20 พฤษภาคม 2553 15:24 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ถ้าตอนใส่บาตรแล้วที่ยืนสกปรกมาก จะต้องถอดรองเท้าใส่บาตรด้วยหรือไม่ ?
พระไม่ฉันรองเท้านะโยม...ไม่ต้องเอารองเท้าใส่มานะ.....
--------------------------------------------------------------------------------
พระนอนไม่หลับ เลยไปหาหมอใหม่จบมาจากเมืองนอก
หมอ: เป็นอะไรครับ
พระ : จำวัดไม่ได้จ๊ะโยมหมอ
หมอ: (ทำหน้างง) แล้วจะกลับวัดยังไง
พระ: (ทำหน้างงด้วย) มามอไซรับจ้างก็ต้องกลับมอไซนะโยม
หมอ: (ทำหน้าง๊งงง) แล้วมอไซรับจ้างจำวัดได้เหรอ
พระ: (ทำหน้าง๊งงงด้วย) มอไซรับจ้างจำวัดไม่ได้หรอกโยม มีแต่พระที่จำวัดได้
หมอ: (ทำหน้างงง๊งงง) อ้าวไหนบอกว่าจำวัดไม่ได้ไง
พระ : !=-+#@ %^&*( +๐"ฯ, ?
จำวัดเป็นภาษาพระแปลว่านอน.........................
หมอ: อ๋ออออออออออออออออออออออออออ
ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า "ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก แล้วเอาข้อมูลวัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"
อาตมาก็ตอบว่า หลักๆเลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละครที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที "ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"
อาตมาก็จะอธิบา ยไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก และที่สำคัญหากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลก และจะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮาก็ได้มาจากการพูดคุยกับเหล่าโยมๆนี่แหละ
อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
"พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ"
"หา อะไรนะ"
"พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ"
"ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
"อ๋อ ขอโทษค่ะ"
หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า "เจริญพร"
"ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย
ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
"ถวายสังฆทานค่ะ"
พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
"ไม่ต้องค่ะ" โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
"ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
"อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" (ที่ถูกต้องจะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)
พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา "คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ
นะหลวงพี่"
อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า "คิกขุ แปลว่า น่ารัก
สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก" เท่านั้นแหละ
พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้ง วันเลย
แต่ก็มีบางกรณีที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก อย่างเมื่อเร็วๆนี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา "หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
"ไปไหนล่ะโยม" "ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้ แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม
จากตัวอย่างข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่มันก็สะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ เท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ
ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ฆราวาสกับพระจึงสนทนากันไหลลื่น
ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสดุ้งแต่อย่างใด ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์
แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆอยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
"แม่ๆ พระมาขอข้าว"
"มาเยอะไหมลูก" "มา 2 อัน"
โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอนเด็กๆด้วย
"ถ้าพระกิน เรียก ฉัน"
" พระนอน เรียก จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
" พระป่วย เรียก อาพาธ"
" พระตาย เรียก มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
" แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
"เรียกคนมาดู"
17 พฤษภาคม 2553 00:25 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ช่วงนี้ ฟังข่าวสาร บ้านเมืองแล้วเครียด วิตกกังวล เป็นห่วงสารพัด
เลยใช้วิธีไม่รับข่าวสารใดๆทั้งสิ้น มีความสุขกับ การทำงาน ไปวันๆ
เลย เล่าคลายเครียดกันเล่นๆค่ะ
กำนันรู้ไหม คนที่เป็นเอดส์ที่กำนันกับพวกเราไปเยี่ยมกันบ่อยๆน่ะ ที่บ้านปลูกต้นมะพร้าเยอะๆแล้ว ที่หมอ
บอกว่า อยู่ได้สามเดือน เสียชีวิตแล้ว ครับ หมอวินิจฉัยผิด
อ้าวทำไมเสียชีวิตไวจังคะ
คือยังงี้ครับ....เมื่อวานลมแรงเดินผ่านต้นมะพร้าว มะพร้าวหล่นใส่หัวเลยเสียชีวิต
????????????????????????????????????????????????????????????
