5 พฤศจิกายน 2551 18:25 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
การแสดงของความรัก ทำได้มากมายหลายแบบ ไม่ว่า จะเดินจูงมือ โอบกอด หอมแก้ม หรือแม้แต่การจูบ ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่แสดงออก ของความรัก มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าความหมายของอาการแสดง การจูบนั้นมีความหมายอย่างไร จะได้เลือวิธีจูบที่ถูกความหมาย ที่สำคัญ ต้องไม่ผิดที่ผิดทาง
จูบที่มือ หลงใหลในตัวเธอ
จูบที่ไหล่ ต้องการเธอ
จูบที่แก้ม แสดงออกระหว่างเพื่อน
จูบที่ปาก ฉันรักเธอ
จูบที่หู ไปห้องนอนกันเถอะ ที่รัก
จูบพรมไปทั่ว (คิดเอาเองค่ะ)
แต่ต้องขอฝากเป็นของฝากสักนิด เวลาคุณ จูบใคร ควรหลับตา ถ้าลืมตา
และจ้องตาในเวลาจูบ ถือว่าไม่สุภาพ
29 ตุลาคม 2551 11:07 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ความทรงจำ คงเป็นส่วนหนึ่งที่เราทุกคนสามารถกับมาอ่านย้อนเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วและมโนภาพเหล่านั้นผุดพรายค่อยๆต่อร้อยเรียงเป็นเรื่องราวขึ้นมาอีกครั้ง
ปฎิเสธกันไม่ได้เลยว่า มีหลายคนชอบถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อเป็นบันทึกความทรงจำผ่านรูปภาพและในส่วนของบันทึกความทรงจำในรูปแบบนี้คงให้อารมณ์แตกต่างกันไป บางคน มีความสุข บางทีตื่นเต้น บางอารมณ์เศร้าเสียใจ บางครั้งเป็นภาพที่สวยงามดูแล้วดูแล้วมีชีวิตชีวาอย่างประหลาด
ภาพบางภาพที่เห็นในหลายคน คงอยู่ในแต่ละมุมมอง และอารมณ์ในการรับรู้ต่างกัน
บางคนถ่ายทอดสิ่งที่เห็นลงสีลายเส้นบนผืนผ้าใบซึมซับความสุขเหล่านี้ส่งผ่านเส้นสีบนผืนผ้าใบ
บางทีภาพถ่ายที่เราเก็บไว้ บางภาพเก่าจนสีของรูปเป็นน้ำตาลหม่น กรอบรูปหักและบิ่นไปบ้างแต่ฝีมือและภาพถ่ายยังคมชัดรูปภาพยังคงเดิม
ฉันเคยคิดเล่นๆ เมื่อนั่งรถไฟไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะลงสถานีไหน
สองมือวางไว้บนขอบหน้าต่างรถไฟเอาคางแนบลงบนมือมองภาพนอกหน้าต่างขณะที่รถไฟวิ่ง
ขอบหน้าต่างเหมือนกรอบรูปภาพฉันเหมือนได้ดูภาพเคลื่อนไหวที่วาดผ่านกรอบรูปที่เป็นบานหน้าต่างของรถไฟ
รูปถ่ายของกาลเวลา ยังทรงคุณค่าให้อารมณ์และรู้สึกหลายหลาก
รูปของใครหลายคน ผู้คนเหล่านั้นคงอยู่ใต้ผืนดินไป ยังมีอีกหลายคนที่อยู่บนผืนดิน และฉันก็ยังเป็นอีกคน ที่มีชีวิตอยู่บนผืนดินของโลกใบนี้
ในช่วงอารมณ์ และความรู้สึกหลายครั้ง ฉันเองอยากมีชีวิตที่เป็น แค่ภาพถ่ายผ่านกาลเวลา บ้างเพียงเท่านั้น
23 ตุลาคม 2551 14:10 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันเปรียบฤดูที่หมุนเวียนเหมือนดั่งชีวิต เพราะอะไร ฉันมักนั่งค้นหาคำตอบและนั่งสังเกตุ ทุกฤดูที่ผ่านพ้นไปในธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ทำให้ความรู้สึก และข้อเปรียบเทียบขึ้นในใจ ว่าชีวิตก็เหมือนฤดูกาลที่ผันผ่านหมุนเวียนไป
บางครั้งก็สงบ บางครั้งก็ร้อนรน บางครั้งก็เจอลมมรสุมจนแทบบ้าคลั่ง
ในวันนี้อาจจะเจอแดดร้อนจนเผาไหม้เป็นจุล วันต่อมา กลับมีฝนตกลงมาชะล้างให้ความรุ่มร้อนคลายลงทำให้รู้สึกเย็นสบาย
