25 ธันวาคม 2549 19:58 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในบางครั้ง วัยเด็ก เคยซุกซน ฝนตก ออกไปเล่นน้ำฝน เอาใบไม้มาทำเรือ เล่นกับพี่ชาย ในท้องถนน ที่น้ำท่วมขัง เรือใบไม้ของใคร จะสวยกว่าเรา ไม่มีสักครั้ง ไม่พ่อ ก็พี่ชาย จะระดมตกแต่ง ด้วยดอกไม้ ที่ปลูกในสนามหน้าบ้าน ดอกแก้ว ดอกเข็ม ดอกโมก ดอกชวนชม จะสวยอยู่ในเรือสม่ำเสมอ
ปลายผม เด็กหญิงตัวน้อยๆ ของพ่อที่แผ่กระจายเต็มกลางแผ่นหลัง มักจะถูกประดับด้วย ดอกแก้ว ดอกโมก ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆเรื่อยลงมา ด้วยมือพ่อ อย่างประณีต
เส้นผมที่พ่อชอบหนักหนา บางครั้งถูกมวยบนศรีษะ วิ่งซุกซน ผมหล่นติดพวงแก้ม ที่ทอระเรื่อรับไอแดด พ่อมักจะหอม และจับแก้ม ด้วยความเอ็นดู
ถึงเติบโตจนทำงาน ทุกครั้งที่มวยผม พ่อมักจะเอาดอกไม้มาเสียบให้เสมอ
พ่อพูดเสมอว่า เส้นผมปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า เพราะสงสารเค้า จะได้หายใจบ้างพร้อมเสียงหัวเราะหยอกล้อด้วยความเอ็นดูเบาๆ ไม่มีเรือใบไม้ ไม่มีมือพ่อ อีกต่อไปแล้ว ต่อแต่นี้
แอบมานั่งอ่านความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
ออกจากที่ทำงาน ขับรถไปเรื่อยๆ เหนื่อยเหลือเกินวันนี้ มองท้องฟ้า อยากให้ฟ้าโอบกอด สุดท้าย กลับมาสวน ของพ่อ ทุกครั้ง ยามอ่อนล้า
ปล่อยความคิด คนเดียวเงียบๆ มีเหตุการณ์ที่ต้องแก้ไข วางไว้บ่นบ่า มากมาย ภาระหน้าที่ อยากจะทิ้ง
อยากจะหนี อยากจะไปอยู่กับพ่อจริงๆ เนิ่นนานที่มองสายน้ำ
อยากให้สายน้ำ โอบกอด และมอบความรัก กลับมาบ้าง ภายใต้ท่าทีที่เข็มแข็ง แต่หัวใจ ร่ำไห้ ใน สักวัน น้ำตาคงจะหมด เพราะว่ามันไหลย้อนกลับไปท่วมใจ
ความปรารถนา และแรงขับเคลื่อนเหลือน้อยเต็มที ทำไมทุกคนต้องโยน ความหวัง ความรับผิดชอบ เรื่องราวที่แก้ไขไม่ได้ มาให้เราทุกครั้ง
หลายครั้งอยากปฏิเสธ...บางเรื่อง...แต่แววตา...ที่ฝากความหวัง..ทำให้ต้องนั่งนิ่ง
ความปรารถนา ที่พ่ออยากเห็น ความถูกต้อง ทำอยากเหลือเกิน เหนื่อยจังค่ะพ่อ ยืนอยู่ตรงนี้ เนิ่นนาน หวังไออุ่น จากสิ่งรอบกาย มาปกปิดความอ้างว้าง
และเดียวดาย ได้บ้าง
วันนี้เป็นวันครบปีที่พ่อตาย หนูได้ทำความฝันและแรงปรารถนา ของพ่อ เท่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆจะทำได้ ไม่รู้สิ่งที่พ่อฝัน บนเส้นทางที่ให้ก้าวขึ้นไป หนูจะทำได้รึปล่าว เกินความสามรถหนูแล้วจริงๆค่ะ
คิดถึงพ่อจังค่ะ
17 ธันวาคม 2549 22:01 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ชอบนิ้วโป้ง
