21 ตุลาคม 2552 12:24 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ไม่มีผู้ใดสามารถได้รับความสุขจากความสำเร็จที่ยั่งยืนจนกว่า เขาจะได้มองตัวเองและได้ค้นพบความผิดพลาดของตัวเองทั้งหมดก่อน
ถ้าท่านต้องสบประมาทคนบางคนออกมา ท่านจงเขียนมันลงไปบนพื้นทรายที่ขอบน้ำ
จงอย่าหวาดกลัวต่ออุปสรรคเล็กน้อย ขอจงจำไว้ว่า ว่าว แห่งความสำเร็จของท่านนั้น จะลอยสูงขึ้นไปด้วยการปะทะต้านแรงลมแห่งอุปสรรคเสมอ มิใช่ลอยตาม
จงทำงานมากกว่าค่าจ้างที่ได้รับ
หากมีโอกาสและเจอเจ้านายที่ดี ท่านจะได้รับผลกลับมาทวีคูณ
คนฉลาดจะจดจำอดีตเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ คนโง่จะจดจำอดีตเพื่อตอกย้ำความเจ็บปวด
ความโชคดีและโชคร้ายก็เหมือนเพื่อนมาเยี่ยมเยือนชั่วคราว เขาไม่ได้มาอยู่กับเราตลอดไป เขาอาจจะมาแล้วกลับไปหรือกลับมาใหม่ ได้อีก ต้อนรับเขาดีๆก็แล้วกัน
ความคิดก็เหมือนของแหลมมีคมถ้าไม่ระวัง บางทีความคิดจะบาดตัวเอง
เราควรขอบคุณคนที่บอกว่าเราผิด เพราะเราจะได้สำรวจตัวเอง ถ้าเราผิดจริงจะได้แก้ไขต่อไป
ขัดรองเท้า ขัดภาชนะใดก็ตาม ยังได้ความสะอาดสวยงาม ขัดใจคนได้อะไร
คนโง่มักคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้สนุกสนานที่สุด คนฉลาดมักจะคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นประโยชน์ที่สุด
ความล้มเหลวทุกครั้ง เป็นคุณสมบัติแปลกปลอมเข้ามา มันเปิดโอกาสให้เราเรียนรู้ บทเรียนบางอย่างที่จำเป็นซึ่งเราไม่สามารถเรียนรู้ได้ในทางอื่น เราเรียกสิ่งที่ล้มเหลวนั้นว่า เป็นความพ่ายแพ้เพียงชั่วคราว
เราจะหมดความสนใจใครคนใดคนหนึ่ง เมื่อเราได้เห็นความเป็นที่สุดของเขา ทันที่ที่เราเห็นข้อบกพร่อง อันเป็นที่สุดของเขา และเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวที่สุดของคนผู้นั้น เราจะหมดความศรัทธาและหมดความสนใจ เรื่องราวของเขาจะจบลงแค่นั้น
ท่านจะไม่สามารถ มีอำนาจในชุมชนของท่านหรือมั่นคงถาวรไม่ว่าทางใดทางหนึ่งได้ เว้นแต่ว่า ท่านโตพอที่จะตำหนิความผิดพลาดและความพ่ายแพ้แก่ตนเองก่อน
มีคำกล่าวว่า หนังสือ คือเพื่อน หมายถึง หนังสือดีๆเท่านั้น ถ้าเป็นหนังสือเลวๆหนังสือคือ ศัตรู เช่นกัน
ไม่ว่าอยู่ต่อหน้าใครต้องทำใจให้เมตตา ไม่ว่าอยู่ไหนจงทำใจให้ปกติ ไม่ว่าอยู่ไหน จงทำใจให้สงบ ไว้ว่าเป็นอะไร จงพอใจในตัวเอง
เวลาเจอเรื่องหนักๆ ให้บอกตัวเองว่า เราจะก้าวผ่านบทเรียนแห่ง ชีวิต
