28 กันยายน 2552 11:54 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันนั่งมองเม็ดทรายบนชายฝั่ง
ภาพความหลังผุดพรายให้หักเห
เพราะห่างไกลใจใครจึงรวนเร
น้ำตาหยดปนน้ำทะเลบาดลึกใจ
มองทะเลสีฟ้าครามในยามนี้
เคยมีเธอคนดีเคียงชิดใกล้
เคยเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ใจ
แต่เธอกลับเปลี่ยนไปเพราะไกลกัน
เหลือเพียงฉันเดินเดียวดายใต้ฟ้ากว้าง
กลางสายลมอ้างว้างความแปรผัน
กลิ่นทะเลนความเดียวดายอยู่ทุกวัน
ไม่เหลือแม้ความฝันฝาก....ฝั่งทะเล
มีน้ำตากี่หยาดหยดรดผืนทราย
กี่ครั้งจะแห้งหายหรือหักเห
จะตรอมตรมอีกกี่ครั้งฝังทะเล
วอนลมกล่อมเห่ความหลังกลบเม็ดทราย
22 กันยายน 2552 16:33 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เห็นดอกหญ้างามไสวบนเนินผา
โยกไปมาเล่นล้อรวงตามซอกหิน
ดอกสีขาวเผลอหล่นร่วงตามลานดิน
ไปทุกถิ่นตามลมพัดซัดเหนือภู
ดอกแกว่งไกวล้อรวงเย้ยอรุณฉาน
โอนเอนทานแรงต่อต้านใบปลิวลู่
เหมือนเย้ยยิ้มหยอกเหย้าราวเอ็นดู
รับละอองฝนที่พร่างพรูพรมผืนดิน
ถึงเป็นดอกหญ้าด้อยค่าแต่รู้งาน
เผยดอกรวงคลี่บานได้ทุกถิ่น
ผ่านร้อนหนาวฤดูกาลจนชาชิน
ยังเผยอดอกบ้าบิ่นผลัดผ่อนใบ
ขอเป็นเพียงดอกหญ้าที่กล้าแกร่ง
ผ่านร้อนแล้งแดดแรงถึงเพียงไหน
เมื่อฝนพร่ำดอกชูช่อล้อแต่ไกล
ชูช่อดอกงามไสวยามฝนพร่ำ
เจ้าดอกหญ้าที่ต่ำค่ารู้หรือไม่
เจ้าได้ให้ความเริ่งรื่นที่ชื่นฉำ
ให้ข้อคิดแฝงความหมายที่ลึกล้ำ
ไม่มีใครด้อยค่าต้อยต่ำในโลกนี้
4 กันยายน 2552 23:29 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
หากวันใดคิดถึงกันจนหวั่นไหว
หากวันใดปวดร้าวหนาวกายสั่น
ให้เธอมองมองฟ้าเรียกหาจันทร์
ด้วยรักมั่นฉันจะเป็นเช่นจันทรา
จะมองเธอตรงนี้ไม่มีห่าง
ยามอ้างว้างร้างไกลใจห่วงหา
ยังยืนยันรักเธอมั่นขอสัญญา
จะมีกันทุกเวลาแม้ฟ้าไกล
หากฟ้ามืดมองไปไร้จันทร์เจ้า
ฉันคงเฝ้ารอเธอไม่ไปไหน
แม้เมฆหมอกบดบังสองหัวใจ
ฉันยังมีเธอเสมอไปแม้ไกลกัน
ให้เธอเปรียบเทียบฉันเช่นดังเงา
มีสองเราดำรงรักคงมั่น
แม้วันใดอ่อนล้าเรียกหากัน
เธอจะพบเงาฉันใต้จันทรา
4 กันยายน 2552 22:40 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ร้อนระอุไอแดดที่แผดเปรี้ยง
ยิ่งตอนเที่ยงไอแดดยิ่งแผดเผา
ร้อนระเหยแทบมอดไหม้ในกายเรา
ที่ร้อนเร่าแผดเผาคือข้างใน
แหงนมองฟ้าถามไถ่ได้ไหมฟ้า
สงสารข้าชาวนาบ้างได้ไหม
แสงอาทิตย์รุ่มร้อนดั่งฟอนไฟ
ฝนตกน้ำท่วมไหลนองแผ่นดิน
ต้นกล้าที่ปลูกไว้ก็ตายจาก
ชาวนาน้ำตาพรากเพราะหนี้สิน
หยาดน้ำตาปนเหงื่อเรื่อหลั่งริน
ท่วมพื้นดินช้ำชอกจะบอกใคร
เพราะเพิษเศรษฐกิจที่ติดขัด
หวังภาครัฐหยิบฉวยช่วยได้ไหม
ยิ่งดูข่าวแสนรันทดสลดใจ
ผู้ค้าหัวใสกดราคาชาวนาตรม
2 กันยายน 2552 23:48 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อแรกเจอเผลอไผลในดวงจิต
เผลอเพ่งพิศแอบมองจ้องเหมือนฝัน
ปลดปล่อยใจผลั้งเผลอเมื่อเจอกัน
อายแสนอายสะเทิ้นสั่นหวั่นหัวใจ
ยิ่งเพ่งพิศสบสายตาพาหวาบหวาม
ขวัญกระเจิงหลงรูปงามตามฝันใฝ่
อยากอิงแอบออดอ้อนซ่อนความนัย
สื่อความหมายบอกไปด้วยสายตา
หลงละเมอพลั้งเจอเผลอพบรัก
อยากทายทักแต่รั้งรอเพราะไม่กล้า
ตกในบ่วงห้วงเหวจินตนา
ทุกสรรพสิ่งสวยเกินกว่าค่าสิ่งใด
มองท้องฟ้าก็จะเห็นเป็นสีฟ้า
ยามออ่นล้าสายลมอ่อนพัดผ่อนให้
มองทะเลระยิบระยับสวยจับใจ
มองเม็ดทรายคล้ายแสงเพชรเกล็ดแววาวว
มองอะไรสดสวยด้วยเพ้อรัก
ปุยเมฆยังยิ้มทักบนฟ้าขาว
เพราะแอบรักแอบละเมอเพ้อเรื่องราว
เจอสายตาที่แพรวพราวจึงเผลอใจ