4 กันยายน 2550 12:02 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ความรักทำให้คนตาบอด
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานมากๆๆจนจำวันเดือนปีที่เกิดเรื่องนี้ไม่ได้ มีชายหนุ่มคนหนึ่ง หลงรักสาวข้างบ้าน เขาเฝ้าแอบมองสาวเจ้าทุกวัน โดยไม่เว้นแม้แต่วันหยุดราชการ หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชายหนุ่มผู้นี้ หลงงมงาย เฝ้าแอบมองดูสาวเจ้า โดยปีนต้นมะม่วง เรียกว่ามดแดงที่แฝงพ่วงมะม่วงยังอาย เจ้าหนุ่มผู้นี้ ปีนขึ้นปีนลงใช้สายตาโลมเลียลูบไล้ ใบหน้าสาวเจ้า เหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักโดยไม่สนใจ สิ่งรอบข้าง ฤดูกาลจะเปลี่ยนไป ลมฝนพายุกระหน่ำ ใบไม้ ไหวโยกคลอนสั่นสะเทือนทั่วสารทิศ ไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มผู้นี้หวั่นไหวได้ จนกระทั่ง กิ่งมะม่วงออกดอกช่อกิ่งใบเจริญงอกงามออกมาใหม่ เขารอจนเวลาล่วงเลยผ่านพ้นไปผลมะม่วงสุกงอม เหมือนความรักที่เต็มเปี่ยมอุรา เขาได้ปีนต้นมะม่วงเพื่อเก็บผลที่สุกให้สาวที่หลงรักอยู่ เหมือนความรักที่สุกงอม เช่นเดียวกัน แต่อนิจจา เหมือนฟ้าแกล้ง กิ่งมะม่วงดีดกระเด็นกระดอนถูกลูกนัยน์ตาจนบอดสนิททำให้ชายหนุ่มจมลงสู่ภวังค์อันมืดมิด..
...............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ด้วยประการเหตุนี้คือเรื่องราวของ.....ความรักทำให้คนตาบอด............
2 กันยายน 2550 09:57 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ผู้หญิงอินเดีย:มุมมองในปัจจุบัน
ผู้หญิง คือ เพศแม่ เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตบนโลกมนุษย์ หากไม่มีแม่ผู้ให้กำเนิดโลกคงไม่มี ดังนั้นทรรศนะของฮินดู จึงถือว่าเพศหญิง คือ ศักติ ผู้มีอำนาจเหนือเพศชาย คือศิวะ, พระเจ้า ตรงกับแนวความคิดเรื่องปุรุษ และปรากฤต ทั้งสองความเห็นให้ความสำคัญกับศักติหรือปรากฤต ว่ามีอำนาจกระตุ้นให้พระเจ้ามีพลังสร้างขึ้นมาได้
เรื่องสิทธิสตรี เป็นเรื่องที่กล่าวขานกันทุกประเทศ ทุกมุมโลก บทความนี้กล่าวเฉพาะผู้หญิงอินเดีย ก็เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้านไทยเรา โดยศึกษาบางประเด็น เท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย
หนังสือCulture Shock! India คือที่มาของบทความนี้ มีเนื้อหาที่พูดถึงผู้หญิงในอินเดียค่อนข้างจะตรง เพราะมองจากเหตุการณ์ วิกฤติการณ์ของระบบ Dowry ในปัจจุบัน แม้ระบบ Purdahนั้นก็เป็นเรื่องเฉพาะของศาสนาอิสลาม เป็นประเพณีดั้งเดิม นิยมปฏิบัติกันมากโดยเฉพาะในเมืองราชสถาน (Rajasthan)ส่วนSatiนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญของศาสนาฮินดูเพราะปฏิบัติตามคำสอนในพระเวทที่ว่าหญิงที่ปฏิบัติสามีจนตัวตายนั้นจะช่วยชำระบาปของญาติทั้ง ๓ฝ่าย คือของบิดา ของมารดา และครอบครัวสามีตนเอง ประมาณปี พ.ศ.๒๓๔๓(ค.ศ.๑๘๐๐) ได้มีการต่อต้านรุนแรงต่อประเพณีนี้ โดยกลุ่มนักสอนศาสนา(Missionary)และประชาชนทั่วไปไม่เห็นด้วย จนเป็นเหตุให้รัฐบาลในสมัยนั้นต้องตรากฎหมายขึ้นเรียกว่า Sati Regulation Act of1829 (พ.ศ. ๒๓๗๒)อนึ่งเพราะการถือปฏิบัติผิดหลักประเพณีของระบบ Dowry ดั้งเดิม จึงเกิดกฎหมายเพื่อปกป้องฝ่ายหญิง เรียกว่าDowry Prohibition Act 1961(พ.ศ. ๒๐๔๐)ขึ้นมา