เวลาเจอปัญหาให้บอกว่า เราจะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษณ์
เวลาเจอความทุกข์ให้บอกว่า นี่คือแบบทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอเจ้านายจู้จี้ เจ้าระเบียบ ให้บอกว่าเป็น การฝึกตัวเองให้สมบูรณ์แบบ
เวลาเจอคนตำหนิ ให้คิดว่านี่เป็นการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคนนินทา เป็นการสะท้อนว่า เรายังมีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกว่า นี่เป็นพลังธรรมชาติสร้างภูมิคุ้มกันชีวิต
เวลาเราป่วยไข้ ทำให้เป็นการเตือนใจให้เรารู้ว่าต้องรักษาสุขภาพให้ดี
เวลา เจอคนกะล่อน นี่เป็นอุทาหรณ์ที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอลูกดื้อ นี่คือ บทพิสูจน์ของ พ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอคนมีคู่แล้ว ให้บอกว่า ไม่มีใครสามารถได้ทุกอย่างที่หวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ บอกได้ว่า ทุกอย่างเป็นอณัตตา และสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนเลว ให้รู้ว่า นี่คือตัวอย่างที่ไม่พึงประสงค์
คนที่โชคร้ายที่สุด คือ คนที่ชอบคิดว่า ตัวเองโชคร้าย
ธรรมชาติสอนการใช้ชีวิต เมื่อเจอความตาย นั่นคือ ฉากสุดท้าย ของ ชีวิต ที่สมบูรณ์แบบ
เรา มีความสามารถ ทำอะไร ได้ ตั้งหลายอย่าง แต่มี อย่างเดียว ที่เรามัก ทำ กันไม่ได้ คือ การทำชีวิตให้มีความสุข
ยิ่งไร้เมตตา เหมือนยิ่งเรียกหา ศัตรู
การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ คือ การทำบุญ อย่างหนึ่ง เมื่อ เขาพูด หรือ ทำให้เรา เสียหาย เราให้อภัย เขา เราได้บุญ
หนังสือมีมากมายหลายล้านเล่ม แต่เราไม่มีเวลามากพอ ที่จะอ่านได้ทุกเล่ม แต่เรามีเวลามากพอที่จะเลือกอ่าน หนังสือ บางเล่ม เพื่อ ส่งเสริมปัญญาและ พัฒนาคุณภาพ ของชีวิต
ชีวิตที่แสนร่ำรวยกับชีวิตที่แสนเป็นสุขมันคนเรื่อง เพราะว่า บางที่ชีวิตที่ร่ำรวยใช่ว่า จะมีความสุข หรือชีวิตที่มีความสุขไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเสมอไป
คนที่ไม่เคยผิดพลาด คือ คนที่ไม่มีโอกาสเรียนรู้
คนที่ไม่เคยต่อสู้กับชีวิต จะเป็นคนอ่อนแอและอยู่อย่างพ่ายแพ้
เมื่อถูกนินทาว่าร้าย ให้คิดว่า ดีเหมือนกัน เราจะได้ไม่หลงลืมตัว
เมื่อ ข้าวของเสียหาย หรือสูญหาย หรือ ล้มละลายหมดตัว ให้คิดว่า ดีเหมือนกัน เราไม่ต้องมีภาระคอยดูแลเป็นห่วงอีก
เมื่อชีวิตล่วงเลยเข้าสู่วัยชรา ให้คิดว่า ดีเหมือนกัน แสดงว่า เราอายุยืนขึ้น