...................................................
กำนัน...เมื่อวาน พ่อหนูสอนขับรถให้ สุดยอด เยี่ยมจริงๆ
อ้าวเหรอ ทำไมหล่ะ
พ่อ....ขับรถต้องระมัดระวังขับช้าๆ
แต่ปะป๊า หนู...เหยียบ 120
พ่อ,,,พอไฟเหลืองต้องขับช้าๆเพราะเราต้องรักษากฎจราจร เตรียมตัวจอดติดไฟแดง
แต่กี่ไฟแดงฝ่าตลอด แล้วบอกว่า เวลานี้..ถนนว่าง ป๊ะป๊าเก่งแล้ว
หนู....จับขอบประตูรถแนน่น...
...............................................
พอเดินกลับมาในรั้วมหาลัยหลายวันก่อนสอบสัมภาษณ์นักศึกษาใหม่
มีนักศึกษาชายคนหนึ่ง เข้ามาสัมภาษณ์
ขณะสนทนากันนั้นจึงได้รู้ว่า อยู่ที่บ้านดู่แถวราชภัฎเชียงราย
ทำไมไม่เรียนที่ราชภัฎเชียงรายค่ะใกล้บ้าน
อ้อ...ผมเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดีครับเมียผมกลัวว่าเรียนแล้วสาวจะมาชอบผมเยอะเลยมาเรียนมหาลัยสงฆ์จะได้อยู่ใกล้วัด เมียผมจะได้ไม่ห่วง
อ้อ...เหรอค่ะ...แล้วลงเรียนคณะอะไรคะ
พุทธศาสตร์ครับ เมียผมบอกว่า ใกล้พระใกล้เจ้าจะได้ปลอดภัยเมียผมจะได้สบายใจครับ
.............................................................................................
เดินลงมา จากห้องสมุดเข้าสำนักงาน เจออาจารย์กำพล อาจารย์ชายโสด
สเน่ห์แรง ก็ทักไป
สวัสดีคะอาจารย์ รูปหล่อเนื้อหอมเชียวน่ะคะ เลือกได้สักคนหรือยังค่ะนี่
เห็นมีคนมาหาทั้งวันทั้งหญิงทั้งชาย
เสียงโต๊ะ ข้างๆดังลอยขึ้นมา จากปากอาจารย์ดร.
อ้อ...ผมคิดว่า อาจารย์กำพลยังสับสนอยู่ครับ
อ้าว...ทำไมคะ...
คือ อาจารย์ไม่รู้จะเป็นผัวหรือจะเป็นเมียดีครับ
??????????????????????????????????????????????????????....
อาจารย์กำพลถามบ้าง...อาจารย์กระต่ายสอบสัมภาษณ์นิสิตอยากรู้ว่าเพศไหนผมมีวิธี
อ้าวก็รู้แล้วนี่คะ....
มีครับดีกว่านั่น อยากรู้เพศว่าหญิงว่าชาย ให้โยนงูยางใส่ไปที่ตัวครับ
ผมทำมาแล้วสมัยสอบสัมภาษณ์ปริญาโท ได้ผลชะงัด
อ้าว..เหรอคะ...
เสียงร้องว๊าย...ออกมาดังชัดแจ๋ว แต่ไม่ใช่จากนิสิตด้วยกันน่ะครับ
จากปากอาจารย์ที่ท่านนั่งสอบสัมภาษณ์น่ะครับ
....................................................................................
