18 มิถุนายน 2551 16:30 น.

ทะเลคือ...ชีวิต...

กระต่ายใต้เงาจันทร์


หลายครั้งในชีวิตคนเรา     มีทั้ง  ความเหงา   ความอ้างว้าง    และความหวาดกลัวที่ซุกซ่อน  อยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
และในหลายคนอีกเช่นกัน    อยากจะปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านี้ออกไป    เพราะอยากเป็นอิสระทางความคิด   แต่ความรู้สึกเหล่านี้  กลับพัดหวนคืนหา   มาหาสู่เรา  ครั้งแล้วครั้งเล่าในบางครา   มีคนจำพวกหนึ่ง   เอามาทุกข์  แปรเปลี่ยนมาเป็นความต้านทาน   เพื่อจะได้  อยู่สู้กับโลกที่สับสนในใบนี้ได้ต่อไป
แต่ก็มีอีกจำพวก    ที่ฟูมฟาย   ยึดติด   กับอดีต   ไม่ว่าผ่านไปไม่กี่ปีก็ลืมไม่ได้    น่าแปลกที่มันสมองคนเรามักเลือกจดจำ  ในส่วนที่เลวร้ายมากกว่าส่วนดี  ซึ่งมันน่าจับมันสมองออกมาตีและเรียนรู้ใหม่เสียยิ่งนัก
ในยาม  ที่มีปัญหาว้าวุ่นใจ   ฉันเองเป็นคนที่อยู่ในจำพวก  ชอบมองแม่น้ำ  หรือท้องทะเล  ทั้งในยามค่ำคืน    ยามที่แสงพระอาทิตย์เริ่มอัสดง    แม้กระทั่งในเวลาที่แสงอาทิตย์  หายลับไปกับขอบฟ้า  รอดูเส้นขอบฟ้าและขอบน้ำของท้องทะเลมาบรรจบกัน
เส้นสายของสายน้ำ  ถ้ารับรู้อารมณ์ในแต่ละคน     ที่แวะเวียนมาหา    คงจะสามารถบอกเรื่องราว     ความคิดของใครคนหนึ่งได้
ทะเลเหมือนมีชีวิต    บางครั้งในยามค่ำคืน   เหมือนได้ยินเสียง  ผะแผ่ว  แว่วเหมือนเสียงสะอื้น    ของท้องทะเล  ที่ยังคงอ้อยอิ่งอยากอยู่ในอ้อมกอดของใครยามนี้
ในราตรีที่ทอดยาว  มีบางคน  อาจนอนไม่หลับ   แต่บางคนหลับอย่างสุขสบาย    กลไกความคิดของคนต่างกันไป    คงเหมือนท้องทะเลที่บางครั้งเงียบสงบ  แต่สักพัก    มีคลื่น  มาเป็นระลอก   แต่บางทีเหมือนไม่มี  แต่กลับแอบแฝงอยู่ใต้ผิวน้ำรอจังหวะ    ที่ถาโถมซัดกระหน่ำซ้ำเติมอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าเปรียบทะเล   คงเหมือนกับชีวิต  คน  ที่บางครั้ง   สุขสงบ   แต่หลายครั้ง  เงียบเหงา  โดดเดี่ยว  อ้างว้างจับขั้วหัวใจ
คนที่มีชีวิตผูกพันกับท้องทะเล   บางทีคงจะเบื่อ  และต้องระวังอันตราย   ที่แอบซุกซ่อนอยู่  ใต้ท้องทะเล   อยู่เสมอไม่ว่าเวลาใด
แต่ทะเลสำหรับฉัน     คือ  สิ่งที่น่าค้นหา    และนำเรื่องราวที่เป็นความลับไปปลดปล่อย   ให้ท้องทะเลซัดจมหายไป  ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร   ก็ไม่มีใครค้นหาเจอ   นอกจากตัวฉัน  และท้องทะเลเท่านั้นที่รู้
				
5 มิถุนายน 2551 11:19 น.

ข้อคิดดีๆให้ชีวิตมีความสุข

กระต่ายใต้เงาจันทร์

 

จากการที่ได้อ่านหนังสือ    ศิลปะแห่งความสุข   โดยดาไลลามะที่14  และโฮเวิร์ด   ซี.    คัทเลอร์    เป็นผู้เขียน   ทำให้เปลี่ยนมุมมองและยอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้อย่างสงบและยอมรับไม่ทุรนทุรายหรือเสียดายและเสียใจในสิ่งที่เคยมีทำให้เรารู้ว่า   
                                
