13 พฤศจิกายน 2552 17:11 น.

ที่สุดของชีวิต

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ที่สุดของชีวิต
(วันชัย     ตรีไพชยนต์ศักดิ์)
ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของชีวิตคือ    ตัวเราเอง
ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต คือ    การทะนงตน
ปัญญาอ่อนที่สุดของชีวิต        คือ    การโกหก
หยั่งรู้ยากที่สุดของชีวิต    คือ      ใจคน
น่าเศร้าที่สุดของชีวิต       คือ       อิจฉาริษยา
ไร้ค่ามากที่สุดของชีวิต    คือ     ไม่ ทำความดี
กุศโลบายที่ดีที่สุดของชีวิต  คือ   ความซื่อสัตย์
ประมาทที่สุดของชีวิต  คือ  คบเพื่อนชั่ว
มีค่ามากที่สุดของชีวิตคือ     เวลา
น่าสงสารที่สุดของชีวิตคือ   ดูถูกตัวเอง
น่ายกย่องนับถือมากที่สุดของชีวิตคือ   ความมานะหมั่นเพียร
ล้มละลายหนักที่สุดของชีวิตคือ     สิ้นหวัง
ความร่ำรวยที่มั่งคั่งที่สุดของชีวิตคือ    สุขภาพแข็งแรง
ความยากจนที่สุดของชีวิตคือ    การไม่รู้จักพอ
ความรักที่มากที่สุดของชีวิต   คือ  รักตัวเอง
บาปกรรมที่ใหญ่หลวงที่สุดของชีวิตคือ    ไม่กตัญญู
ความโง่เขลาที่สุดของชีวิตคือ   ติดยาเสพติด
ความชั่วช้าต้อยต่ำที่สุดของชีวิตคือ   เหยียดหยามผู้อื่น
ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุดของชีวิตคือ   การเล่นการพนัน
				
7 พฤศจิกายน 2552 12:35 น.

บทสวดมนต์ที่ดี

กระต่ายใต้เงาจันทร์

มีหลายคนถามกระต่ายใต้เงาจันทร์ว่า 
สวดมนต์บทไหนบ้างถึงจะดี
 บทสวดมนต์นั้นเป็นคำสอนของพระพุทธองค์
ถือเป็นมงคลทุกบท 
แล้วแต่ท่านผู้ใดจะชื่นชอบบทไหน
การสวดมนต์ไม่ว่าจะสวดเวลาไหน
 สิ่งที่ควรปฎิบัติ คือการตั้งใจสวดและสวดมนต์ด้วยจิตที่ศรัทธา
การสวดมนต์ในครั้งนั้นจะได้อานิสงส์เต็มที่
 บทสวดที่กระต่ายใต้เงาจันทร์ใช้สวดอยู่เป็นประจำนั้นมีดังนี้

บูชาพระรัตนตรัย
บทสวดอิติปิโสฯ
บทสวดถวายพรพระ(หรือที่เรียกว่า บทพาหุงฯ)
เมตตปริตร ทำให้หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เทพพิทักษ์รักษา ไม่มีภยันตราย จิตเป็นสมาธิง่าย ใบหน้าผ่องใส มีสิริมงคล ไม่หลงสติในเวลาเสียชีวิต และเป็นพรหมเมื่อบรรลุเมตตาฌาน 
ขันธปริตร ป้องกันภัยจากอสรพิษ และสัตว์ร้ายอื่นๆ 
โมรปริตร ป้องกันภัยจากผู้คิดร้าย 
อาฏานาฏิยปริตร ป้องกันภัยจากอมนุษย์ ทำให้มีสุขภาพดี และมีความสุข 
โพชฌังคปริตร ทำให้มีสุขภาพดี มีอายุยืน และพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง 
ชัยปริตร ทำให้ประสบชัยชนะ และมีความสุขสวัสดี 
รตนปริตร ทำให้ได้รับความสวัสดี และพ้นจากอุปสรรคอันตราย 
วัฏฏกปริตร ทำให้พ้นจากอัคคีภัย 
พระคาถาบูชาดวงประจำวันทั้ง 7 วัน
พระคาถาชินบัญชร
คำกรวดน้ำ
คาถาแผ่เมตตา 
คาถาแผ่เมตตาตนเอง 
ปล. ท่านสามารถดาวโหลด คำสวดมนต์ต่างเหล่านี้ได้ตามเว็ปไซค์ต่างๆ

				
30 ตุลาคม 2552 10:12 น.