>แสดงว่าเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ตามกระแสสังคม ไม่แคร์ใคร
>ไม่แคร์สายตาผู้อื่น
>คนรอบข้างไม่สามารถทำให้ความเชื่อมั่นลดน้อยถอยลงแม้แต่น้อย รักอิสระสูง
>ไม่ชอบให้ใครมาบงการชีวิต
>แฝงไปด้วยความฉลาดหลักแหลม ซื่อสัตย์ คิดหวังอะไรต้องทำให้ได้สิ่งนั้น
>ละเอียดรอบคอบ
>ไม่มองอะไรแบบผ่านๆ
>
>ชอบนิ้วชี้
>แสดงว่าเป็นคนที่ชอบทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ
>จึงทำให้มีเสน่ห์ในตัวที่ดึงดูดใจคนรอบข้าง
> มีสไตล์การแต่งตัวเป็นตัวของตัวเอง
>และเชื่อว่าชุดที่เลือกใส่เองจะทำให้ตัวเองดูดีที่สุด
> โดยไม่จำเป็นที่จะต้องตามแฟชั่น มีความเป็นผู้นำสูง
>ชอบที่จะนำความคิดของผู้อื่น
> และชอบที่จะคิดค้นหาอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนกับคนอื่น
>
>ชอบนิ้วกลาง
>แสดงว่าเป็นคนที่มีจิตใจร่าเริงแจ่มใสได้ตลอดเวลามีจินตนาการสูงในการ
>
> สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ มีบทบาทมากมายในชีวิต แต่บางทีก็ดูเงียบขรึม
>ในบางทีก็ดูร่าเริง
>และในบางครั้งก็จะทำตัวเป็นที่น่าสงสารของผู้ได้พบเห็น
>แต่หลักสำคัญก็คือจิตใจของคนที่ชอบนิ้วนี้จะมั่นคงไม่โลเลง่ายๆ
>พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา
>
>ชอบนิ้วนาง
>แสดงว่าเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง อยากให้คนรอบข้างสนใจ
>และต้องการให้ผู้อื่นมาเอาอกเอาใจ
>มาคอยบริการมากกว่า ออกไปทางลูกคุณหนูหน่อย แต่ลึกๆ เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน
>สามารถเก็บความรู้สึกลึกๆ ข้างในของตัวเองได้ดี
>
>ชอบนิ้วก้อย
>แสดงว่าเป็นคนที่ชอบเพ้อฝันในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเป็นแต่ทำไม่ได้
>เป็นคนนิสัยดีเข้ากับคนอื่นได้ง่าย โอนอ่อนผ่อนตาม
> เก็บอารมณ์ได้ดี เป็นคนไม่ค่อยคิดมาก ที่สำคัญเป็นคนที่มีความโรแมนติกสูง
>รักใครรักจริง รักเดียวใจเดียว
>
>
11 ธันวาคม 2549 22:27 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ความคิดสมัย ป.1
เพื่อนที่ดีคือคนที่ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนคุณ แล้วก็จับมือคุณระหว่างเดินผ่านห้อง
โถงที่น่ากลัว
ความคิดสมัย ป.2
เพื่อนที่ดีคือคนที่ทำให้คุณเข้าเรียนคลาสที่ไม่อยากเรียน (มั้ง)
ความคิดสมัย ป.3
เพื่อนที่ดีคือคนที่แบ่งอาหารกลางวันให้คุณ เมื่อคุณลืมกล่องข้าวไว้ที่บ้าน = =?
