19 ตุลาคม 2550 22:03 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
วันนี้ ช่างเงียบเหงา และเยียบเย็น จนสั่นสะท้าน เข้าไป สุดขั้วหัวใจ สายลมพัดปลิวแผ่วเบา ละอองฝน โปรยปราย บางเบา แต่ฉันกลับรู้สึกถึงความหนาวเหน็บ ที่เกาะกุม ในส่วนลึกของหัวใจ
หัวใจฉัน ช่างอ้างว้าง เหงา และ เดียวดายจนรู้สึกอยาก มีใครสัก
คนโอบกอดจากด้านหลัง แล้วจูบแก้มเบาๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น บาง
เวลา ที่ความทุกข์มันถาโถม รุกเร้า กระแทก กระทบ เหมือนคลื่นที่ซัดซาดไม่หยุดหย่อน
ทุกข์เสียจน เกินทน จนไม่สามารถ หยุดเล่า หรือระบาย กับใครได้ ได้แต่
ปล่อยน้ำตา ไหลรินลงมา อาบแก้มแบบเงียบๆ กลั้นเสียงสะอื้นไว้ในอก แอบป้าย
น้ำตาทิ้งเป็นบางครั้ง ดวงตามีรอยช้ำบวมแดง หลายครั้ง ที่ต้องทน ฝืนยิ้ม
ในสีหน้า แต่รอยเศร้า ยังคงเจือจางและบ่งฟ้องถึงความระทมทุกข์เต็มสองตา
เรื่องต่างๆปัญหา หลากหลายต้องเก็บ และกดไว้ ใต้ก้นบึ้งของหัวใจ
บางทีแอบเข้า ไปห้องน้ำเปิดฝักบัว ให้น้ำในฝักบัวรินไหลแข่ง กับเสียงสะอื้น และ น้ำตา
อยากให้มี ใครสักคน รั้งตัวไปพิงกับไหล่ แล้วบีบมือ แผ่วเบา อย่างเข้าใจ
คิดถึงพ่อเหลือเกิน ในช่วงเวลานี้ คำสอนของพ่อ ยังคงก้องตลอดเวลาในความรู้สึก
สายลม และสายฝน หล่นกระทบผิวกาย กายและ เส้นผมที่ปลัดปลิวทางด้านหลัง รู้สึกเหมือนพ่อเอามือมาลูบ เรือนผม
ฉันยังคง จด จำความรู้สึก ซึมซับถึงพลัง แห่งความรัก คำสอนของพ่อก้องแว่วในหูมิเคยเลือนหาย .....อดทนนะ......
ลูกรัก ไม่ว่าจะมีปัญหา หนักหนาสาหัสเพียงใด
ถึงจะมีกำลังใจ จากคนรอบข้าง มากมาย แต่สุดท้าย หนูต้องแก้ไข ปัญหา ด้วย ตัว ของหนูเอง
* จงซื่อสัตย์และเชื่อมั่น ในสิ่งที่หนูทำ ปัญหาทุกอย่างในโลกย่อมมีทางแก้ไข
สำหรับคนที่ยึดมั่น ในความดี และรู้จักให้อภัย ถ้าหนูรู้สึกเหมือนอับจนและสิ้นไร้หนทาง พ่อจะเป็น
กำลังใจ ส่องแสงสว่าง นำทางให้ลูกเสมอ ไม่ว่าหนูอยู่ ณ ที่ใด
บันทึกของพ่อ นิทานและ สิ่งสำคัญ คือ ความรักพ่อ โปรดประทาน ความเข้มแข็ง
ผ่านสายลม ลงมาสู่หนูให้ มีกำลังใจ และ ผ่านอุปสรรค เลวร้ายนับประการได้เถิดค่ะ
คิดถึงพ่อ เหลือเกิน ในยามค่ำคืน ฉันมักเหยียดยิ้ม นั่งกอดเข่า ซุกหน้า
กับฝ่ามือเงียบๆ หัวไหล่ ไหวโอนตามแรง สะอื้น ปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้มทั้งสอง บางครั้งอยากหัวเราะ เหย้ยหยัน กับโชคชะตา ชีวิตของตัวเองที่ช่างส่ง เรื่องราว เสียมากมาย คล้ายทดสอบ แรงต้านทาน จนบางที อยากจะหลับ ไม่อยากรับรู้เรื่องราว ของวันใหม่ในชีวิต
19 ตุลาคม 2550 17:59 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
