9 มกราคม 2553 12:39 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
การอยู่ในโลกการดำรงชีวิตคงหมายถึงศิลปะอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิตเพราะชีวิตย่อมมีทั้งด้านมืด ด้านสว่าง มุมแคบ และมุมกว้างคงเปรียบเหมือนกับดวงจิตในร่างกายเราที่มีทั้งสองด้านอยู่ในร่างเดียวคือด้านดีและด้านชั่ว อยู่ที่ตัวเราว่าจะถูกด้านไหนครอบงำ
การเกิดเป็นคนเป็นเรื่องง่ายแต่ใช้ชีวิตให้ถูกต้องตามครรลองตามหลักธรรมย่อมมีอุปสรรคมาทดสอบเป็นระยะๆอยู่ที่เราจะตั้งสติและเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร
สมมุติว่า เราคิดว่าคนๆนี้ทำไม่ดีกับเราแล้วทำไมเราต้องทำดีด้วยเขาดีมาเราถึงจะดีไปเขาร้ายมาเราต้องร้ายตอบไปอีกสองเท่าถึงจะถูกต้องหลายคนคิดแบบนี้
ที่นี้ ดวงจิตเราก็จะร้อนรุ่ม เจ้าคิดเจ้าแค้น เหมือนมีกองไฟกองใหญ่ คอยแผดเผาดวงจิต
และอีกเช่นกัน ถ้าเราคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องเราว่า เราเกิดมาไม่เคยทำอะไรผิดแต่ทำไมเจอแต่เรื่องเลวร้ายเราก็จะอยู่ในอารมณ์ น้อยใจ เศร้าโศกไม่หยุดหย่อนและไม่ยอมรับโลกและยอมรับชะตาชีวิตคิดและทุกข์กับมัน
บางครั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับใครสักคนบางทีหาเหตุผลในชีวิตปัจจุบันไม่ได้จึงเป็นวิบากกรรมและกรรมเก่าเรา ต้องตั้งสติให้ดี เตรียมรับมือกับมันให้ดี ความพ่ายแพ้ก็คงทักทายเราได้เพียงชั่วคราว แต่ถ้า สิ่งไม่ดีวนเวียนตามให้ทุกข์ไม่หยุดหย่อนก็ต้องตั้งสติแก้เรียงลำดับสำคัญก่อนหลัง แล้วค่อยๆแก้ไปทีละเรื่อง ในเรื่องของกรรมเวรบางคนบอกว่าไม่เห็น ไม่รู้จัก ไม่มีตัวตนเกิดมาเป็นคนทั้งทีขอให้ชีวิตให้มีความสุขก็พอแล้วไม่ได้ทำร้ายใคร
แต่สิ่งบางสิ่งเรื่องบางเรื่อง อาจคุกคามทำลายความรู้สึก ทำลายสุขภาพหรือทำลายสิ่งอื่นโดยเราไม่ระวังและคำนึงถึง
ในส่วนที่เจอ เรื่องไม่ดีต่าง กัน ถ้าเราคิดว่า ดีเหมือนกันที่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับเรา เพื่อให้เราเรียนรู้และรู้จักใช้สติพิจารณาแก้ไขเกิดขึ้นไวหน่อย เราก็ตั้งรับได้ทันเวลาหน่อย
แต่ถ้าเราให้อำนาจ ความโมโห ความแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ มาครอบงำและคิดวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเรา
เหมือนเราไปตามใจมัน คิดวนเวียนไปมาอยู่ตรงนั้น ความตามใจก็ได้ใจตามทำร้ายเราไม่หยุดหย่อน
การแก้ปัญหาหรืออุปสรรคอย่างมีขั้นตอนในสิ่งที่ตัวเองกระทำมาคงบอกได้เพียงบางอย่างดังนี้
1. ถ้าเราทุกข์มากๆเหมือนจะทนไม่ไหว รู้สึกอับอาย พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา ปิดประตูห้องนอนร้องไห้ออกมาดังๆให้สุดเสียงร้องให้พอแล้วพอรู้สึกโล่งขึ้น ให้ไปยืนกระจก ยิ้มกับตัวเอง คิดว่าดีเหมือนกันไม่ต้องไปเปลืองเงินซื้อน้ำตาล้างตาดวงตาสวยใจแจ๋วแจ่มเป็นประกาย
2. ถ้ายังไม่หาย หา ที่สงบสงัดร่มเย็น สักแห่ง เจริญสมาธิ เจริญสติพอให้ ใจสงบสักสิบนาทีก็ได้ ถ้าสงบได้แล้วเราต้องหันหาเข้าหาปัญหาอย่าหนีค่อยๆลำดับพิจารณาเรื่องไหนสำคัญ
3. ถ้าหาไม่พบและยังมึนงงเรียงเรื่องไม่ได้ก็ใช้ปากกาเขียนลงไปกระดาษเท่าที่จำได้หรือระบายความทุกข์เราลงไป
4. ถ้ารู้แล้วแก้ไม่ได้ก็ปรึกษาผู้รู้ หรือ หนังสือธรรมมะ จะให้ข้อคิดดีๆกับเราหลายอย่าง แต่ถ้าเราไม่ชอบอ่าน ดูละคร หรือภาพยนตร์ เราต้องรู้จักสังเกตและจดจำเพราะหลายเรื่องให้ข้อคิดและแฝงปรัชญาในการใช้ชีวิตได้ดีทีเดียว
5. การอ่านหนังสือดีๆไม่จำเป็นต้องราคาแพงหรือหนาไปเสมอไป อยู่ที่เราอ่านแล้วเรา ได้อะไรและนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิต
6. ถ้าทราบวิธีแก้ไขต้องลงมือทันที อย่ามัวกลัว สิ่งนั้นสิ่งนี้เพราะถ้าเราได้แต่คิด ไม่ลงมือกระทำก็จะทุกข์ ซ้ำซากอยู่ตรงนั้น
ในปัญหาของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไปเช่น
เจอสามีเจ้าชู้ถ้าเรารักเขามากกว่าเราก็จะทุกข์เพราะเขา เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องรักตัวเองก่อน ถ้าทนไม่ได้ก็ยกให้เค้าไปคิดว่า หมดเวรกรรมฉันสักที(คิดและเขียนเล่นสนุกๆในข้อนี้)
กลัวตัวเองตายไปลูกเมียจะลำบาก คิดไปเองก่อนยังไม่ตายเลยไม่รู้อันนี้ต้องลองตายดูเองให้คนอื่น จุดธูปบอกว่าลูกเมียอยู่ยังไง
กังวลมันทุกอย่าง กลัวคนไม่รัก กลัวหัวหน้าไม่ชอบ กลัวเสียหน้า กลัวโน้นกลัวนี้คิดและกลัวอยู่คนเดียวคนอื่นไม่ไปรับรู้อะไรด้วยวิตกจริตคิดคนเดียวคงใกล้โรคประสาท เรียกแบบง่ายใกล้บ้า
ที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนอารมณ์คนอ่านบ้างผู้เขียนเองก็ตกอยู่ในอารมณ์กลัว กลัวจะเบื่อในการอ่านเสียก่อน
เรื่องต่างๆคิดให้ง่ายก็จะง่ายสำหรับเรา ในการ ยึดติดกับความคิดยึดมั่นถือมั่นทำให้คิดได้ว่านี่เอง ต้นเหตุแห่งความทุกข์เป็น อุปสรรคของความสุข
อยากจะฝากข้อคิดสั้นเอาไว้ให้เก็บไปคิดกัน
ชีวิตที่ไม่เคยมีปัญหาคือชีวิตที่อ่อนแอ ชีวิตที่มีปัญหาคือชีวิตที่แข็งแกร่ง ปัญหาชีวิตคิดให้มีประโยชน์เพราะเราได้ฝึกแก้ปัญหาและมีชีวิตที่แข็งแกร่ง
มีคนๆหนึ่งรักเรามากตามใจเรามากเราต้องระวังนั่นคือตัวเอง
รวยก็ตาย จนก็ตาย-ถามตัวเองรึยังว่าก่อนตายทำดีอะไรไว้บ้าง
ฆ่าคนทำร้ายคนเป็นเรื่องง่ายให้อภัยคนเป็นเรื่องยากแต่นั่นคือบุญที่ยิ่งใหญ่
ธรรมชาติยังเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติแต่คนบางคนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงยึดติดจึงทุกข์
อิจฉา พยาบาท โกรธ เกลียด เขา เราทุกข์ให้อภัยเขาเราสุข
รวย เด่น ดัง เป็นทุกข์ ไม่รวย เด่น ดัง เป็นสุข อยู่ที่เราเลือกว่าต้องการสิ่งไหน
ถูกคนนินทาว่าร้ายคิดว่า ดีเหมือนกันเราคงเป็นสำคัญที่เขาสนใจ
การทำดี การทำชั่ว ถ้าเราทำจนเป็นนิสัย ย่อมง่ายในการกระทำ
มีศัตรู ญาติ เพื่อน คนรักทำเรื่องไมดีให้เราเสียใจ
แต่สิ่งเหล่านี้จะหายไปถ้าให้อภัยเขาแทน
เข้าใจลูกน้อง นับว่ายาก เข้าใจเจ้านายนับกว่ายากยิ่งกว่าแต่เข้าใจยากที่สุดคือ การเข้าใจตนเอง
ชีวิตเหมือนของที่เรายืมเขามาใช้คือธรรมชาติ
เมื่อยืมแล้วต้องทำให้เป็นประโยชน์อย่าทำลายให้เสียหาย
ต้องพัฒนาเขาให้ดีสุดท้ายเราต้องคืนเจ้าของคือธรรมชาติหมายถึงความตาย
มีสิ่งสวยงามประดับกายอย่าลืมมีธรรมะประดับใจ
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ คือ การชนะใจตัวเอง
(พระธรรมราชานุวัตร เจ้าอาวาสวัดพระแก้ว ในการเจริญภาวนา สมาธิ วัดพระแก้ว เชียงราย ปี ใหม่)
หิวหรืออิ่ม ยิ้มได้ ไม่แตกต่าง
ทุกข์หรือสุข ปนบ้าง ต่างตรงไหน
ยึดหรือวาง แล้วเรา ได้อะไร
ฝากคำถาม ความนัย ให้คิดเอง
กระต่ายใต้เงาจันทร์
6 มกราคม 2553 16:08 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
"คุณครูกระต่ายคับ ทำไมรถยนต์ถึงวิ่งได้คับ"
" ต้องเติมน้ำมัน และมีล้อ รถยนต์ก็วิ่งได้คะลูก"
"คนทำไม ถึงเดินได้คับ"
"คนมีขา ถึงเดินได้คะ"
"นู๊เห็น โต๊ะ ก็มีขา ทำไมถึง เดินไม่ได้ล่ะคับ"
"คุณครูกระต่าย งงละสิ"
???????????????????????
6 มกราคม 2553 15:39 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เด็กเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญยิ่งของประเทศชาติ เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าและมั่นคง โดยปกติอายุของเด็กที่เข้าร่วมฉลองในงานนี้จะต่ำกว่า 14 ปี เพื่อเตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ เด็กควรจะมีความขยันหมั่นศึกษาหาความรู้ รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ มีระเบียบวินัย ขยันขันแข็ง ช่วยเหลือกันและกัน เสียสละรู้จักสิทธิหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งรักษาความสะอาดและรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและสาธารณสมบัติ .......
.... ..ถ้าหากเด็กตระหนักถึงอนาคตของตนเองและของชาติโดยการปฏิบัติตนตามที่กล่าวมานั้น ก็จะได้ชื่อว่าเป็น "เด็กดี" และประเทศชาติก็จะเจริญรุ่งเรือง
ในขณะเดียวกัน เพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ จึงได้มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรกในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 และถือปฏิบัติเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 2506 แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เพราะเป็นช่วงหมดฤดูฝนแล้วและเป็นวันหยุดราชการอีกด้วย ดังนั้นจึงถือปฏิบัติมาจนถึงวันนี้
พ.ศ.2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม - จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
พ.ศ.2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
พ.ศ.2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
พ.ศ.2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
พ.ศ.2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
พ.ศ.2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
พ.ศ.2507 - งดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
พ.ศ.2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
พ.ศ.2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
พ.ศ.2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
พ.ศ.2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
พ.ศ.2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
พ.ศ.2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
พ.ศ.2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
พ.ศ.2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
พ.ศ.2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ.2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - สามัคคีคือพลัง
พ.ศ.2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
พ.ศ.2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช - เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
พ.ศ.2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
พ.ศ.2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ.2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
พ.ศ.2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ.2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
พ.ศ.2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ.2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
พ.ศ.2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
พ.ศ.2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
พ.ศ.2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ.2534 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
พ.ศ.2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน - สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
พ.ศ.2536 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ.2537 - นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ.2538 - นายชวน หลีกภัย - สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ.2539 - นายบรรหาร ศิลปอาชา - มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