อ่านหนังสืออย่างไรให้เป็นดร.

กระต่ายใต้เงาจันทร์

 ก่อนอื่นเราต้องย้อนมาดูตัวเองก่อนว่า   สาเหตุหลักที่ทำให้เราไม่มีสมาธิหรืออ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้เพราะสาเหตุอะไรแล้วค่อยเขียนออกมาทีละข้อ  
อันดับแรกต้องหาสาเหตุก่อน  สาเหตุ  อาจจะมาสิ่งเหล่านี้
ขาดความสนใจความมุ่งมั่นในการที่จะทำ   บางคนอ่านหนังสือกับเพื่อนไปคุยไป   บางคนอ่านหนังสือ	พร้อมเปิดโทรทัศน์ไปด้วย

สนใจในสิ่งที่จะทำเกินไป       เช่นบางคนตื่นขึ้นมาตอนเช้า   ทุกวัน   แต่อ่านมากไปจนเบลอ    เราคิดอ่านหนังสือทุกวัน   แต่อ่านวันละสามถึงห้าหน้าแล้วจดหัวข้อใจความสำคัญเอาไว้
ความเป็นคนหัวดีทำให้เราคิดไว  ทำไว   คิดหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน		ทำให้เราทำอะไรได้ไม่ดีสักอย่าง
เราจึงต้องมีวิธีสร้างสมาธิในการอ่าน  	เช่น   
ต้องสร้างนิสัย  อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
ต้องสร้างนิสัยความมุ่งมั่น  ว่าต้องทำให้สำเร็จถ้าไม่สำเร็จจะไม่ทำสิ่งอื่น
จัดลำดับเรื่องที่จะทำก่อนลงมือ
ต้องคิดทีละเรื่องแบบเข้าใจไม่ใช่การท่องจำ
สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในการอ่านหนังสือ
รู้จักพัก  และแบ่งเวลาเป็นช่วงๆ
ต้องเต็มใจและจริงใจในการกระทำสิ่งนั้น
ต้องคิดในเรื่องสร้างสรรค์
เลิกนิสัยเรื่องมากในการทำอะไรสักอย่าง
ต้องมีจุดมุ่งหมาย   ที่ชัดเจน

หลายคนอาจจะมีความเห็นนอกเหนือจากนี้   สำหรับข้าพเจ้า  สมัยที่เรียน  ประถม ขี้เกียจ  ทำการบ้าน   มาก  ขี้เกียจเรียน    เวลาครูสั่งการบ้าน  ก็แกล้งลืมไว้โรงเรียน    หรือไม่งั้นก็จะซ่อนไว้ในตู้กับข้าวเป็นประจำ
พอเข้ามัธยมพ่อกับพี่ต้องลากบังคับพาไปสอบเข้ามัธยมข้าพเจ้าก็ยังเหมือนเดิม
พอเข้ารั้ววิทยาลัย   ก็ไปสอบธรรมศาสตร์   ไม่กล้าไปดูผลสอบ
เลยมาลงเรียนที่รามคำแหงก็ด้วยความขี้เกียจอีกนั่นแระ    เพราะขี้เกียจเรียน   นาน   เลย  ไปนั่งมันทุกเอก   ทุกคณะ  ทุกภาควิชา    อย่างนี้เป็นเวลาหนึ่งเทอม   แล้วดูว่า  เราชอบคณะไหน    วิชาอะไร   ง่าย   และจบเร็ว   จึงได้คณะที่ชอบ  แล้วรีบลงเรียนก็เลยรีบเรียนให้มันจบๆ

