28 สิงหาคม 2549 23:23 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
บนหนทางยาวไกลในชีวิต
พรหมลิขิตบรรเลงเพลงแห่งฝัน
ทุกรอยเท้าก้าวย่างต่างคืนวัน
ทุกข์สุขนั้นเพียงภาพฉาบมายา
มีเรื่องราวหลายหลากมากพันธะ
แพ้ชนะซับซ้อนซ่อนปัญหา
เหมือนลิขิตขีดเส้นโชคชะตา
แสนเหนื่อยล้าสูญสิ้นกำลังใจ
เหมือนหมอกควันบังแสงแห่งชีวิต
หลงแนวทิศมืดมนยากพ้นได้
ปวดรวดร้าวเจ็บท้อหมดอาลัย
ทิ้งร่องรอยความหมองไหม้เนิ่นนานวัน
ต่อแต่นี้ทุกอย่างความหวังสิ้น
น้ำตารินร่วงหล่นปนสะอื้น
ต้องหนาวเหน็บเจ็บช้ำทุกค่ำคืน
อุปสรรคมากเกินฝืน...กลืนน้ำตา...
25 สิงหาคม 2549 01:29 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
-: อย่าแปลกใจสับสนนะคนดี :-
หากว่ามีโทรศัพท์ไม่รับสาย( miss call )
เพราะไม่รู้ว่างอยู่หรือวุ่นวาย
ไม่ว่างรับตามสบายไม่จำเป็น
แค่จำเบอร์เอาไว้พอให้รู้
เมื่อโชว์อยู่หน้าจอพอได้เห็น
คือคนนี้ มิสคอล( miss call ) มา ทุกเช้าเย็น
ใช่แกล้งเล่นให้งอนง้อพ้อรำพึง
เพราะอยากบอกสักนิด มิสคอล( miss call ) มา
ทุกเวลาของห้วงจิตคือคิดถึง
ความห่วงใยใฝ่หาคอยตราตรึง
หวังสักหนึ่ง มิสคอล(miss call) กลับรับรู้ใจ ( ปักษาวายุ เขียน )
-: ได้ยินเสียงมิสคอล(miss call ) มาทายทัก :-
แค่มองเบอร์ก็รู้จักว่าคนไหน
เพราะมีเธอคนเดียวคอยห่วงใย
ยิ้มสุขใจได้เสมอเห็นเบอร์คุณ
แม้ห่างไกลไม่กลัวต้องเดียวดาย
ยังเฝ้ารอรับสายอย่างอบอุ่น
แค่โชว์เบอร์รู้ใจว่าใช่คุณ
เคยว้าวุ่นกลับชื่นจิต มิสคอล( miss call ) มา
เริ่มเคยคุ้นอุ่นใจในความหมาย
เพราะมิสคอล(miss call) ทุกสายแทนห่วงหา
ได้รับรู้ความคิดถึงที่ส่งมา
ทุกเวลาซาบซึ้งตรึงดวงใจ ( กระต่ายใต้เงาจันทร์ เขียน)
24 สิงหาคม 2549 01:15 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อหน้าร้อนย้อนกลับมาหาอีกหน
เสียงพร่ำบ่นคนขี้ร้อนออดอ้อนทั่ว
ทั้งเหนือใต้ตะวันออกบอกน่ากลัว
ร้อนพันพัวทั่วดินแดนทุกบ้านเรือน
ยิ่งแสงแดดส่องเจิดจ้าพาหดหู่
ใจที่สู้กลับร้อนรุ่มกลุ้มกว่าเพื่อน
มีบางครั้งบ้าคลั่งช่างบิดเบือน
ขอติงเตือนคนใจร้อนจงผ่อนคลาย
เลยหน้าร้อนแล้วย้อนมาถึงหน้าฝน
เสียงพร่ำบ่นตะโกนดังยังไม่หาย
น้ำขังแฉะถนนลื่นก็โวยวาย
ไม่สบายแถมเปื้อนเปรอะตอนฝนพรำ
เมื่อฝนตกแหมรถติดหงุดหงิดง่าย
เอ๊า..โชคร้ายเชี่ยวชนจนรถคว่ำ
อะไรว่ะ..มีแต่เรื่องมาประจำ
ช่างซวยซ้ำเรื่องมาซ้อนถอนหายใจ
จะหน้าฝนถึงหน้าร้อนหรือตอนหนาว
ทุกเรื่องราวมีเสียงบ่นทนไม่ไหว
เกิดเป็นคนแหมยุ่งยากลำบากทำใจ
อยากเกิดใหม่แต่กลัวว่า...ไม่ใช่คน...