10 วิธีฆ่าเมีย
1. มันอยากกินอะไรซื้อให้มันกิน จนมันคาเรสโตรอลสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด
เดี๋ยวไม่เกิน 50 ปีมันก็ตาย
2. มันอยากได้เครื่องเพชรก็ซื้อให้มัน พอแสงเพชรมันสะท้อนเข้าตามันมากๆเข้า
เดี๋ยวตามันก็จะบอด พอมันตาบอดแล้วเราก็เอามันไปทิ้งที่ไหนก็ได้ มันหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว
3. มันชอบรถก็ซื้อให้มัน ยิ่งแพงๆยิ่งดี เครื่องมันแรงดี มันจะได้ขับเร็วๆ
ความเสี่ยงสูง
4. มันอยากไปเที่ยวไหนก็พามันไปต้องมีซักที่แหล่ะที่มันพลาดเดินล้มหัวฟาดพื้นตายได้
5. งานบ้านอย่าไปให้มันทำ เราต้องแย่งมันทำให้หมดไม่เปิดโอกาสให้มันได้ออกกำลังกาย เดี๋ยวมันก็ไม่แข็งแรง แล้วมันก็ตายเอง
6. ต้องพาเมียไปหาหมอบ่อยๆ ดูดิคนไม่ค่อยไปหาหมอไม่ค่อยเป็นไรหรอกคนที่ไปหาหมอบ่อย เดี๋ยวๆก็ตายแล้ว
7. เงินเดือนออกมาเท่าไหร่ให้มันไปให้หมดใครๆก็รู้ว่าเงินน่ะเป็นที่สะสมเชื้อโรคสารพัด
เราแกล้งเอาเชื้อโรคให้มันเก็บไว้เดี๋ยวมันก็เป็นโรคตายเราเองไม่ต้องเก็บเชื้อโรคไว้ สุขภาพแข็งแรง..เย้
8. ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้มันอยู่ กว้างๆยิ่งดีเวลาจะเดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ทีมันจะได้เหนื่อย เผลอๆอาจหอบตายระหว่างทางได้
9. เช้า-เย็นกราบมันทุกวัน มันจะได้อายุสั้น
10.รักเมียให้มากๆ ไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์พอมันทุกข์มากๆมันก็ตรอมใจตายเอง
8 ตุลาคม 2550 18:36 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันเคยมองต้นไม้ในทุ่งกว้างใหญ่ ยืนดูแล้วครุ่นคิดเพียงลำพัง ต้นไม้ยืนตายซาก แผ่กิ่งก้านโกร๋นเกรียม ระเกะ ระกะ ปานจะวิงวอนร้องขอชีวิตจากฟ้า อย่างออ่นระโหยโรยแรง เสียงครวญของสายลมดังสะท้อนสะเทือนทั่วสารทิศ ฉันได้แต่มองละไล่สายตาตลอดแนวเส้นเขาเทือกเขาบางด้านยังทาบทอแสงอัสดง แต่ยังมีอีกด้านถูกแสงนิลฉายฉาบบางๆ
คงเหมือนกับชีวิตของคนเราที่มีทั้งทุกข์ สุข เศร้า คละเคล้าปะปนกันไป
บางคนก็โดน มรสุมชีวิต ซัดซาด ถาโถม รุกเร้าไม่หยุดหย่อน
แต่บางคนมีชีวิตที่สุขสบาย แต่ฉันอดคิดไม่ได้ว่าในความสุขสบายกายนั้น มีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่ลึกๆหรือไม่ เคยถกเถียงใครต่อใครมามากมาย
ว่า ชีวิตสามรถลิขิตได้เอง แต่เมื่อโตขึ้น มีบางอย่างไม่เป็นไปดั่งที่คาดหวัง
จึงต้องยอมรับ และยอมแพ้ต่อโชคชะตาในบางครั้ง
เราแต่ละคนย่อมอยากเดินบนเส้นทางที่ปราศจากอุปสรรคและขวากหนาม
แต่มาตราฐานและความต้านทานของแต่ละบุคคลในชีวิตไม่เท่ากัน