พอถึงปริญญาโท   เงินหมด   อยากกลับบ้านเลยต้องรีบเรียนให้จบภายในสองปี   พอถึง  ปริญญาเอก    ความขี้เกียจเรียนมันก็ตามมาอีก เรียนห้าปีอะไรก็ผ่านหมดแล้ว  แต่ขี้เกียจไปสอบ    อาจารย์ก็โทรตามว่าวันสุดท้ายแล้ว   ถ้าไม่ไปสอบจะไม่ได้เป็นดอกเตอร์ เลยต้องไปสอบให้มันจบๆจะได้ไม่ต้องเรียนอีก   และไปทำอย่างอื่นได้บ้าง
ผลก็คือจบเป็นดร.สมใจ   ดังนั้น    ถ้าคนเราถ้ามุ่งมั่น   และสนใจ     จริงจังไม่มีอะไรเกินความสามารถของคนที่เราเรียกว่า   มนุษย์ได้หรอกคุณว่า   จริงไหม
ปล.  จากดอกเตอร์เพศชาย  นายคนหนึ่ง
                                                                     กระต่ายใต้เงาจันทร์				
29 ตุลาคม 2552 21:30 น.

บันทึก เส้นทาง ปฏิบัติธรรม

กระต่ายใต้เงาจันทร์


บ่ายสามโมงเย็นของวันอาทิตย์ข้าพเจ้าได้มาถึงสถานปฎิบัติ ซึ่งมากับพระนิสิตของมหาวิทยาลัยสงฆ์ เพื่อมาปฏิบัติธรรมในโครงการวิปัสสนากรรมฐาน ข้าพเจ้ารู้สึกไม่เต็มใจมาตั้งแต่แรกเพราะเห็นมีแต่พระนิสิตซึ่งข้าพเจ้าเป็นผู้หญิงจึงพึงระวังและสำรวมแต่ขัดคู่ชีวิตไม่ได้เลยต้องเดินทางมาด้วยกัน
          มีเจ้าภาพมาเลี้ยงอาหารพระนิสิตซึ่งเป็นญาติโยมที่เดินทางมาจากกรุงเทพ ข้าพเจ้ามองดูความเป็นไปของญาติโยม แม่ครัว ที่ตั้งใจและพิถีพิถันกันในการทำครัว ไม่ว่าขนมลูกชุบที่จัดเรียงอย่างสวยงามหรือไม่แม้แต่ข้าวต้มกุ้งที่ใส่กุ้งตัวใหญ่ๆสดจนเต็มหม้อ หรือ จนกระทั่งแซนวิชทูน่าที่เต็มหมด กล้วยตาก มะละกอ ที่คัดสรรและอยากให้พระฉันอาหารที่เลิศรสและดีที่สุด
            ในยามค่ำคืนข้าพเจ้าเรียนสิ่งที่พระอาจารย์สอนว่าให้รู้และรู้ว่าทำอะไรอยู่แค่นั้น และหลักธรรมมากมายที่ท่านสั่งสอนแต่ข้าพเจ้าก็ถกเถียงได้ทุกข้อไปทำให้รุ่งเช้าอีกวันข้าพเจ้าไม่อยากปฏิบัติและใจไม่ยอมรับและคิดว่าตัวเองจะโง่และขาดเขลาเบาปัญหาที่จะศึกษาและรู้ถึงแก่นพระพุทธศาสนาหรือไม่  บารมีเก่าคงจะไม่ถึงทำให้ข้าพเจ้าถอดถอยเสียกลางคัน
          เคยตั้งคำถาม ตัวเองหลายครั้งว่ามาปฏิบัติธรรมเพราะอะไรหรือต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ ไม่เลยในใจข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้าคิดเสมอเหตุเกิดที่ไหนต้องแก้ที่นั่น ถ้าเราทำอย่างหวังเราจะได้อะไรแน่นอนมนุษย์ถ้าไม่มีความหวังก็จะอยู่อย่างเป็นสุขและมีความหมายอะไรมีสิ่งอะไรน่าค้นหาอีกแต่ก็ก็ต้องกลับมาถามตัวเองทุกครั้งเรามีความหวังและคาดหวังว่าเราจะสมหวังในเรื่องที่เราทำแต่เราเคยนึกหรือไม่ว่าความหวังและความสมหวังมันอยู่คนละส่วนและคนละเรื่องกัน
        เดินจงกรมก็แล้วนั่งสมาธิก็แล้วจิตก็ยังจะลอยฟุ้ง   ไปรับสิ่งรับรู้จากภายนอกเรื่อยไป เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
          ข้าพเจ้าเข้าใจส่วนที่ข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองเข้าใจ เพราะเราไม่บังคับจิต ไม่ฝืนใจตัวเองข้าพเจ้านั่งสมาธิได้ แต่ข้าพเจ้าจะนั่งเมื่ออยากจะนั่งหรือกระทำเท่านั้น จึงมีในส่วนที่ข้าพเจ้าคิดว่าเข้าใจแต่กลับไม่เข้าใจเสียเองว่า
ข้าพเจ้าใช้จิตควบคุมอารมณ์
หรือใช้อารมณ์ควบคุมจิต
       การเรียนหลักธรรมคิดว่าง่ายก็ง่ายคิดว่ายากก็ยากก็เหมือนความอยากและไม่อยากนั่นแหละว่า เรารับรู้ส่วนนั้นด้วยอาการอย่างไร   ภูมิหลังและต้นทุนในการให้พระพุทธศาสนาขัดเกลาคงมีมาไม่เท่ากัน มีหลายคนถกเกียงว่า มารไม่มีบารมีไม่เกิด แต่เถียงกับจิต และความรู้สึกตัวเอง จึงรู้สึกว่า    เหมือนเป็น  มาร    ที่กำจัดยากชะมัด