สภาพที่เป็นจริงในปัจจุบัน
ถ้าใครคิดที่จะมองภาพตัวอย่างที่ชัดเจนของความเป็นหญิงชาวอินเดีย ละก็คงหาภาพที่สวยงามพร้อมปรากฏรอยยิ้มอันอ่อนหวาน เหมือนแผ่นโฆษณาท่องเที่ยวนั้นคงมิได้แน่ เพราะคงเห็นแต่ภาพของหญิงเหล็กที่ทูนวัสดุที่มีน้ำหนัก เช่น ก้อนอิฐ, หม้อน้ำ, ฟืน หรือไม่ก็หญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ไว้บนศีรษะกำลังเดินหลังแข็งทื่อไป
ทั้งนี้เพราะว่า หญิงยากจนต้องทำงานหนักด้วยความจำเป็นอย่างสุดๆ โดยเฉลี่ยต้องทำงานหนักมากกว่าหญิงวัยทำงานวัยเดียวกัน เมื่อเทียบกับหญิงในประเทศอื่น อาชีพที่หญิงต้องลงไปทุบหินในบ่อ ขุดแร่ ทำการจักสาน ปั้นหม้อดิน หว่านข้าวกล้า พรวนดินและเก็บเกี่ยวพืชผลในไร่ เป็นงานที่เพิ่มจากงานในบ้านตามปกติ คือ ไปตักน้ำ เก็บฟืนและหญ้าเพื่อเลี้ยงสัตว์ ทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน และเลี้ยงลูก
ตามเขตเมืองต่างๆ เราจะเห็นผู้หญิงวรรณะต่ำ ทำงานก่อสร้าง ใช้ศีรษะทูนอิฐ พร้อมอุ้มลูกไว้ที่สะเอวข้างหนึ่ง เดินไต่ขึ้นลงบันไดที่ล่อแหลมต่ออันตรายอย่างยิ่ง ผู้หญิงต้องทำงานที่ไม่ถนัด เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่มีค่าจ้าเพียงเล็กน้อย ทั้งๆที่บางครั้งมีครรภ์ หรือแม้แต่ต้องเลี้ยงลูกไปพลางทำงานไปพลางก็ตาม จะพบเห็นผู้หญิงเหล่านี้ตามที่สาธารณะได้ยาก เพราะผู้หญิงมิได้ถูกจัดไว้ในกลุ่มที่ทัดเทียมระดับเดียวกันเลย ดังนั้นจึงมีความแตกต่างมากมาย หลายระดับตามชั้น วรรณะ และฐานความคิดความเชื่อของแต่ละรัฐ
ในสังคมยุคใหม่ ตามเขตเมือง เช่น เมืองเดลี มีเจ้าสาวถูกเผาโดยปราศจากเหตุผลที่จะรักษาประเพณีดั่งเดิม เพื่อทีวีหรือตู้เย็นตัวใหม่เท่านั้น อัตราเฉลี่ยมากกว่าหนึ่งรายต่อวัน ตามภาคเหนือของอินเดีย ซึ่งในอดีตตกเป็นของชนชั้นปกครองมุสลิม ปัจจุบันยังมีการถือระบบศักดินา และเชื้อพระวงศ์อยู่ ส่วนทางภาคใต้จะรักษาระบบความเสมอภาคมากกว่า ในสังคมของชนเผ่าต่างๆ บางเผ่า จะปรากฏเรื่องอิทธิพลของการแบ่งเพศ แบ่งวรรณะ รุนแรงมากกว่าภาคตะวันตกของอินเดีย เช่นที่เมืองราชสถาน เมื่อไม่นานมีผู้หญิงท่านหนึ่งถูกเผาบนกองเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ในพิธีเผาศพสามีของเธอ คาดว่าเป็นไปตามความเชื่ออย่างเคร่งครัดของประเพณีโบราณ
ผู้หญิงวรรณะต่ำ อาจจะมีอำนาจในการตัดสินเพิ่มมากขึ้นก็ได้ หากว่าเธอได้สมาคมกับผู้หญิงในวรรณะสูง เพราะว่าสถานภาพทางสังคม ทางครอบครัวนั้น มักจะถือเอาตามเหตุการณ์ที่พวกตนจะรักษาผลประโยชน์ด้านแรงงาน หรือการไม่ต้องทำงาน หรือแม้แต่การกักกันไว้เพื่อใช้งานเป็นต้น
การสูญเสียอิสรภาพอีกอย่างก็คือ ผู้หญิงต้องทนลำบากเพื่อแลกกับความสุขสบาย แม้ผู้หญิงวรรณะสูงก็ตาม ต้องทุกข์ทรมานเพราะข้อปฏิบัติทางประเพณีที่กดดันสตรีเพศ เช่น ประเพณี Purdah และSati หรือแม้แต่การแต่งงานตั้งแต่เป็นเด็ก การไม่ยอมรับความเป็นหญิงหม้ายในสังคม