มีหลายคนบอกว่า ถ้าไม่เจอไม่เจอเรื่องราวที่ต้องแก้ไขและขบคิด จะไม่สามารถมีความต้านทานและเกราะป้องกันสำหรับดำเนินชีวิต ทั้งในส่วนของ
งานและชีวิตประจำวัน ฉันรับฟังปัญหาครอบครัว จากคนรอบข้าง
ทำให้ ต้องกลับมาย้อนคิด ในสิ่งที่ผู้หญิงบางคนพบเจอ จนทำให้ได้คิดว่า
ทุกชีวิตของคนเรานั้น ยอมดำเนินไปแตกต่างกัน บางครั้งก็สุข บางครั้งจังหวะชีวิต พาสู่ความเศร้าเสียมากมาย บางครั้งในบางคนมีคำพูดที่อยากจะระบาย แต่บางที ในความทุกข์นั้นมากเสียเกินบรรยาย ในส่วนของคนสองคนที่มาจากการเลี้ยงดู ที่ต่างกัน สภาพแวดล้อมที่ต่างกัน นิสัยใจคอยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่โชคชะตามักเล่นตลก กับเรื่องความรัก และคู่ครองเสมอ ในส่วนที่ต่างกัน ทำให้อีกฝ่ายต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมเสียทุกเรื่องไป เมื่อยอมได้ครั้งหนึ่ง ก็มีครั้งที่สอง และสามตามมาอย่างไม่สิ้นสุด
การอบรมเลี้ยงดู ที่ให้ผู้หญิงอยู่ในกรอบและประเพณี ที่สอนให้ผู้หญิงอดทน และให้เกียรติคู่ครองในส่วนของการตัดสินใจ ในหลายเรื่อง ทั้งที่รู้อยู่กับใจ ว่าผลที่ตามมามันเลวร้ายเหลือประมาณ
ผู้หญิงหลายคน ยอมอดทนเพื่อครอบครัว ครอบครัวใหญ่ บางทีได้ยินแม้กระทั่งว่า บังคับให้ตั้งท้องเพื่อ ให้ลูกคนมีเงินโดยไม่สนใจ ว่าบุคคลคนนั้นเป็นโรคประสาท เพราะต้องการเอาใจ และอยากได้เงิน มาลงทุน โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา มีการยกข้อแม้ว่า ต้องได้ลูกชาย ถ้าได้ลูกสาว เดี๊ยวให้ตั้งท้องใหม่ โดยไม่คำนึงถึงจิตใจ และผลที่ตามมา ในบางคู่ใน การดำเนินธุรกิจ บางครั้งผู้หญิงต้องตกเป็นเบี้ยล่าง และอยู่ในภาวะจำยอม เพราะถูกบังคับ อยู่ทุกวัน ถ้าไม่ทำตาม ก็ไล่ราวกับผู้หญิง เป็นหมูหรือหมาหาเรื่องทะเลาะ จนอีกฝ่ายทนไม่ไหว ต้องยอมทำตามคำสั่ง ทั้งที่รู้ว่าเอาชีวิตมาเดิมพันทั้งชีวิต
ยอม เซ็นต์เอกสารเพียงคนเดียว ทำงานโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยไม่รู้ว่า อีกฝ่าย หมุนและบริหารเงินไปทางไหน
ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งหรือในหลายคน ถูกบังคับ ในทุกเรื่อง ถูกควบคุมแม้กระทั่งความคิด ไม่กล้าที่จะตัดสินใจ ผลสุดท้าย ในเชิงการบริหารธุรกิจ ที่ถูกปิดหูปิดตา เพียงแต่ฟังคำสั่งว่า สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ต้องขึ้นลง ศาลเป็นว่าเล่นเพราะความผิดที่ตัวเอง พลาด เพราะต้องการรักษาความสุขสงบในครอบครัว
ไม่รู้ว่า ผู้หญิงประเภทนี้น่าสงสาร หรือน่าสมเพช ที่ต้องมารับกรรม ในส่วนที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