         เคยผ่านสถานที่ปฏิบัติธรรมมาก็หลายแห่งแต่สุดท้ายข้าพเจ้าก็ต้องกับมานั่งเถียงกับจิตข้างในตัวเองเสียทุกครั้งไปก็แค่หลักธรรมง่ายๆทำไมคนเราต้องแสวงหาและเดินทางมาปฏิบัติธรรม บางคนจริงจังเสียจนข้าพเจ้ารู้สึกว่าไป  กดดันตัวเองมากไปหรือเปล่า         แน่นอนมนุษย์ถ้าไม่อยู่ในกฎและกรอบย่อมจะเดินออกนอกลู่นอกทางที่วางไว้      แต่ทำไมมนุษย์คิดเป็น    แต่ทำไม่ค่อยได้ก็ไม่รู้     ถ้าทำได้เราคงจะสงบและคงไม่มีเรื่องราวที่ต้องมากระทำ และหากิจกรรมทำร่วมกัน ข้าพเจ้าคิดว่าการใช้ชีวิตต้องมีสติ รู้ว่าตัวเองทำอะไร อะไรถูก อะไรผิด นี่เป็นหลักธรรมง่ายๆที่เรามักปฏิบัติไม่ได้เพราะอะไรเพราะตัวกิเลสและความไม่รู้จักพอ   แต่ถ้าเราใช้ชีวิต   เหมือนพระบรมราโชวาทขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า
        อยู่อย่างพอเพียง     ชีวิตคงมีความสุข และ  อยู่ร่วมกันอย่างสันติ    แต่มนุษย์มัก    มีเหตุและหาข้ออ้างมารองรับสิ่งที่ต้องการจะได้มาเสียทุกครั้งไป
          เหมือนคนบางคนเคยพูดคุยกับข้าพเจ้าว่า    พระเดี๊ยวนี้รวย  มีรถส่วนตัวมีคนเพราะมีข้ออ้างว่ามีกิจนิมนต์เยอะเดินทางไม่สะดวกก็เพราะอะไร      เพราะ มนุษย์ศรัทธาและไม่สร้างค่าและความหมายให้ท่าน ก็ไม่ทราบว่าส่วนนี้ใครผิดและใครเป็นตัวกิเลสและต้องเข้าใจว่า  
        ในส่วนของพระอาจารย์ที่จบมาสูงๆระดับปริญญาโท   ปริญญาเอก   หรือเป็นพระมหาเปรียญเก้าประโยค   เป็นพระอาจารย์สอนพระนิสิต    มิได้เงินเดือนเท่าคนทั่วไป   มีเงินเดือนเพียงน้อยนิด   และบางองค์จำวัดอยู่ไกลจากที่สอนจึงจำเป็นต้องมีพาหนะในการเดินทาง    
         มีโยมแม่ท่านหนึ่งมาถามข้าพเจ้าว่าพระพูดผมไม่ผิดหรือลูก ทำไมพระ  ไม่พูดอาตมาก็เลยเถียงท่านในใจที่ท่านคิดว่าเพราะพูดผมไม่ได้นะไม่ผิดหรอก เพราะพระท่านไม่มีผมก็ได้แน่คิดในใจก็เท่านั้นแต่ตอบท่านไปว่าไม่ผิดหรอกคะ พระก็มีและมาจากหลายสายและในส่วนที่มาปฏิบัติธรรมวินัยเป็นพระนิสิตคะ
        มีญาติโยมที่ศรัทธา   พระอาจารย์ฝากหลานสาว   อายุประมาณสิบสี่สิบห้ามาปฎิบัติธรรม เด็กสองคนคุยกันทั้งคืน   ทำให้คนที่มาร่วมปฎิบัติธรรมไม่ได้นอน  มีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกในตอนเช้าว่า     ให้ไล่กลับไปเพราะทำตัวไม่เหมาะสม
ทราบจากพระอาจารย์ว่า      เด็กสองคนไม่เคยปฏิบัติธรรมมาก่อนนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต
        เลยตอบอาจารย์ท่านนั้นไปว่า   ให้โอกาสเด็กอีกสักครั้งดีไหมค่ะ  เรียกมาชี้แจงหรือจับแยกกันนอน    และสอนว่าควรทำตัวอย่างไร  ถ้าเด็กถูกไล่ออกไป   หรือเรียกให้ผู้ปกครองมารับ   เด็กๆจะรู้สึกอย่างไรกับการปฏิบัติธรรมครั้งแรกค่ะ
ท่านอาจารย์ท่านนั้นจึงตกลงและเข้าใจในเหตุผล
            ข้าพเจ้าเก็บมาเขียนมาคิดเพื่อสะกิดเป็นข้อเตือนใจว่า เกิดเป็นคนอย่าเลือกปฏิบัติ จงทำเรื่องง่ายให้ง่ายเข้าไว้เพราะตราบใดเราทำเรื่องง่ายให้ง่ายยังไม่ได้ตราบนั้นคงจะทำเรื่องยากให้ง่ายคงยากเสียเหลือเกินกระมัง
             คิด เขียน แล้วปล่อยวางไม่ได้เก็บมาสนใจ แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอีกวัน พอผ่านวันนี้ก็ถึงพรุ่งนี้อีกแล้ว
                                   กระต่ายใต้เงาจันทร์
                                     12 ม.ค. 51				
21 ตุลาคม 2552 14:19 น.