ความคิดสมัย ป.4
เพื่อนที่ดีคือคนที่ยอมเปลี่ยนคู่เต้นในวิชาลีลาศเมื่อคุณไม่อยากจับคู่เต้นอยู่
กับนิกจอมลามก
หรือเอ็มกลิ่นแรง
ความคิดสมัยป.5
เพื่อนที่ดีคือคนที่เผื่อที่นั่งให้คุณเมื่อถึงมื้อเที่ยง
ความคิดสมัย ป.6
เพื่อนที่ดีคือคนที่พาคุณไปหาคนที่คุณตกหลุมรัก เพื่อขอให้เค้ามาเต้นรำกับคุณ เผื่อว่าเค้าปฏิเสธคุณจะได้ไม่ต้องอายไง
ความคิดสมัย ม.1
เพื่อนที่ดีคือคนที่ให้คุณลอกรายงานสังคม
ความคิดสมัย ม.2
เพื่อนที่ดีคือคนที่ช่วยคุณทำรายงานกลุ่มและไม่เคยนินทาคุณลับหลัง
ความคิดสมัย ม.3
เพื่อนที่ดีคือคนที่เปนที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้คุณและอินกับคุณในทุกๆอารมณ์
ความคิดสมัยม.4 คือ
คนที่ยอมเปลี่ยนวิชาเรียนเพื่อที่คุณจะได้มีเพื่อนนั่งกินข้าว
ความคิดสมัย ม.5
เพื่อนที่ดีคือคนที่ยอมให้คุณขับรถใหม่ของเค้า
ช่วยคุยกะพ่อแม่ของคุณเวลาคุณมีปัญหา แล้วก็คอยปลอบคุณตอนที่คุณเลิกกับแฟน
ความคิดตอน ม.6
เพื่อนที่ดีคือคนที่ช่วยคุณเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเข้า
แถมยังช่วยคุยกับพ่อแม่ให้ยอมให้คุณไปเรียนมหาลัยนั้นอีกด้วย
ในงานจบการศึกษา เพื่อนที่ดีของคุณ คือคนที่ร้องไห้เงียบๆ ในใจ
แล้วก็แบ่งปันรอยยิ้มกว้างๆ ให้คุณ
หน้าร้อนหลังจบ ม.6
เพื่อนที่ดีคือคนที่ช่วยคุณล้างขวดหลังงานปาร์ตี้
ช่วยคุณแอบย่องออกจากบ้านตอนที่คุณตกลงกับพ่อแม่ไม่ได้
ทำให้คุณกับแฟนกลับมาคบกันอีก
ช่วยคุณเก็บของเพื่อย้ายไปมหาลัย
แล้วก็กอดคุณอย่างเงียบๆ มองคุณด้วยแววตาที่ขุ่นมัวพร้อมกับความทรงจำ
18 ปีที่ผ่านมา...... ให้กำลังใจคุณในทางที่คุณเลือกเดินเหมือน 18ปีที่ผ่านมา
และตอนนี้ เพื่อนที่ดี .... ยังคงเป็นคนที่ให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ จับมือ
ของคุณเมื่อคุณกลัว
ช่วยคุณต่อสู้กับสิ่งที่พยายามเอาเปรียบคุณ
คิดถึงคุณตลอดเวลาที่คุณไม่อยู่ เตือนคุณในสิ่งที่คุณลืม
ช่วยคุณผ่านอดีตแต่ก็เข้าใจเมื่อคุณอยากอยู่กับอดีตอีกซักนิด
อยู่กับคุณเพื่อให้คุณมีความมั่นใจ หรือไปไกลๆ คุณซักพักเพื่อให้คุณได้มีเวลา
กับตัวเอง ช่วยคุณแก้ไขความผิดพลาด
ช่วยคุณจัดการกับความกดดันทั้งหลาย
ยิ้มให้คุณเมื่อยามคุณเศร้า
ช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น และอย่างสำคัญที่สุด คือ คุณส่งความรู้สึกนี้ ให้
เพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่
และเพื่อนที่อยู่กับคุณตลอด
ขอบคุณสำหรับความเป็นเพื่อน ไม่ว่าเราจะไปถึงจุดไหน หรือเรากลายเป็นอะไร
จะไม่มีวันลืมคนที่ช่วยให้เราไปถึงจุดนั้น ไม่มีการผิดเวลาที่จะโทรศัพท์ หรือ
ส่งข้อความ
เพื่อบอกเพื่อนของคุณว่า คุณคิดถึงพวกเค้าขนาดไหน หรือว่าคุณรักพวกเค้าขนาดไหน