เมื่อเราเจ็บป่วย ให้คิดว่า ดีเหมือนกัน เราจะได้ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต
แม้ว่า เรื่องร้ายๆอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา พยายามให้เห็นประโยชน์อีกด้านหนึ่ง เสมอ ชีวิตเราจะได้ไม่เป็นทุกข์
21 ตุลาคม 2552 12:17 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
นายวายร้ายกับยัยตัวแสบ(ภาคมหาลัย)
ตอน เรื่องของตุ้มเม้ง
ในวันที่มหาลัยเปิดภาคเรียนวันแรก เหตุเกิดที่นี่ มศว.แห่งนี้
นายตุ้มเม้งนั่งหลับที่ข้างหน้ารถตู้ติดคนขับ
ด้านหลังมีแม่ และพี่สาวและน้องสาวอีกคนตามมาส่งเพราะเป็นวันแรกที่ตุ้มเม้งเข้ารั้วมหาลัยแห่งนี้
รถจอดหน้าหอใน ไม่ทันจะดับเครื่อง สะกระชากประตูรถตูด้านข้างรถออกจากกัน ดังสนั่น
ไอ้ลูกตุ้ม มึงทำไมทำกับกูหยั่งงี้ กูรักมึง
เสียงตะโกนของผู้หญิงดังลั่น เข้ามาในรถ ก่อนจะเห็นหน้า
เด็กผู้หญิงวัยแรกรุ่น ซอยผมสั้น ปากบางจิ้มลิ้ม ดวงตากลมแป๊ว รูปร่างกะทัดรัด แต่งกายทะมัดทะแมง
ตุ้มเม้งอยู่ด้านหน้ารถ ค่ะลูก เปิดประตูด้านหน้าสิ
เสียงแม่นายลูกตุ้มตอบไป พร้อมกลั้นหัวเราะ
เสียงปิดประตูด้านข้าง ปัง ไปเปิดประตูด้านหน้าแทน
ถึงกูเป็นทอม กูก็รักมึงโว๊ย
พูดเสร็จ แล้วก็เดินหนีหายไปในอาคาร
วันแรก ตุ้มเม้ง ในรั้วมหาลัยโคตร ประทับใจ
การปรับสภาพนักศึกษาใหม่ ดำเนินการไปเรื่อยๆ
ยายทอมตัวแสบก็ตะโกนบอกรัก ตุ้มเม้งได้ทุกวัน
ตัวเองชื่ออะไร ตุ้มเม้งคงทนไม่ไหวถามไปในวันหนึ่ง
เค้าชื่อ ฟ้า
แล้วตัวเองเป็นทอมทำไม
เค้าเป็นตามแฟชั่น แต่บอกนายจริงๆน่ะ กูรักมึงว่ะ
เออกูรู้ พร้อมอาการเกาหัว กล้าชิบ เออลองคบกันดูก่อน
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา เห็นตุ้มเม้งที่ไหน เห็นฟ้าที่นั่น
แล้วเหตุก็เกิด ที่สนามบอลหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง
ฟ้าเค้าจะไปแข่งฟุตบอลพรุ่งนี้ ตัวเองคิดว่าเค้าจะชนะไหม
โอ๊ย ไม่ต้องคิด คิดทำไมแฟนฟ้าทั้งคน ตุ้มเม้งน่ะระดับเทพ เข่งที่ไหนแพ้ที่นั่น
เออจะพูดทามมายเนี่ยย.....ตุ้มเม้งได้แต่บ่นงำงัมในลำคอ
รุ่งขึ้นตุ้มเม้งก้ขึ้นรถไฟพร้อมสมัครพรรคพวก โดยฟ้าไม่ได้ไปด้วยเพราะติดเรียนพิเศษ
มา เรามาวาแผนกัน ตุ้มเม้งเริ่มประชุม ฟ้าดูถูกกูไว้ ทีมเราต้องฮึกเหิม ทุบหม้อข้าวอย่างพระเจ้าตากเตรียมออกรบ เอาเงินมารวมกันซื้อของกินให้หมด พวกเรามาล่ารางวัลแบบนักล่าฝันกัน
