30 ตุลาคม 2549 13:51 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
1
ไกลออกไป ไกลออกไป ไกลออกไป
ไกลจากเมืองวิไลและเลิศหรู
ไกลจากความวุ่นวายที่ทนอยู่
ไกลจากการไม่รับรู้เรื่องชีวิต
เป็นแหล่งพักหลักพึ่งซึ่งศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่งามแสนงามในความคิด
เป็นที่ชีวิตได้ผ่อนพัก
ลมเย็นเย็น แดดอุ่น อุ่น กรุ่นดินหอม
หัวใจได้ถูกถนอมพร้อมปกปัก
หัวใจได้หวนคืนสู่ความรัก
หัวใจได้ตระหนักต่อความจริง
ว่าแผ่นดินผืนนี้นี่กว้างใหญ่
แผ่นดินคือผู้ให้ไปทุกสิ่ง
แผ่นดินเกื้อการุณย์อุ่นอกอิง
และแผ่นดินไม่เคยทิ้งมวลมนุษย์
2
ตะลึงโหยหวนหาเมื่อว้าเหว่
เมื่อเหนื่อยล้ารวนเรถึงที่สุด
เร่รักษาหัวใจซึ่งโทรมทรุด
หัวใจซึ่งถูกฉุดให้ทรุดโทรม
ข้าวทุ่งเขียวแสนงามงามต้องแสง
แดดโรยแรงโอนอ่อนผ่อนร้อนโหม
ลมบางบางแผ่วผิวพลิ้วผ่านโลม
คลื่นใบข้าวน้าวโน้มมโนใน
แม่โพสพเอ่ยลาพระอาทิตย์
ผู้แผ่เผื้อเอื้ออุทิศทุกวันใหม่
ซึมแสงรับซับรังสีที่ส่องใบ
หลอมธาตุน้ำรวมให้ไปแปรรวง
เหลืองอร่ามงามแท้แม่โพสพ
ข้าวทุ่งพลบถึงเวลาจะลาล่วง
ไปเพื่อปันเป็นโภชน์ประโยชน์ปวง
สืบต่อช่วงต่อชั้นพันธุ์มนุษย์
3
ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป ใกล้เข้าไป
ใกล้หัวใจดวงหนึ่งซึ่งผ่องผุด
ใกล้หัวใจดวงพิสุทธิ์มนุษยชน
ยังพอมี....ความหลัง....พลังศรัทธา
เปี่ยมด้วยความปรารถนาทุกท้องระบบ
จากทุ่งข้าวถึงเมืองหลวงที่ดิ้นรน
เมตตารักจักเติบต้นดั่งข้าวงาม
28 ตุลาคม 2549 23:49 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เพราะท้องฟ้าขุนเขาทำเราห่าง
ผ่านกี่ทางทอดยาวให้ร้าวไหว
ผ่านกี่น้ำที่ไหลลงสู่พงไพร
ผ่านกี่ไมล์ถอดถอนให้รอนราน
ผ่านกี่คืนจะกลับมารับขวัญ
ผ่านกี่วันหวั่นไหวในคำหวาน
ผ่านกี่ปียังรอแสนทรมาน
คืนร้าวรานเฝ้ารอเพียงเดียวดาย
เขียนจดหมายเท่าไรหนอจะพออ่าน
กี่คำหวานโทรถึงซึ้งไม่หาย
กี่ห่างกายหลายครั้งยังคู่ใจ
กี่หวั่นไหวแต่ใจไม่ไกลเธอ
จะรุ่มร้อนหรือหนาวกี่คราวครั้ง
รักยังฝังตราติดตรึงซึ้งเสมอ
อยู่ห่างเพียงกายใจใกล้เธอ
รักเสมอ....มอบแต่เธอ....ชั่วนิรันดร์
27 ตุลาคม 2549 12:12 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ใครสักคน......คือ.....วันวานความรู้สึก
ใครสักคน.....คือ.....ยามนึก......แสนห่วงหา
ใครสักคน.....คือ.....ความฝันวันเวลา
