27 มิถุนายน 2553 14:50 น.

ความรู้สึกในวันสอบ

กระต่ายใต้เงาจันทร์


วันนี้เป็นวันสอบวิชานโยบายสาธารณะ  ซึ่งเป็นวิชาแรกที่ลงเรียนต่อปริญญาโท    อาจารย์     ผศ.ดร. เพ็ญศรี  ฉิรินัง   ท่านบอกว่า   เปิดหนังสือ  ตอบได้  แต่ไม่มีในหนังสือมาออกข้อสอบคะนักศึกษา
แต่เพื่อความมั่นใจ   เพื่อนนักศึกษาหลายคนขนหนังสือกันมาเป็นตั้งทีเดียว  ซึ่งรวมทั้งตัวเองด้วย   นี่ยังไม่นับข้อมูลที่หามาได้จากเวปต่างๆที่มากันถ่ายเอกสารมา   แล้วก็เริ่มรู้ว่า   สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง    แหม   คำพูดท่านศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าอะไรในโลกตอนนี้   ข้อสอบไม่มีในหนังสือสักเล่มที่มากันขนมาเพื่อความอุ่นใจ      เลยได้แต่นั่งมอง   ชำเลืองมอง   เอาน่า....  เจ้าหนังสือนึกว่าว่าเที่ยวและนั่งสอบเป็นเพื่อนกันน่ะ
ข้อสอบออกเชิงแนววิเคราะห์ทั้งสี่ข้อ    อ่ะ...วิญณาณเริ่มกลับเข้าร่างอีกแล้วทีนี้   ไล่ยังไงก็ไม่ออก    ถึงกับกินข้าวกลางวันกันไม่ลงทีเดียว   เพราะสั่ง  ข้าวกล่องมากินกันที่ห้อง
พอทำข้อสอบเสร็จ   หลายคนเพิ่งนั่งทานข้าว    รู้สึกถึงความโล่งอกอิสระเสรีเหนืออื่นใด
นักศึกษารุ่นเจ็ดทุกคน  หวังว่า   จะได้พบ  และ   เจออาจารย์กลับมาสอนวิชาอื่นในคณะนี้อีกครั้ง  คะ
				
25 มิถุนายน 2553 12:32 น.

ตัวแบบระบบกับนโนบาย30บาทรักษาทุกโรค

กระต่ายใต้เงาจันทร์



นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กับ ตัวแบบระบบ
 
นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กับ ตัวแบบระบบ (The System Model)
 
บทนำ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ของรัฐบาลทักษิณ ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ และสถานพยาบาลทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ดังนั้น ผู้เขียนจึงเห็นว่า นโยบายดังกล่าวหากนำมาจัดรูปแบบให้เข้ากับตัวแบบทางด้านนโยบายแล้ว ตัวแบบที่มีความเหมาะสมกับนโยบายนี้ คือ ตัวแบบระบบ (The System Model) ของ David Easton โดยผู้เขียนจะขออธิบายถึงที่มา ความสำคัญของนโยบาย และสุดท้ายจะเป็นลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคกับตัวแบบระบบ (The System Model) ดังจะได้กล่าวต่อไป
ประวัติและความสำคัญของนโยบาย
 
การให้บริการและการเข้าถึงการบริการในการประกันสุขภาพ ถือเป็นภาระกิจหลักที่รัฐบาลจะต้องให้ความสำคัญ หากทำการศึกษาแหล่งที่มาของแนวคิดเกี่ยวกับนโยบายในการประกันสุขภาพให้กับประชาชน รัฐบาลในยุคที่ผ่านมาล้วนแต่ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้พอสมควร ยกตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ เมื่อ พ.ศ.2518 สมัยรัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ได้มีโครงการสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย(สปน) ต่อมาเมื่อสมัยของรัฐบาลชวนก็ได้มีการออกแบบโครงการสวัสดิการประชาชนในด้านการรักษาพยาบาล(สปร) ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2544 พรรคไทยรักไทยซึ่งมีคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค ก็ได้ชูนโยบายในการหาเสียงในการเลือกตั้งและได้คลอดโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจและถูกจับจ้องจากประชาชนมาโดยตลอดจนเรียกว่า นโยบายประชานิยม ต่อมาหลังจากที่พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับรัฐบาล โดยที่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ได้นำเข้ามาสู่กระบวนการทางการเมืองด้วยการแปรรูป ( conversion process) ออกมาเป็นนโยบายโดยมีเจ้าภาพหลักในการสนองตอบต่อนโยบาย คือ กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานในการบังคับบัญชาในการสั่งการ ออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ ให้กับหน่วยงานที่ร่วมโครงการอันประกอบด้วย โรงพยาบาล และ สถานีอนามัย เป็นต้น โดยเริ่มโครงการนำร่องตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายนและดำเนินการทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2544 (ยกเว้น กทม.ชั้นในที่เริ่มเมื่อเมษายน 2545) 
 
นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ดังที่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 หรือฉบับที่ 16 หมวดที่ 5 มาตรา ๘๒ รัฐต้องจัดและส่งเสริมการสาธารณสุขให้ประชาชนได้รับบริการที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งหากตีความตามหลักกฎหมายคือ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะต้องให้การบริการในด้านการรักษาพยาบาลให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง โดยที่ไม่มีช่องว่างในการบริการระหว่างคนรวยและคนจน นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ในระยะเริ่มแรกได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะคนระดับรากหญ้า แต่ในขณะเดียวกันนโยบายก็ได้สร้างความโกลาหลให้กับโรงพยาบาล ( hospitals) ผู้บริหารระดับสูง ( Strategic Apex) และผู้ปฎิบัติงาน (Operating Core ) เนื่องจากการขาดงบประมาณที่จะมาสนับสนุนในการดำเนินงานผสมกับการเหมาจ่ายรายหัว ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษาโรคไม่ค่อยที่จะมีประสิทธิผลมากนัก สุดท้ายนพมาซึ่งการวิพากวิจารณ์นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ว่าแท้จริงแล้วตัวนโยบายส่งผลในทางบวกหรือทางลบมากกว่ากัน
ตัวแบบระบบ (The System Model)
 
David Easton ถือเป็นนักรัฐศาสตร์ท่านแรกที่ได้นำเสนอกรอบแนวคิดในการวิเคราะห์การเมืองอย่างเป็นระบบ (The Political System) เป็นการอธิบายถึงความสัมพันธ์ของสภาพแวดล้อมที่ส่งผมกระทบต่อระบบการเมือง โดยอาศัยกระบวนการเรียกร้อง สถานการณ์ต่างๆ สู่กระบวนการนำเข้า(input) ของแหล่งข้อมูลซึ่งมีทั้งส่วนที่สนับสนุนและคัดค้าน เช่นเดียวกันกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หลังจากนั้นเมื่อมีการนำข้อมูลที่ได้รับจากสภาพแวดล้อมที่น่าจะมีเหตุผลและน่าเชื่อถือได้ก็เข้าสู่กระบวนการทางการเมืองแปรรูป (political system) ให้ออกมาในรูปของนโยบาย(output)โดยมีเจ้าภาพในการดำเนินการหลักคือกระทรวงสาธารณสุข และสุดท้ายก็เป็นการประเมินผล ( feedback)ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียตามมา
 
ความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายกับตัวแบบระบบ 
 
จากกรอบตัวแบบระบบจะเห็นได้ว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ก่อกำเนิดมาจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ โดยอาศัยการสนับสนุนในส่วนของประชาชน ข้อเรียกร้อง สภาพทางสังคม และแนวทางพื้นฐานแห่งรัฐ ขณะเดียวกันก็มีเสียงคัดค้านจากสถานพยาบาล ผู้บริหารระดับสูง พนักงานสายปฎิบัติ เป็นต้น หลังจากนั้นรัฐบาลได้นำแนวคิดดังกล่าวสู่กระบวนการทางการเมืองด้วยการแปรรูปออกมาเป็นนโยบาย โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหัวจักรสำคัญในการสนองตอบนโยบาย และสุดท้ายก็นำมาสู่กระบวนการประเมิน

ผลของนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งมีทั้งข้อดีและเสีย รัฐบาลจะต้องนำข้อมูลมาทำการศึกษาและวิเคราะห์ผลของนโยบายต่อไปและเข้าสู่กระบวนการเดิม เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นว่าหากระบบในการบริหารจัดการดี มีทรัพยากรที่พอเพียง

 การที่จะปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลต่างๆก็จะสนองตอบนโยบายได้เป็น
อย่างดี แต่หากขาดสิ่งที่มาสนับสนุนดังที่กล่าวมาการที่จะนำพานโยบายให้บรรลุผลก็คงสำเร็จยากแน่นอน
 
ที่มา : http://www.saranair.com   httสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดจันทบุรีขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้คะ



โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคโดย นายธนธรณ์  จันแปงเงิน 
	หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น ได้เริ่มมีแนวคิดนี้ตั้งแต่ในอดีต โครงการ 

ในการเขียนครั้งนี้ไม่เวลาเรียบเรียงข้อมูลจากหลายแห่งความรู้ที่หามาได้  ให้

เหมาะสมและสอดคล้อง  ขอให้ผู้ที่สนใจ   นำไปอ่าน  และ  วิเคราะห์ประกอบข้อมูลกันเอาเองคะ


ขอขอบคุณเวปทุกเวปที่เรียนความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยคะ







	 ก็เป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จนเมื่อพรรคไทยรักไทยเข้ามาก็ได้ผลักดันให้เกิดโครงการ 30 บาทฯ อย่างรวดเร็วภายใต้คำขวัญ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค  โดยรัฐบาลได้ออก พรบ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545  เพื่อรองรับ โครงการ 30 บาท
	โครงการ 30 บาท ไม่ใช่โครงการเดียวที่เกี่ยวกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และก่อนหน้านี้แนวคิดนี้ก็ได้มีหลายฝ่ายร่วมกันผลักดัน  แต่การเกิดขึ้นของโครงการนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการสร้างหลักประกันสุขภาพแบบถ้วนหน้าในไทย 

   ซึ่งโครงการนี้ยังส่งผลไปยังโครงการอื่นต้องเร่งปฏิรูปให้ดีขึ้น 
	แต่เนื่องจากโครงการ 30 บาท ถูกผลักดันอย่างรวดเร็วจนคล้ายกับว่ารัฐบาลไม่ได้คิดที่จะปฏิรูประบบประกันสุขภาพทั้งระบบ เป็นแค่การหาเสียงเท่านั้น  ทำให้โครงการทั้งหลายยังประสบปัญหาต่างๆ รวมทั้งสิทธิ์ที่ซ้ำซ้อนกัน ยังทำให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีรูปร่างที่ต่างจากที่หลายฝ่ายเคยวาดฝันไว้ 
ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดนโยบาย
	รัฐธรรมนูญ 2517 ( หลังเหตุการณ์ 14 ต.ค. 16 ) เขียนว่า รัฐพึงให้การรักษาแก่ผู้ยากไร้โดยไม่คิดมูลค่า 

	2518  รัฐบาล มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช  จัดเงินสำหรับสงเคราะห์ ประชาชนผู้มีรายได้น้อยด้านการรักษาพยาบาล  ( สปน. คือ
สิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราชการของประชาชน
        พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540   กำหนดสิทธการรับรู้
ข้อมูลข่าวสารของราชการของประชาชนไว้    ดังนี้     " บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสีย
เกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม   ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดูขอสำเนาหรือขอสำเนาที่มีคำรับรอง
ถูกต้องของข้อมูลข่าวสารได้   ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการจะวางหลักเกณฑ์เรียกค่าธรรมเนียมในการนั้นก็ได้ ในการนี้ให้
คำนึงถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วย ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะ
บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น   คนต่างด้าวจะมีสิทธิตามมาตรานี้เพียงใดให้เป็นไปตามที่
กำหนดโดยกฎกระทรวง "
        ซึ่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูล
ข่าวสารตามมาตร 7 มาตรา 9 ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดู และเผยแพร่ 
ณ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ
	 ข้อมูลตามมาตรา 7 หน่วยงานของรัฐ.ต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ลงในราชกิจจานุเบกษา 
	     (1). โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
	     (2). สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน 
	     (3). สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
	     (4). กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบายหรือการตีความ ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มี ขึ้นโดยสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
	     (5). ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
	ข้อมูลตามมาตรา 9 ภายใต้บังคับมาตรา 14 และมาตรา 15 หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
	     (1). ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัยดังกล่าว
	     (2). นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 7 (4)
	     (3). แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ 
	     (4). คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่เอกชน 
	     (5). สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงมาตรา 7 วรรคสอง 
	     (6). สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ 
	     (7). มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมาย หรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในการพิจารณาไว้ด้วย 
	     (8). ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
	
	2532  รัฐมีนโยบายให้การรักษา โดยไม่คิดมูลค่า แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป  ต่อมาขยายให้ รักษาเด็กแรกเกิด ถึง 12 ปี ผู้พิการ ทหารผ่านศึกและครอบครัว ภิกษุ สามเณร ผู้นำศาสนา
	2537  เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น สวัสดิการประชาชนด้านการรักษาพยาบาล ( สปร. )
	. สถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ ( สปร  เป็นหน่วยงานคือโรงพยาบาลที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในหลายด้าน  เช่น  การบริการผู้ป่วย  มาตรฐานการรักษาผู้ป่วย  เป็นต้น

 
	เม.ย. 2544 เริ่มโครงการ 30 บาท 6 จังหวัดนำร่อง ออกบัตรทองสำหรับประชาชนกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพอื่นๆ  ดำเนินการลักษณะเดียวกับ สปร. 
	ต.ค. 2544   ขยายโครงการ 30 บาท ครบทุกจังหวัด  ยุบรวมโครงการ สปร. เป็นบัตรทองหมวด ท ( ไม่ต้องจ่าย 30 บาท ) เลิกขายบัตรสุขภาพ 500 บาท เปลี่ยนเป็นบัตรทองทั้งหมด
 สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือสิทธิบัตรทอง เป็นสิทธิการรักษาของประชากรไทย ที่เป็นสิทธิพื้นฐานเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิการรักษาที่เสมอภาค และเท่าเทียมกันในการรักษานอกเหนือจากสิทธิอื่นที่มี ซึ่งประชาชนคนไทยทุกมีสิทธิในการเลือกโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ที่ตัวเองสะดวกในการเข้ารับการรักษา สามารถใช้สิทธิเมื่อเจ็บป่วย โดยเงื่อนไขในการใช้บริการในหน่วยบริการนั้นสามารถจำแนกวิธีการใช้บัตรทองออกตามกรณีต่าง ตามลักษณะการเจ็บป่วยของเราได้ดังนี้ 
	เจ็บป่วยทั่วไป 
1.	เข้ารับการรักษาพยาบาลที่หน่วยบริการปฐมภูมิก่อนทุกครั้ง
2.	แจ้งความจำนงขอใช้สิทธิพร้อมแสดงหลักฐานประกอบ ได้แก่ บัตรประกันประกันสุขภาพถ้วนหน้า  บัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นใดที่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย  หากเป็นเด็กใช้สูติบัตร (ใบเกิด)
3.	ควรเข้ารับบริการในวัน เวลาราชการ  หรือเวลาที่หน่วยบริการกำหนดไว้
	เจ็บป่วยฉุกเฉิน การวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยฉุกเฉิน  แพทย์จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ ดังนี้ 
1.	โรคหรืออาการของโรคที่มีลักษณะรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต หรืออันตรายต่อผู้อื่น
2.	โรคหรืออาการของโรคที่มีลักษณะรุนแรง  ต้องรักษาเป็นการเร่งด่วน
3.	โรคที่ต้องผ่าตัดด่วน  หากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต
4.	โรคหรือลักษณะอาการของโรคที่คณะกรรมการกำหนด 
ทั้งนี้  แพทย์จะพิจารณาจากความดันโลหิต ชีพจร อาการของโรค การวินิจฉัยโรค แนวทางการรักษาและความเร่งด่วนในการรักษาประกอบด้วยแนวทางการใช้สิทธิ  คือ 
	  
1.	เข้ารับการรักษากับหน่วยบริการของรัฐหรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการที่อยู่ใกล้ที่สุด
2.	แจ้งความจำนงขอใช้สิทธิพร้อมแสดงหลักฐานประกอบ  ได้แก่ บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรประจำตัวประชาชน หรือเอกสารอื่นใดที่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย หากเป็นเด็กใช้สูติบัตร (ใบเกิด)
3.	กรณีฉุกเฉิน  สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการอื่นนอกเหนือหน่วยบริการประจำได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปีงบประมาณ  
	กรณีอุบัติเหตุ ผู้มีสิทธิสามารถเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่หน่วยบริการอื่นนอกเหนือหน่วยประจำครอบครัวได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง  โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้ 
o	กรณีได้ประสบอุบัติเหตุทั่วไป 
1.	 ควรเข้ารับการรักษายังหน่วยบริการของรัฐหรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ และอยู่ใกล้ที่สุด
2.	แจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิพร้อมแสดงเอกสารประกอบ  ได้แก่  บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า  บัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นใดที่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย  หากเป็นเด็กใช้สูติบัตร (ใบเกิด)
o	กรณีประสบภัยจากรถ ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิบัตรทองต่อเนื่องจากค่าเสียหายเบื้องต้นที่กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ หรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้จ่าย โดย
	เข้ารับการรักษายังหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ
1.	แจ้งใช้สิทธิพร้อมหลักฐานประกอบ ได้แก่ บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นใดที่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย (หากเป็นเด็กใช้สูติบัตร) สำเนา พ.ร.บ.รถที่ประสบภัย
2.	หากมีความเสียหายเกินค่าเสียหายเบื้องต้น ให้ผู้ป่วยสำรองจ่ายแล้วไปรับคืนจากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี (กรณีได้ข้อยุติว่ารถคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด)
	เข้ารับการรักษายังหน่วยบริการที่ไม่เข้าร่วมโครงการ
1.	แจ้งใช้สิทธิบัตรพร้อมหลักฐานประกอบได้แก่ บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรประจำตัวประชาชน หรือหลักฐานอื่นใดที่ราชการออกให้และมีรูปถ่าย (หากเป็นเด็กใช้สูติบัตร) สำเนา พ.ร.บ.รถที่ประสบภัย
2.	ติดต่อสายด่วน สปสช.(สำนักงานหลักประกันสุขภาพ) 1330 เพื่อประสานหาเตียงรองรับ  ในการใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าต่อเนื่อง
3.	หากมีความเสียหายเกินค่าเสียหายเบื้องต้น  ให้ผู้ป่วยสำรองจ่ายแล้วไปรับคืนจากบริษัทประกันภัยของคู่กรณี (กรณีได้ข้อยุติว่ารถของคู่กรณีเป็นฝ่ายผิด)
	  
o	หมายเหตุ : ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ไม่ได้กำหนดให้โรงพยาบาลเรียกเก็บแทนผู้ประสบภัย
	การส่งต่อเพื่อการรักษาต่อเนื่อง 
1.	เข้ารับการรักษา ณ หน่วยบริการที่ระบุในบัตรทอง
2.	แจ้งความจำนงเพื่อขอใช้สิทธิทุกครั้ง พร้อมทั้งแสดงบัตรทองและบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายซึ่งทางราชการออกให้ (เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาใบสูติบัตร (ใบเกิด)
3.	หากการรักษาพยาบาลครั้งนั้นเกินศักยภาพของหน่วยบริการปฐมภูมิ หน่วยบริการปฐมภูมิจะพิจารณาส่งต่อไปยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพที่สูงกว่า ตามภาวะความจำเป็นของโรค

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
	ก.ย.นี้ยกเลิกบัตรทอง ใช้บัตรปชช.แทน พร้อมนำร่อง 8 จังหวัด 
 

       ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวเกี่ยวกับบัตรประกันสุขภาพ หรือที่รู้จักกันในนาม บัตรทอง 30 บาท   วิทยา ประกาศเตรียมยกเลิกใช้บัตรทองไปหาหมอทั่วประเทศปลายเดือนก.ย.นี้ ชี้ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ในโรงพยาบาลตามสิทธิ ขณะที่ ต.ค.นี้ เริ่มใช้บัตรใบเดียวได้ทุกโรงพยาบาลในจังหวัดนำร่อง 8 จังหวัด พร้อมศึกษาผลกระทบข้อดี-เสียก่อนขยายผลทั่วประเทศ
       
       วานนี้(22 มิ.ย.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการให้ประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองทั่วประเทศที่มีประมาณ 47 ล้านคน ไม่ต้องนำบัตรทองไปแสดงในการเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลตามสิทธิ แต่สามารถแสดงเพียงบัตรประชาชนใบเดียวก็เข้ารับบริการในสถานบริการแห่งนั้นได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการมากขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นมามีการนำร่องไปแล้วใน 37 จังหวัด และภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้จะดำเนินการให้คลอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ
       
       นายวิทยา กล่าต่อว่า ทั้งนี้ ภายในเดือนตุลาคมนี้ จะดำเนินการให้ผู้ป่วยตามสิทธิดังกล่าวสามารถเข้ารับบริการในโรงพยาบาลใดก็ได้ภายในจังหวัด ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลเฉพาะในโรงพยาบาลที่ระบุตามสิทธิเท่านั้น โดยใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวในการขอรับบริการเช่นเดียวกัน ซึ่งจะนำร่องใน 8 จังหวัด ภาคละ 2 จังหวัด ขณะนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)กำลังดำเนินการคัดเลือกจังหวัดที่มีความพร้อม
       
       ผมได้มอบนโยบายให้คัดเลือกจังหวัดที่มีทั้งขนาดเล็ก กลางและใหญ่ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการศึกษาข้อดีข้อเสียก่อนที่จะมีการประกาศใช้มาตรการนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และในอนาคตอาจจะมีการพัฒนาให้สามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลใดก็ได้ในประเทศไทยนายวิทยากล่าว
       
       นายวิทยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะมีการศึกษาผลกระทบทั้งข้อดี ข้อเสียของ โครงการบัตรคนไทยใบเดียว ซึ่งสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลที่มีการนำร่องใน 8 จังหวัด เพราะอาจเกิดปัญหาช้อปปิ้ง อะราวด์ (Shopping around) คือ มีผู้ป่วยเวียนเข้ารับบริการในโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อนำยามาขาย ซึ่งพบว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้นในระบบสวัสดิการราชการแล้ว ดังนั้นคงต้องหาทางแก้ไขปรับปรุง ให้ระบบแต่ละโรงพยาบาลมีการเชื่อมโยงกันและสามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ป่วยแต่ละรายไปรับบริการที่โรงพยาบาลใดมาบ้างและได้รับยาไปจำนวนมากน้อยเท่าไหร่ เพื่อที่แพทย์จะได้ไม่สั่งยาหรือให้บริการซ้ำซ้อน
       
       อาจมีความจำเป็นต้องมีการรื้อระบบฐานข้อมูลทั้งหมด ซึ่งสปสช.จะเป็นผู้วางระบบในเรื่องนี้ จนเมื่อระบบลงตัว ก็สามารถที่จะขยายให้ใช้มาตรการนี้ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้เวลามากน้อยเท่าไหร่ คงต้องมีการพัฒนาระบบต่อไปนายวิทยากล่าว
       
       นายวิทยา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ.2545 ซึ่งมีผลบังคับใช้มานานถึง 7 ปี อาจจำเป็นต้องมีการแก้ไขปรับปรุง เนื่องจากเนื้อหาสาระบางส่วนตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ เช่น การรวมสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเข้าด้วยกัน และการให้สปสช.เร่งรณรงค์การส่งเสริมสุขภาพประชาชนเป็นหลักเพราะปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น ส่วนเรื่องที่จะให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ายาหรือค่ารักษาพยาบาลนั้น ส่วนตัวเป็นว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็น เพราะการรักษาพยาบาลในบางโรคผู้ป่วยก็ร่วมจ่ายอยู่แล้ว เช่น การฟอกไต ที่ผู้ป่วยต้องร่วมจ่าย 500 บาท แต่สิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการคือการลดจำนวนเงินที่ผู้ป่วยต้องร่วมจ่ายลง

  

  
				
24 มิถุนายน 2553 16:19 น.

วิชานโยบายสารธารณะ

กระต่ายใต้เงาจันทร์



นโยบายสาธารณะและการวางแผน  (อ.สมบัติ) 
กรอบแนวคิดเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ 
ความหมายและแนวความคิด 
1.1            Ira Sharkansky 
นโยบายสาธารณะ คือ กิจกรรมที่กระทำโดยรัฐบาลซึ่งครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมดของรัฐบาล 
1.2            Thomas R. Dye 
นโยบายสาธารณะ คือ    สิ่งที่รัฐบาลเลือกจะกระทำหรือไม่กระทำ  ในส่วนที่จะกระทำครอบคลุมกิจกรรมต่างๆ ทั้งหมดของรัฐบาล  ทั้งกิจกรรมที่เป็นกิจวัตรและกิจกรรมที่เกิดขึ้นในบางโอกาส 
เราอาจกล่าวได้ว่านโยบายสาธารณะเป็นผลผลิตของระบบการเมืองและนโยบายสาธารณะจะส่งผลกระทบทางใดทางหนึ่งต่อวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชน อาทิเช่น สิ่งที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทำหรือไม่กระทำเกี่ยวกับปัญหาต่างๆเช่นปัญหา มลพิษ ปัญหาเศรษฐกิจ ป็นต้น 
องค์ประกอบของนโยบายสาธารณะ 
เป็นกิจกรรมที่รัฐบาลจะกระทำหรือไม่กระทำ 
เป็นการใช้อำนาจของรัฐในการจัดสรรกิจกรรมเพื่อตอบสนองค่านิยมของสังคม 
ผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายสาธารณะ ได้แก่ ผู้นำทางการเมือง ฝ่ายบริหาร  ฝ่ายตุลาการ ประมุขของประเทศ  ตัวอย่าง โครงการพระราชดำริ 
กิจกรรมที่รัฐเลือกที่จะกระทำต้องมีเป้าหมาย วัตถุประสงค์ หรือ จุดมุ่งหมาย 
กิจกรรมที่เลือกกระทำจะต้องมีผลลัพธ์ในการแก้ปัญหาที่สำคัญของสังคม 
เป็นการตัดสินใจที่จะกระทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนจำนวนมากมิใช่การตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล 
เป็นกิจกรรมที่คลอบคลุมทั้งภายในและภายนอกประเทศ 
เป็นกิจกรรมที่รัฐเลือกที่จะกระทำหรือไม่กระทำอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางบวกและทางลบต่อสังคม 
สรุป นโยบายสาธารณะ หมายถึง กิจกรรมของรัฐบาลที่เลือกจะกระทำหรือไม่กระทำโดยมุ่งถึงค่านิยมและผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญโดยเน้นข้อบัญญัติที่ชอบด้วยกฎหมาย 
ความสำคัญของนโยบายสาธารณะ 
1.ความสำคัญต่อผู้กำหนดนโยบาย 
รัฐบาลที่สามารถกำหนดนโยบายให้สอดคล้องกับ   ความต้องการของประชาชน และสามารถนำนโยบายไปปฏิบัติจนประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะได้รับความเชื่อถือ  และความนิยมจากประชาชน ส่งผลให้รัฐบาลดังกล่าวมีโอกาสในการดำรงอำนาจในการบริหารประเทศยาวนานขึ้น 
2 ความสำคัญต่อประชาชน 
นโยบายสาธารณะเป็นผลผลิตทางการเมืองเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ดังนั้นประชาชนสามารถแสดงออกซึ่งความต้องการของพวกเขาผ่านกลไกทางการเมืองต่างๆเช่น ระบบราชการ นักการเมือง ความต้องการดังกล่าวจะถูกนำเข้าสู่ระบบการเมืองไปเป็นนโยบายสาธารณะ เมื่อมีการนำนโยบายไปปฏิบัติและได้ผลตามเป้าประสงค์ ก็จะทำให้ประชาชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 
ประเภทของนโยบายสาธารณะ 
1.	นโยบายมุ่งเน้นขอบเขตเฉพาะด้านและนโยบายมุ่งเน้นสถาบันกำหนดนโยบาย 
นโยบายมุ่งเน้นขอบเขตเฉพาะด้าน เช่น นโยบายด้านการเมือง  นโยบายด้านการบริหาร นโยบายด้านเศรษฐกิจ นโยบายด้านสังคม 
นโยบายมุ่งเน้นสถาบันที่กำหนดนโยบาย  สถาบันนิติบัญญัติ  สถาบันบริหาร สถาบันตุลาการ 
      2.นโยบายมุ่งเน้นเนื้อหาสาระและนโยบายมุ่งเน้นขั้นตอนการปฏิบัติ 
นโยบายมุ่งเน้นเนื้อหาสาระ รัฐบาลมีประสงค์ที่จะทำอะไร เพื่อสนองต่อความต้องการของประชาชน สิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์หรือต้นทุนต่อประชาชน หรืออาจทำให้ประชาชนกลุ่มใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ  เช่น นโยบายการสร้างทางด่วนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล นโยบายการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ 
นโยบายมุ่งเน้นขั้นตอนการปฏิบัติ ลักษณะ จะจะเกี่ยวข้องกับวิธีการดำเนินการนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไร และใครเป็นผู้ดำเนินการดังนั้นนโยบายนี้จะคลอบคลุมองค์การที่จะต้องรับผิดชอบการบังคับใช้นโยบาย เช่น นโยบายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ 
 
