24 ธันวาคม 2552 12:43 น.

นั่งรถรางแอ่วเมือง เล่าขาน ๙ ตำนาน นครเจียงฮาย

กระต่ายใต้เงาจันทร์



ในวันอาทิย์เวลาบ่ายโมง  ได้ไปนั่งรถรางแอ่วเมืองเจียงฮาย   ซึ่งมีการลงทะเบียนในตอนเที่ยงซึ่งทางเทศบาลนครเชียงรายจัดทำขึ้นมาให้นั่งฟรีมีไกด์บรรยายทั้งเที่ยวสามโมงเช้าและบ่ายโมงเย็นตลอดเส้นทางและทุกสถานที่ๆไป

นักศึกษาในคณะพุทธศาสตร์ส่วนมากทำงานแล้วจึงนัดมาเจอกันในจุดที่ขึ้นรถรางเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการสอนเพื่อให้ได้บรรยากาศในการเรียนอีกแบบหนึ่ง   หรืออาจจะว่าอาจารย์ผู้สอนเองก็อยากจะเที่ยวหรือขี้เกียจสอนกระมังอันนี้ต้องไปคิดกันเองค่ะ
พอเริ่มขึ้นรถก็เริ่มคุยส่งภาษาเหนือกันจ้าล่ะหวั่น    แอบเก็บภาพไป  ฟังไป  แบบรู้เรื่องบ้าง    ไม่รู้เรื่องบ้าง      ก่อนรถจะออก   นักศึกษาหญิงผมยาวสลวยนั่งหน้าสุด     ถามออกมาว่า    อย่าเพิ่งออกรถได้ไหม   ยังไม่ได้ดูเลยรถรางมีกี่ล้อ

โอยยยย,เล่นสะงง...มีนักศึกษาท่านหนึ่งมาไม่ได้ด้วยติดภาระเรื่องงานส่งตัวแทนมาน่ารักสะ,,,ไม่มีคะ     มาไม่ได้ส่งแฟนหรือเรียกให้ลึกซึ้งว่า   สามีแตะมือเปลี่ยนไม้มาแทนเหมือนแข่งวิ่งผลัดสี่คูณร้อยยังไง
ยังงั้น
นี่คือความนารักของครอบครัวและความมีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกันทำให้เราเห็นแล้วรู้สึกเป็นสุข

แต่คงไม่ส่งมาเรียนหรือมาสอบแทนกันน่ะค่ะ    แอบแซวสะหน่อย

อยากรู้เป็นใครในภาพมีผู้ชายคนเดียวในกลุ่มเพราะๆหนุ่มๆคณะนี้ไม่มีเรียนค่ะ
ตัวเองยังได้ความรู้จากนักศึกษา   หมอปุ๊ก   ในเรื่องของวัดมิ่งเมืองมามากมาย  เรียกว่า    เค้าบรรยายได้ละเอียดถี่ยิบบรรยายไปหน้าแดงไปตลอดทั้งทริปที่ขึ้นรถรางแบบว่าหมอปุ๊กเป็นคนขาวคงแพ้แสงแดด   แต่แสงแดดในฤดูหนาวไม่น่าจะแพ้ขนาดนี้น่ะหมอ

ในส่วนรายละเอียดเก็บภาพและบบรรยากาศมาฝากกันคะ
				
17 ธันวาคม 2552 16:46 น.