สิ่งสุดท้ายที่ได้รับ คือ การถูกฟ้องล้มลาย บางคนถึงกับโดนคดีอาญา ครอบครัวแตกร้าว มีชีวิตอยู่ด้วยความ ทุกข์ทรมาน เป็นโรคซึมเศร้า บางคนถึงกับฆ่าตัวตายก็มี
อยากให้ผู้หญิงหลายๆคน กล้าตัดสินใจ และยอมรับ กับเรื่องเลวร้าย อย่าทนทุกข์และหวาดกลัว ในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจ จน ปล่อยให้อีกฝ่ายทำร้ายไม่สิ้นสุด เพียงหวังว่า สักวันอะไรจะดีขึ้นมันเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง
จงรวบรวมความกล้า เดินหน้าออกจาความกลัว
21 กันยายน 2550 15:40 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
รักใสใสกับความหมายยมันส์ๆ คงจะเป็นรัก ที่มาจากอารมณ์ ของแต่ละบุคคลแต่ละมุมมอง คงให้ความหมายในความคิดได้ดังนี้
ถ้าคุณเป็น คนมองโลกในแง่ดี คงจะเป็นแบบว่า ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป จนเธอ ไม่มีที่จะไป เดี๊ยวเธอก็กลับมา
ถ้าคุณเป็นคน ขี้สงสัย รักของคุณคงเป็นแบบว่า ปล่อยเธอไปพอเธอกลับมาคงถามเธอว่า..จะกลับมาทำไม๊...ทำไม ....
รักของคนขี้หวง ถ้าคุณรักใครสักคน ชาตินี้ ขาดเธอไม่ได้หัวใจขอสารภาพ
ยังไงก็ตื้อแนบแน่นหนึบนาน
รักของคนมีความอดทน ถ้ารักใครสักคนปล่อยเธอไปแล้วก็...รอ...รอ...รอ...จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง
แต่ถ้ารักของคนไม่อดทนถ้าคนรักใครสักคน ฉันปล่อยเธอไปนานแล้วทำไมเธอเพิ่งไป
รักของนักถ่ายภาพ ถ้ารักใครสักคนปล่อยเธอไปแต่อย่าลืมถ่ายภาพนู๊ดไว้พิมพ์ขายเธอจะได้โทรมาหาคุณอีก
รักของเซลส์แมน รักใครสักคนปล่อยเธอไปช่วงโปรโปรชั่นเธอจะกลับมา
รักแบบเจ้ากรรมนายเวร รักใครสักคน ปล่อยเธอไป เธอต้องไปชดใช้กรรมกับคนอื่นต่อ
รักของทหาร ถ้าคุณรักใครสักคนปล่อยเธอไป ถ้าชีวิตคุณอยู่ในอันตรายเมื่อไรเธอจะกลับมาขอให้คุณทำประกันชีวิตให้
รักของช่างแอร์ ปล่อยเธอไป ถ้าเธอร้อนเมื่อไรเธอจะกลับมาให้คุณช่วยทำให้เย็น
รักของช่างซ่อมบำรุง ถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไปถ้าอ่ะไหล่ในตัวเธอเสียเมื่อไรเอจะกลับมาให้คุณซ่อม
รักของคุณครู ถ้าคนรักใครสักคน ปล่อยเธอไป ถ้าเธอกลับมา บอกเธอว่า รักน่ะเด็กดื้อ
รักของปอเต็กตึ๊ง ถ้าคุณรักใครสักคนปล่อยเธอไปแล้วเธอจะกลับมาใช้บริการคุณในลมหายใจเฮือกสุดท้าย
รักของนักศึกษารักใครสักคน ปล่อยเธอไป ถ้าเธออยากค้นคว้าวิจัยเธอจะกลับมาหาคุณ
รักของนักขายของเก่า รักใครสักคนปล่อยเธอไป พอเธอเริ่มแก่เมื่อไรเธอจะกลับมาให้คุณดู
รักของกระเป๋ารถเมล์ รักใครสักคนปล่อยเธอไปพอเธอกลับมาบอกเธอว่า ชิดในหน่อยเพ่...ชิดในหน่อย