3.        นโยบายมุ่งเน้นการควบคุมโดยรัฐและนโยบายมุ่งเน้นการควบคุมตนเอง 
นโยบายมุ่งเน้นการควบคุมโดยรัฐ ลักษณะโนโยบายประเภทนี้มุ่งเน้นกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับพฤติกรรมของปัจเจกบุคคลซึ่งเป็นการลดเสรีภาพหรือการใช้ดุลยพินิจที่จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดของผู้ถูกควบคุม เช่น นโยบายควบคุมอาวุธปืน วัตถุระเบิด นโยบายควบคุมการพนัน นโยบายลดอุบัติเหตุจากการขี่รถจักรยานยนต์ 
นโยบายมุ่งเน้นการควบคุมกำกับตนเอง ลักษณะมีลักษณะคล้ายคลึงกับนโยบายเน้นการควบคุมโดยรัฐ แต่แตกต่างกันคือ มีลักษณะของการส่งเสริมการป้องกันผลประโยชน์และความรับผิดชอบของกลุ่มตน เช่น พรบ.วิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537  พรบ. ทนายความ พ.ศ. 2528 
  4.นโยบายมุ่งเน้นการกระจายผลประโยชน์ และนโยบายมุ่งเน้นการกระจายความเป็นธรรม 
นโยบายมุ่งเน้นการกระจายผลประโยชน์ การจำแนกโดยการใช้เกณฑ์การรับผลประโยชน์จากนโยบายของรัฐ เป็นนโยบายเกี่ยวกับการจัดสรรบริการหรือผลประโยชน์ให้กับประชาชน บางส่วนอย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งผู้รับผลประโยชน์อาจจะเป็น ปัจเจกบุคคล กลุ่มคน องค์การ เช่น นโยบายการแก้ปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 
นโยบายมุ่งเน้นการกระจายความเป็นธรรม  เป็นความพยายามของรัฐที่จะจัดสรรความมั่นคง รายได้ ทรัพย์สินและสิทธิต่าง ๆให้แก่ประชาชนอย่างเป็นธรรม เช่น นโยบายพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 12 ปี  นโยบายการจัดตั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ 
5.        นโยบายมุ่งเน้นเชิงวัตถุ และนโยบายมุ่งเน้นเชิงสัญลักษณ์ 
นโยบายมุ่งเน้นเชิงวัตถุ เกิดขึ้นเพื่อก่อให้เกิดการจัดหาทรัพยากรหรืออำนาจที่จะให้ประโยชน์แก่บุคคลกลุ่มต่าง ๆ เช่น นโยบายช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสงอุทกภัย  นโยบายปรับปรุงชุมชนแออัด 
นโยบายมุ่งเน้นเชิงสัญลักษณ์ เป็นลักษณะของนโยบายที่ตรงกันข้ามกับนโยบายมุ่งเน้นเชิงวัตถุคือเป็นนโยบายที่มิได้เป็นการจัดสรรเชิงวัตถุหรือสิ่งของที่จับต้องได้แต่เป็นนโยบายมุ่งเสริมสร้างคุณค่าทางจิตใจให้แก่ประชาชน เช่น นโยบายรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม นโยบายส่งเสริมเอกลักษณ์ไทย 
 
6.        นโยบายมุ่งเน้นลักษณะเสรีนิยมและ นโยบายมุ่งเน้นลักษณะอนุรักษ์นิยม 
นโยบายมุ่งเน้นลักษณะเสรีนิยม เป็นนโยบายที่เกิดจากการผลักดันของกลุ่มความคิดก้าวหน้าที่ต้องการจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นความเสมอภาค เช่น นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ นโยบายการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น 
นโยบายมุ่งเน้นลักษณะอนุรักษ์นิยม  แนวความคิดกลุ่มนี้จะอยู่ในกลุ่มชนชั้นของสังคมกลุ่มความคิดเหล่านี้จะเห็นว่าสิ่งที่ดำรงอยู่นั้นดีอยู่แล้วถ้าจะทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป รักษาผลประโยชน์ของกลุ่ม ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เช่น นโยบายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจเพื่อผูกขาดการผลิตสินค้าและบริการ 
 
7.        นโยบายมุ่งเน้นลักษณะสินค้าสาธารณะ และนโยบายมุ่งเน้นลักษณะสินค้าเอกชน 
นโยบายมุ่งเน้นลักษณะสินค้าสาธารณะ คือการกำหนดสินค้าที่ไม่สามารถแยกกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ออกจากนโยบายได้เมื่อรัฐจัดสรรสินค้านั้นแล้วประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชนทุกคนไม่จำกัดบุคคล กลุ่ม เช่น นโยบาย ป้องกันประเทศ นโยบายควบคุมจราจร 
นโยบายมุ่งเน้นลักษณะสินค้าเอกชน สินค้าเอกชนสามารถแยกกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ออกเป็นหน่วยย่อยๆ ได้และสามารถเก็บค่าใช้จ่ายอันเนื่องจากผุ้ได้รับผลประโยชน์ได้โดยตรง เช่น การเก็บขยะของเทศบาล  การไปรษณีย์โทรเลข 
 
ตัวแบบนโยบายสาธารณะ 
1.ตัวแบบชนชั้นนำ  
หลักการ 
จะให้ความสำคัญกับบทบาทหรืออิทธิพลของชนชั้นนำหรือชนชั้นปกครองที่มีอำนาจในการตัดสินใจนโยบายอย่างเด็ดขาด 
ชนชั้นปกครองจะยึดถือความพึงพอใจหรือค่านิยมของตนเองเป็นหลัก 
ข้าราชการทำหน้าที่เพียงนำนโยบายที่กำหนดโดยชนชั้นนำไปสู่ประชาชน 
ทิศทางการกำหนดนโยบายจึงเน้นทิศทางแบบแนวดิ่ง 
คุณลักษณะสำคัญ 
คนในสังคมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือคนส่วนน้อยที่มีอำนาจ และคนส่วนมากที่ไม่มีอำนาจ 
คนส่วนน้อยมิได้มีลักษณะเช่นเดียวกับคนส่วนมากคือมีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า 
การเปลี่ยนแปลงฐานะขึ้นไปสู่ชนชั้นนำจะเป็นไปอย่างช้า ๆ 
นโยบายสาธารณะไม่ได้สะท้อนความต้องการของประชาชนแต่สะท้อนความต้องการของชนชั้นนำ 
แนวคิดตัวแบบชนชั้นนำยังเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความเฉื่อยชา ไม่สนใจการเมือง ความรู้สึกของประชาชนจึงถูกครอบงำโดยชนชั้นนำ 
ต.ย. พรบ. ให้คุ้มครองและห้ามฟ้องร้องบุคคลผู้ปฏิบัติการเกี่ยวกับมาตรา 17 แห่งรัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พ.ศ. 2508 
1.ตัวแบบดุลยภาพระหว่างกลุ่ม 
	คนในสังคมประกอบด้วยกลุ่มอิทธิพลและกลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มอิทธิพล มุ่งเรียกร้องการพิทักษ์ความเป็นธรรมของสังคม กลุ่มผลประโยชน์มุ่งรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของตนเพื่อป้องกันการละเมิด นโยบายที่เกิดขึ้นจึงเป็นผลผลิตของดุลยภาพระกลุ่มโยตรงArther F. Bently  การเมืองนั้นเปรียบเสมือนระบบที่มีแรงผลักดันที่กระทำปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกันในการกำหนดนโยบายสาธารณะ  
คุณลักษณะสำคัญ 
เป็นลักษณะของกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ในสังคม เรียกว่า กลุ่มแผงเร้น 
กลุ่มที่สมาชิกบางส่วนคาบเกี่ยวกัน ลักษณะกลุ่มเช่นนี้จะมีส่วนในการดำรงรักษาดุลยภาพระหว่างกลุ่ม โดยป้องกันมิให้กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเคลื่อนไหวเกินกว่าผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างกลุ่ม 
การตรวจสอบและความสมดุลที่เกิดขึ้นจากกลุ่มที่แข่งขันกันจะมีส่วนช่วยดำรงรักษาความสมดุลระหว่างกลุ่ม 
ต.ย. พรบ อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527  พรบ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 
 
1.        ตัวแบบเชิงระบบ 
คุณลักษณะที่สำคัญ 
กรอบแนวคิดเชิงระบบมีฐานคติที่สำคัญว่า ชีวิตจะดำรงอยู่ได้ องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตต้องทำงานอย่างเป็นระบบ 
 David Easton ได้นำมาประยุกต์ในการอธิบายการเมืองว่า การเมืองดำรงอยู่เสมือน ชีวิตการเมือง ดังนั้นการเมืองต้องดำรงอยู่อย่างเป็นระบบ 
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมและระบบการเมืองที่ก่อให้เกิดนโยบายสาธารณะ 
ภายใต้กรอบแนวคิดเชิงระบบ นโยบายสาธารณะคือ ผลผลิตของระบอบการเมืองซึ่งเกิดจากอำนาจในการจัดสรรค่านิยมหรืออำนาจในการตัดสินใจนโยบายของระบบการเมือง 
-          ความต้องการของประชาชน ที่มีต่อระบบการเมือง เช่น ความต้องการด้านการศึกษา สาธารณสุข สวัสดิการ สวัสดิภาพ การคมนาคม 
-          การสนับสนุนของประชาชน ที่มีต่อระบบการเมือง เช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การชำระภาษี  ระบบการเมืองจะดำรงอยู่ไม่ได้ถ้าหากขาดการสนับสนุนจากประชาชน 
ต.ย. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 
2.ตัวแบบสถาบัน 
ฐานคติที่ว่า นโยบายสาธารณะ คือ ผลผลิตของสถาบันทางการเมือง สถาบันทางการเมืองได้แก่ สถาบันนิติบัญญัติ สถาบันบริหาร สถาบันตุลาการ 
นโยบายจะถูกกำหนด นำไปปฏิบัติ และบังคับใช้โดยสถาบันหลัก  
 ความสัมพันธ์ของนโยบายสาธารณะและสถาบันราชการจะดำเนินไปอย่างใกล้ชิด คือ นโยบายจะไม่มีผลเป็นนโยบายสาธารณะจนกว่านโยบายนั้นจะได้รับความเห็นชอบถูกนำไปปฏิบัติ  และบังคับใช้โดยสถาบันราชการที่รับผิดชอบ สถาบันราชการมีบทบาทในการกำหนดคุณลักษณะนโยบายสาธารณะ 3  ประการ 
1.        สถาบันราชการเป็นผุ้รับรองความชอบธรรมของนโยบายกล่าวคือ นโยบายของรัฐถือว่าเป็นข้อผูกพันทางกฎหมายที่ประชาชนต้องปฏิบัติตาม 
2.        นโยบายสาธารณะมีลักษณะคลอบคลุมทั้งสังคมทั้งนี้เพราะนโยบายสาธารณะมีผลต่อประชาชนทั้งสังคม 
3.        รัฐบาลเท่านั้นเป็นผุ้ผูกขาดอำนาจการบังคับใช้ในสังคมคือ มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่สามารถลงโทษผู้ฝ่าฝืนนโยบายหรือกฎหมายของรัฐ 
Henry ได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของสถาบันทางการเมืองและนโยบายสาธารณะตามตัวแบบสถาบันดังภาพนี้ 
 