แล้วฟ้าก็ดูถูกจริงๆ ทีมตุ้มเม้ง แพ้ จนพรุน เพราะนักกีฬากินเหล้าขาวผสมโออิชิ หมดเงิน หมดแรง
หมดค่ารถ ดีน่ะ มีรถไฟฟรี ทีมนักล่าฝันจึงได้กลับบ้านกันทุกคน
อีกเดือนต่อมา ฟ้า เค้าจะไปแข่งฟุตบอลอีกฟ้าว่าเค้ามีโอกาสไหม
นี่ๆๆคนนี้แฟนใคร ตุ้มเม้งน่ะ แฟนฟ้า เก่ง หล่อ หน้าตาดี แต่เล่นกีฬาไม่ได้เรื่อง แต่ความอดทนสูง ที่ยังกล้า จะไปแข่งอีก ทนหน้าดู ชมน่ะนี่ตุ้มเม้ง
โห้ นั่นปากเหรอน่ะ แสบจริงๆแล้วเอาเสื้อบอลเค้าไปใส่เรียนพิเศษนี่น่ะยาวปิดกางเกงตัวใหญ่โคร่ง แนวสะ ช่างกล้าๆๆๆ
ถึงเวลา นัดสำคัญทีมนายตุ้มเม้งซ้อนขับมอเตอรไซด์ไปคนละคัน
คราวนี้มีฟ้าไปด้วย
ถึงสนามแข่ง ฟ้าก็ยังไม่ยอมถอดหมวกกันน๊อค เดินไปเดินมาทั้งอย่างนั้น
ฟ้าตัวเองทำไมไม่ถอดหมวกอ่ะ
อย่าเรียกเสียงดังสิ ฟ้าเอ็ดเบาๆๆเดี๊ยวทีมนายแพ้อีก คนอื่นจำหน้าฟ้าได้ว่ามากับตุ้มเม้ง ฟ้าอายแย่
นี่ยายตัวแสบมาเชียร์หรือมาแช่งหึ
ว่าแล้วทีมตุ้มเม้งก็ลงสนามโชว์ลีลาฝีเท้า บุกฝ่ายตรงข้ามตลอดหมดไปสิบกว่านาทีแรก ทุกคนในทีมยืนเท้าเอวเป็นหมาหอบแดด เพราะเป็นทีมที่ไม่เคยวอร์มเลย แข่งทีไรลงสนามเลยทุกที
เหลียวมองหน้ากันไปมาไม่มีตัวเปลี่ยนมาพอดีแป๊ะ
กว่าจะสิ้นสุดการแข่งขันสะบักบอมกันน่าดู
เสียงโทรศัพท์
ตุ้มเม้งดังขึ้น เฮ้ย ไอ้ตุ้ม กูต้องไปปล่าวว่ะ แต่กูยังไม่สร่างเมาเลยว่ะ ยังอ๊วกอยู่
เออมึงอ๊วกต่อไป อ๊วกอย่างมีความสุขแข่งเสร็จแล้วเพื่อน
ฟ้าขอชมทีมตุ้มเม้งน่ะ ว่าเป็นทีมที่มีมาตรฐานดี แข่งทุกนัด กินศูนย์ทุกนัด ยกย่องๆๆๆ
ไอ้ฟ้า ......วันพระไม่ได้มีหนเดียว ก่อนวันพระ ต้องมีโกน ทุกคนเราต้องมีความฝันเฟ้ยยยย แม่สอนมา เพราะฉะนั้นอย่างลูกต้มต้องล่าฝัน
แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องไป ไปฉลองกันที่ทีมเรารักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม
ตุ้มเม้งจงเจริญ.....เย้ๆๆๆๆๆๆๆ...
8 ตุลาคม 2552 21:09 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ผลึกในเงาน้ำตา
ฤดูฝนผ่านพ้นไป ละอองไอความชุ่มชื้นยังเกาะผืนดินเจือจาง กลิ่นหอมอ่อนๆของผืนดินยามหลังฝนโปรยปรายยังล่องลอยอยู่ในความรู้สึกไม่หายไปไหน
ผ่านพ้นฤดูฝน สายลมหนาวเริ่มพัดผ่านมาเยือน สายหมอกเริ่มปกคลุม ล่องลอยอ้อยอิ่ง สายลมเหมือนแส้ที่โบยมากระทบผิวกายบาด กรีดวิญญาณ แสงแดดถูกสายหมอกห่อหุ้มจนเร้นหาย จากภูเขาสูงชัน ทั่วทั้งขุนเขาอ้างว้าง หนาวเหน็บ ใบไม้ร่วงหล่นปลิวตกหล่นบนผืนดิน ยามสายลมสายลมกรรโชกพัดราวพายุที่แสนโหดร้ายไร้ความปรานีต่อสิ่งใดในโลกนี้
