20 ธันวาคม 2549 22:20 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สมน้ำหน้าเจ็บแล้วไม่จดจำ
ไปโดนทำร้ายตั้งหลายหน
ก็ทึ่มจนเชยเลยไม่ทันคน
มานั่งบ่นคร่ำครวญบอกอยากตาย
ก็รู้จักผู้หญิงไม่ดีพอ
นึกว่าหล่อคารมแถมเหลือร้าย
แถมมีลายพาดตัวตั้งมากมาย
ชาติเสือที่ไว้ลายกลายเป็นแมว
มาดูถูกผู้หญิงเพศอ่อนแอ
นึกว่าแน่ที่แท้ก็กินแห้ว
ยังอ่อนหัดเห็นชัดว่าหมดแวว
แค่ปลายแถวจะจีบฉันฝันเถอะเธอ
ทำระริกระรี้เข้ามาคุย
มาพูดชุ่ยคิดถึงฉันเสมอ
ไปให้ไกลถึงตายไม่อยากเจอ
พ่อกะล่อนอย่างเธอน่ารำคาญ
19 ธันวาคม 2549 06:33 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
-:ดวงตะวันสาดส่องเริ่มทอแสง:-
สีส้มแดงสวยใสทั่วพื้นหญ้า
พอเริ่มเช้าฝนโปรยเม็ดบางตา
สายฝนซารุ้งจับฟ้าดูสวยดี
-:จิบกาแฟนั่งแกว่งชิงช้าไกว:-
กิ่งไม้เริ่มผลัดใบหล่นตรงนี้
ดอกไม้ที่แซมผมสวยเข้าที
ยามบ่ายอารมณ์ดีคิดถึงใคร
-:เริ่มเข้าสู่ดินแดนสนธยา:-
อาทิตย์ลับขอบฟ้าลาร่มไม้
เบื้องบนดาวหล่นอนิษฐานทันใด
ให้คนไกลรักฉันได้ไหมดาว
-:ถึงราตรีแอบซุกกายใต้ผ้าอุ่น:-
รออ้อมกอดนุ่มละมุนคลายเหน็บหนาว
เธอรู้ตัวบ้างไหมในเรื่องราว
ทุกครั้งคราวอ้อมกอดนั้นฝันถึงเธอ
14 ธันวาคม 2549 19:45 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
...........................................
ต้องมาอยู่อย่างอ้างว้างกลางเมืองใหญ่
เดินขอทานเขากินแทบสิ้นใจ
กว่าจะได้อะไรสักหยิบมือ
เคยเป็นถึงเจ้าพญาติดอาวุธ
เป็นสิ่งสูงที่สุดมิใช่หรือ
เคยสู้ศึกยิ่งใหญ่ให้คนลือ
กลับมาถืองวงรอเหมือนขอทาน
ต้องเดินทางจากไพรมาไกลมาก
ได้แต่ฝากรอยเท้าไว้เล่าขาน
ว่าครั้งหนึ่งเคยอยู่ป่ามาช้านาน
เคยมีบ้านที่เป็นบ้านอยู่ในไพร
ต้องจากบ้านจากแผ่นดินจากถิ่นเกิด
มาเป็นหุ่นให้เขาเชิดในเมืองใหญ่
ชักเย่อ เตะฟุตบอล ฟ้อนรำไป
ทำบ้าบ้าอะไร....ได้ทั้งนั้น
ชูงวงขึ้นร้องขอร้องต่อฟ้า
บอกผู้คนทั้งหมดว่าที่ทำนั้น
ทำเพื่อเพียงเลี้ยงชีวิตไปวันวัน
ถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะอดตาย
ไม่มีป่ากว้างใหญ่ให้อีกแล้ว
ไม่มีคนมาเข้าแถวโห่ร้องไห้
ไม่มีศึกให้สู้....อีกต่อไป
มีแต่วันเพื่อรั้งไว้เพื่ออำลา
ที่เดินย่ำตามตรอกซอกถนน
ก็เพื่อบอกผู้คนให้รู้ว่า
ครั้งหนึ่งเคยมีช้างใหญ่ผ่านไปมา
ก่อนจะถูกประทับตราว่าสูญพันธุ์
............................................................
เคยอยู่อย่างยิ่งใหญ่ในไพรกว้าง
ต้องมาอยู่อย่างอ้างว้างกลางเมืองใหญ่
ไม่มีสิทธิ์จะเลือกทำอะไร
ไม่ว่าพงไพรหรือในเมือง
14 ธันวาคม 2549 01:01 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สิ้นสุดการเดินทางปล่อยวางพัก
ทั้งชีวิตทำงานหนักเพื่อความฝัน
โดยภาระสิ้นสุดประดุจจันทร์
สิ้นแสงส่องแปรผันกาลเวลา
สมบัติประดับร่างวางไว้ก่อน
หลับตานอนพักกายใกล้ชายป่า
อย่าพะวงสงสัยโชคชะตา
ตายแล้วหยุดแสวงหาพบสิ่งใด
นอนฟังเพลงสวดมนต์ธรรมวจนะ
เป็นจังหวะไพเราะเสนาะใส
เสียงบรรเลงเพลงมนต์จรรโลงใจ
กล่อมภายในชีวิตวิจิตรกาล
ผองเพื่อนมิตรนำร่างมาวางพัก
ศาลาหลักแห่งชีวิตประดิษฐาน
ทุกชีวิตต้องพักตามหลักการ
เพื่อสรรค์สร้างสืบสานความเป็นคน
สิ้นสุดแล้วการเดินทางของชีวิต
มั่นสถิตหยุดรักพักสืบค้น
หลับตาให้สนิทอย่าคิดกังวล
ทางถนนเดินดินสิ้นสุดแล้ว
12 ธันวาคม 2549 22:03 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันขอเพียงเป็นสายลมที่พัดผ่าน
คล้ายทำนองอ่อนหวานดนตรีไหว
เหมือนสายธารที่ไหลเย็นชุ่มชื่นใจ
เป็นม่านหมอกละมุนละไมหมายผูกพัน
ฉันขอเพียงเป็นแค่คนรู้จัก
มาทายทักและรักเธอในห้วงฝัน
ร้อยดอกรักความหอมหวานผ่านถึงกัน
กล่อมจอมขวัญคืนนิทราคราหนุนนอน
ฉันขอเพียงเป็นแค่ความคิดถึง
ที่เคยซึ้งได้หนุนแขนแทนหนุนหมอน
อิงอกอุ่นแนบเคียงกายยามร้าวรอน
เหมือนแดดอ่อนส่งความอุ่นยามห่างไกล
ฉันขอเป็นแค่หิ้งห้อยที่น้อยค่า
ค่ำคืนมากระพริบแสงสว่างไสว
ไปทุกที่คนใดทุกข์ปลุกปลอบใจ
ความห่วงใยส่งมอบผ่านกาลเวลา