พ.ศ.2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ - รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
พ.ศ.2541 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ.2542 - นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ.2543 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ.2544 - นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ.2545 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
พ.ศ.2546 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
พ.ศ.2547 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
พ.ศ.2548 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
พ.ศ.2549 - พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
พ.ศ.2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
พ.ศ.2551 - พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ - สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ.2552 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
พ.ศ.2553 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รุ้ เชิดชูคุณธรรม
5 มกราคม 2553 10:12 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในบ่ายของวันที่ยี่สิบหกของเดือนธันวาคมในปีนี้ ได้รับโทรศัพย์จากสำนักงานจากเสียงหวานๆของน้องจอยดังมาผ่านมายังโทรศัพย์มือถือ
กำนันอยู่ไหนค่ะ วันที่ยี่สิบเก้าสำนักงานจะมีงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่า ขอของรางวัลสามชิ้นในราคาชิ้นละห้าร้อยบาทค่ะ แต่กำนันไม่มีสิทธิ์จับของขวัญน่ะค่ะส่วนภาคเช้ามีกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนค่ะกลางคืนมีดนตรีและจับของรางวัลเกือบสองร้อยชิ้นที่ขอจากส่วนราชการให้ชาวบ้านจับหางบัตรแล้วได้ของรางวัลไปทุกคนที่เอาของรางวัลมาไม่มีสิทธิ์จับของรางวัลทุกคนค่ะแล้วขอเชิญกำนันเป็นพิธีกรด้วยค่ะ
ในความรู้สึกอยากให้คนรับของรางวัลมีความสุขจึงไปเลือกเดินซื้อหลายที่ และที่ไปที่หนึ่งคือ ปทุมทองของจังหวัดพิษณุโลก ในช่วงเวลาเกือบหกโมงเย็น เดินไปเดินมารู้สึกหิวเพราะตั้งแต่บ่ายไม่มีอะไรตกถึงท้องจึงแวะร้านอาหารแห่งหนึ่งที่แขวนป้ายหน้าร้านว่า
เจ้เกี๊ยกเจ้าเก่า ซึ่งมีหลายคนนั่งอยู่ในร้านอาหารบ้างแล้ว นั่งรอสักพักมีเด็กมาถามว่าสั่งอะไรดี
ก็สั่งอะไรที่ทานง่ายๆไป ในร้านอาหารเปิดโทรทัศน์จอขนาดใหญ่ไว้ รู้สึกจะเป็นรายการ ขวัญข้าวขวัญแผ่นดินหรืออะไรไม่ทราบได้
แต่พอท่านนายกออกมาเท่านั้นแหละ ทั้งเจ้าของร้าน ทั้งพ่อครัว แม่ครัว ที่วัยน่าจะประมาณห้าสิบกว่าขึ้นไปยังไม่รวมเด็กเสริ์ฟที่อายุประมาณอีกยี่สิบกว่าอีกประมาณห้าหกคนไปนั่งมุ่งดูอยู่หน้าโทรทัศน์ทั้งร้าน
นายกรูปหล่อจัง นายกน่ารัก นายกสุภาพ พร้อมกับตบมือตามจังหวะเพลงที่ท่านนายกร้องตามด้วยคำชมและรอยยิ้มของบรรดาคุณป้าทั้งหลายและรอยยิ้มอย่างมีความสุขของคนที่นั่งมุงดูจนลืมบริการลูกค้าที่รออาหารในร้านเสียสิ้น
ได้แต่นั่งดูบรรยากาศในร้านพร้อมกับอมยิ้ม ไม่น่าเชื่อที่คนๆหนึ่งที่ไม่เคยพบเจอจะทำให้คนอีกหลายคนมีความสุขได้ เป็นความสุขที่ไม่ได้คิดในแง่ ผลงานรัฐบาลหรือการเมืองแต่อย่างใด
เป็นความสุขส่วนตัวที่คนเฒ่าคนแก่ชอบ หน้าตา ความสุภาพ รอยยิ้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอเวลาออกมาที่หน้าจอโทรทัศน์
ความสุขถ้าเราชอบหรือเสพความสุขแบบง่ายๆโดยไม่ได้ตั้งค่าความมุ่งหวัง แค่เห็น แค่ได้ยิน ก็เป็นความสุขคงเป็นความรู้สึกของบุคคลเหล่านั้น
คนนั่งดูอย่างเราจึงพลอยมีความสุขไปด้วยที่ได้เห็นภาพที่น่ารักเหล่านี้ แต่ทราบไหมค่ะว่าท่านนายกเกือบทำให้คนไทยในร้านอดข้าว