หยดน้ำตาที่คลอเคล้าในหน่วยตาทั้งสอง ยังคง เคล้าคลอดวงตาคู่งาม อดกลั้นฝืนไว้ มิให้รินไหล นิ้วมือเรียวบางถูกหยิบยกมาปิดปากสีชมพูอ่อนๆเรื่อๆโดยธรรมชาติที่ปราศจากการแต้มแต่งจากเครื่องสำอางค์ ใดๆ ไหล่ที่ขาวเนียนตัดกับเสื้อสีดำ ที่คว้านคอลึก เผยผิวเนื้อนวล เนียนขาวราวไยไหม ไหวกระเพื่อมโยกไปมาจนตัวโยน ตาม แรงสะอื้นที่กั้น ไว้ในอก ทนกล้ำกลืนให้ หายลงไปในลำคอ อย่างยากเย็น เพื่อไม่อยากให้ใครรับรู้ ไม่อยากแสดงความพ่ายแพ้และอ่อนแอ กับเรื่องราวบาดแผลที่ฝังลึกเเป็นรอยแผลเป็น ในใจ กับเรื่องราว แรงลมมรสุม เข้ามา ในชีวิตให้ ซวนเซ อ่อนล้าทั้งกายและใจ
ด้วยภาระหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ ต้องหยิบยื่นสิ่งเลวร้ายที่พบเจอ ซุกซ่อนไว้ในหลืบลึกของก้นบึ้งหัวใจ
การถูกเอารัดเอาเปรียบ การบังคับขู่เข็ญ การถูกทอดทิ้ง ยังคงวนเวียนว่าซาดซัดเข้ามาในชีวิตเหมือนคลื่นทะเลซัดหาฝัง ที่ไม่ได้หายไปยามกระทบชายฝั่ง แต่กลับกระแทกกระทั้นระลอกแล้วระลอกเล่า จน ตัวเอง อยากเร้นหาย และหยุดลมหายใจให้เหลือแต่วิญญาณที่เคว้งคว้าง ว่างเปล่าร่วงหล่น สู่ธุลีดิน
ทุกค่ำคืนในยามราตรีเยือนทักทาย น้ำตาจะเยือนมาทักทายหยอกเหย้า ราวเงาปีศาจที่กัดกร่อน เสียงสะอื้นเหมือนบทเพลงที่คอยกล่อม ค่อยๆแทะเล็มใจดวงเล็กๆที่หมดหวัง ให้บอบช้ำแสนสาหัส ตกสู่หุบเหวที่สูงชันและมืดมิด จนมอง ไม่เห็นทางออก ยามจมดิ่งสู่ห้วงเหวนิทรา ก็ตามคุกคามหลอกหลอนไม่หยุดหย่อน ให้จมปลักสิ่งเลวร้ายที่พบเจอให้เจ็บปวด ทับทวี จนรู้สึก เคว้งคว้าง โดดเดี่ยว อ้างว้าง และ หนาวเหน็บ
ความเข็มแข็งที่เคยก่อเป็นกำแพงที่หนาและแข็งแรงพังทลายไม่เป็นท่า
โลกนี้ช่างโหดร้ายสิ้นดี เรื่องเลวร้ายตามทำลายชีวิตไม่หยุดหย่อน มีแต่น้ำตา น้ำตา และน้ำตา ที่เป็นเพื่อนแท้ ยามสิ้นหวัง
ความเข็มแข็งเลือนหาย ความแพ้พ่ายพัดซ้ำเติม จนต้องหลีกเร้น จากโลกกว้าง สู่บ้านสวน ที่ไร้การติดต่อ ตัดขาดจากโลกภายนอก ความทรนง ความเชื่อมั่นศรัทธาใน ตนเอง หายหมดสิ้น มีแต่ความหวาดกลัว หวาดหวั่น เศร้าซึมจน ไม่อยากพบพูดจากับใคร จมปลักในความมืด มิด กลัวการถูกทำร้าย กลัวการเริ่มต้นชีวิตใหม่ กลัวคน กลัวสังคมที่เคยรู้จัก
อารมณ์แห่งความท้อแท้สิ้นหวัง มาบดบังความเข็มแข็งในตัวตนให้หายหมดสิ้น
ไม่รู้ว่าบาดแผลที่ได้รับมา มากมาย ในมรสุมชีวิต จะเลือนหายไปเมื่อใด
ไม่รู้ว่าน้ำตา เมื่อไรจะหยุดทักทายได้สักวัน
ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะชินชา และยอมรับเรื่องเลวร้าย ปล่อยวางและไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจอีกต่อไป
หวังว่า เพียงหวังว่า ความเป็นตัวตน ในตนเอง จะกล้าออกมาเผชิญหน้าแทนที่ความหวาดกลัว ยืนหยัดสู้อยู่ในโลกแสนโหดร้าย เรียนรู้ที่ใช้สิ่งที่พบเจอมาสร้าง ความ ฮึกเหิมเติมพลังแห่งชีวิต
ให้เงาน้ำตาที่ตกผลึก เป็นบทเรียน สอนที่มีค่า ตั้งอยู่บนความไม่หวาดหวั่น เพื่อสร้างหนทางชีวิต ทลายกำแพง ที่ซุกซ่อนความอ่อนแอ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง
30 กันยายน 2552 11:22 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เฮ้ย...จารย์ใหญ่สูบบุหรี่ในห้องเรียนว่ะ...สูบไปสอนไป...เอาไงดีว่ะ...แหมเซ็งชิบ...เวลาเราสูบในห้องน้ำโรงเรียน ตีก้นพวกเราประจานหน้าเสาธง
เสียงตะโกนโหวกเหวกบอกเพื่อนร่วมชั้นมัธยมสี่ ทับสี่ดังขึ้นจากปากนายหน่อไม้ดังชัดทั่วห้อง
อย่างนี้มันต้องถอน อย่างนี้มันต้องถอน เสียงนายไข่ต้มดังผสมผสานร้องเป็นเพลงขึ้นมา
ถอนบ้าอะไรว่ะ....เกลียดชิบเหม็นก็เหม็น...เสียงห้าวแหบของผู้หญิงดังขัดจังหวะ
แล้วเราทำไงกันดี ปลาทูหาวิธี แก้เผ็ดครูใหญ่ ตัวอย่างไม่ดีหน่อยสิ
เสียงนายหน่อไม้ถามหัวหน้าแก๊งค์สาวจอมแสบ
พรุ่งนี้แกไปขับรถถังที่บ้านพ่อฉันมาโรงเรียนกันพร้อมป้ายประกาศเกียรติคุณ ครูใหญ่ดูดบุหรี่ตัวอย่างไม่ดีมันต้อง(ถอด)ถอน นัดเพื่อนให้เต็มคันรถเลยน่ะแก
พ่อฉันไปเข้าเวรทางสะดวก
ว่าแล้วนายวายร้ายกับนายตัวแสบก็ปฎิบัติการในวันรุ่งขึ้น
ผลลัพท์ออกมาน่าพอใจถูกให้ยืนหน้าเสาธงสามชั่วโมงทั้งห้อง
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์วิชาเลขคณิต อาจารย์ไม่มาสอน นายหน่อไม้ก็งัดวิชาบวกเลขโดยใช้อุปกรณ์ที่นิยมกันทั่วแคว้นแดนไทย ตั้งวงเล่นไพ่ นางสาวปลาทูเก็บค่าต๋ง ได้รางวัลตีก้นคนละหกทีหน้าเสาธง
ในชั่วโมงพระพุทธศาสนา ปลาทูซื้อเมล็ดแตงโมมาแจกแทะกันทั่วหน้าฟังไปแทะไปสะใจตกทั้งชั้น
ยังไม่เข็ด เข็ดง่ายๆๆก็ไม่ใช่ปลาทูเข่งนี้ กับหน่อไม้หน่อนี้
ช่วงฤดูฝนน้ำหลากทะลักท่วมโรงเรียน
ปลาทูจะใส่กางเกงขาสั้นมาทุกครั้งในกระโปรงกิจกรรมยามว่างลงไปแหวกว่ายเป็นปลาในน้ำไม่งั้นเจ้าหน่อไม้ก็ชวนนั่งตกเบ็ดที่หน้าต่างห้อง
แค้นนี้ต้องชำระช้าหน่อยไม่สาย จริงไหมปลาทูเสียงนายหน่อไม้ถามในห้องเรียนวันหนึ่ง
เออดิ...ปลาทูตอบไป ....เย็นนี้มีเฮ...