การฆ่าทารกเพศหญิง และการทำแท้งในกรณีที่ตั้งครรภ์เพราะขาดความรู้ในการมีเพศสัมพันธ์ ก็เป็นแรงกดดันผู้หญิงในอินเดีย ให้มีแต่ทารกเพศชายเท่านั้น เพราะว่าลูกชายเท่านั้นที่จะสืบทอดมรดก หรือประกอบพิธีเผาศพบิดามารดาได้ เพราะมีความเชื่อว่า เขาจะช่วยให้วิญญาณมีความปลอดภัย เดินทางไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ อีกอย่าง ลุกชายเท่านั้นที่จะนำค่าDowry มาได้ เพราะครอบครัวฝ่ายหญิงต้องจ่ายให้เท่าราคาที่อาจจะทำให้ครอบครัวฝ่ายหญิงล่มจมก็ได้ แม้ในสังคมของชนเผ่าต่างๆบางเผ่า จะถือประเพณีที่ฝ่ายชายต้องจ่ายค่าสินสอดให้ฝ่ายหญิงก็ตาม แต่ก็ยังมีปะเพณีเก็บค่าDowry อยู่เหมือนเดิม แต่ภาคใต้ของอินเดีย ผู้หญิงและผู้ชายค่อนข้างมีเสรีภาพในการพบปะสังสรรค์มากกว่าทางภาคเหนือ ในเขตเมืองใหญ่ๆ เช่นเดลี บอมเบย์(มุมไบ) กัลกัตต้า(โกลกาต้า) มาทราส(เซียนไน) เป็นต้น ผู้หญิงมีการศึกษาแล้ว นักแสดง นักกฎหมาย เป็นต้น จะมีเสรีภาพมากขึ้น ไม่ต้องตรากตรำทำงานหนัก ไม่ต้องใช้ผ้าคลุมหน้าตัวเองอีกต่อไป
ผู้หญิงในอินเดีย สามารถทำงานในตำแหน่งสำคัญๆได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขว่า เธอ ต้องมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญมาก่อน เช่น นางอินธิรา คานธี ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของอินเดีย เพราะเธอเป็นลูกสาวของท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ศรีเยาวหราล เนหรู, นางมเนกา คานธี ได้เป็นรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม เพราะว่าเธอเป็นภรรยาหม้ายของนายสัญชัย คานธี บุตรของนางอินธิรา คานธี ดังนั้นในปัจจุบันหากผู้หญิงไม่มีบุคคลสำคัญหนุนหลังอยู่ ก็อาจถูกทอดทิ้งไป
ในยุคพระเวท ผู้หญิงมีบทบาททัดเทียมผู้ชาย คือสามารถเป็นนักบวชได้ และถ้าเป็นหม้ายก็จะสามารถกลับแต่งงานใหม่ได้ แต่ปัจจุบันความสำคัญได้ลดลงไป จนเหลือแต่เพียงว่า เธอต้องนั่งใกล้สามีในเวลาทำพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น
ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ผู้หญิงเป็นทั้งผู้ควรแก่การบูชา และเป็นอันตรายต่อพิธีการบูชา ข้อห้ามสำหรับผู้หญิงมีประจำเดือน(ระดู)ในสมัยก่อน ก็คือ เธอจะถูกให้ออกไปอยู่นอกบ้านประมาณ ๓ วัน แต่ปัจจุบันในครอบครัวที่เคร่งศาสนามากๆ จะห้ามผู้หญิงมีระดูเข้าครัว ห้ามจับต้องเกลือ ห้ามไปวัด ห้ามเข้าร่วมในพิธีกรรมทางศาสนาด้วย ตามความเชื่อเรื่องเทพเจ้าและสิ่งลึกลับ ถือว่าพระเจ้าต้องเพศชาย และไร้อำนาจ หากแต่ได้อาศัยอิทธิพลของศักติ ต้องอาศัยเพศหญิงจึงจะมีพลังสร้างที่สมบูรณ์
ความเห็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับระบบ Dowry, PurdahและSati
จากข้อความที่กล่าวข้างต้น มีนัยว่าสังคมอินเดียไม่น่าอยู่เสียเลย ดังนั้นเพื่อให้เกิดมุมมองที่เป็นธรรมกับครอบครัวชาวฮินดูอื่นๆ ที่รักษาประเพณีถูกต้อง ทำให้สังคมอินเดียน่าอยู่ จึงต้องขยายความในตอนนี้