ไปติดคุกเขมรดีกว่า

กระต่ายใต้เงาจันทร์

การติดคุกไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับทุกคน การใช้ชีวิตภายในคุก เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากได้สัมผัสบรรยากาศ  แม้จะพ้นโทษแล้ว หลายคนยังถูกสังคมรังเกียจ ไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย ทั้งหมดนี้คือสภาพความเป็นจริงสำหรับผู้คนที่เคยอยู่ในคุก
      หลายคนที่ต้องอยู่ในคุกเพราะถูกกลั้นแกล้ง หรือที่เรียกว่า ถูกยัดหาให้เป็นแพะรับบาป ตามที่นักข่าวมักใช้เรียกขานกัน  เมื่อสู้คดีจนหยุดหรือได้รับการอภัยโทษทุกคนไม่อยากเป็นข่าว อาจเป็นเพราะความอายหรือความหวาดกลัวภัยต่างๆ
        แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใช้ไม่ได้กับกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย วัย 31 ปี นักโทษคดีจารกรรมข้อมูลการบิน ที่จับเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน และถูกพิพากษาคดีให้ติดคุก เป็นเวลา 7 ปี และปรับเงินอีก 10,000,000 เรียล(85,000 บาท) โดยไม่มีการขออุทรณ์ แต่ใช้วิธีการยื่นหนังสือทูลเกล้าฯขอพระราชทานอภัยโทษตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. และประสบผลในวันที่11ธ.ค.โดยนายศิวรักษ์ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสรภาพใน วันที่ 14 ธ.ค.
      สื่อต่างๆรายงานข่าวว่า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ และนางสิมารักษ์​ ณ นครพนม  มารดา ได้รับความเมตตา นายกรัฐมนตรีฮุนเซน  ตนเองและครอบครัวเป็นอย่างมาก ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่มีนักโทษคนไหนในประเทศไทยที่ถูกตั้งข้อหาคดีจารกรรมข้อมูลการบินของบุคคลสำคัญ นำไปสู่การจับกุม และถูกพิพากษาคดีให้ติดคุก แต่เมื่อได้รับการอภัยโทษฯ  ได้รับเยี่ยมจากอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และทันที่เมื่ออกจากคุกได้พบกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซน  โดยมีการต้อนรับอย่างสมเกียรติถึงที่พัก พร้อมทั้งมีคณะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และ น.ส.มธุรจนา อินทวงศ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล ซึ่งเดินทางไปรับที่กัมพูชา
     อย่างไรก็ตามในฐานะคนไทยก็ขอแสดงความดีใจกับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ที่ได้รับอิสรภาพเดินทางกลับสู่ประเทศไทยอย่างปลอดภัย
     คนไทยส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่านายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ไม่ได้ทำความผิดอะไรตามที่เขาได้เขียนจดหมายชี้แจงตั้งแต่วันแรกๆที่ถูกจับดำเนินคดี
     เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยคนหนึ่งที่จากญาติพี่น้องไปทำงานในต่างแดน แต่กกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองของคนบางกลุ่ม				
12 ธันวาคม 2552 13:18 น.

หัวหน้าครับ...มีคนนินทา

กระต่ายใต้เงาจันทร์

 
 	ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง เห็นนกแก้วตัวหนึ่งกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่ จึงเกิดสนใจถามคนขายว่านกแก้วตัวนั้นราคาเท่าไหร่
ชายคนนั้น : ลุงๆไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
คนขาย : 15,000 บาท
ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window,mac,unix แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ
ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆมันล่ะ
คนขาย : 25,000 บาท
ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง(หัวเราะ)
คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ
ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆอยู่ข้างหลังน่ะ (ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัวที่นั่งอยู่หน้าคอมอยู่นั่นแหละ ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ
ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ
คนขาย : 100,000 บาท
ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ
คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า				
6 ธันวาคม 2552 15:46 น.

