4 กุมภาพันธ์ 2551 15:51 น.

14วันในอินเดีย

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ตั้งแต่เติบโตมาในชีวิต   ประเทศอินเดีย     ไม่เคยอยู่ในความรู้สึกนึกคิด  ว่าอยากไป  เพราะฟังจากปากต่อปาก     อินเดียสกปรก     ขอทานเยอะ   ไม่เจริญ   
แต่เมื่อชีวิต ผกผันจากจุดหนึ่งมาสู่อีกจุดหนึ่ง     มุมมองของชีวิต   เปลี่ยนไปมากมาย  ชีวิตเคยอยู่กับสิ่งที่เจริญทางวัตถุ    มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย     มีลูกน้องห้อมล้อม  ใช้แต่สมอง ทำงาน   ไม่เคยใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาใช้กันนัก

รูปแบบการทำงาน   ความคิดเปลี่ยน   อินเดีย   ทำให้เห็นความแตกต่างหลายอย่างตั้งแต่อย่างก้าวสู่พื้นแผ่นดินนี้

ชีวิตไม่ใช่ไม่เคยไปต่างประเทศ    ส่วนมากได้ไปแต่ประเทศที่เจริญทางวัตถุ    การไปอินเดียครั้งกับมีความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ตั้งแต่ได้มีโอกาสเคลื่อนไหว  ร่างกายอยู่บนอากาศโดยเฉพาะโดยสารไปกับใครอีกคนที่เรารู้สึกถึงความรัก    ความห่วงใย   ที่ไม่เคยพูดออกมาแต่ออกมาแต่แสดงออกด้วยการกระทำเสมอ    ตัวเองรู้สึกเหมือนนก  ที่ถูกปลดปล่อย   มีอิสระ    ไม่ต้องอยู่ใต้เงาอำนาจและการขมขู่ที่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสบอบช้ำเสียที
มองจาก  ท้องฟ้า   เหมือนการเดินทางที่ทอดยาวไม่สิ้นสุด

ไม่เคยนึกรู้   ว่า   จุดประสงค์มาอินเดียเพื่อ อะไร   เพราะคนข้างกายไม่พูด   ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า    บาดแผล  ที่โดนมาในอดีต   มากมายเกินเยียวยา   บางครั้งและหลายครั้งไม่เคยจางหายได้    ทำให้ต้องแอบร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว  ท่านรู้   และห่วงแต่ท่านไม่พูดแต่ใช้วิธีแยบยลให้เราซึมซึบและไปเจอหายคนและหลายอย่างที่อินเดียด้วยตัวเอง 
เมื่อเดินทางขึ้นเครื่องบิน    ก็ได้พบเจอ   พระรูปหนึ่ง   ซึ่งท่านไปทำดอกเตอร์     และเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดและตัวท่านเองใช้วิธีสนทนา ธรรม  ให้เราเปลี่ยนมุมมองหลายอย่างในชีวิต
อินเดียตั้งแต่เข้าสนามบิน  ก็พบเจอความวุ่นวายของผู้คนที่มาด้วยจุดหมายที่ต่างกันและยังอยู่บนความไม่ชัดเจนที่ดูคล้ายชัดเจนกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเพราะประเทศนี้มักมีเรื่องราวให้เราตื่นเต้นและเปลี่ยนไปมา   จาก  ประชากรคนอินเดียเสมอ   ไม่ว่าเดินทางไปที่ใดในอินเดีย
เข้าสนามบินมีการขอค้นกระเป๋า   ซึ่งต้องพูดภาษาอินดี   กันพักใหญ่   คนยอมปล่อยคณะเราออกไป     มีเสียงข้างๆดังลอยผ่านอากาศด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นอินเดียครั้งแรก..นี่มันนรก     ชัดๆ......????อะไรเนี่ย....ถ้ากลับได้ฉันขอบินกลับเมืองไทยเดี๊ยวนี้.....
วันแรก   ไปพัก  บ้านดร.อันสาหรี   ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของดร.ฤทธิชัยและมีท่านพระมหาประเสริฐพักที่นี้ด้วย
กินอาหารอินเดีย   จาปาตี   สุดยอด  นึกถึงมาม่าในกระเป๋าเดินทางทันที   ตอนนี้....คุณคือคนสำคัญนะจ๊ะ   มาม่าที่รัก
ต้อนรับดีมากครอบครัวนี้   ทั้งปาป๋า   มาม๊า   และน้องสาวอีกสองคน   แถมทำวิธีวิวาห์แบบแขกให้อีกรอบ
ประเพณี  ผู้หญิงอินเดีย   ต้องดูแลแขกให้ทานอาหารให้อิ่ม     โดยทานอาหารร่วมโต๊ะไม่ได้แต่นั่งโต๊ะบริการ   เติมอาหาร   ให้ตลอดเวลา   อีกอย่างที่สำคัญ  ต้องทานอาหารจนหมดห้ามเหลือในจาน
เอาหล่ะสิ....แหม...ท่านดอกเตอร์สบายสิ   พูดฮินดีได้...พูดอังกฤษได้...เลยบอกได้...
พระมหาประเสริฐ....ว่าที่ดอกเตอร์....พูดอังกฤษได้....ก็บอกได้......
กระต่ายใต้เงาจันทร์....พูดอังกฤษก็.....ได้แค่หางอึ่ง....ฟังก็ไม่รู้เรื่อง....เจ้าของบ้านก็หวังดีเติมในจาน....จนอยากอ๊วก....เหลียวซ้าย...หาพระ...เพราะคิดว่าท่านต้องมีจิตเมตตา...ส่งสายตาอ้อนวอน....เจอสายตา...ตอบสนองให้รู้ว่า...ช่วยตัวเองก่อนน่ะโยม...อาตมาภาพก็ยังช่วยตัวเองกับสิ่งที่อยู่ในจานอยู่เลย...
แลขวา....ส่งสายตาอันหวานซึ้ง...แกล้งทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจ...เช๊อะ....ใช้ภาษาที่พ่อแม่ให้มาก็ได้ย่ะ