คำว่าDowry ไม่ได้หมายถึง สินสอด หรือ สินสมรส เพราะความหมายเดิมเกิดจากตระกูลราชบุตร ที่เป็นนักรบ ในเมืองราชสถาน(Rajasthan) เมื่อรบชนะข้าศึก ก็จะได้เครื่องบรรณาการต่างๆ พร้อมทั้งได้หญิงสาวจากเมืองขึ้นมาครอบครอง ปัจจุบันแต่ละครอบครัวต้องแบ่งสมบัติให้ลูกๆ โดยเฉพาะลูกสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านฝ่ายชายหลังจากแต่งงานแล้ว สมบัติก้อนนี้ถือเป็นหน้าเป็นตาของครอบครัวฝ่ายหญิง เพื่อที่ลูกสาวตนจะได้ไม่เป็นภาระของครอบครัวฝ่ายชายมากเกินไป ที่สำคัญคล้ายจะบอกว่า ลูกสาวตนมิได้มาอาศัยฝ่ายชายถ่ายเดียวนะ จากความหมายที่ดีนี้ Dowry คือสมบัติฝ่ายหญิงที่ได้มาจากครอบครัวของตนเพื่อจะไปมีครอบครัว มิได้หมายถึง ค่าตัวเพื่อซื้อฝ่ายชาย แต่อย่างใดเลย
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ครอบครัวอินเดีย บางครอบครัวของฝ่ายชาย ได้เรียกร้องค่าDowry มากมายตามที่ตนอยากจะได้ บ่อยครั้งที่ทำให้ครอบครัวฝ่ายหญิงต้องล่มจมเป็นหนี้ก็มี(บางครั้งเมื่อทำการสู่ขอ ตกลงเรื่องDowryไว้แล้ว แต่เมื่อถึงวันแต่งงานฝ่ายชายเรียกร้องเพิ่มอีกก็มี ซึ่งฝ่ายหญิงก็ต้องจำยอม)
คำDowryนี้ สอ เสถบุตร แปลว่า สินเดิมของฝ่ายหญิงที่นำติดตัวมาเพื่อสมรส นี่คือความหมายที่แท้และดั้งเดิม แต่หลายท่านแปลว่า ค่าสินสอด นี่ผิดทั้งในความหมายประเพณีดั้งเดิม และการนำคำว่า สินสอด มาใช้ผิดความหมาย เพราะคำนี้ หมายความว่า ฝายชายต้องมอบให้ฝ่ายหญิง
ระบบPurdah
Purdah หมายถึง ผ้าม่าน คือผ้าที่ต้องใช้คลุมหน้า และความหมายหนึ่งคือการปิดกั้นสิทธิของผู้หญิงในสังคมเดิมที่เป็นประเพณีของผู้หญิงชาวมุสลิมในเมืองราชสถาน(Rajasthan)มาจนถึงทุกวันนี้ การคลุมหน้าด้วยผ้าม่านนั้นปฎิบัติกันทั่วไปไม่ว่าจะเป็นชาวมุสลิมในรัฐใดก็ตาม สามารถพบเห็นภาพเช่นนี้อยู่เสมอ ตามร้านค้า บนรถที่วิ่งไปตามท้องถนน นั่นคือผู้หญิงมุสลิมจะแต่งกายด้วยผ้าสีดำเข้มและคลุมศีรษะทั้งหมดจนไม่สามารถเห็นใบหน้าและรอยยิ้มเลย ประเพณีผู้หญิงฮินดูไม่นิยมปฏิบัติ
ผู้หญิงฮินดูนิยมใส่แต่สาหรีและชุด Salwar ไม่ได้คลุมหน้า ชุดนี้จะมีผ้าชิ้นยาวเรียกว่าDupatta เหมือนสะใบสำหรับพาดบนไหล่ ให้ปลายทั้งสองห้อยลงมาด้านหลัง ให้ช่วงกลางปกปิดตรงคอและหน้าอกพอดี สำหรับผ้าสาหรีนั้น ผู้นุ่งต้องจำด้านบนสุดและด้านล่างไว้ให้ดี เพราะด้านบนต้องให้อยู่ช่วงลำตัวขึ้นไปถึงศีรษะ ส่วนด้านล่างที่เรียกว่า Phalใช้นุ่งอย่านุ่งสับล่างสับบน
ระบบSati
Satiหมายถึงผู้หญิงที่มีความเชื่อมั่นต่อประเพณี คือผู้หญิงในวรรณะสูงต้องทำอัตวินิบาตกรรม ในพิธีเผาศพของสามีตัวเอง เพื่อที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาประเพณีอย่างเคร่งครัด ผู้หญิงวรรณะสูงต้องแต่งงานเมื่ออายุยังเยาว์ และน้อยคนที่จะได้กลับมาแต่งงานใหม่ หากเธอเป็นหม้าย
ระบบSatiเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๑(ค.ศ.๑๙๘๘)หรือราว๑๒ปีที่ผ่านมา ที่เมืองราชสถาน มีผู้หญิงชื่อRoop Kanwas ถูกเผาเพื่อรักษาระบบนี้ อนึ่งในราว พ.ศ.๒๑๕๘-๒๑๖๑(ค.ศ.๑๘๑๕-๑๘๑๘) เป็นสมัยที่ผู้หญิงปฎิบัติตามประเพณีSati กันมาก ในหลายๆเมือง โดยเฉพาะในเมืองโกลกาต้า(Kolkata)นิยมมากที่สุด แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครปฏิบัติตามพิธีนี้อีก