ร่วมพิธีตักบาตรพระอุปคุต วันเป็งปุ๊ด (ตักบาตรเที่ยงคืน) ที่จังหวัดเชียงราย

กระต่ายใต้เงาจันทร์

ร่วมพิธีตักบาตรพระอุปคุต วันเป็งปุ๊ด (ตักบาตรเที่ยงคืน) ที่จังหวัดเชียงราย 	
เมื่อกล่าวถึง วันเป็งปุ๊ด หรือการตักบาตรพระอุปคุตตอนเที่ยงคืน สำหรับผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนานั้นหลายท่านอาจจะไม่เคยได้ยินว่ามีการตักบาตรกลางคืน เพราะตลอดชีวิตของเราเคยเห็นแต่พระภิกษุออกบิณฑบาตตอนเช้าเท่านั้น 
ผู้เขียนได้ยินคำว่าตักบาตรพระอุปคุตตอนเที่ยงคืน ตั้งแต่มาใช้ชีวิตที่จังหวัดเชียงรายใหม่ๆ แต่ยังไม่เคยไปร่วมตักบาตรสักครั้ง ปีนี้ได้ฟังเสียงโฆษณาเชิญชวนจากทางเทศบาลเชียงรายให้ร่วมไปตักบาตรเที่ยงคืน จึงมีความสนใจและอยากจะไปดูบรรยากาศสักครั้ง
เวลาห้าทุ่มครึ่ง จึงได้เดินทางไปวัดมิ่งเมืองซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เมื่อเดินทางถึงวัดก็ได้เห็นความคึกคัก ชาวพุทธมารอตักบาตรเป็นจำนวนมาก โดยมีพระภิกษุ สามเณร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสามเณร มารอบิณฑบาต ประมาณ ๔๐๐ รูป
 	เส้นทางบิณฑบาต เริ่มต้นจากหน้าวัดมิ่งเมือง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนธนาลัย ตรงไปถึงแยกธนาคารออมสิน เข้าถนนบรรพปราการ ผ่านหอนาฬิกา 
สำหรับเป็งพุธ หรือ เป็งปุ๊ด นั้นทางล้านนาจะออกเสียง พ.พาน เป็น ป.ปลา จึงเรียกว่า เป็งปุ๊ด คำว่า เป็ง มีความหมายถึงพระจันทร์เต็มดวง เดือนเพ็ญ เพ็ญพโยม ดวงแข ศศิธร หรือวันขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันศีลหรือวันพระ วันเดือน ปีใดที่วันขึ้น 15 ค่ำ ตรงกับวันพุธ นั่นคือ วันเป็งปุ๊ด
สำหรับวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ เชื่อกันว่าจะมีพระอรหันต์ที่ชื่อพระอุปคุตจะออกมาบิณฑบาตแต่เช้ามืด ผู้ใดที่ได้ใส่บาตท่านจะได้บุญและโชคดีสูงสุด บางปีมี "เป็งปุ๊ด" 	
 	ชาวพุทธถือว่าพระอุปคุตมาโปรดเมื่อเริ่มเข้าเวลาของวันพุธ คือตั้งแต่เวลา 00.00 น. ไปจนถึงก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ผู้คนจะพากันใส่บาตเพื่อความเป็นศิริมงคล ผู้ที่จะมารับบิณฑบาตนี้จะเป็นเฉพาะสามเณรเท่านั้น ไม่มีพระภิกษุสงฆ์ เพราะสามเณรได้รับการอุปโหลกเป็นตัวแทนพระอุปคุต คติความเชื่อของชาวบ้านถือว่าพระอุปคุต บำเพ็ญตนอยู่ในเกษียณสมุทร เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า มีอิทธิฤทธิ์ปราบภัยมาร และป้องกันมิให้สิ่งชั่วร้ายมากล้ำกรายได้ ช่วยบันดาลให้สิ่งที่เลวร้ายได้บรรเทาเบาลง 
	สำหรับปี 2552 นี้ พบว่าได้มีวันเพ็ญ ที่ตรงกับวันพุธ มีเพียงครั้งเดียวในรอบปี จึงทำให้พุทธศานิกชนได้นำข้าวสารอาหารแห้งและเครื่องใช้ที่จำเป็นมาร่วมทำบุญตักบาตรกันเป็นจำนวนมาก การตักบาตรกลางคืน ช่วงเวลาสุดท้ายของคืนวันอังคาร ข้าวสารอาหารแห้ง ดอกไม้ธูปเทียน ปัจจัย มีความเชื่อกันว่าเมื่อผู้ใดได้ทำบุญกับพระอุปคุตแล้ว จะบังเกิดผลคือ ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยจะบรรเทาหายเร็ววัน เด็ก ๆ จะเพิ่มสติปัญญา หนุ่มสาวจะสมพรในคำอธิฐานของเขา ส่วนคนทั่วไปแล้วจะเป็น ศิริมงคลตลอดไป

	นอกจากนี้ยังมีสติปัญญา เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องเรืองวิชาอีกด้วย ชาวบ้านยังเชื่ออีกว่า ครั้งหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระบัญชาให้พระอุปคุตคอยดูแลสอดส่องชาวโลก อย่าให้ภัยมารมารบกวนได้ เมื่อถึงเวลาวันเป็งปุ๊ด พระอุปคุตจึงออกมาโปรดและปราบภัยมารต่าง ๆ 
 	อีกทั้ง ยังมีคืนวันพุธราหูเข้ามาเกี่ยวข้องอีก จึงเพิ่มความขลังขึ้นมาให้ชาวบ้านได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
	ปี๒๕๕๒ นี้เทศบาลนครเชียงราย ได้ร่วมกับวัดมิ่งเมืองจัดงานประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน เป็นปีแรก จึงมีพุทธศานิกชนใน จังหวัดเชียงราย และนักท่องเที่ยวร่วมหมื่นคนได้ร่วมกันนำข้าวสารอาหารแห้ง มาพร้อมกันทำบุญตักบาตรเที่ยงคืน เพื่อเป็นการฟื้นฟูและอนุรักษ์วัฒนธรรมชาวล้านนาที่มีมาตั้งแต่ในอดีต เป็นภาพที่น่าอนุโมทนาบุญเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๓ วันเป็งปุ๊ด จะตรงกับวันที่ ๒๘ เมษายน  ดังนั้นจึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีตักบาตรพระอุปคุต เนื่องในวันเป็งปุ๊ด ที่จังหวัดเชียงราย โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นการสร้างบุญกุศลและศึกษาวัฒนธรรมแบบล้านนา
				
30 พฤศจิกายน 2552 15:23 น.

