21 กันยายน 2554 16:40 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ชีวิตคนเรามี เก่าและใหม่เคลื่อนไหวใน ชีวิต ไม่ขาดสาย เหมือนซื้อเสื้อผ้าใหม่ สักพักก็เป็นของเก่า ทำงานใหม่สักพัก ก็กลายเป็นงานเก่า มีแฟนใหม่สักพักก็กลายเป็น แฟนเก่า
นักการเมืองรุ่น ใหม่สักพัก ก็กลายเป็น รุ่นเก่า นักการเมืองน้ำดี สักพักก็กลายเป็นน้ำเน่า เคยเป็นคนกล่าวว่า นักการเมือง ชอบหา ผลประโยชน์แอบแฝง เล่นพรรคพวก นักการเมืองท้องถิ่น ไอ้พวกบ้านนอก โคลนในตม สรรค์สร้าง พูดกันการไป จุดมุ่งหมาย เพื่ออะไรกัน แฝงกายหรือซ่อนเร้น ไม่เปิดโลก ดูความเป็นจริง
วัฒนธรรมไทย ทางการเมือง เราก็รู้กันอยู่ ตราบใดที่โครงสร้าง การศึกษา คนยังไม่พัฒนา หลายอย่าง เปลี่ยนแปลงยากมาก ใช่ บางครั้ง การให้และการรับ คนรับใช่ว่าจะลงคะแนน ให้ถ้าไม่ชอบจริงๆ การเปลี่ยนอะไรสักอย่างยาก แต่ก็ดีกว่าไม่ ลงเมือกระทำ พูดต่อๆกันไป มีประโยชน์อะไรนอกจาก ปลูกฝังความคิด ให้เยาวชนรุ่นหลัง แต่นั่นแหละ ปลาหมอเน่าตัว ก็เน่าทั้งบ่อ
ในโลกปัจจุบัน คนหนุ่มสาว มาเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั้งนั้น เพื่ออยากเปลี่ยนแนวคิด พัฒนา ประเทศ จบปริญญาโทก็หลายคน จบต่างประเทศ ก็หลายท่าน หรือว่า คนต่างจังหวัด ยังไง ก็ ไอ้พวกบ้านนอก มาตราฐาน ตรงไหนเป็นตัวชี้วัด การเมือง แน่นอน มีทั้งด้านบวก และด้านลบ แต่คนที่คลุกคลี จริงจังถึงจะรู้
รัฐบาลแจก5000 บาทสำหรับน้ำท่วมไร่นาเสียหาย ให้เจ้าบ้านมารับ ที่จังหวัดกระต่ายเอง เจ้าบ้านมีแต่ผู้สูงอายุ เป็นลมแล้วเป็นลมอีก ไหนจระเข้จะหลุดออกมาจากกรงจนทำให้หวาดกลัวกันไปทั่ว
อย่าเอาความรู้สึก ส่วนตัวมาเป็นที่ตั้ง การทำงานของแต่ละคน แตกต่างกันไปอยู่ที่คน และการกระทำ บางทีก็ท้อ บางทีเหนื่อย ไม่ใช่กับงาน กับคำพูดคน
มีคนบอกว่า คำพูดคนเหมือน ดาบสองคม เห็นจะจริง
การเมืองท้องถิ่น มีเรื่อง ให้แก้ไขเรื่อยๆๆ ตอนนี้ ปัญหาเร่งด่วนคือ ปัญหาน้ำท่วม คนเป็นเป็น โรคซึมเศร้า ตาแดง ท้องร่วง รัฐบาลก็ช่วยเท่าที่ทำได้ ประชาชนก็ช่วย เท่าที่ช่วยได้
แต่พวกสิ้นคิดก็มี คนเรามีสองด้าน ดีเลว บางครั้งต้องปิดหูปิดตา เพราะมีปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวแปร เราต้องยอม ก็เพื่อผลประโยชน์ของ ประชาชนเอง
การทำงาน เรา ทำถูกต้อง แต่บางทีไม่ถูกใจนาย เท่าที่เจอตอนนี้ คนน้ำท่วมจริงน่ะ ออกจากบ้านไม่ได้ เราต้องพายเรือไป หาถึงบ้าน สูบน้ำให้ เดี๊ยวส้วมเต็ม เดี๊ยวน้ำท่วมนา เดี๊ยวท่วมโรงเรียน แถมคนแก่ ไม่ยอมย้ายไปอยู่วัดรวมๆกันเราก็ต้องไป กันทุกวัน ปัญหาหลังน้ำท่วม ตามมาอีกระลอก
ถนนขาด คนเจ็บป่วย ไร่นาเสียหาย ดอกรัก เดี๊ยวนี้เค้าปลูกขายกันกิโลละ170บาท พอจะขายได้ น้ำท่วมตายหมด
กระต่ายเองเมื่อมาสวมบทบาทเป็นอาจารย์พิเศษในรั้วมหาวิทยาลัยก็ไม่เคยบอกใครว่าตัวเองเป็นกำนัน เลยได้ยินผู้ที่เรียกตัวเองว่านักวิชาการบางท่านพูดว่า ที่ประเทศไทยไม่เจริญก็เพราะนักการเมืองท้องถิ่นมีแต่โง่ ไอ้พวกบ้านนอก ไม่รู้เรื่อง กระต่ายเลยอยากฝากบอกเพียงว่า
แนวคิดทุกคน ทุกรัฐบาล ย่อมมีข้อดีอยู่ในนั้น ใช่ข้อเสียก็มี แต่เราเป็นคนของประชาชน กินเงินภาษี เราต้องปฏิบัติตาม และยอมรับ เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศ หลายคน ยังเข้าใจ ในรูปแบบการปกครอง เก่าๆบางคน คิดไกลเลย ใช่บารมีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ฝากถามสักนิด เดี๊ยวนี้ คนไทย ไม่ใช่โง่ โดยเฉพาะ คนต่างจังหวัด ชาวบ้าน น่ะ บางทีรู้ดีกว่า เราเสียอีก