นโยบายที่เป็นผลผลิตของสถาบันบริหารได้แก่ นโยบายปรับลดบทบาทของรัฐจากการเป็นผู้ดำเนินการมาเป็นผู้วางกฎเกณฑ์กับดูแล รักษากติกา วางแผน ส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามาเป็นผู้ลงทุนและดำเนินการแทนในกิจการที่รัฐไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการ 
นโยบายที่เป็นผลผลิตของสถาบันนิติบัญญัติไดแก่ นโยบายที่รัฐต้องตราเป็นพระราชบัญญัติล้วนมีส่วนเป็นผลผลิตของสถาบันนิติบัญญัติทั้งสิ้นเพราะนโยบายของรัฐจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อได้ผ่านความเห็นชอบจากสถาบันนิติบัญญัติ 
5.ตัวแบบกระบวนการ 	 
a.        การจำแนกปัญหา : การพิจารณาปัญหาจากการเรียกร้องของประชาชน ที่ต้องการให้รัฐแก้ไขว่าเป็นลักษณะใด เช่น ปัญหาความยากจน ปัญหาไร้ที่ดินทำกิน ปัญหาชุมชุนแออัดจะต้องนำมาวิเคราะห์ระบุสาเหตุของปัญหา 
b.        การจัดทำทางเลือกนโยบาย : การกำหนดวาระสำคัญของการอภิปรายนโยบาย เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหานำไปสู่ทางเลืองนโยบายต้องพิจารณาทางเลือกหลาย ๆ ทางเลือกนำทำเลือกมาวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ความคุ้มค่าในด้านต้นทุนผลประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ 
c.        การให้ความเห็นชอบของนโยบาย : ขั้นตอนสำคัญในการตัดสินใจนโยบายว่าจะเลือกทางใดต้องคำนึงถึงผลที่เกิดและความสอดคล้องต่อความต้องการของประชาชนและต้องผ่านความเห็นชอบจากสถาบันนิติบัญญัติ 
d.        การนำนโยบายปฏิบัติ :  การกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ จัดสรรงบประมาณ สนับสนุนการนำนโยบายไปปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ 
e.        การประเมินผลนโยบาย :  การศึกษาดำเนินงานของโครงการและการประเมินผล 
-          สิ่งแวดล้อมของการนำนโยบายไปปฏิบัติ 
-          ทรัพยากรหรือปัจจัยนำเข้า 
-          กระบวนการนำนโยบายไปปฏิบัติ 
-          ผลผลิตของนโยบาย 
-          ผลลัพธ์และผลกระทบของนโยบาย 
-          ข้อเสนอแนะและข้อปรับปรุง 
6. ตัวแบบหลักเหตุผล 
	ปัจจัยในการใช้ตัวแบบหลักเหตุผล 
1.        ต้องมีระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ 
2.        จะต้องจัดเก็บข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ ให้ครอบคลุมครบถ้วน เที่ยงตรง 
3.        ต้องมีนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญ 
4.        ต้องมีงบประมาณในการลงทุนเพื่อเป็นต้นทุนจม 
ปัจจัยที่มีผลต่อตัวแบบหลักเหตุผล 
1.        ต้องกำหนดคุณค่า วัตถุประสงค์ และเกณฑ์การตัดสินใจให้ชัดเจน 
2.        ต้องแสวงหาทางเลือกใหม่ ๆ และกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมทางเลือกที่สร้างสรรค์ 
3.        ประมาณค่าเบื้องต้นในผลที่คาดหวังของการตัดสินใจ และผลของทางเลือกต่าง ๆว่าควรใช้กลยุทธ์เพื่อให้มีความเสี่ยงน้อย 
4.        ถ้าเลือกกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงน้อยควรใช้กลยุทธ์เปรียบเทียบความสำเร็จที่จำกัด ถ้าเลือกกลยุทธ์เพื่อนวัตกรรมต้องพิจารณาผลที่เป็นไปได้ของทางเลือกต่าง ๆ 
5.        ใช้ประโยชน์จากความเห็นของนักวิเคราะห์ที่หลากหลาย 
6.        วิเคราะห์ความสมเหตุสมผลและความเป็นไปได้กรณีที่เป็นรูปธรรมชัดเจน 
กรณีศึกษา  โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ  โครงการท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง 
7. ตัวแบบการเปลี่ยนแปลงจากเดิมบางส่วน 
	ฐานคติ  นโยบายสาธารณะที่มีลักษณะการกระทำที่ต่อเนื่องจากอดีตเป็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจากเดิมเพียงบางส่วนหรือส่วนน้อย 
คุณลักษณะของตัวแบบ 
เป็นลักษณะอนุรักษ์นิยม ยึดถือนโยบาย โครงการและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของรัฐบาลที่มีอยู่เดิมเป็นเกณฑ์ 
ให้ความสนใจต่อนโยบายหรือโครงการใหม่ที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเล็กน้อย 
ยอมรับความชอบธรรมของนโยบายที่ดำเนินมาก่อนเพราะความไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ใหม่ 
ถ้ามีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อยู่แล้วจะเป็นข้ออ้างสำคัญในการปฏิเสธนโยบายใหม่ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง 
การเปลี่ยนแปลงจากเดิมบางส่วนจะทำให้เกิดข้อตกลงระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ในสังคมได้ง่ายเพราะผลกระทบมีน้อย 
ความเหมาะสมของนโยบาย 
1.	ผลของนโยบายที่เป็นอยู่จะต้องเป็นที่พอใจของผู้กำหนดนโยบายและประชาชนที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ 
2.	ลักษณะของนโยบายต้องมีความต่อเนื่องสูง และสอดคล้องกับลักษณะธรรมชาติของนโยบายที่ปรากฏอยู่ 
3.	ลักษณะของนโยบายต้องมีความต่อเนื่องสูง ในการจัดการกับปัญหาที่ปรากฏอยู่ 
กรณีศึกษา  นโยบายเกี่ยวกับการบริหารองค์การต่าง ๆ ของรัฐ  นโยบายเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณรายปี 
การก่อรูปนโยบาย 
 
เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการนโยบายสาธารณะ  คือ ก่อรูป  กำหนดทางเลือก นำไปปฏิบัติ ประเมินผล 
ลักษณะและความสำคัญของปัญหานโยบาย 
1.        ระดับปัจเจกบุคคล  
	บุคคลจะรับรู้สภาพปัญหานโยบายต้องเผชิญกับเงื่อนไข 2 ประการคือ 
-          เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างแบบแผนของพฤติกรรมที่คุ้นเคยกับความคาดหมายของสิ่งแวดล้อมของบุคคล 
-          ข้อมูลของความขัดแย้งถูกนำมาสู่ความสนใจของสถาบัน 
2.        การรับรู้ระดับสถาบัน 
จะเกิดขึ้นต่อเนื่องจากการรับรู้สภาพปัญหาของปัจเจกบุคคลดังกล่าว คือ เมื่อปัจเจกบุคคลวิเคราะห์ปัญหาเป็นที่ยอมรับสภาพปัญหาว่ามีอยู่จริงก็นำเข้าสู่การพิจารณาของสถาบัน 
การพิจารณาคุณลักษณะและความสำคัญของนโยบายจำแนกได้ดังนี้ 
1.        ความสำคัญของนโยบาย จำแนกได้ 3 ประการ 
-          การรับรู้สภาพปัญหานโยบาย 
-          สถาบันที่เกี่ยวข้องกับปัญหานโยบาย 
-          ปฏิสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ปัญหาและสถาบันที่เกี่ยวข้อง 
2.        ความแปลกใหม่ของปัญหา 
3.        การพิจารณาต้นทุนและผลประโยชน์ของการแก้ปัญหา 
4.        ความซับซ้อนของนโยบายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง 
5.        ภาพลักษณ์ของผู้ได้รับผลกระทบ 
6.        ค่านิยมของรัฐบาลในการพิจารณาปัญหา 
วงจรประเด็นปัญหาของนโยบาย 
1.        ขั้นก่อเริ่มต้นปัญหาของนโยบาย 
2.        สัญญาณเตือนภัยจากปัญหาที่เริ่มก่อตัวขึ้น 
3.        การระบุต้นทุนในการแก้ปัญหา 
4.        การเสื่อมถอยของความสนใจของสาธารณชนที่มีต่อปัญหา 
5.        ขั้นตอนสุดท้ายของปัญหา 
-          การกำหนดวาระการพิจารณานโยบาย  ผลประโยชน์ทางการเมือง หน่วยงานที่รับผิดชอบ ความต้องการของประชาชน 
-          การกำหนดวัตถุประสงค์ของนโยบาย 
การกำหนดทางเลือกและการตัดสินใจในนโยบาย 
การกำหนดทางเลือกนโยบายพิจารณาได้จากปัจจัยดังนี้ 
1 คุณลักษณะของทางเลือกนโยบาย ประกอบด้วย การสร้างสรรค์  นวัตกรรม 
2. การแสวงหาทางเลือกนโยบาย 
3. การกลั่นกรองทางเลือกนโยบาย 
4. การตรวจสอบทางเลือกนโยบาย 
**ข้อดีของการเปรียบเทียบทางเลือก กระตุ้นให้เกิดความคิดในการดัดแปลงทางเลือกนโยบายเพื่อให้ได้ทางเลือกที่เหมาะสมยิ่งขึ้น*** 
ทฤษฏีการตัดสินใจทางเลือกนโยบาย 
1. ทฤษฏีหลักการเหตุผล   มุ่งเน้นการตัดสินใจที่บรรลุเป้าประสงค์สูงสุด 
ประกอบด้วย 
1.   ผู้ตัดสินใจต้องเผชิญกับปัญหาที่สามารถจำแนกออกจากปัญหาอื่นได้ หรืออย่างน้อยต้องสามารถพิจารณาเปรียบเทียบกับปัญหาอื่นได้อย่างมีความหมาย 
2.    ผู้ตัดสินใจมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เป้าประสงค์(goals) ค่านิยม(values) หรือวัตถุประสงค์ (objectives) ที่ผู้ตัดสินใจต้องคำนึงถึงและสามารถทำให้การพิจารณาปัญหามีความชัดเจนและจัดลำดับตามความสำคัญของแต่ละกรณี 
3. การตรวจสอบทางเลือกต่างๆในการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจน 
4. การตรวจสอบผลลัพธ์ทั้งทางด้านต้นทุน ผลประโยชน์ ข้อได้เปรียบ ข้อเสียเปรียบที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง 
5. การเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นของทางเลือกแต่ละทาง 
6.   ผู้ตัดสินใจจะเลือกทางเลือกและผลลัพธ์ของแต่ละทางเลือกที่จะต้องตอบสนองต่อ เป้าประสงค์ 
2. ทฤษฏีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมบางส่วน 
ทฤษฎีนี้ เป็นทฤษฎีที่มีลักษณะของการพรรณนาความเกี่ยวกับกระบวนการตัดสินใจของรัฐบาล 
-	การตัดสินใจโดยใช้ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมบางส่วน เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง                   หรือการเพิ่มเติมจากนโยบายที่มีอยู่อย่างจำกัด 
สาระสำคัญของทฤษฎี พิจารณาจากองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ 
1. การพิจารณาในการเลือกเป้าประสงค์หรือวัตถุประสงค์ และการวิเคราะห์เชิงประจักษ์ จะกระทำโดยพิจารณาร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากกว่าการที่จะแยกพิจารณาในแต่ละประเด็น 
2. ผู้ตัดสินใจจะพิจารณาเฉพาะทางเลือกบางทางเลือกที่จะใช้ ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะแตกต่างไปจากนโยบายเดิมเพียงเล็กน้อย 
3. การประเมินผลทางเลือกแต่ละทางเลือก จะกระทำเฉพาะเพื่อพิจารณาผลลัพธ์ที่สำคัญของทางเลือกบางทางเลือกเท่านั้น 
4.  สำหรับปัญหาที่ผู้ตัดสินใจกำลังเผชิญอยู่นั้น ผู้ตัดสินใจจะต้องทำการนิยามปัญหาใหม่อย่างต่อเนื่อง 
5. ทฤษฎีนี้ถือว่าไม่มีการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวหรือทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องเพียงทางเดียว 
6. การตัดสินใจโดยพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงจากเดิมบางส่วนเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคจากวิธีการอื่นๆ และนำไปสู่สภาพปัจจุบันที่ดีกว่า รวมทั้งช่วยแก้ไขความไม่สมบูรณ์ทางสังคมให้เป็นรูปธรรมมากกว่าการพิจารณาเป้าประสงค์ของสังคมในอนาคต 
*  Etzionl เห็นว่า  การตัดสินใจโดยพิจารณาการเปลี่ยนแปลงจากเดิมบางส่วนจะสะท้อนให้เห็นผลประโยชน์ของกลุ่มและองค์การที่มีอำนาจสูงสุดในสังคมแต่กลุ่มผลประโยชน์ของประชาชนที่ด้อยสิทธิ์และกลุ่มที่ไม่มีบทบาทจะถูกละเลย 
3. ทฤษฏีผสมผสานระหว่างทางกว้างและทางลึก 
		 ทฤษฏีผสมผสานระหว่างทางกว้างและทางลึกจะเปิดโอกาสให้ผู้ตัดสินใจสามารถใช้ประโยชน์จากทฤษฏีหลักการเหตุผลและทฤษฏีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมบางส่วนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างทฤษฎีและทฤษฏีการผสมผสานระหว่างทางกว้างและทางลึกมีความเหมาะสมสำหรับผู้ตัดสินใจนโยบายที่มีขีดความสามารถต่างกัน 
 
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจเลือกนโยบาย 
1. ค่านิยม  ค่านิยมองค์การ  ค่านิยมด้านวิชาชีพ  ค่านิยมส่วนบุคคล  ค่านิยมด้านอุดมการณ์ 
2. ความสัมพันธ์กับนักการเมือง 
3.ผลประโยชน์ของเขตเลือกตั้ง 
4. มติมหาชน 
5.ประโยชน์ของสาธารณะชน 
รูปแบบของการตัดสินใจ 
1.	การต่อรอง 
2.	การโน้มน้าว 
3.	คำสั่ง 
4.	กลยุทธ์ประกาศใช้นโยบาย 
การนำนโยบายไปปฏิบัติ 
ความสำคัญของการนำนโยบายไปปฏิบัติ 
1 . ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติจะส่งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมต่อผู้ตัดสินใจนโยบาย 
2. ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติจะส่งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมต่อกลุ่มเป้าหมาย 
3. ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติจะส่งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมต่อหน่วยปฏิบัติ 
4. ความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากร 
5. การพัฒนาประเทศ 
6. สำคัญต่อกระบวนการนโยบายสาธารณะ 
ปัจจัยที่มีผลต่อการนำนโยบายไปปฏิบัติ 
1.แหล่งที่มาของนโยบาย 
1.   แถลงการณ์หรือคำสั่งของฝ่ายบริหาร 
2.   เนื้อหาหรือรายละเอียดในกฎหมาย 
3.   ความร่วมมือระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารในการประกาศใช้ กฎหมายที่ถือว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลนั้น 
4.   ข้าราชการระดับสูง ผู้มีหน้าที่ในการริเริ่มการก่อรูปนโยบายและการพัฒนาทางเลือกนโยบาย 
5.    การพิจารณาและการวินิจฉัยของศาล คำพิพากษาถือเป็นที่สิ้นสุด  และคือนโยบายสาธารณะที่สำคัญของทุกสังคม 

ขอขอบคุณ  แหล่งที่มาจาก  http://www.oknation.net/blog/publicpolicyบิสสกิตโรล2
				
23 มิถุนายน 2553 14:30 น.

วิญณาณนักศึกษารปม.วิชานโยบายสาธารณะเข้าสิง

กระต่ายใต้เงาจันทร์


เริ่มเรียนคณะนี้วันแรก    กระต่ายเองถึงกับถอดใจทีเดียว   เพราะว่า  ไม่มีพื้นฐานวิชาเรียนทางรัฐศาสตร์ เลย   มึนงงอาทิตย์แรกนอนไม่หลับ   เริ่มคันศรีษะ   คงจะเหมือนที่อาจารย์ผู้สอนบอก  วิญญาณนักศึกษาป.โทเข้าสิงอีกครั้งเรียนกับ  ผศ.ดร. เพ็ญศรี  ฉิรินัง   เจอกันอาทิตย์แรก     ตามท่านไม่ทัน    นึกในใจ   ตายแน่    อะไรนี่ไม่รู้เรื่องเลย  สอนไวมาก   กระต่ายเองนั่งงงทั้งวัน   นึกในใจ   แหม...เราไม่น่ารีบลงทะเบียนเลย..ถอนตัวไม่ทัน  เสียรู้  คนที่บ้านแล้วยุให้เรามาเสียเงินลงทะเบียนเรียนตั้งแต่วันแรก      เลยมีอาการเสียดายสตางค์  ขึ้นมาฉับพลัน   เอ๊า....เรียนก็เรียนว่ะ...
ผศ.ดร. เพ็ญศรี  ฉิรินัง    เป็นผู้หญิง  ที่มีเอกลักษณ์  สไตล์การสอนของตัวเอง   ท่าน  เป็นธรรมชาติมาก  ใจดี    สอนสนุกๆ  ฮาๆๆแต่วิชาการเพียบ    พอเริ่มคุ้น   และ  ชอบ  ในแบบที่ท่านสอน   ก็เลยมีความสุขในการเรียนอีกครั้งหนึ่งเรียนมันทั้งเสาร์อาทิตย์   วิชาเดียว   เรียนไปฟรีเซนต์ไป     ฟังอาจารย์บรรยายไป
รู้เรื่องบ้าง  ไม่รู้เรื่องบ้าง   ตามความโง่เขลาของตัวเอง   จนคนที่บ้านแซว    จะกลับไปขายวัว   ส่งควายเรียน555555555
อ้าว,,สอบแล้วอาทิตย์นี้     ถามรุ่นพี่   ว่าท่านออกสอบแนวไหน   เพราะท่านว่า    openbook   เลยคิดว่า   กะจะเหมารถบรรทุกขนหนังสือมาตอบกันเลย     รุ่นพี่ว่า    เปิดให้ตาย  ก็ไม่เจอแหมดีใจที่ยังไม่ทันเหมารถ...  ขอนำเอาสิ่งที่ท่านสอนมาลงประกอบเรื่องสั้นแล้วกันคะ  เพื่อ  จะเป็นประโยชน์  กับบางคนบ้างก็ได้

แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ
แนวคิดทั่วไป
	ในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นประเทศใด มีระบอบการปกครองแบบใด มนุษย์ย่อมจะต้องเกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐอยู่ด้วยเสมอ
	เป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย
	ผู้รับผลกระทบ
	ผู้สนับสนุน หรือผู้คัดค้าน
	จากคำกล่าวต่าง ๆ เหล่านี้
	ทำให้บุคคลหลายคนเข้าใจและให้ความสำคัญต่อนโยบายอย่างมาก
	ในขณะที่อีกหลายคนไม่เข้าใจ เกิดความฉงนสนเท่ห์ว่า...
		ทำไมจึงต้องกำหนดนโยบายเช่นนี้ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะ...
	ความไม่รู้ 
	ความไม่เข้าใจในเรื่องของนโยบาย  