รุ่งเช้าไปที่เจดีย์พุทธคยา    พอเริ่มออกเดินทาง   ก็เจอสหายตัวน้อยคอยทักทายตลอดทาง  ว่า สวัสดีครับ แสนดีใจนึกว่าเจอคนไทยด้วยกัน แต่ ไม่ใช่ใคร   ขอทาน แขกนั่นเอง  เสียงคนข้างบอกด้วยเสียงอันเบา     แม่อย่าให้เงินขอทานน่ะแค่นั้นแล้วมองด้วยสายตาปรามอยู่ในที
ไม่ให้ก็ไม่ให้   ทีนี้    เดินตามกันเป็นกิโล      จนเข้าถึงพุทธสถานถึงเลิกตาม
ประเทศอินเดีย   ดีอย่างหนึ่ง   ถ้าเข้าไปตามสถานที่สำคัญ      จะไม่ให้ขอทานเข้าได้
แต่อีกสิ่งหนึ่งต้องผจญระหว่างการเดินทาง    ฝุ่น   และอากาศที่หนาวเย็นอุณหภูมิ4องศาและมีสิ่งที่ท้ายน่าตื่นเต้นรออยู่ข้างหน้า   ด้วยความระทึกใจ    ถ้าอยากทราบเหตุการณ์ว่าจะเจออะไร     โปรดติดตามตอนต่อไป				
12 ธันวาคม 2550 10:05 น.

มิตรภาพอาบละมุ่น "ไออุ่นแห่งอมก๋อยและรอยยิ้ม"

กระต่ายใต้เงาจันทร์


การเดินทาง  สู่  โรงเรียน บ้าน แม่สะเต     อำเภอ อมก๋อย    จังหวัด

เชียงใหม่  สู่เส้นทาง ธรรมชาติ   แห่งภูผา   ป่าไม้    ห้วยลำธารและ

แสงดาว   กับ  โครงการปันน้ำใจเพื่อเพื่อนไทยในชนบท     โดยผู้

ร่วมคณะเดินทางหลายสิบชีวิต     เพื่อมุ่งฝันและสู่ปฎิธานแรงกล้าสู่


โรงเรียนบ้านแม่สะเต     เต็มไปไปด้วย    ความตื่นเต้นระทึกใจ    

และความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า    แต่เมื่อนึกถึงจุดหมายปลายทาง