กระต่ายกับนายจันทร์เจ้า(ภาคสอง)

กระต่ายใต้เงาจันทร์



บ่ายในวันพุธที่แสนสบาย    ฉันเปิดเครื่องเข้าเอ็มเอสเอ็น  เพื่อเช็คเมลล์ได้ไม่ทันไร   เสียงไฟกระพริบพร้อมข้อความทักทาย    ผ่านจากหน้าจอที่ไหนไม่รู้     มายังจอสี่เหลี่ยมที่ฉันยังนั่งจ้องอยู่    

พี่กระต่ายยยยยยยยยยยย      หายไปไหนตั้งนาน     คิดถึงอ่ะ......
โอ้โห้แหะ.....เจ้าเดิม.....เริ่มเปิดเครื่องเจ้าเด็กนี้.....ก็เริ่มมาหลอน....กำๆๆๆๆนาย   จันทร์เจ้า    เจ้าเก่า    เจ้าเดิม

เอออออออ.....พอดี   พี่กระต่าย  ถอดหัวหาอาหารเพลิน      ทำทางกลับไม่ได้     หลงทางทั้งนานสองนาน   สามนาน   สี่นาน      กว่าจะเจอเอาหัวใส่คอเหมือนเดิมแทบแย่อ่ะ  
ฉันรัวนิ้วพิมพ์ตอบกลับไป
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.........?
ดูนายจันทร์เจ้าพิมพ์กลับมาสิ