นโยบายเกิดจากอะไร?
	นโยบายเกิดจากปัญหาและความต้องการของสังคมในประเทศนั้น โดยปัญหาอาจจะเกิดขึ้นจากบุคคล กลุ่มบุคคลไปกระทำหรือไม่กระทำ หรือไม่ปฏิบัติตามบางอย่าง หรือปัญหาจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติ
	ความต้องการอาจเป็นของบุคคลหรือกลุ่มชน ซึ่งเสนอต่อรัฐว่าต้องการอะไร ต้องการเรื่องใด ความต้องการเหล่านั้นและความจำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหาเหล่านั้น จะถูกผลักดันให้เป็นนโยบายของรัฐ โดยรัฐจะหาวิธีการแก้ไขปัญหาและสนองตอบความต้องการของสังคม 

	วิธีการที่รัฐบาลตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการเรียกว่า 
	นโยบาย (Policy) 
ความหมายของนโยบายสาธารณะ
	คำว่า นโยบาย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 
พ.ศ. 2525 ให้ความหมายว่า หมายถึง หลักการและวิธีปฏิบัติซึ่งถือเป็นแนวดำเนินการมาจากศัพท์ว่า นย + อุบาย หมายถึง เค้าความที่สื่อให้เข้าใจเอาเองหรือหมายถึงแนวทางหรืออุบายที่ชี้ทางไปสู่วัตถุประสงค์
	ว่า  Policy  มีความหมายว่า แนวทางปฏิบัติของบ้านเมืองหรือหมู่ชน 
	มาจากรากศัพท์ภาษากรีก Polis ซึ่งหมายถึงเมือง รัฐ
	นักวิชาการได้ให้ความหมายของคำว่า นโยบายสาธารณะ 
(Public Policy) ในหลายมิติตามวัตถุประสงค์และแนวทางการศึกษาของแต่ละคน ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
	กลุ่มที่ 1 : ในมิติที่เป็นกิจกรรมหรือการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของรัฐบาล
	กลุ่มที่ 2 : ในมิติที่เป็นแนวทางเลือกสำหรับการตัดสินใจของรัฐบาล
	กลุ่มที่ 3 : ในมิติที่เป็นแนวทางการกระทำของรัฐบาล
	กลุ่มที่ 1: ในมิติที่เป็นกิจกรรมหรือการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของรัฐบาล
	เดวิด อีสตัน (David Euston) (1953)
	ให้คำนิยามคำว่านโยบายสาธารณะว่า หมายถึงการแจกแจงคุณค่าต่าง ๆ โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเพื่อสังคมเป็นส่วนร่วม
	บุคคลและองค์การที่สามารถใช้อำนาจดังกล่าว ได้แก่รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาล ดังนั้นการกระทำต่าง ๆ หรืองดเว้นการกระทำของรัฐบาล ไม่ว่าด้านใด ย่อมก่อให้เกิดผลต่อการแจกแจงคุณค่าต่าง ๆ ของสังคม นั้น ๆ
	เจส์ม แอนเดอร์สัน (James Anderson) (1970)
	นโยบายสาธารณะ หมายถึง แนวทางการกระทำ (Course of action) ของรัฐ ที่มีจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ความยากจน เกษตรกรรม เป็นต้น
	เป็นแนวทางปฏิบัติที่กำหนดขึ้น เพื่อตอบสนองต่อปัญหาต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือ แนวทางที่รัฐบาลหรือองค์กรของรัฐกำหนดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา
	ไอรา ชาร์คานสกี้ (Ira Sharkansky) (1970)
	นโยบายสาธารณะ คือกิจกรรมต่าง ๆ ที่รัฐบาลกระทำ
	กิจกรรมดังกล่าวครอบคลุมเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ : 
	1. กิจกรรมเกี่ยวกับบริการสาธารณะด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการศึกษา การคมนาคมขนส่ง เป็นต้น
	2. กฎ ข้อบังคับของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น วินัยตำรวจ/ทหาร ข้อบังคับของพนักงานควบคุมโรงงาน
	3. การควบคุมการกำหนดนโยบายหรือการกระทำทางการเมืองอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงวิธีการเสนอร่างกฎหมาย การแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ การสถาปนาหรือการตัดสัมพันธภาพการทูตกับประเทศต่าง ๆ
	4. เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองในโอกาสและเทศกาลที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เช่น 
วันชาติ วันสำคัญทางศาสนา
	ธอมัส ดาย (Thomas R. Dye) (1984)
	นโยบายสาธารณะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประเด็นที่ว่า รัฐบาลจะต้อง
ทำอะไร ทำไมจึงต้องกระทำเช่นนั้น และอะไรเป็นความแตกต่างที่รัฐบาลกระทำขึ้น นโยบายสาธารณะจึงหมายถึง สิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทำ หรือเลือกที่จะไม่กระทำ
	ลูอิส โคนิก (Louis Koenig) (1986)
	นโยบายของรัฐ คือกิจกรรมที่รัฐบาลกระทำหรือไม่กระทำ ซึ่งมีผลต่อความกินดี อยู่ดีของประชาชน นโยบายสาธารณะมีเนื้อหาและผลของนโยบายที่ตามมาในการกำหนดชีวิตและอนาคตของประชาชน
	กลุ่มที่ 2 : ในมิติที่เป็นแนวทางเลือกสำหรับการตัดสินใจของรัฐบาล
	ลินตัน คอล์ดเวลล์ (Lynton Coldwell)
	นโยบายสาธารณะ ได้แก่ บรรดาการตัดสินใจอย่างสัมฤทธิ์ผลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่สังคมอนุญาต หรือห้ามมิให้กระทำการ การตัดสินใจดังกล่าวอาจออกมาในรูปคำแถลงการณ์ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำพิพากษา เป็นต้น และจะต้องปฏิบัติตามนโยบายนั้นในอนาคต
	วิลเลี่ยม กรีนวูด (William Greenwood)
	นโยบายสาธารณะ หมายถึง การตัดสินใจขั้นต้น เพื่อที่จะกำหนดแนวทางกว้าง ๆ เพื่อนำไปเป็นแนวทางของการปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง และบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
	อาร์ เจ เอส เบเกอร์ (R.J.S. Baker)
	นโยบายสาธารณะ หมายถึง การตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะทำอะไร
	อมร รักษาสัตย์ 
	นโยบายสาธารณะ
	ในความหมายอย่างแคบ หมายถึง หลักการและกลวิธีที่นำไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
	ในความหมายอย่างกว้าง จะครอบคลุมถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดตัวเป้าหมายอีกด้วย
	Heinz Eulau และ Kenneth Prewitt 
	นโยบายสาธารณะ  เป็นการตัดสินใจที่ไม่ใช่การตัดสินใจชั่วขณะ แต่เป็นการตัดสินใจที่แน่นอน มีลักษณะของการกระทำที่ไม่เปลี่ยนแปลง และกระทำซ้ำ ๆ ทำในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น
	กลุ่มที่ 3 : ในมิติที่เป็นแนวทางการกระทำของรัฐบาล
	ชาร์ลส์ จาคอป (Charles Jacop)
	นโยบายสาธารณะ หมายถึง หลักการ แผนงาน หรือแนวทางการกระทำต่าง ๆ
	ฮาโรลด์ ลาสเวลล์ กับ อับราฮัม แคปแพลน (Harold Lasswell & Abraham Kaplan)
	นโยบายสาธารณะ หมายถึง แผนงาน หรือโครงการที่ได้กำหนดขึ้น อันประกอบด้วย เป้าหมาย คุณค่า และการปฏิบัติต่าง ๆ
	ทินพันธุ์ นาคะตะ 
	นโยบายสาธารณะ หมายถึง โครงการที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติในการจัดสรรคุณค่าต่าง ๆ ให้แก่สังคม
	กล่าวโดยสรุป
	ในความหมายที่แคบ นโยบายสาธารณะ หมายถึง กิจกรรม/การกระทำของรัฐบาล และมิติการเลือกตัดสินใจของรัฐบาล
	ในความหมายที่กว้าง นโยบายสาธารณะ หมายถึง แนวทางในการกระทำของรัฐบาลอย่างกว้าง ๆ ที่รัฐบาลได้ตัดสินใจเลือก และกำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อชี้นำให้มีกิจกรรมหรือการกระทำต่าง ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยมีการวางแผนการจัดทำโครงการ วิธีการบริหารงานให้บรรลุวัตถุประสงค์
	นโยบายระดับชาติมักมีลักษณะครอบคลุมกว้างขวางแต่ขาดความชี้ชัดเฉพาะเจาะจง
	นโยบายระดับล่าง จะต้องสอดคล้องและสนับสนุนนโยบายระดับชาติ จะมีความชัดเจนเฉพาะเจาะจง เน้นเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
	ความสำคัญของนโยบายสาธารณะ
	เมื่อมีการกำหนดนโยบายหนึ่ง ๆ ขึ้นมา นโยบายสาธารณะจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
	ฝ่ายรัฐบาล ความศรัทธา ความเชื่อถือ
	ฝ่ายข้าราชการ นโยบายสาธารณะจะเป็นกลไก เครื่องมือที่สำคัญในการกำหนดแนวทางการทำงาน
	ฝ่ายประชาชน  เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเลือกพรรคการเมืองที่กำหนดนโยบาย
	ผู้ศึกษานโยบายสาธารณะ เพื่อพัฒนาวิธีการศึกษา
	ความสำคัญของนโยบายสาธารณะ
	Harold D. Lasswell 
	กล่าวว่า การกำหนดนโยบายสาธารณะ ก็คือการกำหนดว่าใครจะได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ นโยบายสาธารณะเป็นเครื่องมือของการได้เสียผลประโยชน์ของประชาชนทุกคนในสังคม
	ฉะนั้น บุคคลใดมีความรู้ความเข้าใจและมีโอกาสเข้าถึงกระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะได้มากกว่า จะได้เปรียบและหาประโยชน์ได้มากกว่า
	นโยบายสาธารณะยังมีความสำคัญต่อประเทศชาติและสังคมโดยส่วนรวม กำหนดผลประโยชน์ของประเทศ กำหนดทิศทางการพัฒนา
	องค์ประกอบของนโยบายสาธารณะ
	การพิจารณาเฉพาะความหมายของนโยบายสาธารณะ ซึ่งมีผู้อธิบายไว้แตกต่างกัน อาจจะยังไม่เข้าใจว่า สิ่งใดเป็นนโยบายสาธารณะ และสิ่งใดที่ไม่ใช่ จะดูจากองค์ประกอบ
	เงื่อนไขสำคัญที่ทุก ๆ นโยบายจะต้องมีอยู่เสมอ
	นโยบายสาธารณะจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน (สอดคล้องหรือสนองความต้องการของประชาชนเป็นส่วนรวม)
	ต้องมีลักษณะเป็นแนวทางหรือหลักการที่จะทำให้เป้าหมายที่กำหนดไว้สามารถบรรลุผลสำเร็จ (มีผลเป็นการทั่วไป ไม่เฉพาะกรณีหรือเฉพาะบุคคล)
	แนวทางเลือกในการตัดสินใจเพื่อจะกระทำหรืองดเว้นไม่กระทำ
	ต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในวิสัยที่น่าจะเป็นไปได้ (เมื่อนำไปปฏิบัติ ไม่ใช่เพ้อฝัน)
	นโยบายสาธารณะเป็นแนวทางปฏิบัติที่มีขอบเขตกว้างขวาง ครอบคลุมไปถึงการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อนำเอานโยบายไปปฏิบัติ ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้ :
	ต้องมีวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้แน่นอน
	ต้องมีลำดับขั้นตอนของพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์
	ต้องกำหนดการกระทำต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเวลา สถานที่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
	ต้องมีประกาศให้ประชาชนรับรู้โดยทั่วกัน (แถลงต่อสภา ประกาศผ่านสื่อมวลชน)
	ต้องมีการดำเนินการตามที่ได้ตัดสินใจเลือกไว้แล้ว
	นโยบายสาธารณะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ ของสังคม มีองค์ประกอบดังนี้
	ต้องเป็นแผนงานรัฐบาล(ขณะที่อยู่ในตำแหน่ง)
	แผนงานดังกล่าว จะต้องมีการกำหนดเป็นโครงการไว้ล่วงหน้า (เพื่อเป็นหลักประกันว่า ได้ผ่านการพิจารณามาอย่างดีแล้ว, เพื่อให้มีเวลาแจ้งให้ประชาชนทราบเพื่อเตรียมตัวและอาจมีการแสดงความคิดเห็น)
	แผนงานของรัฐบาลที่ได้กำหนดเป็นโครงการไว้แล้วนั้น จะต้องเกี่ยวกับเป้าหมาย คุณค่า และการปฏิบัติต่าง ๆ ของรัฐบาลในช่วงระยะเวลาที่กำหนด