ในตัวตนในคำพูดที่คน เคยพูดว่า....แฝงกาย...หาผลประโยชน์...ถ้างานคุณไม่ดีหรือว่า...คุณไม่ทำงานอะไรเลย ....ประชาชน คงไม่เลือกคุณเข้ามาทำ...ต่อให้มีผลประโยชน์ ตอบแทนก็เถอะ คงไม่เลือกคุณ ไว้เถิดทูนบูชา หรือกราบไหว้ กระบวนการทาง ความคิด ถ้าคุณรู้จักให้เกียริติ คนอื่น ไม่ว่าชนชั้นไหน คุณ ก็จะได้สิ่งนั้น ตอบแทน มาเช่นกัน
20 กันยายน 2554 15:47 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในการฟังบรรยายของนักวิชาการหรือผู้มีความรู้ความเชียวชาญแต่ละท่านจะสังเกตได้ว่าทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวจะเรียกว่าความสามารถพิเศษก็ว่าได้ ในเอกลักษณ์ ของพระธรรมราชานุวัตรนั้น ในบรรยายทุกครั้งผู้เขียนจะชอบฟังและเก็บรายละเอียดเพราะหลวงพ่อบรรยายน่าฟัง ไม่น่าเบื่อ และยังสอดแทรกประวัติศาสตร์หรือแม้แต่เรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ที่หลายคนมองข้ามไป หลวงพ่อจะให้ข้อคิดเสมอ ท่านมีความจำเป็นเลิศทีเดียวไม่นั่งอ่านเอกสาร ตามที่ใครหลายๆคนชอบทำ แต่สำหรับพระธรรมราชานุวัตรแล้วท่านสามารถบรรยายเรื่องราวให้เห็นภาพชัดเจนและยังสอดแทรกเรื่องราวของประวัติศาสตร์พร้อมยกตัวอย่างมาประกอบการบรรยาย สร้างบรรยากาศเป็นกันเอง สนุกสนานไม่น่าเบื่อ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าเพลิดเพลินและชอบเก็บเอามาเขียนทุกครั้งไป
ในการเขียนงานแต่ละชิ้นสิ่งที่จะสร้างความรู้สึกของผู้ฟังเกิดให้เกิดประทับใจและจดจำเรื่องราวอย่างๆจนอยากจะเขียนได้นั้น ต้องมาจากสิ่งที่เราสนใจและมีความสุขจนอยากจะถ่ายทอดความสุขและบรรยากาศให้อีกหลายๆคนได้รับรู้ย่อมหมายความว่า ผู้ถ่ายทอด มีเทคนิค ใช้จิตวิทยา รวมทั้งทักษะความสามารถเฉพาะตัวที่หมั่นค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเสมอ
ก่อนการบรรยายได้มีการมอบของที่เป็นประโยชน์ให้ห้องเรียนมจร.วัดพระแก้ว ซึ่งผู้ประสานงานครั้งนี้คือ พระมหาบุญเหลือเป็นตัวจักรสำคัญในการติดต่อและประสานงาน
ในการมอบของอะไรที่ให้และเป็นประโยชน์กับทางห้องเรียนหลวงพ่อท่านกล่าวว่า การได้รับสิ่งของเหล่านี้ล้วนก่อประโยชน์ทั้งทางด้านการศึกษาและศาสนกิจ และ โลกเรานี้เปรียบเหมือนบ้านหลังใหญ่ ทวีปยุโรปเปรียบเหมือนห้องรับแขก เปรียบทวีปอเมริกาเหมือน ห้องทำงานเพราะคนมีความกระตือรือร้น ทวีปแอฟริกา เหมือนโรงครัว มีการพูดถึงเรื่องอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะขาดแคลน ผู้คนก็ขะมุกขะมอม เหมือนคนทำครัว ทวีปเอเชียเหมือนห้องพระ ศาสนาทุกศาสนาล้วนเกิดที่นี่
ในการมอบของวันนี้มีนาฬิกามามอบให้ไว้ติดในแต่ละห้องเรียน หลวงพ่อบอกว่า การมอบนาฬิกาเขาถือ ห้ามให้เป็นของขวัญวันเกิดเพราะอีกไม่กี่นาทีก็ตาย แต่มหาลัยไม่มีวันเกิดวันตาย ยินดีรับ เรียกเสียงหัวเราะได้ทั้งห้องประชุมทีเดียว ก่อนจะเข้าการบรรยายเรื่องการปกครองคณะสงฆ์ไทยจากอดีตถึงปัจจุบันซึ่งหลวงพ่อเคยบรรยายในที่ประชุมสงฆ์มาแล้วในการบรรยายครั้งนี้ มีเอกสารประกอบการบรรยายในหัวข้อนี้ให้บุคคลที่สนใจอ่านประกอบตามไปด้วย
พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาคหก จังหวัดเชียงราย ให้ข้อคิดไว้ว่า สำหรับพระนิสิตนั้นต้องผ่านทั้งทางโลกและทางธรรมให้แตกฉาน กล่าวคือ ทางพระก็แตกฉาน ทางมารก็รู้จัก จะพิทักษ์พระพุทธศาสนาได้ถ้าเข้าใจทั้งทางโลกและทางธรรม
สำหรับการปกครองคณะสงฆ์ คือ พระธรรมและ วินัย หลวงพ่อผู้เข้าฟังบรรยายอ่าน พระพุทธพจน์ที่ว่า
.โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม วินโย จเทสิโต ปญฺญตโต โส โว มมจฺเจเยน สตฺถา
ดูกร อานนท์ ธรรมและวินัยอันใด แล ที่เราแสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลาย โดยการล่วงไปแห่งเรา ธรรมและวินัยนั้นย่อมเป็นศาสดาของท่านทั้งหลาย
การปกครองคณะสงฆ์ไทยนั้นแก่นแท้คือ การปกครองตามพระธรรมวินัยคือยึดพระธรรมวินัยเป็นธรรมนูญการปกครอง ในสมัยรัชกาลที่5พระองค์ทรงถวายอำนาจรัฐช่วยคณะสงฆ์จัดระบบการปกครองขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยพระราชบัณญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์รัตนโกสินทร์ศก121(พ.ศ.2345)ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดลได้ทรงตราพระราชบัญญัติสงฆ์พ.ศ.2505 พุทธศักราช2484ยกเลิกฉบับแรก เพื่อจัดระบบการปกครองคณะสงฆ์ใหม่ให้มีรูปแบบคล้ายกับการปกครองราชอาณาจักรต่อมายกเลิกพระราชบัญญัติสงฆ์ฉบับนี้และใช้ฉบับปัจจุบันคือ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505ดังนั้นยุคต้นรัตนโกสินทร์จึงมีการปกครองแบบพุทธจักรและอาณาจักร ในรูปแบบและระเบียบการปกครองคณะสงฆ์อธิบายได้ดังนี้
สกลมหาสังฆปริณายก คือ ตำแหน่งพระประมุขสงฆ์ไทยและสงฆ์อื่น
ตำแหน่งพระประมุขสงฆ์ไทยคือสมเด็จพระสังฆราชเป็นประมุขสงฆ์เรียกว่า หัวหน้ามีทั้งสายธรรมยุติและมหานิกาย สงฆ์อื่นคือ จีนนิกาย อนันตนิกาย
สมเด็จพระสงฆราช ในตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายกเทียบได้เท่ากับสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตามมาตรา5-6แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช 2484และทรงอยู่ในฐานะปูชนียะและครุฎฐานะอันสูงสุดดุจยอดพระเจดีย์ ผู้ใดหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายมิได้(ม.44ทวิ)
มหาเถรสมาคมคือองค์กรปกครองคณะสงฆ์สูงสุดคณะสงฆ์และสามเณรต้องอยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคมซึ่งมีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประธานกรรมการประกอบด้วย ประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการโดยแต่งตั้ง
ประธานกรรมการมหาเถรสมาคมเท่ากับตำแหน่งผู้นำสงฆ์ในพ.ร.บ.คณะสงฆ์ปีพ.ศ.2484รวม4ตำแหน่งคิอ ประธานสังฆสภา สังฆนายก ประธานคณะวินัยธรและประธานก.ส.พ.
มหาเถรสมาคมมี อธิบดีกรมการศาสนา เป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง กรมศาสนาทำหน้าที่สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม หมายเหตุ ที่ระบุไว้ว่า กรมศาสนาให้เปลี่ยนเป็น สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ระเบียบการปกครองคณะสงฆ์แบ่งออกเป็น2ส่วนคือ ส่วนหลักได้แก่ แบบแผนกำหนดหน่วยงานเขตปกครอง หรือผู้รับมอบงานหรือคณะผู้รับมอบงานและส่วนย่อยไ ด้แก่ แบบแผนกำหนดอำนาจหน้าที่ การควบคุมบังคับบัญชาการประสานงาน ผู้รักษาการแทน และวิธีปฎิบัติอื่นๆ ซึ่งในระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ในที่นี้จะพูดถึงเฉพาะส่วนหลักคือการได้แก่ กิจการที่คณะสงฆ์จะต้องทำหรือถือว่าเป็นธุระหน้าที่เพราะเป็นการคณะสงฆ์และการพระศาสนามี 6 ฝ่ายคือ การเพื่อความเรียบร้อย การศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแพร่พระพุทธศาสนา การสารณณูปการ การสารณสงเคราะห์ในรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ของพระธรรมราชานุวัตรมีทั้งหมด6 ระดับ11ตำแหน่ง คือ1. วัด(เ1.จ้าอาวาส 2.รองเจ้าอาวาสและ3.ผู้ช่วยเจ้าอาวาส)2.ตำบล(4.เจ้าคณะตำบล5.รองเจ้าคณะตำบล)3.อำ
เภอ(6.เจ้าคณะอำเภอ7.รองเจ้าคณะอำเภอ)4.จังหวัด(8.เจ้าคณะจังหวัด 9.รองเจ้าคณะจังหวัด)5.ภาค(10.เจ้าคณะภาค11.รองเจ้าคณะภาค)11.การ(ส่วนภูมิภาค)
สำหรับปกต้องมีพรหมวิหารคือ ธรรมประจำใจของผู้ประเสริฐหรือผู้มีจิตใจยิ่งใหญ่กว้างขวางดุจพรมมีสี่ประการคือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
หลักสำหรับครองต้องมีสังควัตถุคือ ธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจคนมีสี่ประการคือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา
สรุปหลักการปกครองการปกครองคณะสงฆ์และการพระศาสนาพระธรรมราชานุวัตรให้หลักไว้ว่าต้องมีความรักความเมตตาช่วยเหลือผู้อื่นได้พ้นทุกข์ ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นมีความสุข และมีใจเป็นกลาง เที่ยงตรง ยุติธรรมที่รวมกันเรียกว่า พรหมวิหารสี่และต้องมีสังควัตถุสี่คือทานได้แก่ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ ช่วยเหลือ แบ่งปัน ปิยวาจาได้แก่ การกล่าวคำพูดไพเราะน่าฟัง อัตถจริยา ได้แก่ ทำประโยชน์ให้แก่เขาช่วยแก้ปัญหาและส่งเสริมด้านจริยธรรม สมานัตตา เอาตัวเข้าสมานคือ ทำตัวให้เข้ากับเค้าได้วางตนเสมอต้นเสมอปลายไม่เอาเปรียบร่วมทุกข์ร่วมสุขช่วยกันแก้ปัญหา
ในส่วนของการปกครองถือว่าเป็นยาขมหม้อใหญ่ที่ต้องศึกษาให้แตกฉาน ถ้าเราศึกษาเราจะเข้าใจได้ว่าเรื่องใดจะเห็นว่าส่วนมากเกี่ยวโยงกับอดีตแบบทั้งสิ้นเปลี่ยนเพียงกาลเวลา สถานที่ และบุคคลเพราะไม่ว่าเหตุการณ์บ้านเมืองต้องอาศัยพระพุทธศาสนาโอบอุ้มแบ่งปันซึ่งกันและกันเช่น ตำนานสมเด็จพระนเรศวร หรือแม้แต่พระเจ้าตากสินก็ตาม จึงเห็นได้ว่าตำแหน่งไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ขอเพียงตั้งใจสิ่งต่างๆก็จะบรรลุผล งานด้านการปกครองจึงต้องติดตามข่าวเสมอและต้องรู้จักปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม
ในส่วนของเกร็ดความรู้ที่สอดแทรกระหว่างการบรรยายผู้เขียนขอนำเสนอแบ่งเป็น2ตอนคือ
ส่วนที่1.เกร็ดความรู้ทางประวิติศาสตร์ระหว่างบรรยาย
ส่วนที่2.คำคมหรือข้อคิด สาระน่ารู้ระหว่างบรรยาย
( โปรดติดตามตอนตไป)
กระต่ายเงาจันทร์
14 กันยายน 2554 09:08 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
บทบาทICTกับชีวิตมนุษย์
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อก่อนเรามักได้ยินคำพูดนี้เสมอว่า การดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์อยู่กับปัจจัยพื้นฐานมี4ประการคือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แต่ต่อมาสิ่งที่มนุษย์มีเพิ่มขึ้นและแทบมีใช้ทุกคนไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงอายุและโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นยิ่งแทบไม่ยอมให้ห่างตัวคือ โทรศัพท์ จนแทบเรียกว่าเป็นปัจจัยที่5ไม่ว่าใช้เพื่อการสื่อสารที่ฮิตตอนนี้ คือ ใช้บีบีสื่อสารคุยกัน