                                                                             
     ขั้นตอนแรกในการแสวงหาความสุขคือการเรียนรู้  ก่อนอื่นเราต้องเรียนรู้อารมณ์และพฤติกรรมทางลบทั้งหลายว่าทำร้ายเราอย่างไร   และเราต้องรู้พฤติกรรมเข้าใจถึงประโยชน์ของอารมณ์ในทางบวกเช่นกัน   และต้องอาศัยกระบวนการทางจิตพิจารณาดูว่าอย่างไหนให้คุณให้โทษ    ยกตัวอย่างเช่น     ความโกรธ      เกลียด     อิจฉาริษยา      นั้นเป็นโทษนั้นถือว่า   ภาวะจิตเราเป็นลบ   เพราะทำลายความสุขสงบในใจเรา   เมื่อเราเก็บความเกลียดใครหรือเจตนาร้ายต่อใครบางคน  เราจะมีแต่ความเกลียดและอารมณ์ด้านลบต่างๆและจะมองคนอื่นๆด้วยเจตนาร้ายเช่นกัน   ผลก็คือ   ทำให้กลัวมากขึ้น     หวาดระแวง   รู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่กล้าสบตาคนที่คนพูดให้ร้ายด้วยสายตาเต็มสองตา   จนกระทั่งในที่สุด   จะรู้สึกโดดเดี่ยว  เหงาและคิดว่า  โลกโหดร้ายในสายตา   ความรู้สึกเหล่านี้เติบโตขึ้นเพราะความเกลียดเป็นเหตุ  แต่ถ้าในทางกลับกัน  คิดแต่สิ่งดี  ทำดี   คิดแต่เรื่องสร้างสรรค์   มีจิตใจเมตตา  กรุณา  ไม่ชิงดีชิงเด่น     และในอภัย  จิต  ก็จะเป็นไปในทางบวก    นำไปสู่สุขภาพจิตที่ดีและมีความสุขในการคิดแน่นอนสิ่งเหล่านี้ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆในที่สุดพฤติกรรมทางลบจะหายไปเอง    ซึ่งหมายความว่า    จิตที่มีวินัยย่อมนำไปสู่ความสุข      ที่กล่าวถึงในที่นี่คือวินัยในตนเองไม่ใช่ให้ผู้อื่นบังคับให้กระทำ   หมายถึงวินัยที่เราชอบนำไปปฏิบัติคือการเอาชนะลักษณะนิสัยอันเป็นโทษ   ซึ่งพฤติกรรมและอารมณ์ในทางลบเรียกว่า       อกุศล   และพฤติกรรมในทางบวกเรียกว่า    กุศล
   

      วิธีที่เรามองชีวิต  โดยรวมกำหนดทัศนะที่เราคิดว่าเรามีความทุกข์  เช่น     ถ้าเรามองพื้นฐานว่าความทุกข์เป็นสิ่งไม่ดี     ต้องหลีกหนีทุกวิถีทาง    แถมบางคนยังมองว่า   ส่อแววให้เห็นถึงความล้มเหลว     อ่อนแอ    ก็เท่ากับไปเพิ่มความกังวลใจและความไม่อดกลั้นในยามเผชิญสถานการณ์ลำบาก จะรู้สึกเหมือนว่า   เราจมอยู่ในกองทุกข์   ในทางกลับกัน    ถ้าเรามีมุมมองพื้นฐานที่ยอมรับว่าความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งที่ธรรมดาของการมีชีวิตอยู่ที่เราทุกคนต้องพบเจอ     ไม่ต้องสงสัยเลยว่า  เราจะอดทนและอดกลั้นต่อความทุกข์และความยากลำบากในชีวิตได้มากขึ้น
   

คนเรามักเพิ่มความเจ็บปวดและความทุกข์ให้ตัวเอง   จากการอ่อนไหวเกินเหตุ  ตีโพยตีพายกับเรื่องเล็กๆน้อยๆและบางครั้งมักเก็บเอาเรื่องต่างๆมาเป็นอารมณ์
บางคนทุกข์เพราะว่า   จับได้ว่า   มีคนบางคนพูดว่าเราหลับหลัง    แต่ถ้าเราเลือกที่จะตอบโต้สิ่งไม่ดีด้วยความเจ็บปวดเคืองแค้น   เท่ากับว่า  ตัวเราเองทำลายความสุขสงบในใจเราเองเพราะความทุกข์เกิดจากความคิดเราเป็นผู้ก่อ    ในทางกลับกัน  ถ้าเราปล่อยให้คำนินทาว่าร้ายผัดผ่านไปเหมือนสายลมที่พัดผ่านหูอย่างสงบเท่ากับเราได้ปกป้องตัวเองจากความรู้สึกที่เราเจ็บและรวดร้าว   แต่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยากได้เสมอไปแต่สามารถเปลี่ยนระดับทุกข์ที่ประสบ   ด้วยการ   เลือกท่าทีที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์นั้น
  

      จงใช้จิตพิจารณาและสงสารต่อคนที่นินทาเรา   พร้อมทั้งให้อภัยและอโหสิกรรมต่อสิ่งที่คนว่าร้ายหรือนินทาเราหลับหลังแล้วชีวิตเราจะมีความสุข   แต่นี่นับเป็นเรื่องยาก   เพราะคนยังมีกิเลส  แต่ถ้าลองฝึกและทำดูหลายๆครั้งเราจะทำได้ในที่สุด  ผลสุดท้ายความสุขจะอยู่ที่ตัวเรา
จงเรียนรู้ที่จะใช้จิตควบคุมอารมณ์อย่าให้อารมณ์ควบคุมจิต

                                 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์