ใครสักคน.....คือ....คุณค่าได้รักเป็น
ใครสักคน....คือ.....แสงทองของขอบฟ้า
ใครสักคน.....คือ....สายตาที่มองเห็น
ใครสักคน.....คือ....สายน้ำไหลชุ่มเย็น
ใครสักคน.....คือ....เป็นไฟไม่ร้อนแรง
เหม่อมองหา.....ใครสักคน.....บนห้วงฟ้า
เฝ้ามองเดือน.....ดาราพราว.....กระพริบแสง
โปรดมอบแรง.....กำลังใจ.....อย่าระแวง
ให้แข้มแข็ง ประดุจดัง....ดวงตะวัน
ใครคนนั้น....อยู่ที่ไหน.....ในโลกหล้า
หรือเพียงว่า....มีอยู่แค่....ในความฝัน
ใครคนนั้น.....จะเป็นใคร.....หมายผูกพันธ์
แค่ทุกวัน....มีฉัน.....เท่านั้นพอ
24 ตุลาคม 2549 00:37 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ความเงียบเหงาเศร้าซ่านผ่านลมหนาว
รักรุมเร้าอาวรณ์ตอนสุริยะผัน
ดวงเดือนดับเมฆลับทับตะวัน
สุริยันหมดแสงแรงโรยรา
สกุณาแผ่วแว่วเสียงสำเนียงเศร้า
เหมือนรักเราเขาลืมสิ้นไม่หวนหา
เจ็บปวดพร่าตาสองนองน้ำตา
สมน้ำหน้าหัวใจใยต้องจำ
อยากสิ้นไร้ความจำในความคิด
แต่ย้ำติดอุราช่างน่าขำ
ในบางคำทำร้ายสุดชอกช้ำ
เหมือนกระหน่ำทับโถมให้จมดิน
เพราะหัวใจโหยหาถึงคืนหวน
แต่เรรวนรวดร้าวเขาลืมสิ้น
แสนรันทดน้ำตาหลั่งร่วงลงดิน
แอบถวิลโศกาเฝ้าอาดูร
ต้องยอมรับโชคชะตาฟ้าลิขิต
ไม่มีสิทธ์เขาเปลี่ยนเราสิ้นสูญ
ต้องแพ้พ่ายพินาศยับทวีคูณ
ความการุณไม่เหลือให้แม้ธุลี
23 ตุลาคม 2549 23:22 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ไกลออกไป ไกลออกไป ไกลออกไป
ไกลจากเมืองวิไลและเลิศหรู
ไกลจากความวุ่นวายที่ทนอยู่
ไกลจากการไม่รับรู้เรื่องชีวิต
เป็นแหล่งพักหลักพึ่งซึ่งศักดิ์สิทธิ์
เป็นที่งามแสนงามในความคิด
เป็นที่ชีวิตได้ผ่อนพัก
ลมเย็นเย็น แดดอุ่น อุ่น กรุ่นดินหอม
หัวใจได้ถูกถนอมพร้อมปกปัก
หัวใจได้หวนคืนสู่ความรัก
หัวใจได้ตระหนักต่อความจริง
ว่าแผ่นดินผืนนี้นี่กว้างใหญ่
แผ่นดินคือผู้ให้ไปทุกสิ่ง
แผ่นดินเกื้อการุณย์อุ่นอกอิง
และแผ่นดินไม่เคยทิ้งมวลมนุษย์
...........................................................
ตะลึงโหยหวนหาเมื่อว้าเหว่
เมื่อเหนื่อยล้ารวนเรถึงที่สุด
เร่รักษาหัวใจซึ่งโทรมทรุด
หัวใจซึ่งถูกฉุดให้ทรุดโทรม
ข้าวทุ่งเขียวแสนงามงามต้องแสง
แดดโรยแรงโอนอ่อนผ่อนร้อนโหม
ลมบางบางแผ่วผิวพลิ้วผ่านโลม
คลื่นใบข้าวน้าวโน้มมโนใน
แม่โพสพเอ่ยลาพระอาทิตย์
ผู้แผ่เผื้อเอื้ออุทิศทุกวันใหม่
ซึมแสงรับซับรังสีที่ส่องใบ
หลอมธาตุน้ำรวมให้ไปแปรรวง