ในเวลาต่อมามนุษย์ก็คิดค้นและพัฒนารูปแบบเรื่อยๆอย่างไม่มีสิ้นสุดในรูปแบบของทรงสี่เหลี่ยมที่เราเรียกว่า คอมพิวเตอร์จนกระทรวงเทคโนโลยี่สารสนเทศเพื่อการสื่อสารวางกรอบนโยบายICT2020ของบทบาทผู้บริหารโดยวางหลักสาระสำคัญเพื่อให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สมดุลในสามมิติคือ มิติสังคม มิติเศรษฐกิจ มิติสิ่งแวดล้อมที่ต้องพัฒนาควบคู่ทั้งปริมาณและคุณภาพ ใช้ประโยชน์จากICTลดความเหลื่อมล้ำและสร้างประโยชน์ให้ประชาชนได้พัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยใช้แนวคิดยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนเหตุผลและความจำเป็นเพื่อรองรับผลกระทบจากภายในและภายนอก โดยต้องทำอย่างเชื่อมโยงและต่อเนื่องทั้งทางนโยบายและยุทธศาสตร์ 7ประการได้แก่ 1.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานICTที่เป็นอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือการสื่อสารรูปแบบอื่นที่เป็นBroadbandให้มีความทันสมัย มีการกระจาย อย่างทั่วถึง และ มีความมั่นคงปลอดภัยสามารถรองรับความต้องการของภาคส่วนต่างๆได้2.พัฒนาทุนมนุษย์ที่มีความสามารถทางสร้างสรรค์และใช้สารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีวิจารญาณและความรู้ทัน รวมทั้งพัฒนาบุคลากรICTที่มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญระดับสากล3.ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและอุตสาหกรรมICTเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและนำรายได้เช้าประเทศโดยใช้โอกาสจากการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ การเปิดการค้าเสรีและประชาคมอาเซียน4,ใช้ICTเพื่อสร้างวัตกรรมการบริการของภาครัฐที่สามารถให้บริการประชาชนและธุรกิจทุกภาคส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความมั่นคงปลอดภัย และ มี ธรรมมาภิบาล5.พัฒนาและประยุกต์ICTเพื่อสร้างความเข้มแข็งของภาคการผลิตให้สามารถพึ่งตัวเองและแข่งขันได้ในระดับโลก โดยเฉพาะภาคการเกษตร ภาคบริการ และเศรษฐกิจ สร้างสรรค์เพื่อเพิ่มสัดส่วนภาคบริการเศรษฐกิจโดยรวม6.พัฒนาและประยุกต์ICTเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมโดยสร้างความเสมอภาคของโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและบริการสารธารณะสำหรับประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะบริการพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตที่มีสุภาวะที่ดีได้แก่บริการด้านการศึกษาและบริการสาธารณสุข7.พัฒนาและประยุกต์ICTเพื่อสนับสนุนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
แต่ในแผน ICT2020มิใช่อยู่เพียงเรื่อง คอมพิวเตอร์เท่านั้น ยังต้องมีทั้งด้านการสื่อสาร และสารสนเทศประกอบกกัน โลกที่เปลี่ยนไปสู่ยุคโลกาภิวัตน์ความเจริญทางด้านวัตถุเริ่มเข้ามามีบทบาทด้านการบริหารจัดการแบบทุกองค์กรไม่ว่า แวดวงทางด้านการศึกษา เอกชนและ ราชการกับทั้งวงการธุรกิจรวมทั้งวงการแพทย์ประเภทต่างๆเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันและการบริการ แต่มนุษย์ลืมคิดไปหรือไม่ว่าความเจริญเข้ามาเร็วเท่าไรความผูกพันธ์ระหว่างมนุษย์น้อยลงไปทุกที