คุณรู้ว่าคุณเป็นใคร ส่งความรู้สึกนี้ไปให้คนบางคนที่คุณอยากจะนึกถึง
ถ้าคุณรักใครซักคน ก็บอกเค้าซะ
จำไว้เสมอเลยนะว่าพูดสิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณหมายถึง
อย่ากลัวที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเอง
ใช้โอกาสนี้ในการบอกใครซักคนที่มีความหมายกับคุณ
คว้าเอาไว้แล้วจะไม่เสียใจ
สิ่งสำคัญที่สุด อยู่ใกล้ๆ กับเพื่อนและครอบครัว
สำหรับการที่พวกเค้านั้นทำให้คุณกลายมาเป็นคุณในวันนี้ บอกความรู้สึกซะ
ให้เกิดความแตกต่างขึ้นในวันของคุณและเค้า
ความแตกต่างระหว่างการแสดงความรัก และการเสียใจ คือ การเสียใจอาจจะอยู่ตลอดไป
11 ธันวาคม 2549 21:51 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เคยได้ยินใครบางคนกล่าวว่า มาตราฐานความอดทนของคนไม่เท่ากัน ความคิด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่างกัน คนหลายคน มีปัญหากันหลายแบบ
บางคนมีปัญหา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า บางคนสุขสบายกาย แต่ความสุขทางใจ ดิ้นรนหามันมาตลอดชีวิต บางครั้ง เหมือนจะคว้าได้ ห่างแค่เพียงเอื้อมมือ แต่ไขว่คว้า มันกลับวิ่งหนี ให้เราวิ่งไล่ ตะครุบจนเหนื่อย ฉันเคยคิด ทุกชีวิต มีสิทธิ์ ที่คิดจะฝัน ก้าวตามเส้นทางที่เราวางอย่างตั้งใจ แต่ขึ้นเชื่อว่าคน
ย่อมมีอุปสรรค ขวากหนาม เหมือนทดสอบเราตลอดเวลา
ในการทำงาน คนบางคนต้องใช้สติปัญญา แก้ปัญหาเฉพาะหน้าส่วนตัว คนบางคน แก้ปัญหาตัวเอง ไม่พอ กลับต้องมานั่งแก้ปัญหาคนอื่น
ในรอยยิ้ม ที่ฉาบฉาย น้ำเสียงเจือเสียงผสมหัวเราะอย่างร่าเริง หลายคน นึกไม่ถึง ปัญหาที่อยู่ใต้ใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา มีอะไรมากมายให้ค้นหา
การเป็นที่พึ่งคนอื่น เป็นสิ่งดี มีความสุข แต่เคยถามกลับกันหรือไม่
ใต้รอยยิ้มที่สว่างไสวหัวใจ มันอ่อนล้า บางครั้งท้อ และไร้ทิศทางเพียงใด
การหนีเงาตัวเอง ช่างเหนื่อย และล้าเต็มทน จะหนีได้สักกี่ครั้ง จะสะสางกันได้สักกี่หน จะยอมรับและต่อสู้อย่างอดทน จะบ่นจะเล่าเพื่ออะไรให้ใครฟัง
บางทีเคยนึก ยอมแพ้ ยอมรับ กับโชคชะตา ความถูกต้องมักสวนทางกับคำว่า อำนาจ และเงิน ช่างปะไรอะไรจะเกิด ปล่อยไป
แต่สุดท้าย ทุกค่ำคืน นอนหลับตา รอยน้ำตา ร่วงหล่นติดติดสองข้างแก้มเสมอ ดีใจน่ะ ที่น้ำตา ยังเป็นเพื่อน ที่ภักดี ไปเคย ทิ้งกันสักครั้งตามมีปัญหา
พอแสงอรุณยามเช้า ทอดยาว ความร้าวรานทิ้งไป เลือดพ่อ ที่เข้มข้นแม้จะเจือจาง ลงบ้าง แต่ไม่เคยห่างหาย จากชีวิตและจิตวิญณาณ จำไว้ลูกรัก
ร้องให้พอ ....แล้วค่อยๆคิดตั้งสติ ......ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้...ต้องเรียรู้และยอมรับ....ไม่มีใครช่วยลูกได้....นอกจากตัวของหนูเอง....