กำลังใจมักจะเข้ามาสอดแทรกและเติมเต็มเสมอ


ในเส้นทาง     บางครั้ง   ผ่าน  ภูเขา  ที่สูงชัน   เต็มไปด้วย   โขดหิน

และหน้าผา   มักมีช่วงเวลาระทึกใจ   ตื่นเต้นอยู่เสมอ


แต่บางครา  จะผ่านเส้นทาง  ลำธารใส   มีเสียงน้ำ  เลาะเลียบโขด

หิน  ผสมเสียงที่สอดแทรกของธรรมชาติ  รับสัมผัสกับเสียงของใบ

ไม้ที่เสียดสี  ร้องประสานสอดแทรกราวบทกวี พรั่งพรูไพเราะ รื่นหู

เคียงคู่กับเสียงหมู่มวลวิหก


ดู   ดู   สายน้ำ  ไหล เย็น  ชื่นฉ่ำ 

หมู่วิหกร่อนรำร่ายปีกเหิน

พวกเราต่างมาไกลเหลือเกิน

อุปสรรคที่เผชิญช่างเหนื่อยนัก


ครั้นพอพบจุดหมายทางข้างหน้า

ที่ท้ายท้าท้าท้ายได้ประจักษ์

ทุกรอยยิ้มไมตรีมีความรัก

เริ่มทอถักเกี่ยวสายใยบทกวี


รอยยิ้มมิตรภาพอาบละมุ่น

เหมือนสัมผัสอบอุ่นกรุ่นวันนี้

มิตรน้ำใจหลายหลากมากไมตรี

ในทุกที่  "บ้านสะเต"  นี้ช่างงดงาม

รอยยิ้ม   มิตรภาพ   อาบละมุ่น   ไออุ่น  แห่งอมก๋อย   ช่างอบอุ่นและ

อบอวล  ไปด้วย  ความใสซื่อ  บริสุทธิ์  ของชาวเขา  เผ่ากระเหรี่ยง

และคณะผู้ต้อนรับ และคุณครูแห่งโรงเรียนบ้านแม่สะเต  ซึ่งเป็น

เป็นความยินดีทั้งผู้ให้และผู้รับ  จะเป็นความทรงจำ  มิลืมเลือน  เมื่อ

ได้มาเยือน  ณ.  ที่แห่งนี้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่http://www.pbr.mbu.ac.th/				
6 ธันวาคม 2550 16:34 น.

วรรณกรรมคำท้ายรถ

กระต่ายใต้เงาจันทร์


คิดว่า   คุณทุกคน   คงเคยผ่านตา   และเคยอ่าน     หรือเคยผ่านหูกันมาบ้าง   บ้าง   จาก  ท้ายรถ  สิบล้อ      รถสองแถว     รถประจำทาง   ทั้งภาครัฐและเอกชนรวมจนไปถึงรถส่วนตัว
      ในสมัยก่อนที่เห็นเสียส่วนมากจะเป็นรถสิบล้อ        ติดคำคล้องจองตอบโต้กันไปมา    โดยใช้สีน้ำมัน     แต่ปัจจุบันพัฒนารูปแบบว่า       เป็นสติ๊กเกอร์

บางครั้งผู้เขียนเองเครียดๆกับงาน     หันไปเห็นได้อ่านผ่านตา          ต้องแอบอมยิ้ม  และชื่นชมในอารมณ์ขันของคนเหล่านั้นไม่ได้

     เท่าที่เคยอ่าน    รู้สึกและรับรู้ได้   ถึง   ความร่าเริง      ความยินดี      คำพูดเสียดสี   ทิ่มแทง      บางคันก็มีข้อความเกี่ยวกับเรื่องความรัก   ความใคร่     หรือกระทั่ง  อวดอ้างสรรพคุณ   คนขับ    ถ้าดูและแยกให้ดี   จะมีถึงแม้กระทั่งปัญหา  สังคม  เศรษฐกิจ    การเมือง       คำเตือน    สุรา    ยาเสพติด
    


