22 พฤศจิกายน 2549 15:02 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ช่างเหน็บหนาวทุกคราวคืนกลืนน้ำตา
สะอื้นหาโหยไห้เพราะใจหวัง
อ่อนและล้ารักทำร้ายเหลือกำลัง
ทุกสิ่งยังฝังแน่นในใจเรื่อยมา
ลมหายใจรวยรินเหมือนเจียนขาด
สิ่งที่วาดเหลือแค่ฝันนั้นสิ้นค่า
ต้องยอมรับฝืนยิ้มกับโชคชะตา
หวังเพียงว่าแผลเลือนหายได้สักวัน
เหมือนแผลเป็นที่เลวร้ายคอยหลอกหลอน
เหมือนดังซ่อนมีดมีพิษกรีดตัวฉัน
หวาดผวาทุกข์เหมือนเงาเศร้าทุกวัน
ความผูกพันธ์สิ่งเลวร้ายไกลจากที
แต่แผลนี้ช่างเจ็บปวดรวดร้าวนัก
รอยแผลรักยังทิ่มตำซ้ำทุกที่
คืนเหน็บหนาวทนเดียวดายในราตรี
น้ำตามีรินร่วงทางช้ำระทม
21 พฤศจิกายน 2549 20:21 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
คำขอโทษไม่เคยช่วยอะไรได้
คำเสียใจน้ำตาไม่ไหลย้อน
คำแก้ตัวหม่นมัวมาบั่นทอน
คนกะล่อนออดอ้อนหาอะไร
เชิญเก็บกวาดเอาไปเสียให้หมด
คำโป้ปดคำหลอกลวงเธอใช่ไหม
ต้องขอโทษบังเอิญไม่ใช่ควาย
จมูกงามงามมีไว้หายใจไม่ใช่จูง
เชิญไปเถิดไปตายเอาดาบหน้า
คนสิ้นค่าความหมายไม่อยากยุ่ง
โรยคำหวานหว่านไปหลายกระบุง
แหมคุยฟุ้งหญิงสนใจขอไกลที
แค่ผู้ชายสนทำไมให้ยุ่งยาก
แถมเรื่องมากแสนรู้อยู่ทุกที
ไปให้ไกลตายไปได้คงยิ่งดี
กราบศพพี่จะกรวดน้ำสามเวลา
20 พฤศจิกายน 2549 22:20 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ดูสิใครอยู่ห้วงลึกล้ำยามค่ำคืน
หยาดน้ำตาเต็มตื้นคืนแห่งฝัน
ยามราตรีหนาวไข้จับในนั้น
โลกก็พลันหมองหม่นคือคนใด
อยู่ในห้วงฝันฉันคนเขียน
ยังเพ้อเพี้ยนขบคิดจมพิษไข้
เหมือนบางทีคลับคล้ายคนทนหายใจ
ซ่อนอยู่ในกริยาเก็บอาการ
ยิ้มให้กับบทเพลงบรรเลงพร
ข้าวยังค้างในช้อนมื้ออาหาร
มือกำแก้วกอดจินตนาการ
ถึงบ้านหลังออ่นหวานธารแสงดาว
ในบางครั้งเศร้าในสายตาคน
ไหลเปียกปนเปื้อนหน้าเหลือใดกล่าว
แว่วเหมือนเสียงขับขานเนิ่นนานเนาว์
ผ่านเรื่องราวหลากหลายในวันนั้น
เหมือนซึ่งผู้คนทนรับใช้
เหมือนทาสอ่อนไหวในไพรฝัน
บางทีความเหงาเราเท่ากัน
จนบางวันทำคล้ายจะไม่จริง
จงยิ้มให้โลกโชคชะตา
ต่อเวลาวาดวางกับบางสิ่ง
ก้าวไม่ถูกเหมือนใครมาทอดทิ้ง
นี่คือจริงทุกนิยามทุกค่ำเช้า
ในสีหน้าคลับคล้ายคนอมโรค
จิตวิญญาณซึมโศกพิษโรคเหงา