เช่วงพักเจอพระนิสิตทักทาย
มนัสการค่ะ ทักไป
โยมอาจารย์กระต่าย รู้ไหมพระกลัวอะไรมากที่สุด
นึกไม่ออกค่ะวันที่สมองไม่ทำงาน
พระกลัวถูกอัดครับ
อ้าว,,,ทำไมคะ
ก็อาตมาเดินผ่านมาเมื่อกี้ เห็นป้าย เขียน ไว้ว่า ที่นี่รับอัดพระ
13 พฤษภาคม 2553 21:17 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
การเดินตามแบบแผนและติดอยู่ในกฎเกณฑ์
เหมือนการมัดตัวเองไว้ด้วยเส้นเชือก
การยึดติดในความคิดตัวเองและไม่ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกฎเกณฑ์สภาพของโลกเหมือนการขุดหลุมฝังตัวเอง
อะไรที่ได้มาง่าย มักจะหมดไป ง่าย เพราะ เราไม่ค่อยรู้คุณค่ากับสิ่งที่ได้มา
การคิดถึงความดีคือติดอยู่ในสวรรค์
การคิดถึงความชั่วคือการติดอยู่ในนรก
การเดินทางชีวิตของแต่ละคนต่างกันไป
แต่ในความต่างย่อมมีความเหมือน
เพระมีความกลัวความลังเล
ไม่กล้าเผชิญอุปสรรค
ความร้อนรนภายในความคิด
ยิ่งทำให้การเดินทางถึงจุดหมายช้าลง
ผู้มีปัญญาย่อมปฎิบัติโดยมิหวังผลลุล่วงใดๆ
ผู้ไม่มีปัญญามักใส่โซ่ตรวนให้ตัวเอง
ธรรมมีเพียงหนึ่ง ขอเพียงเข้าใจ
ชีวิตคนก็เหมือนเข็มนาฬิกาที่จะหยุดเดินหรือเดินไปข้างหน้า
ความเสียใจหรือสูญเสียสิ่งใดไปก็เหมือนร่างกายที่ป่วยไข้และกินยาแคปซูลที่ขมลงไป แต่ในความ
ขมก็ไปรักษาร่ากายเรา
ก็เหมือนความเสียใจก็เหมือนบทเรียนสอนเพิ่มแรงต้านทานในชีวิต
เม็ดกรวดเล็กยังรวมกันเป็นภูเขาได้
คนเราล้มแล้วก็ลุกได้
แม้จะคลุกคลานอยู่บ้างแต่ถ้าไม่ท้อแท้สิ้นหวังสักวัน
จะพาเราไปพบความสุขที่แท้จริง
ใครๆเรียนรู้ดูจิตตัวเองได้ ขอเพียงเริ่มต้นกระทำ อย่างตรงไปตรงมาในความชอบและไม่ชอบนั้น
ลองมองตัวเองว่าทำไมเศร้า ได้ทั้งวัน คิดถึงใครคนหนึ่งวนเวียนอย่างนั้นด้วยความอาลัยอาวรณ์หรือนึกถึงแล้วมีแต่ความแค้น หรือโกรธเกี้ยวนั่นคืออารมณ์โกรธ
เราต้องคิดแล้วว่า บางครั้งความทรงจำในส่วนที่ดีก็ทำร้ายเรา
ต้องมองตัวเองว่าในความทรงจำดีๆไม่มีคุณค่ากับการมีสติในปัจจุบัน
ถ้าความรักเกิดขึ้นพร้อมความทุกข์ก็เหมือนความคิดที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ยั่งยืนถาวร ในความรักนั้นจงมองดูตัวเอง
ว่าเราก็มีคุณค่าทำไมไม่มอบความรักให้ตัวเองก่อนเสียเล่า
ความฝัน ความหวัง ในชีวิตเป็นสิ่งดี เป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี
เพราะ ถ้าใช้ผิดวิธีมันจะกลายกดดันตัวเองและนำความทุกข์มาให้
เวลามีทุกข์เราต้องหาดับทุกข์และให้หลุดจากภาวะตรงนั้น บางทีใช้เงินซื้อของแพงให้ตัวเองไหนดีไหนสวยรีบหามาย่อมลงทุนเพื่อจะได้ความสุข