นิยามพนักงานบริบํทถ้าคุณรักใครสักคน ปล่อยเธอไป แล้วเธอกลับมาพร้อมกับคำถามที่ว่าพี่ค่ะ ถ้าพี่ยังเป็นพนักงานอยู่ ติดต่อเจ้าของบริบัทให้หนูหน่อยค่ะ พี่หนูน่ะรักความก้าวหน้า
รักใสใสในนิยามหลายๆแบบคงตรงใจกันบ้างแต่ถ้ายังไม่ถูกใจคุณ ลองนึกสิค่ะว่ารักของคุณเป็นอย่างไร สดใส ซาบซ่าเพียงไหนแล้วช่วยบอกความหมายความรักของคุณมาถึงกันบ้างน่ะ
11 กันยายน 2550 22:41 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แปลกใจและแปลกตา กับเรื่องที่เกิดขึ้นในรั้วการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
เมื่อต้องรับบทบาทมาเป็นอาจารย์ผู้สอนนักศึกษาที่วัยใกล้เคียงกัน แม้กระทั่งถึงวัยพ่อแม่ จนระดับคุณตา คิดตลอดเวลาว่าจะสอนๆๆเพื่อเอาประสบการณ์ไปต่อยอดเพื่อทำมาหากิน หรือศึกษาต่อในอีกระดับขึ้นไป
แต่ไม่คิดไม่ฝัน ว่าผูกพันจนแยกไม่ออก เคยคิดตลอดเวลาว่า นั่งรถทัวร์มาสอน จากเหนือถึงใต้.....สงสัยตัวเองจะบ้า....มาสอนอะไรถึงที่นี่.....
บรรยากาศ...ก็ชวนสอนเสียนี่กระไร วนเวียนเข้าออกอยู่กับวัด ไม่ว่ากินนอนเดินทางไปไหน เจอพระกับเจอวัด เป็นงานประจำ เออแต่แปลกน่ะกลับเหมือนน้ำซึมบ่อทราย กลับซึมซับรักที่นี้จนบอกไม่ถูก...หนีงานประจำตัวเองมาอยู่ที่นี่ประจำ จนตัวดำเป็นสำลีเม็ดใน อาคารก็ไม่มี แอร์ก็ไม่มี อุปกรณ์ที่สอนใช้ทำมาหากิน ก็มีแต่กระดาน กลับปากกาเคมี สอนก็สอนในวัดเดินสอนตามกุฎิจนอยากจะเป็นแม่ชีอยู่แล้วในความรู้สึก มีหลายอาชีพมากที่มาเรียนที่นี่ ตั้งตำรวจ นักศึกษา โรงงาน โรงแรม จนบรรยายไม่หมด เวลาสอน น่ารักตั้งใจเรียนดีกันทุกคน จ้องตาแป๊วแหวว ยิ้มกันตลอดเวลา จนเราเองต้องคอยถามว่า เข้าใจไหมค่ะ มีอะไรจะถามไหมค่ะ สงสัยอะไรไหมค่ะ ไร้ปฎิกริยา ตอบสนองสมองคงชาไปบางส่วน เลือดและวิญญาณอาจารย์เข้าสิงเลยบอกด้วยเสียงอันอ่อนหวานว่า นักศึกษาที่เคารพ โปรดช่วยอาจารย์ทำมาหากินหน่อยค่ะ ทีนี้หล่ะเป็นเรื่อง....ถามกันถกเถียงกันเป็นงานประจำ....แถมบอกว่า...การสร้างความร้าวฉานคืองานของเรา....ตอนนี้สอนเมื่อไรน้ำลายอาจารย์กับลูกศิษย์พ่นพิษใส่กันทันที...สนุกสนานและอบอุ่นมากๆในความรู้สึก
การเรียนการสอนที่นี่ มีรูปกิจกรรมนักศึกษา หลายรูปแบบ แม้แต่การปฎิบัติธรรม
จนต้องไปปฎิบัติธรรมกับนักศึกษา เสียเป็นเวลาสามวัน มีอดอาหารเย็นถือศีลแปด ให้ทานได้แต่น้ำปานะ
หิวกันทีสิทีนี้....อาจารย์ขา.....อาจารย์ครับ....น้ำปานะตั้งอยู่บริเวณไหนค่ะ
เราก็ชี้ไปที่โต๊ะที่ไว้ใช้วางอาหารมีขวดน้ำปลาเรียงกันเป็นแถวแล้วบอกด้วยจิตอันเมตตาว่า.....นี่...น้ำปลาน่ะ...ลูกน่ะ....