บางทีก่อนขณะที่ฝนจะโปรยปรายกลับมีลมมรสุมอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้าทะมึนสีดำร้องคำรามอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะเทกระหน่ำเป็นเม็ดฝน ทำให้ รูสึก ซวนเซและเปียกปอน
มักจะมีบทเพลง เปรียบเทียบเสมอว่า เม็ดฝนเหมือนคราบน้ำตา
แต่เมื่อเม็ดฝนพัดผ่านไป สายลมหนาวมาเยือน ลอยกระทบผิวกาย เหมือนจะปัดเป่าให้ ความทุกข์ร้อนเบาบาง เจือจางลง
แต่อีกขณะกับมีความเหน็บหนาวสอดแทรกในทุกอณูของผิวเนื้อทำให้หนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ
สายลมทำให้ฉันเบาสบายตัวขึ้น และอบอุ่นขึ้นได้บ้าง เม็ดฝนที่หล่นตกมาปนเปื้อนรอยคราบน้ำตา อาจแปรเปลี่ยนกลายเป็นน้ำค้างที่เกาะปลิวบนอยู่บนยอดใบไม้อ่อน ที่ลู่ตามแรงลมให้หอมหวานและสดชื่นตามฤดูกาล
อาการแต่จะอย่าง คงจะอยู่กับเราไม่นาน ความสุข ความทุกข์ ดีใจ เสียใจ มักมาเยือน และหมุนเปลี่ยนกันอยู่เสมอ
บางครั้งออ่นล้า เบื่อหน่าย แต่บางทีกลับรู้สึกมีความสุข เราจึงควรนั่งมองตัวเองและพิจารณาใจ ว่าเป็นธรรมดาของโลกที่สร้างเรื่องราวทุกอย่างมาคู่กัน
ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปแค่ไหน
เรายอมรับกับการเป็นไปและการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่
ความสุขหาได้ง่ายจากสิ่งใกล้ตัวขอเพียงคิดเป็นเพียงเท่านั้น
9 ตุลาคม 2551 11:50 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในวัยเด็กฉันเติบโตมาที่บ้านสวนริมน้ำ และกองหนังสือกองโตของพ่อ
ฉันมักมีความสุข ที่ได้อยู่บ้าน ขี่คอพ่อ เข้าสวน ดู ต้นไม้ ดูแม่น้ำฟังเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่พ่อผูกถ้อยร้อยเรียง เป็นเรื่องราวเป็นนิทานที่ฟังง่าย และเพลิดเพลิน ซึ่งมักจะมีคำสอนทอดแทรกอยู่เสมอ
ฉันจึงอยากเป็นนักเขียนเพราะพ่อ ชอบอ่านพระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน รวมทั้งเรื่องราวของ ก.สุรางคนางค์ ศรีบรูพา ศิลา โคมฉาย ทำให้ฉันติดนิสัยการอ่าน และชอบฟังซึ่งซึมซับติดตัวฉันเรื่อยมา
แต่ที่ติดตัวฉันมากๆเป็นนิทานก่อนนอน และตุ๊กตาตัวโปรด
จนกระทั่งฉันเป็นมนุษย์เงินเดือน ฉันเริ่มรู้จักความยากลำบาก ที่กว่าจะได้เงินมาและการใช้เงินแต่ละบาท
ฉันเริ่มใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ออกไปทำงานตั้งแต่เช้า กว่าจะงานเลิกถึงหอพักต่อเมื่อตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว
ความอ่อนล้าทำให้ฉันเหมือนสวิทซ์ไฟที่ถูกปิด หมดแรง ไม่อยากเปิดเปลือกตาทำอะไร นอกจาก หาอะไรทาน อาบน้ำ และเข้านอน ความฝันที่อยากเป็นนักเขียนของฉัน ก็ยังคงอยู่ มิได้สูญหายไปไหน แต่เวลาสิเป็นสิ่งที่พรากความฝันของฉันไปหมดสิ้น จนฉันไม่มีความสามารถที่จะปีนหรือไขว่คว้า ในสิ่งเหล่านี้ได้
จวบจนกระทั่ง พ่อพบอุบัติเหตุ เสียชีวิต ฉันได้อ่านบันทึก ของพ่อ ที่บันทึกเกี่ยวกับตัวฉัน ความรักความผูกพันและสิ่งที่พ่ออยากเห็นอยู่ในแผ่นกระดาษเก่า ซีด บางเจือปนด้วยสีน้ำตาลอ่อน