แต่นั้นก้เพียงช่วยได้วคราว เหลือแต่ความจำที่จริงแล้วความสุขไม่ต้องไปค้น
หาไกลอยู่ใกล้ๆคือใจเราเอง อยู่ที่เราคิดอย่างไรให้ใจเป็นสุข
ความสุขอยู่ไม่ยั่งยืนนานเท่าใด ความทุกข์ก้เหมือนกัน
ในเเง่ของความรัก สมหวังก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้อย่างที่หวัง ฟูมฟาย เสียใจ เพราะเราไปหวังว่าเราทำดีขนาดนี้ ต้องได้สิ่งดีกลับมา
แต่ความรักมีทั้งสมหวังและผิดหวัง อาจเป็นเรื่องของคนสองคน
อย่าไปคิดโทษโน้นโทษนี่ ชีวิตที่เรียบง่าย บางทีก็ซับซ้อน คิดไม่ถึง เพราะอยู่ใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน แต่สิ่งสำคัญก็คือ ทำยังไงให้ชีวิตมีความสุขในปัจจุบัน
ในวันที่เราคิดว่า เราโชคร้ายที่สุด แต่เรายังมีลมหายใจเข้าออกได้ปกติ เลือดยังสูบฉีดชีวิตยังมีลมหายใจในวันที่โชคร้ายอาจจะมีความโชคดีแฝงอยู่ในนนั้น
เหมือนเรื่องที่ไม่ประโยชน์สาระอะไรอาจจะมีสิ่งดีๆและสาระที่ดีที่สุด
9 พฤษภาคม 2553 13:10 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อากาศร้อนมากๆเลยทำงานบ้างแบบเล่นบ้างตามประสาคนนิสัยดี
เลยอยากเขียนให้ขำ แก้ง่วงให้ตัวเองนะคะ
อากาศร้อนทำไงถึงหายร้อน กระต่าย
ว๊าว ...ง่ายนิดเดียวใส่ทองจิ เพราะทองไม่รู้ร้อน
ทานข้าวอิ่มแล้วง่วงนอนจังขึ้นมาตอนบ่าย ทำไงกระต่าย
ว๊าว...ง่ายนิดเดียว..เอางานตัวเองให้คนอื่นทำ แล้วก็เขียนขอบตาวงกลมให้ดำๆทั้งสองข้างหาแว่นใส่ ที่มีรูปคนลืมตาน่ะ แล้วตัวเองก็แอบหลับ คร๊อกฟี๊.... คร๊อกฟี๊...
พอนอนแล้วหาเรื่องอู้งานนั่งมากๆก็เบื่อ หาเรื่องเดินไปเดินมา
ไปแซวเพื่อนที่ทำงาน ด้านคอมพิวเตอร์ ขอเตือนเลย คนจบคอม เดี๊ยวนี้ อันตราย ยิ่งนักโปรแกมเมอร์ ยิ่งต้องระวัง
อ้าวเหรอ ....เพราะอะไรกระต่าย....
ว๊าว...ก็คนตายกันเยอะ นายทะเบียนข้างบนลงทะเบียนไม่ทัน
มัวแต่เขียนๆ เลยมองหา คนเก่งคอมพิวเตอร์อยู่ให้ไปช่วยงานน่ะสิ
เดินไปเดินมา เดินเลยไปถึง ห้องเรียนพระนิสิต
มนัสการเจ้าคะ ทักไป
มีคำถามลอยมา โยมอาจารย์กระต่าย สวดมนตร์ แบบทั่วไปสวดยังไง ไม่ใช่ พนมมือ วันทา อภิวาท
ว๊าว ....ตอบไป..... ถ้าแบบคนใต้น่ะ
ยะลา ปัตตานี นราธิวาส
ถ้าแบบคนไปวัด
แม่ชี นินทา เจ้าอาวาส
เดินต่อไปอีก ไปเจอนิสิตฆราวาส ที่ชอบเล่นกล์อฟ นั่งอยู่ในห้องนั่น
สวดมนตร์ อิมิตา สักเรนะ
มาทัก สวัสดีครับ อาจารย์ กระต่าย
สวดมนต์ดีเหมือนกัน แต่ก๊วนนักกล์อฟจะสวดกันอีกอย่าง อาจารย์อยากรู้ไหมครับ
ว๊าว...คงแบบนี้สิค่ะ .... อีนี่มา จัดการเลยน่ะ
ว่าแระกลับห้องที่ทำงานดีกว่า กวนเค้าทุกห้องแล้วน่ะกระต่าย...แฮะ....แฮะ....