				
22 มิถุนายน 2553 13:57 น.

พระพิฆเณศและการสักการะเป็นเทพประจำวันเกิด

กระต่ายใต้เงาจันทร์

	
 
 พระพิฆเณศและการสักการะเป็นเทพประจำวันเกิด

ปาง วีระ คณปติ (VEERA GANAPATI)
สำหรับผู้เกิดวันอาทิตย์ พระคเณศที่กำหนดให้ถือสักการะคือปางเปิดโลกวีระคณะปติ ปางอำนาจดังพระสุริยะทิตย์ มักมี 16 พระกร วรกายสีแดงสด มักประทับยืนหรือนั่ง เสริมให้ผู้บูชามีอำนาจ , เกียรติยศ , ชื่อเสียงและทรัพย์สิน

คาถาบูชาคือ โอม ศรี มหาวีระ คะ ณะ ปะ ติ เย นะ มะ ฮะ
 
 
ปาง ทวิมุขติ คณปติ (DWIMUKHA GANAPATI)
สำหรับผู้เกิดวันจันทร์ พระคเณศที่กำหนด คือ ทวีมูข-คณปติ DWIMUKHA คณปติ 2 พระเศียร บางครั้งจะพบในลักษณะของนริตะยาขคณปติ ปางนาฏราช 4 พระกร , 2 พระกร จะสมบูรณ์ต้องประทับใต้ต้นมะตูม พระวรกายสีทอง หรือ ขมิ้น มักให้เสน่ห์และทรัพย์ บางครั้งจะพบทวีมูข-คณปติในสีวรกายสีเขียว บ้างในตอนใต้ของอินเดีย แต่ปางนาฏราช (HAPPY DANCOR) จะพบทางเหนือหรือทางอีสานของอินเดีย

คาถาบูชาคือ โอม ศรี ทวิ-มูข คะ ณะ ปะ ติ เย นะ มะ ฮะ
 
 
ปาง ตรมุขติ คณะปติ (TRIMUKHA GANAPATI)
สำหรับผู้เกิดวันอังคาร พระคเณศที่กำหนดบูชาปางตรีมูขติ-คณปติ 6 ประการ วรกายสีชมพูสดหรือสีสำริด มักให้อำนาจขจัดอุปสรรคในการทำงาน อำนาจเหนือสามโลก ประทับยืนหรือนั่ง เป็นปรางที่ให้เสน่ห์และทรัพย์ และให้การเดินทางปลอดภัย ด้วย 3 พระเศียร คือ อำนาจของการคุ้มครองของพระอังคาร

คาถาบูชาคือ โอม ศรี ตรี-มูข-ติ คะ ณะ ปะ ติ เย นะ มะ ฮะ
บางครั้งจะพบปางดเณศ-หนุมาน ครึ่งพระคเณศ พระหนุมาน สำหรับผู้ที่ต้องการมีทรัพย์และอำนาจเหนือศัตรู
  
 
 
ปางทวิจา คณปติ (DWIJA GANAPATI)
สำหรับผู้เกิดวันพุธ กำหนดว่าปางที่เหมาะสมคือ ทวิ-จา-คณปติ คณปติ 4 พระเศียร วรกายสีเขียว หรือปางคเณศวรี ปางครึ่งนารีครึ่งบุรุษ ตามตำนานแห่งพระพุธเทวาที่มี 2 ร่างเป็นพระนางอิลา จากคำสาปของพระศิวะ ปางนี้ให้ทรัพย์มาก พระกล่าวคือพระพรหม 4 พระพักตร์ที่ให้พรพระคเณศให้มีอำนาจคือ พระองค์ ปางคเณศวรีนั้นหาดูยากจะมารูปแกะสลักหิน ปรากฏที่วิหารพระแม่อุมา กามาฉิ เมืองกัลยากุมารีทางใต้ของอินเดีย ปางนี้ถือว่าอวตารเป็นครึ่งพระลักษมี เพื่ออำนวยทรัพย์ และมีความสามารถ ดั่งบุรุษ บวกสตรีเพศ

คาถาบูชาคือ โอม ศรี ทวิ-จา คะ ณะ ปะ ติ เย ยะ นะ ฮะ 
 
 
 
ปาง อุฉิตา คณปติ (UCHHISHTA GANAPATI) 
สำหรับผู้เกิดวันราหู(วันพุธกลางคืน) ปางที่ควรบูชา คือ อุณจิสตา คณะปติ 
หรือปางเอก-ซารา คณปติ 4 พระกร วรกายสีสำริด หรือ สีนิลประทับบนหลังหนู พาหนะ ส่วนปางอุณจิสตาคณะปติเป็นปางของพวกต้นตระนิกาย มีพระชายาประทับบนตักซ้าย มักให้อำนาจทางด้านการเสี่ยง, การพนัน,อำนาจปกครอง, อำนาจเหนือรักและความลุ่มหลง, การให้ทรัพย์มาก และขจัดทุกข์สำหรับทุกเรื่อง
คาถาบูชาคือ โอม ศรี เอก-ซารา-คณปติ เย ยะ นะ มะ ฮา
 
 
 
ปาง เฮรัมภะ คณปติ (HERAMBA GANAPATI)
สำหรับผู้เกิดวันพฤหัสบดี ปางที่กำหนดกำหนด คือ เฮรัม ภะ คณปติ 5 พระเศียร 16 พระกร บางครั้งจะพบประทับบนหลังราชสีห์ วรกายสีส้มอ่อน หรือ สีแสงอรุณรุ่ง อาจพบเห็นในปางประทับนั่งบนดอกบัว ปางนั้ให้ทรัพย์มาก และให้อำนาจสำหรับปกครองบริวาร เช่นนักบริหาร นักการเมือง การปกครอง นายธนาคาร ฯลฯ

คาถาบูชาคือ โอม ศรี มหา เฮ-รัม-ภะ คะ ณะ ปะ ติ เย นะ มะ ฮะ
 
 
 
ปาง เอก ทันตะ คณปติ (EKADANTA GANAPATI)
สำหรับผู้เกิดวันศุกร์ ปางที่กำหนด คือ เอกทันต์-คณธปติ EKANDANTA หรือ LAKSHMI GANAPATI ลักษมีคณปติ(ความสมบูรณืแห่งโภคทรัพย์ และครอบครัว, ความรัก, บริวารมาก) พระวรกายสีน้ำเงิน,ฟ้า, 8 พระกร บางครั้งจะอุ้มเทวีชายาสิทธิพุธิ , เป็นปางของการให้กิเสศ สมบัติมาก เช่น พระศุกร์เทวา และเสน่ห์แห่งรักของ พระกามเทพ

คาถาบูชาคือ โอม ศรี เอก-ทัน-ตะ คะ ณะ ปะ ติ เย ยะ นะ มะ ฮะ
 
 
 
ปางสิทธิ คณปติ (SIDDHI GANAPATI)
สำหรับผู้เกิดวันเสาร์ ปางควรเคารพ คือ สิทธิ-คะ ณะ ปะ ติ 4 พระกร วรกายสีม่วง หรือ วิกนา คณปติ บางครั้งจะพบในปางปราบนาคราช เช่น พระกฤษณะ ประทับยืนบนหลังนาคราช 5-7 พระเศียร หรือประทับนั่งโดยมีพระยานาคราชปรก ปางนี้จะให้ผลของการเสี่ยงในงานสำคัญ ๆ มาก หรือพนัน อำนาจเหนืออุปสรรคขจัดภูติผีปีศาจ อำนาจในการปกครองคือ การสอน การแพทย์ การพยากรณ์ ปางนี้ถือว่าสำคัญ โดยเฉพาะผู้มีพระเสาร์ แทรก ทำให้รุ่มร้อน

คาถาบูชาคือ โอม ศรี สิทธิ-คะ ณะ ปิ ติ เย ยะ มะ ฮา
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์