ว่าแต่ไข่ต้มเหอะ เรือพร้อมไหม
พร้อมๆๆๆทางสะดวก
หลังเลิกเรียน นายไข่ต้มขับเรือหางยาวมาจอดรอที่ท่าน้ำโรงเรียน
ครูใหญ่ครับ...ยายให้มารับ...ไปทานข้าวที่บ้านครับ
อ้าวเหรอ....ดีเลย....ครูใหญ่ตอบเสียงอ้อแอ้....กลิ่นเหล้าโชยมาพร้อมกลิ่นบุหรี่
แต่ชวนยายตัวแสบกับนายวายร้ายไข่ต้มไปด้วยงั้นเรอะ
ครับ ไปเถอ๊ะครับเดี๊ยวมืดค่ำไม่เห็นทาง
นายหน่อไม้ตอบแทน
ใส่ห่วงสิค่ะครูใหญ่
นางสาวปลาทูร้องบอกพร้อมยื่นห่วงยางให้
กันเหนียวค่ะครู
อะไรกันไอ้เด็กพวกนี้ใส่ก็ใส่
สามลิงแอบยักคิ้วหลิ่วตา
การขับเรือแบบวัดเฉวียนก็เริ่มขึ้น
ครูใหญ่ร้องไปอ๊วกไปเป็นระยะ
ได้เวลาเต็มที่สามลิงล่มเรือ
ตกน้ำป๋อมแป๋มกันหมด
สีหน้าสะใจยายปลาทูนายหน่อไม่โผล่ขึ้นเป็นรอยยิ้มริมฝีปากอย่างมีความสุข
ครูใหญ่ลอยคอเท่งเต้งในห่วงยางกลางแม่น้ำ
แต่เวรกรรมมีจริงเห็นผลทันตา
เครื่องเรือจม....อ้าวซวยสิทีนี้...งมเครื่อง...กันจ้าละหวั่น
พรรคพวกผ่านช่วยกันผ่านพ้นไปด้วยดี
นาทีนี้มีค่าครูใหญ่ไม่รอช้า ในตอนเช้าหน้าเสาธงเหตการณ์เหมือนเดิมเปี๊ยบท่านผู้อ่านคงนึกภาพออก
นี่หล่ะวีรกรรมแบบเบาๆแบบภาคเด็กมัธยมของนายปลาทูกับนางสาวหน่อไม้ นายวายร้ายกับยัยตัวแสบ
30 กันยายน 2552 11:20 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สวัสดีฮับคุณครูแม่
เสียงเล็กๆกังวานทักทายตอนเช้าพร้อมสวัสดีหน้าโรงเรียนอนุบาล
เรียกคุณครูดีไหมครับ เสียงตอบมา อยู่โรงเรียนเรียกคุณครูกระต่ายตามเพื่อนหรือจะเรียกคุณแม่เหมือนที่บ้านดีหล่ะ เจ้าตัวน้อยเลือกเอาสักอย่าง
ป๊อบอก,,,ให้เรียกครูกาต่ายฮับ,,,
อ้อพ่อหนูน่ะเหรอ
ฮับ,,,
เด็กชายอ้วนกลมอายุ สี่ ขวบ ผิวขาวอมชมพูริมฝีบางขยับขึ้น ขยับลง ยามเจรจา แก้มเป็นสีแดงเรื่อยามต้องแสงแดดอ่อนๆ ดูแล้วรูปหล่อเหลือเกิน
ชื่ออะไรค่ะ ฉันแกล้งถามลูกชายตัวเอง
ลูกป๊อดร.ฤทธิชัย ชื่อฤทธิไกร แม่ชื่อกาต่ายฮับ
เก่งจังแต่วันนี้ จะมีนักเรียนหญิงเข้ามาเรียนใหม่ ที่ชั้นอนุบาลหนึ่งของเรา
แล้วหนูมาแต่เช้าทำไมค่ะ
มาสไปร์ฮับ,,,ตัวน้อยตอบ
อยากกินสไปร์เหรอลูก ดื่มมากไม่ดี ฟันจะผุค่ะ
สไปร์คือ ทำให้ตื่นเต้นฮับ นู๊ให้ป๊ออาบน้ำแต่งตัวหวีผมใส่เจลทาแป้งหอมๆๆป๊อบอกว่าสาวๆๆชอบให้ตัวหอมๆฮับ