*******************************************************************
21 สิงหาคม 2550 12:59 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อต้องรับบทบาทเป็นอาจารย์สอน นักศึกษาที่เพชรบุรี ในตัวตนในความรู้สึกแลเห็นพลังของนักศึกษา พลังของคณะอาจารย์ที่ร่วมกันต่อสู้ทุกวิถีทางที่จะก่อตั้งวิทยาลัยสงฆ์ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าการทำการใดๆเพื่อให้เกิดวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ ก่อให้เกิดความศรัทธาและความผูกพันธ์ ยิ่งนานวันยิ่งจะฝังรากลึก จึงอยากจะขออนุญาตเจ้าของเวปนี้ ลงภาพที่เกี่ยวับการก่อสร้างและถือโอกาสเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคสร้างอาคารเรียน
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาค
สร้างอาคารเรียน ๔ ชั้น
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์
ศูนย์การศึกษาเพชรบุรี
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม...
http://www.pbr.mbu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=56&Itemid=1
20 สิงหาคม 2550 13:16 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
10 สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลัง "ตกหลุมรัก"
ความรักเป็นสิ่งที่เรียนรู้จากตำราไม่ได้ แต่เราสามารถที่จะรับรู้ได้จากประสบการณ์ของเราเอง มันเป็นสิ่งที่บ่งชี้ทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นพื้นฐานของชีวิตคนเราทั่วไป
ถึงแม้หลายคนที่มักจะแสดงออกถึงความรักให้แก่กันและกันในทุกๆวัน แต่ก็ยังมีอีกหลายๆคนฉลองวันวาเลนไทน์ในทุกๆ 14 กุมภาพันธ์ ถือว่าเป็นการรำลึกความรักและเชื่อมความสัมพันธ์ของคนสองคนได้ไปในตัว การที่ตกอยู่ช่วงประสบการณ์ที่มีความรักอยู่ ถือเป็นสิ่งที่สวยงาม น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก
สัญญาณ 10 ข้อข่างล่างนี้ อาจจะช่วยบอกคุณได้ว่า คุณกำลังตกหลุมหลักอยู่หรือแปล่า
เป็นคนที่ช่วยให้คนลืม "คนเก่า"
ความทรงจำที่หอมหวานระหว่างคุณและคนรักเก่าเป็นสิ่งที่ยากจะลืม แต่เขาคนใหม่คนนี้มิใช่หรือที่ช่วยให้คุณลืมข้อดี/ข้อเสียของคนรักเก่าไปหมดสิ้น เป็นคนที่คุณคอยนึกถึงเสมอ
คุณเคยนึกถึงอะไรบ้างไหมในเวลาที่คุณกำลังจดจ่ออยู่กับงานอย่างเคร่งเครียด และเมื่อคุณปลีกตัวออกมาได้ คุณมักจะนึกถึงเขาที่ทำให้คุณมีความสุข หรือนึกถึงช่วงเวลาที่คุณทั้งสองมีความสุขด้วยกัน คนที่ห่วงใยคุณเสมอ
เขาเป็นคนที่คอยสนใจในตัวคุณเสมอ คนที่คอยยกย่องในความเห็น ความคิด หรือสิ่งที่คุณทำตลอด โดยที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือก้าวก่ายชีวิตคุณเลย และยังเป็นคนที่รู้อีกด้วยว่าคุณชอบหรือไม่ชอบทำอะไร เป็นลักษณะนิสัยของคนที่คุณมักจะเข้าหา
คุณอาจจะชอบคนที่มีมารยาทบนโต๊ะอาหาร, วิธีการที่เขาปฏิบัติต่อผู้อื่น, คนที่มีขนบธรรมเนียมที่ดีงาม หรือแม้กระทั้งคนที่สุภาพมากๆ คนๆนี้แหละคือคนที่ความรู้สึกคุณบอกว่าใช่ ด้วยบุคลิกและการประพฤติตัวของเขาที่คุณชื่นชมนั่นเอง ไปด้วยกันได้ดี
