์