แล้วก็เดินจากมาด้วยกริยาอันสำรวม
การเข้าค่ายธรรมมะที่วัดห้วยทรายใต้ได้อะไรหลายอย่าง มีนอน นั่ง ตะแคงสมาธิ มีคนบอกว่า...แหมอาจารย์น่าจะมีวิ่งสมาธิบ้าง....
มีกิจกรรมดีอีกอย่างคือเสีย
งธรรมใต้แสงเทียนดีมากๆ
จบหลักสูตรมีการแจกใบวุมิบัตรกันถ้วนทั่วทุกตัวตน
จนเข้าค่ายเราก็ยังไม่ได้ขึ้นไปพิจิตรสะที วนเวียนไปกับคณะอาจารย์ผู้สอน และลูกศิษย์ พบคนโน้นคนนี้ เพื่อหาทุนจัดสร้างมหาลัย อยากให้เกิดวิทยาลัยสงฆ์ขึ้นจริงๆค่ะเพราะว่า นักศึกษา ดิ้นรนกันช่วยตัวเองตลอดเวลา สร้างจตุคาม ก็บดมวลสารกันเอง ขายดอกมะลิวันแม่ จนกระทั่งแบ่งฝ่ายถอดแปลนในการสร้าง จนบัดนี้ ก็ยังดิ้นรน จะทำตะกรุดในส่วนของนักศึกษาอาคารที่เป็นกุฎิก็มาช่วยกันกันห้องเอง ระดับนายกอบต.ที่เป็นนักศึกษาว่างก็มาช่วยตัดหญ้าในวัด ประธานนักศึกษาก็วิ่งวุ่นคิดทุกทางเพื่อหาเงินเข้ามหาลัยในการสร้างอาคาร หลวงพ่อที่ให้ที่ดินท่านก็เดินทางไปกับคณะอาจารย์เพื่อพบปะและหาแนวทาง
หลายคนอ่านแล้วสงสัย ว่า ทำไม ผู้บริหารศูนย์การศึกษาและนักศึกษาต้องหา
เงินสร้างอาคารเรียนเอง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า เป็นระเบียบของมหาวิทยาลัยสงฆ์
ศูนย์การศึกษาตั้งยังไม่ถึง ๕ ปี ต้องหาเงินสร้างอาคารเรียนเอง ที่สร้างเงื่อนไข เช่นนี้เนื่องจากไม่ต้องการให้วัดต่างๆ ตั้งศูนย์การศึกษาง่ายๆๆ
นักศึกษาที่นี่ใช้ระบบเรียนด้วยความศรัทธาและชักชวนกันมาเรียนมีบางครอบครัวมาเรียนทั้งสามีและภรรยา จนถึงลูกชาย ลูกสะใภ้
แหม...คิดในใจ....อยากให้มีผู้ใจบุญตั้งกองผ้าป่าที่ทอดที่วัดเนรัญชรารามบ้างจัง
ผู้เขียนหรือคณะอาจารย์ที่มาสอนที่นี่มาจากไกลๆกันทุกคน เพราะมาเห็นที่นี่แล้วรักอย่างบอกไม่ถูกจนตัวเองผู้เขียนเองวนเวียนและอยากมาอยู่ที่นี่เลยตอนนี้