คุณสองคนมีอะไรที่เข้ากันได้หลายๆอย่าง เช่น งานอดิเรก หรือสนใจบุคคลประเภทเดียวกัน คุณสามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างหมดเปลือกเพราะเป็นคอเดียวกัน มันเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะแสดงถึงความรักที่คุณมีต่อเขา แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพบคนรักแบบนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบอะไรที่ตรงกับคุณหมดทุกอย่าง แต่คุณก็สามารถหากิจกรรมที่ทำร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและ เพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ เซื่อสัตย์ต่อกันและกัน
ความรักคือการที่คุณรักคนได้คนหนึ่ง และรักเพียงคนนั้นคนเดียวเท่านั้น มันคงแย่มากๆ ถ้าคนคบใครหลายๆคนในเวลาเดียวกัน สิ่งนั้นไม่ได้เรียกว่าความรัก แต่เรียกว่า เกมส์ ที่คุณกำลังเล่นกับคนที่รักคุณมากกว่า แบ่งปันช่วงเวลาพิเศษด้วยกัน
ประสบการณ์ที่สวยงามมักจะถูกสร้างขึ้นและแบ่งปันกันเมื่อคุณทั้งสองอยู่ด้วยกัน เขาคือคนที่คอยอยู่ข้างคุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นเมื่อยู่ด้วยกันแล้วถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่คุยกะพูดคุยและปรับความเข้าใจกัน เรียนรู้ที่จะประณีประนอม
ต่อให้คุณชอบอะไรเหมือนกันเท่าไรก็ตาม แต่ก็ต้องมีบ้างที่บางครั้งความเห็นของคุณจะไม่ตรงกัน เขามิใช่เหรอที่มักเป็นคนประณีประนอมและเข้าหาคุณตลอด ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะทำให้คุณคบกันยืนยาว จัดลำดับความสำคัญก่อน-หลัง
โดยธรรมชาติแล้ว เรามักจะหาเวลามาเจอหรือทำอะไรพิเศษๆให้แก่กัน เขาเป็นที่เห็นคุณสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด พร้อมที่จะสนับสนุนคุณในทุกๆทาง วาดหวังอนาคตไว้ร่วมกัน คุณคงเคยพูดถึงสิ่งที่จะทำร่วมกันในอนาคตกับคนที่คุณรู้สึกดีด้วย หรือคนที่คุณไปปาร์ตี้หรืองานแต่งงานเพื่อนด้วยกัน
อย่าเพิ่งคาดหวังมากนัก เพราะความสัมพันธ์ของคุณกับเขาเพิ่งจะเริ่มดำเนินไปเท่านั้นยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะให้คุณทำการตัดสิน สัญญาณทั้ง 10 ข้อข้างต้นคงช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยให้คุณตัดสินใจเรื่องคู่รักเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้คุณต้องเสียน้ำตาในภายหลัง
ความรักเป็นสิ่งที่เรียนรู้จากตำราไม่ได้ แต่เราสามารถที่จะรับรู้ได้จากประสบการณ์ของเราเอง มันเป็นสิ่งที่บ่งชี้ทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ซึ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นพื้นฐานของชีวิตคนเราทั่วไป
ถึงแม้หลายคนที่มักจะแสดงออกถึงความรักให้แก่กันและกันในทุกๆวัน แต่ก็ยังมีอีกหลายๆคนฉลองวันวาเลนไทน์ในทุกๆ 14 กุมภาพันธ์ ถือว่าเป็นการรำลึกความรักและเชื่อมความสัมพันธ์ของคนสองคนได้ไปในตัว การที่ตกอยู่ช่วงประสบการณ์ที่มีความรักอยู่ ถือเป็นสิ่งที่สวยงาม น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก
สัญญาณ 10 ข้อข่างล่างนี้ อาจจะช่วยบอกคุณได้ว่า คุณกำลังตกหลุมหลักอยู่หรือเปล่า
เป็นคนที่ช่วยให้คนลืม "คนเก่า"
ความทรงจำที่หอมหวานระหว่างคุณและคนรักเก่าเป็นสิ่งที่ยากจะลืม แต่เขาคนใหม่คนนี้มิใช่หรือที่ช่วยให้คุณลืมข้อดี/ข้อเสียของคนรักเก่าไปหมดสิ้น เเป็นคนที่คุณคอยนึกถึงเสมอ
คุณเคยนึกถึงอะไรบ้างไหมในเวลาที่คุณกำลังจดจ่ออยู่กับงานอย่างเคร่งเครียด และเมื่อคุณปลีกตัวออกมาได้ คุณมักจะนึกถึงเขาที่ทำให้คุณมีความสุข หรือนึกถึงช่วงเวลาที่คุณทั้งสองมีความสุขด้วยกัน คนที่ห่วงใยคุณเสมอ
เขาเป็นคนที่คอยสนใจในตัวคุณเสมอ คนที่คอยยกย่องในความเห็น ความคิด หรือสิ่งที่คุณทำตลอด โดยที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งหรือก้าวก่ายชีวิตคุณเลย และยังเป็นคนที่รู้อีกด้วยว่าคุณชอบหรือไม่ชอบทำอะไร เป็นลักษณะนิสัยของคนที่คุณมักจะเข้าหา
คุณอาจจะชอบคนที่มีมารยาทบนโต๊ะอาหาร, วิธีการที่เขาปฏิบัติต่อผู้อื่น, คนที่มีขนบธรรมเนียมที่ดีงาม หรือแม้กระทั้งคนที่สุภาพมากๆ คนๆนี้แหละคือคนที่ความรู้สึกคุณบอกว่าใช่ ด้วยบุคลิกและการประพฤติตัวของเขาที่คุณชื่นชมนั่นเอง ไปด้วยกันได้ดี
คุณสองคนมีอะไรที่เข้ากันได้หลายๆอย่าง เช่น งานอดิเรก หรือสนใจบุคคลประเภทเดียวกัน คุณสามารถพูดคุยกับเขาได้อย่างหมดเปลือกเพราะเป็นคอเดียวกัน มันเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะแสดงถึงความรักที่คุณมีต่อเขา แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพบคนรักแบบนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบอะไรที่ตรงกับคุณหมดทุกอย่าง แต่คุณก็สามารถหากิจกรรมที่ทำร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและ เพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ เซื่อสัตย์ต่อกันและกัน
ความรักคือการที่คุณรักคนได้คนหนึ่ง และรักเพียงคนนั้นคนเดียวเท่านั้น มันคงแย่มากๆ ถ้าคนคบใครหลายๆคนในเวลาเดียวกัน สิ่งนั้นไม่ได้เรียกว่าความรัก แต่เรียกว่า เกมส์ ที่คุณกำลังเล่นกับคนที่รักคุณมากกว่า แบ่งปันช่วงเวลาพิเศษด้วยกัน
ประสบการณ์ที่สวยงามมักจะถูกสร้างขึ้นและแบ่งปันกันเมื่อคุณทั้งสองอยู่ด้วยกัน เขาคือคนที่คอยอยู่ข้างคุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นเมื่อยู่ด้วยกันแล้วถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่คุยกะพูดคุยและปรับความเข้าใจกัน เรียนรู้ที่จะประณีประนอม
ต่อให้คุณชอบอะไรเหมือนกันเท่าไรก็ตาม แต่ก็ต้องมีบ้างที่บางครั้งความเห็นของคุณจะไม่ตรงกัน เขามิใช่เหรอที่มักเป็นคนประณีประนอมและเข้าหาคุณตลอด ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะทำให้คุณคบกันยืนยาว จัดลำดับความสำคัญก่อน-หลัง
โดยธรรมชาติแล้ว เรามักจะหาเวลามาเจอหรือทำอะไรพิเศษๆให้แก่กัน เขาเป็นที่เห็นคุณสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด พร้อมที่จะสนับสนุนคุณในทุกๆทาง วาดหวังอนาคตไว้ร่วมกัน คุณคงเคยพูดถึงสิ่งที่จะทำร่วมกันในอนาคตกับคนที่คุณรู้สึกดีด้วย หรือคนที่คุณไปปาร์ตี้หรืองานแต่งงานเพื่อนด้วยกัน