      โปรดใช้ความคิดพิจารณาและวินิจฉัยแยกแยะกันเอาเองก็แล้วกันว่าคำพูดคำเขียน   วรรณกรรมแบบมันส์ๆหรือคำทิ่มแทงเสียดสีประเภทไหนจะถูกใดคุณ



    เห็นเหล้าแล้วเพลียเห็นเมียแล้วเมา

     ใจซื่อให้รถใจคดให้เมีย

       ขี่รถระวังคน  ขี่คนระวังเอดส์

       ขับเร็วก็ว่า       ขับช้าก็บ่น

       คนขับรถเมายา     คุณจ่าเมาใบสั่ง
       
       ลิงเท่านั้นที่ห้อยโหน

        คุณผู้หญิงนั่งซ้าย     คุณผู้ชายนั่ งขวาคนชราโปรดยืน

        นึกแล้วมึงต้องอ่าน
 
        เหงื่อทุกหยดเพื่ออนาคตลูก

       ซึ้งสุดขีดพวกมารีดแล้วสั่งสอน

       ดูดทีละสิบมุบมิบทีละคัน

        อยู่บ้านเมียก็ด่า   ขับรถออกมาจ่าก็จับ

         อารมณ์     อาถรรพ์        อาพาต
        
         ไม่ต้องมามอง   มีคนจองแล้ว


         เรียนๆหลับๆนับเป็นศิลปะแห่งการศึกษา

        เรียนๆหลบๆจบมาเยอะแล้ว

        ผิดเป็นครู    ถูกเป็นศิษย์

          อย่าจูบตูดหนู

        ไม่เท่...แต่มีแดก

       น้องนางอยู่รถ    แม่มดอยู่บ้าน

        รวยไม่เลิก     เมื่อบอกเลิกเมีย

       ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึกดี



อย่างที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น    แต่ถ้าคุณคิดค้นหรือครึ้มอกครึ้มใจกับวรรณกรรมบันท้าย    หรือข้างหน้ารถ     เชิญและชวนมาลงไว้สักนิดว่า     วรรณกรรมท้ายรถที่คุณอ่านและชอบใจแวะมาทางนี้ได้ค่ะ				
30 พฤศจิกายน 2550 21:11 น.

สายลมที่หวังดี

กระต่ายใต้เงาจันทร์



ในเวลาใกล้รุ่งยามเช้าตรู่    ของวันใหม่ก่อนที่พระอาทิตย์     ดวงกลมโตจะโผล่พ้นขอบฟ้า       สีระเรื่อ   ไล่ระบายจากบนยอดทิวเขา    จากสีส้มอ่อนจนคล้ายเคลือบเจือปนสีน้ำตาล    เหมือนพากันชักชวนเดิน ควงแขน
อยู่  ณ.เส้นขอบฟ้า   อันไกลโพ้น   ไล่สายตา   มองสูงขึ้นไป   เห็นภาพเสมือนปุยเมฆหมอกสีขาว   ยิ้มทักทายผสมผสาน  ผ่านท้องฟ้า  สีฟ้าอ่อนที่เรื่อเรือง  ก่อนอรุณรุ่ง

มีสายลมโปรยปราย   กระทบผิวกาย    ผ่านเป็นระยะ    บางครั้งรู้สึกสดชื่น    แต่บางที  รู้สึกเหน็บหนาว
บางครั้ง  รู้สึกอบอุ่นอิ่มเอมหัวใจ   แต่บางคราวกลับ  รวดร้าว    และสั่นไหว  เหมือนโดดเดี่ยว   เดียวดาย  ภายใต้
โลกกว้างใหญ่ใบนี้     