ป่วยเป็นเรื่องของกูหรือเรื่องของกรรม

กระต่ายใต้เงาจันทร์

ในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา    ข้าพเจ้าเจ็บป่วยเป็นเวลายาวนานอาทิตย์หนึ่งเต็มๆที่นอนไม่หลับ    เป็นไข้หนาวจนสั่น   นอนลงกับที่นอนต้องปวดศีรษะเป็นอย่างมากทุกข์ทรมานจนต้องร้องไห้หลายครั้ง    หาหมอกี่หมอ   เข้าโรงพยาบาลก็แล้วยาเพียงได้แต่บรรเทาอาการ    หมดฤทธิ์ยาอาการเดิมก็กลับมาอีก
     จนรู้สึกว่าอยากตาย    นึกในใจว่า   ถ้ามันจะตายก็ให้ตายไปเลยดีกว่าอย่ามาทรมานกันอย่างนี้เลยที่ต้องทานยาเป็นกำ    ทานอะไรไม่ลงเลยหยิบจับอะไรเป็นตกแตกเสียหายไปหมด
    หมดหนทางกับอาการของตัวเอง   เลยต้องใช้วิธีสวดมนต์ไว้พระแล้วค่อยๆเรียกสติให้กลับมาเข้มแข็งพิจารณาอย่างช้าว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแน่
      เปิดตู้เย็น   ผลไม้และกับข้าวเต็มตู้ไปหมดด้วยเหตุที่ไม่อยากทานอะไรคิดแง่ดีกับชีวิตบ้างว่า   กรรมดีก็คงเหมือนผลไม้ของสดที่เราหามาใส่ไว้ในตู้เย็น   แต่พอสักพักด้วยเหตุที่ว่าของในตู้เย็นค้างเป็นอาทิตย์แล้วย่อมมีเน่าเสียจึงเลือกเก็บออกมาทิ้งถังขยะด้วยความไม่มีแรงก็ทำสิ่งเหล่านั้นหล่นหกใส่ตัว     นี่ก็คงเป็นกรรมกระมังแต่เป็นกรรมชั่วซึ่งเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าในอดีตชาติทำอะไรไว้บ้าง   ขออโหสิกรรมพวกเขาแล้วเขาให้อภัยอภัยเรารึเปล่า
    แต่ถ้ามองกลับด้านเพราะ   ร่างกายเราเองอ่อนแอไม่ใช่เรื่องของเวรกรรมอะไรหรอก  ที่ดันป่วยทีเป็นทีละหลายโรคพร้อมกัน
   หลอมลมอักเสบเป็นหนอง    ไทรอยด์เป็นพิษ       โรคหัวใจ   มันดันขยันชวนมาอยู่ในตัวเราพร้อมกัน
จนบัดนี้อาการเจ็บป่วยก็ยังทรงๆทรุดๆ    หมดปัญญาได้แต่ตั้งสติและเอากำลังใจสู้กับมัน
      พอเช้าอีกวันหนึ่งพอดีแดดสาดส่องต้นไม้   ดอกไม้หน้าบ้านให้มองแล้วสดชื่นบ้าง     เห็นชายชราคนหนึ่งกำลังคุ้ยเขี่ยถังขยะพร้อมใส่เสื้อบางๆเพียงตัวเดียวก็เลยให้เสื้อหนังสีดำที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้วราคาพันกว่าบาทให้แกไปพร้อมเงินอีก ๑๐๐ บาทและบอกลุงว่า    
 คุณลุงค่ะหนูให้    ไม่ใช่ว่าดูถูกอาชีพคุณลุงน่ะแต่หนูอยากทำทานเพื่อจิตใจหนูจะได้สบายขึ้น
    คุณลุงมองดูเสื้อด้วยความแปลกใจ ที่แรกไม่กล้ารับ จึงต้องบอกว่าให้จริง คุณลุงจึงรับเสื้อพร้อมกับให้ศีลให้พรพร้อมยกมือไหว้ ข้าพเจ้ารับไหว้แทบไม่ทัน
      การเจ็บป่วยมันจะเป็นเรื่องของอะไรก็ช่าง   ไม่ได้สนใจมันอีกแล้วทานยาตามหมอสั่ง    ฉีดยามาแล้วถ้าไม่หายไปฉีดใหม่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดและอย่าถอดใจสิ่งสุดท้ายกำลังใจสำคัญที่สุด
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์