อย่าเพิ่งคาดหวังมากนัก เพราะความสัมพันธ์ของคุณกับเขาเพิ่งจะเริ่มดำเนินไปเท่านั้นยังมีหนทางอีกยาวไกลที่จะให้คุณทำการตัดสิน สัญญาณทั้ง 10 ข้อข้างต้นคงช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยให้คุณตัดสินใจเรื่องคู่รักเพื่อที่จะได้ไม่ทำให้คุณต้องเสียน้ำตาในภายหลัง
16 สิงหาคม 2550 12:34 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ระหว่างเธอผู้มีชาติตระกูลที่มั่งคั่งกับเขาผู้เป็นเพียงลูกชาวนาธรรมดา
เขาตระหนักถึงความสูงส่งของเธอ
เฉกเช่นเดียวกับที่ตระหนักถึงความต่ำต้อยตน
แต่เขายังรวบรวมความกล้า เดินเสี่ยงตายเข้าไปบอกเธอว่า
รัก
และจะอยู่บนโลกต่อไปโดยไม่มีเธอไม่ได้
เธอผู้นั้นอกให้เขารอคอยเพื่อพิสูจน์ความรัก
เขารอคอยคอยเธออย่างไม่มีวันสิ้นสุด
10กว่าปีขอเพียงเธอพร้อม เธอจะเป็นของเขาตลอดไป
ผ่านกี่วัน หมุนไปกี่เดือน เวลาผ่านเคลื่อนโยกย้าย เขาเฝ้ารอคอยตรงที่เดิม ยามพระอาทิตย์ขึ้น จนแสงสีแดงที่เจิดจ้าลับหาย กลายเป็นเป็นแสงสีเหลืองนวลขึ้นส่องส่วาง จุดเขาและเธอต้องจากกัน ชานชลา สถานี เขาเฝ้ารอคอยอยู่ตรงนั้น
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหน
เขารอคอยในสายลมบาดผิว
รอคอยในสายฝนกระหน่ำ
รอคอยในความหนาวเหน็บของหิมะ
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า
โดยมีเธอใช้แววตาแห่งความรักเขาเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา
เธอเห็นหยาดน้ำตาของเขาพรูพรายเป็นสาย
จนกระทั่งในปีที่15
เขา หยุดร้องไห้
หยุดรอคอย
หยุดทุกอย่างไว้
แล้วหันหลังเดินจากไป
เรื่องนี้ไม่มีตอนจบ แต่มีบางคำถาม บางคำตอบในใจ
ความรักของเธอกับเขาอาจจะเหมือน นาฬิกาทราย
เมื่อฝ่ายหนึ่งเริ่มหมดรักไปในใจอีกฝ่ายหนึ่งกลับรักขึ้นมาใหม่เต็มเปี่ยม
แต่บางทีเขาอาจตั้งใจแค่แสดงให้เห็นว่าเขารักเธอจริงแท้แค่ไหน
แค่พิสูจน์ให้เห็น แต่ไม่ต้องการ ครอบครองไว้
หรือบางทีเขาอาจเสียใจ
ต้องตัดใจจากไปเพราะรักเขาถูกทำร้ายย่ำยี
หรือบางทีเป็นเธอเองที่เสียใจ
เพราะไม่เคยมีใครรักเธอได้อีกถึงเพียงนี้...
ความรัก เป็นสิ่งที่ออกแบบไม่ได้
ความรัก เป็นเรื่องที่บังคับใจกันไม่ได้
ความรัก ที่บริสุทธิ์ คือ การให้...
ให้โดยที่ไม่หวังว่าจะได้อะไรตอบแทน
.........แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ผู้ที่ให้มักจะหวังอยู่ลึกๆ
ที่จะได้ความรักเป็นสิ่งตอบแทน..เสมอ
และเมื่อเค้าได้ ความรัก กลับมาแล้ว
มีเพียงน้อยคนนักที่จะสามารถให้ในลักษณะนี้ได้ตลอดไป
ความอดทนอยู่คู่กับความรักไม่ได้
แต่ความเข้าใจต่างหากที่ควรเคียงคู่กันไป
ถูกต้องที่ เวลา เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ทุกอย่าง
โดยเฉพาะความรัก
การประคองให้รักกันได้ตลอดไป
เป็นสิ่งที่ยากกว่าการจะทำอย่างไรให้รักกัน
เธอผู้นั้นไม่ผิด และ เขาเองก็ไม่ผิด
เพียงแต่เวลาของ ความรัก ของสองคนนี้...
ไม่เท่ากันเท่านั้นเอง
เราจะรู้ค่าของสิ่งของสิ่งหนึ่ง เมื่อเราได้รู้ว่า
เรา... ได้เสียมันไปแล้ว