ในกรณีที่ผู้เขียนเคยเห็น ครั้งหนึ่งเคยนั่งรถไฟฟ้าเห็นคนนั่งติดกัน ไม่รู้จักกัน ไม่สนใจ หรือแม้แต่ยิ้มให้กันเด็กนักเรียนก็ก้มหน้ตาาก้มตาบีบี จนนึกเป็นห่วงสายตาว่าจะปวดตาหรือปวดนิ้วหรือไม่ ส่วนวัยทำงานหลายคนที่คุยแต่โทรศัพท์ อีกกรณีคือเคยมีเพื่อนมาปรึกษาว่าทุกวันนี้ทุกคนอยู่ในบ้านแต่เหมือนไม่มีใครอยู่ ลูกชายก็เอาแต่นั่งเล่นเกมส์หน้าคอม พ่อบ้านก็นั่งหน้าคอมทำงานไปด้วยคุยเอ็มไปด้วย ลูกสาวก็เอาแต่บีบี ลูกสาวอีกคนก็คุยแต่โทรศัพท์ทั้งวัน ตัวเองเป็นแม่บ้าน เคยดีใจว่าเมื่อถึงเวลาสามีกลับจากที่ทำงาน ลูกๆกลับบ้าน เคยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขแต่เดียวนี้ความสุขนี้หายไป ความสัมพันธ์ครอบครัวห่างหายอยู่อย่างไปสนใจอะไรจดจ่อกับแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ ทำให้กระต่ายเองต้องแอบคิดว่าหรือว่าความเจริญทางวัตถุยิ่งมากความเจริญด้านจิตใจของมนุษย์ลดลง
ในกรอบ ICT2020ที่วางไว้อีกประมาณเก้าปีจะทำได้จริงหรือที่ประชาชนทุกคนในประเทศใช้คอมพิวเตอร์เป็นความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั่วทั้งประเทศ มีน้ำประปา ไฟฟ้า ถนนที่พร้อมทุกแห่งหนตำบลแล้วหรือไม่ แล้วทรัพยากรที่เรียกว่าทุน ในที่นี้หมายถึงมนุษย์ที่มีความรู้ความสามารถและศักยภาพในด้านนี้มีมากเท่าใด เราจะเอาชีวิตไปแขวนกับเทคโนโลยี่กระนั้นรึ?,,,,
ถ้าสิ่งนี้มีความเป็นไปได้พัฒนาถึงขีดสุดเทคโนโลยี่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตจนเราขาดมันไม่ได้ เราต้องพึ่งพาคอมพิวเตอร์ทุกส่วนในชีวิตประจำวัน ไฟดับคงไม่ต้องทำอะไร อะไรๆคงหยุดชะงักไปหมด และถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์ผ่านระบบในรูปแบบนิ้วสัมผัสถ้าไม่มีนิ้วทำไงดีหล่ะชีวิตนี้
ถ้าตั้งแต่เด็กมีชีวิตภายใต้การสื่อสารการเรียนการสอนและการใช้ชีวิตประจำวันผ่านจอสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าระบบคอมพิวเตอร์ เด็กๆจะเขียนภาษาไทยถูกไหม กริยา มารยาท วัฒนธรรมความเป็นเอกลักษณ์แบบใดจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใดบ้างทั้งเรื่องค่านิยมและทัศนคติเราให้คอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยี่ทุกประเภทมาเป็นนายเรา แทนที่เราจะเป็นนายมัน
แต่ใช่ว่าในส่วนเสียจะไม่มีส่วนดี ในส่วนดีจะไม่มีส่วนเสีย เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ คอมพิวเตอร์ได้ช่วยอะไรได้มากมายเหมือนกัน ทั้งเรื่องงานและธุรกิจช่วยให้เรารู้เท่าทันอย่างทันสมัยไม่ว่าจะใช้ในรูปแบบการเรียนการสอนใช้ใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์การสอน(CIP)และการศึกษาe-Learning
ในหลายประเด็นที่ให้ความคิดเห็นตามแนวคิดของตัวเองจะเห็นว่ามีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย แต่ส่วนเสียจะมากกว่าส่วนดีหรือส่วนดีจะมากกว่าส่วนเสีย หรือว่า นโยบายนี้เป็นเพียงความเพ้อฝันหรือจะเป็นเรื่องจริง
หรือจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ ศักยภาพที่เรียกว่า ทุนมนุษย์ด้านนี้มีเพียงพอไหม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือ แม้กระทั่งระดับ ผู้บริหารจะเขียนนโยบายไว้ให้ดูสวยหรูสามารถนำไปประปฎิบัติจริงได้อย่างไรจะมีผลกระทบอะไรตามมาบ้างนี่คือสิ่งที่น่าติดตามและเก็บเอาไปคิดทีเดียว
30 สิงหาคม 2554 09:34 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อ.สุมิตรยืนยัน
2012 โลกเกิดหายนะอุทกภัยน้ำท่วมโลกแน่นอน
ตึกใบหยก ที่เราแสนจะภูมิใจในความสูง
NASA ปิดข่าว
เพราะกลัวว่าถ้าประกาศข่าวนี้แก่ชาวโลกรู้ท่านลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เมื่อท่านรู้ตัวว่าจะตายในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า ท่านจะใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงเลยใช่มะ
โลกจะเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น 80% โลกทั้งโลกจะวุ่นวาย
เค้าเลยปิดเป็นความลับ (เฮอๆดีเน้อ) แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่นข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และอุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)
ข่าวใหม่ล่าสุด 23 พ.ค. 2552 ช่อง 11 (4 ทุ่ม) มีการคุยเรื่อง ภัยพิบัติล้างโลก 2012 อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้วชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง
อาจารย์ สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA
ในสายงานคือ ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
เพื่อสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด)
"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้
โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้น
จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน
และคนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว
แล้วได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจาก
อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว
(แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)
"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง
ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต"
ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012
(มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด)
"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ
"อาจารย์ สุมิตร" บอกว่า มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิด เรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล "อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยควรเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริง ที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆ"อาจารย์ สุมิตร" กล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012นั้นเป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล เพราะ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA จริง มีตัวตนจริงๆ
ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ
ฉะนั้นบอกคนที่คุณรักซะว่าคุณรักเค้ามากแค่ไหนเพราะอีก3ปี...คงไม่มีโอกาสได้บอก
ทาง NASA ได้คํานวนไว้เเล้ว
- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ computer)