22 สิงหาคม 2549 20:23 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เช้าวันหนึ่งแจ่มใสไร้เมฆฝน
ดูผู้คนพลุกพล่านเหมือนวันเก่า
เสียงจอกแจกจอแจกันแต่เช้า
คุณพระเจ้าเสร็จโปรดสัตว์กลับวัดวา
หญิงกลางคนกลับจากไปจ่ายตลาด
เจ้าอาวาสนำทางอยู่ข้างหน้า
แกรีบเร่งเดินไปไม่รอช้า
หิ้วตระกร้ากลับบ้านสำราญใจ
ถึงสะพานข้ามคลองของหมู่บ้าน
คุณพระท่านเดินถึงครึ่งทางได้
สะพานเก่าผุพลันหักทันใด
พระจึงได้ตกลงไปในลำคลอง
หญิงกลางคนเดินตามด้วยความหวาด
กลัวพลั้งพลาดตกไปรายที่สอง
แกก้าวเดินช้าช้าไม่กล้ามอง
สุดท้ายต้องตกน้ำไปตามกัน
เสียงแกร้องดังว่า...คุณพระช่วย...
ไยจึงซวยอย่างนี้น่ะอิฉัน
ก็เดินข้ามอย่างนี้ทุกวี่วัน
ไงดันตกลงได้ให้เปียกปอน
พระคุณเจ้าได้ยินเสียงเพียงกล่าวว่า
อาตมายังได้ตกลงไปก่อน
คราวนี้พระก็ช่วยไม่ได้อย่างแน่นอน
แหม..แดดไม่ร้อนน้ำก็ใสเย็นไว้โยม
22 สิงหาคม 2549 11:16 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
อยากอยู่ในอ้อมกอดของท้องฟ้า
พริ้มหลับตาอยู่บนเมฆสีขาว
ลมช่วยพัดน้ำตาที่ร่วงพราว
วอนดวงดาวเป็นเพื่อนเตือนปลอบใจ
ขอดวงจันทร์ส่องใจให้สร่างเศร้า
ลบเลือนเงาของคนทำหวั่นไหว
ปลิดปวดร้าวทิ้งลงทะเลไป
เพราะเยื่อใยสูญสลายร้าวระทม
วอนแมกไม้บรรเลงเป็นเพลงรัก
คอยฟูมฟักพักใจให้หายขม
เป็นเสียงเพลงบรรเลงโลกใบกลม
ความช้ำตรมเลือนลางลงสักวัน
ด้วยหัวใจเขาคลาดแอบวาดหวัง
วลีถ้อยดั่งว่ากลับมารับขวัญ
คำสัญญาที่ให้ไยลืมกัน
ทิ้งความฝันสัญญาว่าให้คอย
รักที่ว่าแน่นหนักดั่งภูผา
ทิ้งร้างลาห่างลับฉันเหงาหงอย
ล่วงวันเคลื่อนเดือนปีน้ำตาปรอย
ฝันเลื่อนลอยความหวังแทบพังภินท์
หยดน้ำตาแต่ละหยดหมดสิ้นค่า
แม้ไขว่คว้าเจ็บหนักรักสูญสิ้น
ม่านน้ำตาอาบแก้มร่วงหล่นดิน
ร่างดับดิ้นคงสิ้นค่าสำหรับใคร