ในบ้านเมืองเรืองรุ่งมุ่งแต่เอา
ยิ้มในเงารื่นในกำไรค้า
เรายังเป็นตัวตนเยี่ยงคนขลาด
ในรังน้อยเยี่ยงทาสไม่ค่อยกล้า
ใช้ปากกาขีดเขียนจินตนา
ผ่านอุราแห่งห้วงดวงฤดี
ด้วยวิญญาณแห้งกรอบหมายปลอบโลก
คนอัปโชคให้ส่วยเซ่นเห็นโลกผี
มาวัดวาดหัวใจใช่ลองดี
เรื่องชั่วดีมันคละเคล้าเจ้าชีวิต
แม้ฝนพร่ำพริ้วผ่านกาลล่วงคืน
อยากหยิบยื่นสิ่งในฝันที่ฉันคิด
ทุกข์ใดเล่าเป็นเงาที่ตามติด
ทุกในจิตคือความคิดในใจตน
20 พฤศจิกายน 2549 16:07 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฟ้าชื้นแผ่นดินฉ่ำฝนพรำสาย
ฉันเดียวดายหม่นมัวหัวใจเหงา
แสนเหว่ว้าอ้างว้างไม่บางเบา
ทุกข์ปนเศร้าหมองหม่นปนอุรา
เหมือนขาดใครคู่คิดแนบชิดใกล้
เหมือนร้างไร้คนสนใจสิ้นไร้ค่า
ให้เหน็บหนาวทุกคราวคืนกลืนน้ำตา
จึงโหยหาคนแลเหลียวเกี่ยวหัวใจ
เพราะหัวใจดวงนี้....ยังมีค่า...
ทุกเวลาที่ร้าวรอนเลยอ่อนไหว
ขอเพียงมีคนร่วมฝันถึงวันไกล
อยู่ที่ใดหรือไร้เงาจึงเฝ้ารอ
เพราะหัวใจดวงนี้มี....ความหมาย....
เพราะหัวใจไม่มีใคร....ใช่ไหมหนอ...
จึงเว้าวอนอ้อนมา.........หาคนรอ
คนที่พอเข้าใจ.......แม้ไกลกัน...
13 พฤศจิกายน 2549 21:50 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แห้งผากเกินเข้าใจ
เพราะอะไรทำให้เป็น
นัยต์ตาเริ่มเยียบเย็น
และหัวใจเริ่มยืนยัน
ห่างไกลคนละฟ้า
หมื่นภูผามาขวางกั้น
ทะเลกว้างอ้างว้างนั้น
เหมือนพรากจิตไม่ติดกาย
แค่มดกัดเคยรู้เจ็บ
แค่หยิกเล็บแทบปางตาย
มีดกรีดร้องวี๊ดว๊าย
แต่ทำไมจึงนิ่งมอง
นี่หรือคือฉันนี่
มีชีวีเหมือนใครผอง
มีเลือดไหลรินนอง
มีน้ำตาพาไหลริน
เป็นคนเหมือนเหมือนกัน
มีความฝันตีนติดดิน
มีบ้านต้องอยู่กิน
เคยมีรักมายาใจ
รักเราต้องรักเขา
ต้องรักเท่ากันเข้าไว้
เกลียดเขามากเท่าไร
คือเกลียดเราเท่าเท่ากัน
แห้งผากเหลือหัวใจ
เพราะอะไรเริ่มงงงัน
โลกยับพับลงพลัน
เพราะโลกในเราไร้น้ำ
แห้งผากเสียสนิท
ดั่งก้อนอิฐก้อนดินดำ
ร้อนในและเงียบงำ
เพราะหวั่นกลัวหรือลวงตน
ตื่นเถิดหัวใจหิน
ตื่นมายินเหตุและผล
ตื่นเถิดข้างในคน
จงตื่นใจมาเป็นใจ
มาเป็นหัวใจที่อ่อนนุ่ม
มีน้ำชุ่มหล่อเลี้ยงใน
มีรักคอยรินไหล
มีน้ำตาสามัญชน
เมื่อเป็นคนจงมีใจ
เมื่อมีใจจงเป็นคน
เหตุใดจึงลืมตน
มาเป็นคนไร้หัวใจ