ทุกความรู้สึก   ทุกการกระทำ   ย่อมเกิดจาก  สถานะ  ทางอารมณ์   ที่แตกต่างกัน   สิ่งที่เป็นกลไก  ขับเคลื่อน  ถ้ามองย้อน  คงต้องดูจากข้างใน    ระหว่าง   กาย   กับจิต     และความคาดหวัง    ความต้องการ   เป็นตัวกำหนด


เคยมีคน   ถามฉันเสมอ      ดิน   น้ำ   ลม      ไฟ     ถ้าเลือกได้    ฉัน   อยากเป็นอะไร     แน่นอน  คำตอบ  มีในตัวอยู่แล้ว   ฉันอยากเป็นสายลม     ที่ปัดเป่า    ความทุกข์   เหงา    เศร้า     ใจ    ให้กับทุกคน

และอยากพัดพา     สิ่งที่ดี     คุณค่า    ความเป็นมนุษย์    ที่รู้จัก   พอ    และปล่อยวาง    มอบ   แต่   สิ่งที่ดีๆ  ไว้ให้แก่กัน      ถ้าฉันมีเวทย์มนตร์     สามารถ   เป่ามนตรา  ให้กับ    มนุษย์ทุกคน  ในโลกนี้    ฉันจะขอเป็นสายลม
ที่หวังดี   มอบส่งผ่านความสุข  และความรู้จัก  อภัย  ไม่ยึดติด   อยู่อย่างพอเพียง    แล้วทุกอย่างจะเพียงพอ  เรียนรู้ที่จะมอบความรัก   แต่ อย่าเรียกร้องและตั้งกฎเกณฑ์สำหรับเรื่องรัก


ถ้าหากยามใด  สายลม   กระทบถูกผิวกายคุณ   โปรดรับและรู้ไว้   นั่นคือ  ตัวฉัน    สายลมแห่งความรักและความหวังดี				
3 พฤศจิกายน 2550 20:12 น.

ไม่มีเวลาให้กันจริงหรือ

กระต่ายใต้เงาจันทร์



ถ้ามาคิดดูให้ดี    ชีวิตคนเรา    มันสั้นนัก     คนบางคน   ทุ่มเทเวลาให้กับงานจนไม่     ยอมเหลียวหลัง   มองบุคคลในส่วน      ที่ตัวเองเคยรัก      คนบางคนแสดงความเห็นแก่ตัว   โดยยึดถือเรื่องของ    ตัวเป็นใหญ่      คนบางคนรับผิดชอบงานที่ทำได้มากมาย  แต่รับผิดชอบในเรื่องปัญหาที่ตัวเองก่อ    ทำให้เกิดความกลัว     และคิดเอาตัวรอด    การคิดไปเอง       ความขี้ระแวง   บางครั้งก็ทำลาย    และ   ทำร้ายความรู้สึก      ของคนอีกหลายคน

มนุษย์ทุกคน    มีเวลา24ชั่วโมง    เท่ากันหมด    ถ้าบริหารเวลาตัวเองไม่ได้คงถือว่าโง่เขลา  และหาเรื่องเอาตัวรอด    หรือหนีปัญหา    ลองสำรวจตัวเองดูกันสักครั้ง
ว่าในส่วนที่คุณกระทำ   ในส่วนที่คุณ     รับผิดชอบ    คุณแบ่งเวลา   หรือคุณไม่มีเวลา    หรือคุณทำตัวเอง    ให้ยุ่งเพราะ     ต้องการบอกว่า....ไม่มีเวลา....โดยการปัด      ความรับผิดชอบ  หนีปัญหากันแน่

ถ้าในสักวันคุณ    ต้องสูญเสีย   กับคำว่า  ไม่มีเวลา   และไม่เคยคิดจะถนอมถสิ่งที่ตัวเองครอบครองไว้....คุณจะโทษว่า....เพราะไม่มีเวลาไม่สามารถ     ทำอะไรได้มากมายกว่านี้  เพราะไม่เคยคิดจะทำ....ถึงวันนั้นเวลา     หรือตัวคุณกันแน่....ที่ต้องรับผิดชอบ      และยอมรับในส่วน      ของคำที่ว่า......ไม่มีเวลาให้แก่กันจริงหรือ.......				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์