พ่อภูมิใจ....ในตัวหนู....จงดีใจ...และ...อดทน...ยิ่งขึ้นที่สูง....ยิ่งหนาว...พ่อ....ดูหนูอยู่เสมอ.....หนูจงอยู่กับความมุ่งมั่น....ตราบใดที่ยังมีความหวัง ความฝัน ดวงตะวันคือของตัวแทนพ่อ...ที่ส่องแสงนำทางหนูอยู่เสมอ....
หนีได้แต่หนีพ้นหรือไม่ หรือจะหนี ตลอดชีวิต พ่อค่ะ ถึงสุดท้าย เวลานี้ไม่มีนิทานของพ่อ ไม่มีไหล่ของพ่อ ไม่มีอ้อมแขนที่อบอุ่นของพ่ออีกแล้ว
มีแต่น้ำตา เป็นเพื่อนทุกครั้ง แต่พ่อ อยู่ในใจหนูเสมอ แล้วหนูจะหนีเพื่ออะไรกัน...งานคือคือชีวิต....พ่อต้องรู้จักลูกสาวคนนี้ ดีพอ ท้ายสุดหนูคงไม่หนีอีกแล้ว
5 ธันวาคม 2549 14:16 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
พ่อเป็นคำพูดสั้นแต่มีความหมายมากมายสุดคนานับ
พ่อในความทรงจำของฉันสดสวยงดงามเสมอ
พ่อมักเอาฉันขี่คอพ่อไปโรงเรียน ไปดูแม่น้ำคนพายเรือที่ยู่ในแม่น้ำ นั่งดูแพ ดูพระอาทิตย์และเล่าเรื่องสนุกๆๆในวัยเด็กของพ่อให้ฟังเสมอ
พ่อคือผู้ที่รักลูกสาวทั้งหวงทั้งเห่อเพียงอาจเพราะมีคนชมฉันเสมอว่าเหมือนพ่อ ทุกอย่าง
พ่อไม่ยอมให้ฉันทำอะไรเลยอาจเพราะพ่อเห็นฉันร่างกายออ่นแอขี้โรค หรือไม่เพราะฉันเป็นลูกหลงลูกสาวคนเล็กที่พ่ออยากได้หนักหนา
พ่อมักมีคำพูดที่ฉันได้ยินจนติดหูเป็นประโยคประจำตัวของพ่อ
.....นี่ลูกสาวผม.....นี่ลูกสาวผม....ไว้ว่าฉันจะรำอวยพรที่ไหน หรือเล่นกีฬาอะไรพ่อจะรับส่งและอยู่แถวหน้าเป็นกองเชียร์
พ่อไม่เคยยอมให้ฉันนั่งรถเมลย์หรือไปไหนคนเดียว จนกระทั่งฉันเข้ามหาลัยถึงทำงาน พ่อก็ยังไม่ยอม
เหตุผลของพ่อคือฉันเป็นผุ้หญิงขึ้นรถเมลย์อันตรายจะเบียดเสียดกับผู้คนดูไม่งาม
พ่อทำให้ฉันทุกอย่างขับรถรับส่ง เป็นเพื่อน บางครั้งฉันเคยรู้สึกอึดอัดในสิ่งที่พ่อทำ เพราะฉันรู้สึกว่าฉันน่าจะเรียนรู้ด้วยตัวเองไม่ใช่พ่อจัดการเรื่องต่างๆให้ทุกครั้งเพราะความรัก
พ่อเคยน้ำตาคลอเพราะฉันเพียงเพราะฉันพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ฉันเข้าใจและรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป
แต่พ่อคงเป้นพ่อที่รักลูกเสมอเพียงหอมแก้มพ่อ กอดพุงพ่อพ่อก็กลับมาเป็นพ่อที่น่ารักตามเดิม
แล้วฉันทำงานพ่อก็ยังรับส่งฉัน ทั้งที่ฉันขับรถยนต์ได้ โตพอที่จะนั่งรถประจำทางกลับบ้านได้แต่พ่อเหมือนเดิมใช้เหตุผลแบบเดิมทั้งที่เวลาเปลี่ยนไป อายุฉันเปลี่ยนไปแต่พ่อไม่เคยเปลี่ยน
วันที่30ธันวาคม พ่อขับรถมารับฉันเพื่อกลับบ้านไปทานข้าวและทำบุญ ฉันบอกพ่อว่า ฉันกลับเองได้ แต่พ่อบอกว่าจะมารับฉันไปหาแม่และอีกอย่างพ่อมีของขวัญมาให้ปีใหม่ฉันไม่ใช่ตุ๊กตาที่ฉันขออย่างทุกปีเพราะฉันโตมากจนเกินจะเล่นแล้วรู้ไหม....ที่คือประโยคสุดท้ายของพ่อ.....