กระต่ายน้อยของพ่อ คนทุกคนมีเวลาเสมอ พ่ออยากเห็นหนูเขียน เรื่องราวที่ผ่านโลกจิตนาการของหนู ลูกของพ่อทำได้
ฉันเริ่มคิดน้ำตา ไหลเป็นทาง รินลงบนบันทึกเล่มนั้น
พ่อก็คือพ่อ ที่มักแอบดูลูกและดูแลอยู่ห่างๆเมื่อลูกเติบโต ไม่ใช่เวลาหรือสิ่งใดเลยที่พราก ความฝันที่อยากเป็นนักเขียนของฉันไป
แต่เป็นตัวฉันเองตะหากที่ละทิ้งความฝันตัวเองไป
การเขียนเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งนั้น ได้รับค่าตอบแทนไม่มาก และคงใช้เวลานานที่กว่าจะมีคนรู้จัก และขายได้ การเป็นนักเขียนไม่ใช่เรื่องง่ายและคงไม่พอกิน
ฉันมักคิดอย่างนี้เสมอมาว่า ฉันยังไม่พร้อม และ ไม่สามารถทำได้
ฉันคงทำให้พ่อเสียใจในส่วนนั้น แต่คงไม่สายเกินไปที่ ฉันจะหันมาเริ่มต้นอีกครั้ง และไม่ผิดหวัง
ตัวอักษรทำให้ฉัน มีความสุข อย่างประหลาดล้ำ ถึงแม้ฉันยังเขียนไม่ได้ดี
แต่ฉันก็มีความสุขมากกว่าสิ่งใด ที่ฉันได้สื่อถ้อยคำ ความความหมายและความรู้สึก ผ่านตัวอักษรทุกครั้งไป
หนูรักพ่อค่ะ
กระต่ายน้อย
22 กันยายน 2551 20:31 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในมุมมองของความรัก มักมีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นเสมอ ในส่วนของความรัก มักมีแง่มุมดีๆไว้ให้เก็บรักษา ไว้ในความทรงจำ และยังตราตรึงเป็นรอยอาลัย
ความอบอุ่น ความหอมละมุ่น ร่องรอยในส่วนที่ช่วยรักษาและเยียวยารักษาหัวใจให้นุ่มนวล การเดินทางของความรักมักยาวไกล และไม่มีวันสิ้นสุด
เรื่องราวของความรัก มักมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ ความรักจึงมักไม่มีรูปแบบที่ตายตัวแน่นอน และออกแบบให้เป็นดั่งใจเราปรารถนาทุกครั้งไป ไม่ได้
ความรักที่น่าสัมผัส และเย้ายวนจนแยกออกจากกันไม่ได้ คงจะเป็นตัวอักษรที่ถ่ายทอดเป็นตัวแทนของอารมณ์ ส่งผ่านมอบสิ่งที่ดีเก็บไว้ในความรู้สึก
คงเหมือนการสั่งสมและแลเห็นคุณค่า
เสมือนกรวดเม็ดเล็กๆที่ค่อยๆหล่อหลอมรวมตัวกันเป็นภูเขาสูงใหญ่
เหมือนก้าวเดินเล็กๆที่ทอดยาวไกลรวามกันเป็นระยะทางได้หลายกิโล
เหมือนตัวแทนการกระทำเล็กๆด้วยความรักความกรุณา
สร้างโลกให้สดสวยและสดใสด้วยรัก
เหมือนคำพูดที่ปลอบประโลมดูแลจนสามารถบรรเทาปัญหาที่ยากเย็นได้
เป็นเหมือนอ้อมกอดเล็กๆที่เช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง
ความรักในความรู้สึกคือ คนที่สมารถนั่งริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำแต่สามรถถ่ายทอดความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างประทับใจ
ความรักเหมือนตัวอักษรที่ส่งผ่านแผ่นกระดาษบางๆที่อาจไม่มีคุณค่าในสายตาคนอื่น เป็นเพียงกระดาษไร้ค่า แต่ตัวอักษร ที่ส่งผ่านข้อความ กลับมีราคา
และตีค่าไม่ได้เลยสำหรับความรู้สึกของฉัน
ความรักขอเพียงมีมือที่อบอุ่นคอยจับจูงมือห่วงใยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ในมุมมองของความรักของฉัน มักมีด้านที่อบอุ่น หวานละมุ่นซุกซ่อนอยู่ใน
หลืบลึกในความทรงจำ
ไม่ว่าความรักของใครจะเป็นเช่นไร ขอให้มีความสุข เพราะว่าเรายังมีความรักที่ดีต่อกัน