ว๊ากมาจากคำว่าจ๊าก        หรือเจี๊ยก     ซึ่งเป็นบรรพบุรษของน้อง      ต้องให้ความเคารพ  บูชา   นับถือ    เข้าใจ๊
วอท ?        นายจันทร์พิมพ์กลับสั้นทุกคำ
เฮ้อ....พี่กระต่ายกลุ้มใจจัง    สงสารทางบ้าน    ที่ส่งเสียนายให้เรียน   ขี้เกียจเรียนรึไงถึงพูดภาษาไทยได้แค่นี้
555555555555555อาการเดิมนายจันทร์เจ้ามาแล้ว  กาต่ายหล่ะขนหัวลุก   ได้แต่นั่งน้าจอสี่เหลี่ยมถอนหายใจ
เฮ้ออออ......แล้วก็เฮ้ออออ......แล้วก็เฮ้อ......

พี่กระต่ายข้างล่างเอ็ม  รูปพี่กระต่ายเหรอ     นายจันทร์เจ้าคงเพิ่งรู้สึกสงสัย    ความรู้สึกช้า   หรือมีปัญหากับระบบสมอง   ถึงเพิ่งมาถาม
(ฉันคิด )

ผีมั๊งค่ะ   หรือยายบ้าที่ไหนไม่รู้เห็นหน้าตา  อุบาศก์   ทุเรศดี  เลยขอยืมมาใช้
	5555555555555555555555555555555555
น่านนนนนนนนนนนนนนนนอาการเดิม       อาการซ้ำซ้อนเยือนมาอีกหน
นี่ๆๆนาย   ตอนแม่นายตั้งท้องคงอ่านหนังสือขายหัวเราะเยอะ   พอคลอดออกมาหัวเราะไม่หยุด
เฮ้อออออออออออออออออออออออออออออออออ

พี่กระต่ายถอนหายใจเป็นอะไร
เป็นคนสวยว๊อยยยยยยยยยยยยยยยย........ฉันรีบตอบโดยไม่ต้องคิด(เอิ๊กๆๆ)
ที่ถอนหายใจสงสารคนทางบ้านนายน่ะ  คงกลุ้มใจแย่อาการนายหนักหนาสาหัสเอาการทีเดียว
คงงั้นแร๊ะ
555555555555555555555555555555
ดูดูดูมันทำ    ทำไปถึงทำกับฉันได้       เฮ้อๆๆๆๆกำมือมือขึ้นแล้วหมุนๆๆชูมือขึ้นโบกไปมา
พี่กระต่ายพูดไรอ่ะ     งงง   ไม่รู้ว่านายจันทร์เจ้าอยู่ในอาการเกาหัว   คิ้วขมวด     หน้าย่นเป็นแหนมรึปล่าว    หรือว่า    อาจจะกำลังตีเอาของในเกมส์อย่างลุ้นระทึก   เพราะถามเจ้าหมอนี่ทีไร   นั่งเล่นเกมส์ทุกที
จนกระต่ายยกให้เป็นวีรบุรุษไร้สาระแล้วตอนนี้
ก็ได้แต่จินตนาการภาพนายคนนี้ไปเรื่อยเปื่อย

พี่กระต่ายพูดเองยังงงเองเลย      เอ็งไม่งงก็แปลกหล่ะ
55555555555555555555555555555
อาการนายจันทร์เจ้าเหมือนเดิมเปี๊ยบ

ไปน่ะ    ปวดฟันจะไปหาหมอฟันหน่อย      ไปหามาแล้ว   ไม่ยอมถอนให้       
อยากเตะหมอว่ะ   .....?
แล้วฉันก็รีบปิดเอ็มเอสเอ็น    หนีทันที     กลัวอาการเดิม   นายจันทร์เจ้าตามมาหลอน......บรื๊อ...........คิดแล้วขนหัวลุกชะมัด

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์