แม่โทรมาบอกว่า...ปีใหม่ปีนี้พ่อสั่งทำของพิเศษให้ฉันเป็นของรักแทนใจของพ่อกับแม่รวมกัน....แต่มีเพียงสร้อยคอทองคำขาวกับพระองค์เล็กที่พ่อกำแน่นแม้ลมหายใจสุดท้าย
ปีใหม่คนฉลองมีความสุข แต่พ่อถูกรถชนเพราะคนขับเมา
ทั่วร่างกายพ่อมีแต่เศษกระจกทิ่มตำตามเนื้อตัว ฉันอาบน้ำศพให้พ่อ ใจมันเจ็บเหลือเกิน พ่อคงทรมาน ฉันอยากให้ความเจ็บนั้นมาลงที่ฉันไม่ใช่พ่อ ร่างกายฉันชาสมองไม่รับรู้อะไรแม้เศษกระจกจะบาดมือฉันในเวลาที่ฉันอาบน้ำให้พ่อ แต่มันไม่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บสักนิด ....น้ำตาคงไหลผ่านอยู่อย่างนั้น...
หัวใจแหลกสลาย ร่างกายเหมือนคนไร้วิญญาณ...ทำไมไม่เป็นฉัน....ทำไมต้องเป็นพ่อ...เพราะอะไร..ทำไม...ความคิดฉันวนเวียนอยู่เพียงเท่านั้น...
วันเวลาผ่านมีคนบอกว่าเวลาจะรักษาแผลใจได้ คงจะจริงและพ่อคงอยากจะเห็นฉันแข็มแข็งยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง
ฉันเพียงอยากบอกผ่าน...สายน้ำ....ท้องฟ้า....ดวงดาว..ดวงจันทร์..ว่าความฝันที่พ่ออยากเห็นฉันได้ตำแหน่ง หน้าที่การงานอยากเห็นฉันใส่ชุดที่พ่อใฝ่ฝันและที่สำคัญเหนืออื่นใด
พ่อค่ะ....ยายตัวเล็กของพ่อขึ้นรถเมล์เก่งแล้วค่ะ..
รักใดเล่าจะแท้หนอเท่าพ่อรัก
ผูกสมัครรักพ่อรักมั่นไม่หวั่นไหว
ห่วงใดเล่าเท่าพ่อห่วงดั่งดวงใจ
ที่พ่อให้คือรักลูกทุกเวลา
ยามลูกขื่นขมพ่อตรอมตรมกว่าหลายเท่า
ยามลูกเศร้าพ่อก็โศกวิปโยคกว่า
ยามลูกป่วยพ่อก็ห่วงดั่งดวงตา
ลูกสุขสบายพ่อมองมายังห่วงใย
ลูกเติบใหญ่หวังให้ลูกช่วยรักษา
เมื่อถึงคราใกล้ล่วงลับจะดับไข
หวังให้ลูกได้ปิดตาเวลาตาย
พ่อจะได้สู่สรรค์นิรันดร
คำสอนพ่อยังคงก้องที่สองหู
รับและรู้ในทุกอย่างที่พ่อสอน
ลูกคนนี้อยู่เพื่อพ่ออย่างแน่นอน
ทำตามสอนเหมือนพ่อหวังอย่างตั้งใจ