ฉันหัวเราะในถ้อยคำที่ช่างเจรจาของตัวน้อยและคำสอนของพ่อของลูก
เอาจ๊ะๆๆๆหล่อมากหอมมาก ลูกใครน๊า
ไปเข้าห้องเรียนกัน
เมื่อเข้ามาในชั้นเรียน เด็กผู้หญิงไว้หางเปียตากลมโตขนตางอนผิวขาวนวลเนียนก็แนะนำตัว
หนูชื่อเล่นน้องส้มค่ะ ชื่อจริงกิติกานต์ค่ะ
ใครจะให้เพื่อนนั่งด้วยคนได้ไหมค่ะ
ลำแขนกลมนิ้วป้อมๆชูแขวนขึ้น
หนูฮับ ตัวน้อยร้องตอบพร้อมจ้องสาวเจ้าไม่วางตา
น้องส้มกับตัวน้อยคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว
ในเย็นวันหนึ่งที่ตลาด เจ้าตัวแสบร้องขอตังค์ไปหยอดไข่ไม่หยุด ได้อะไรก็ไม่เลิกสักที จนได้แหวนมาวงหนึ่งถึงยอมกลับบ้าน
นี่ต้องโทษพ่อชอบตามใจลูก ฉันบอกพ่อของลูกที่อมยิ้มกับพฤติกรรมเจ้าตัวน้อยหนักหนา
ภายในห้องอนุบาลเมื่อถึงวันไหว้ครู
เพื่อนๆเสนอให้ตัวน้อยถือพานแทนผู้ชาย
เด็กหญิงส้มถือพานแทนผู้หญิง
ฉันเดินไปดูที่ห้องโถงที่จัดพิธีไหว้ครู
กลับมาที่ห้องเห็นเด็กๆล้อมวงกันมี ตัวน้อยอยู่กลางวงกับเด็กหญิงส้ม
พร้อมควักไข่ออกจากกระเป๋าเปิดเอาแหวนที่หยอดไข่มาสวมให้น้องส้มที่นิ้วขวา
เค้ารักส้มน่ะ หมั้นก่อนเดี๊ยวค่อยแต่งงาน
ดีๆๆแต่เดี๊ยวส้มเอาผ้าปิดหน้าก่อนพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าลายแดงที่พกมาคลุมหน้าตัวเอง
แต่เค้าว่า เดี๊ยวเอาพานไหว้ครูแห่รอบห้องสามรอบก่อน เพื่อนๆต่างสนับสนุน ต้องโห่ด้วย เห็นในทีวีเค้าทำกัน
ว่าแล้วเพื่อนๆก็ช่วยเอาตัวน้อยขี่คอเจ้าอ้วนในห้องแห่รอบห้องเรียน
ส้มรอที่ห้องน่ะตัวน้อย
ฮับ ตัวน้อยตอบ
ฉันแอบดู เออที่ลูกสับสนรึปล่าวนั่นเอาพิธีแห่นาคปนแต่งงานไหม ลูกเอ๋ย
ฉันกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่ แล้วแอบดูเงียบๆ
เห็นเด็กๆเอาเข็มขัดมากั้นประตูกันสนุกสนานแล้ว เห็นตัวน้อยให้ค่าผ่านประตูคนละบาทเกือบสิบเข็มขัดน่ะนั่นน่ะ ที่กั้นประตูกัน
น้องส้มตังค์ตัวน้อยหมดแล้ว
เดี๊ยวน้องส้มเปิดประตูไปหาเอง ตัวน้อยเตรียมเอาไม้บรรทัดเปิดผ้าคลุมหน้าน้องส้มน่ะ
เด็กๆจ๊ะๆๆๆ ต่อแถวเริ่มขบวนรถไฟได้แล้ว ผู้ชายต่อแถวผู้ชาย ฤทธิไกรถือพานอยู่หน้า
ผู้หญิงต่อแถวกิติกานต์ ที่ถือพานอยู่หน้าจ๊ะ
ฉันส่งเสียงล่วงหน้าไปก่อนเพื่อให้เด็กๆรู้ตัวรถไฟออกขบวนได้ค่ะ
ปรู๊นๆๆๆๆๆ
นี่หล่ะนายวายร้ายกับยัยตัวแสบภาคอนุบาล