7 ตุลาคม 2550 10:56 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แว่วยินเสียงจำนรรจ์ของพรรณไม้
มาผลิหน่อแตกใบอ่อนไหวร่วง
มีไอแดดเกลื่อนพราวเป็นดาวดวง
บนลานดินเหนือห้วงแห่งท่วงธาร
หอมกรุ่นกลิ่นอายแดดล้อมดวงจิต
แสงวิจิตรแดดเรืองรองยามส่องผ่าน
งามวิไลดวงดอกไม้แย้มผลิบาน
ใบทุกใบพลิ้วผสานผ่านฤดี
ทุกสรรพสิ่งร้อยเรียงดั่งเสียงทิพย์
เนรมิตรแสนสุขสันต์วันสุขี
ผ่านร้อยกรองวิญญาณผ่านบทกวี
ผ่านคืนวันเสรีต่อนี้ไป
ใช้จินตนาการวาดไกลในทุ่งกว้าง
ยามอ้างว้างเจ็บจนทนไม่ไหว
ใช้พรรณไม้ขับกล่อมหล่อหลอมใจ
ดวงดอกไม้โอบล้อมกล่อมกายา
เพราะบาดแผลพิษพ่ายกับเรื่องรัก
เจ็บช้ำนักหวลไห้อาลัยหา
ร้าวระบมตรอมตรมทั้งน้ำตา
หวังจะให้ธรรมชาติเยียวยา....รักษาใจ....
2 ตุลาคม 2550 10:55 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
จากหนึ่งหยดน้ำยางที่แตกสลาย
คือหนึ่งหยดความหมายแห่งห่วงหา
ยางขาวข้นไหลย้อยเป็นรอยมา
มันแลกด้วยเหงื่อช่าพ่อโซมกาย
กว่ายางหยดสักหยาดต้องบาดลึก
กี่คมสึกมีดบิ่นเหล็กภินท์พ่าย
ในขณะหลายคนหลับสบาย
พ่อต้องเหนื่อยเจียนตายใต้ต้นยาง
ลุกมาตากน้ำค้างตั้งแต่เช้า
ตื่นมาเหน็บสั่นเทาแต่ก่อนสาง
กับตะเกียงดวงน้อยคอยส่องทาง
อยู่ท่ามกลางความหนาวทุกเช้าไป
จากหนึ่งหยดน้ำยางที่เอ่อหลั่ง
คือหยดหนึ่งความหวังพ่อมีให้
ลูกทุกคนหนทางยังกว้างไกล
ถึงเหนื่อยสักเท่าไรพ่อไม่กลัว
กรีดยางส่งลูกเรียนด้วยน้ำแรง
กว่าน้ำยางจะแห้งตายต้นทั่ว
ถึงเหงื่อพ่อไหลหลั่งโซมทั่งตัว
ต้องส่งลูกเข้ารั้ว มหาลัย