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก
- ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม
- สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เเละในที่สุดเราก็จะตายกันหมด
- กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
-แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
นอกกรอบ
ทางโหราศาสตร์ - บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์
ทางโบราณคดี - อย่างที่พูดข้างต้นไว้...เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของช าวมายันมีเเค่ 2012 เท่านั้น
ทางการทำนาย - นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศีตีความแล้วสอดคล้องกับ ทางโหราศาสตร์
ทางด้าน UFO - ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ...)
ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้นน่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตุจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจรณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัวผมขอโยงไปเรื่องโหราศาตร์ที่จะมี โลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศและจักรวาล ยังที่บอกไวว่าดาวเเบบเราไม่ได้มีเเบบนี้ใบเดียวจริงๆ มี 200 กว่าดวง
ข้างล่างนี้เเล้วเเต่คนจะเชื่อคับ
1. ประกาศจากองค์การ NASA วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) วันนั้นแกนโลกของเราจะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวเองจากสนามพลังแม่เหล็ก และ รังษีต่างๆจากอวกาศ
แล้ววัน นั้นจะเป็นวันเดียวกับที่ ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ. 2544 ถ้ามาถึงวันนี้ก็ 11 ปีพอดี ( 2544 + 11 = 2555) ขณะ ที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังษีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลก ไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง ผลคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน น้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ทัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
8 สิงหาคม 2554 09:57 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ขำขำวันทำงานแบบกระต่ายใต้เงาจันทร์
(ชีวิตไอ้เบิ้มภาคสอง)
ตอนบ่ายของวันเสาร์กระต่ายนั่งทำงานอยู่ในห้องสมุดอยู่คนเดียวอย่างเงียบๆๆ เสียงคุ้นเคยเรียกชื่อตัวเองรัวๆๆ เร็วๆๆๆ ครูกระต่ายครับผมมีปัญหาแก้ไม่ตกครับ ถ้าไม่ได้คำตอบวันนี้ ผมต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับแน่เลยครับ....ตอนนี้ผมสับสนมากๆครับ...
คะ...ขนาดนั้นเลยเหรอคะ...แต่ว่าเบิ้มมีปัญหาอะไรคะ เล่าให้ฟังสิ
นี่ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไรครับ...เบิ้มพูดพร้อมชี้มือมาที่โต๊ะ,,, เทเบิ้ลใช่ไหมครับ
คะ ใช่ กระต่ายตอบไป...
แต่อาจารย์กำพลบอกว่า เรียกว่า เทบเร่ ครับ ผมจำได้ว่าพี่ผมที่อยู่ม.หก สอนให้อ่านว่า เทเบิ้ลครับ
ครูกระต่ายคิดว่าตอนนี้เบิ้มอยู่มสาม ,,,,,อาจารย์กำพลเลยให้เบิ้มเรียกเทบเร่ไปก่อน ขึ้นม.หกค่อยเรียก เทเบิ้ล มั๊งคะ
ตัวอาจารย์กำพลเองยังสับสนว่าจะมีผัวหรือมีเมียดีเลยคะ
เบิ้ม..................................?
5555555555555555555 ทีใครทีมันน่ะเบิ้ม