29 กรกฎาคม 2553 00:52 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
มองเดือนดาววับวาวราวชิดใกล้
ลมลูบไล้ไออุ่นกรุ่นเนื้อสาว
ท่ามราตรีเผลอยิ้มรับกับหมู่ดาว
กระพริบพราวหมู่ดาวล้อมกล่อมดวงใจ
นั่งมองจันทร์กลางคืนงามยามชื่นจิต
ส่องนวลแก้มงามพินิจสวยสดใส
แว่วลมล้อเสียงเคล้าคลอรอบางใคร
ฝากคำว่า คิดถึงผ่านให้ใครรับที
โลกรายล้อมหอมละมุ่นกรุ่นความหวาน
ดวงดอกไม้เบ่งบานสวยสดสี
หยดน้ำค้างวับวาวราวเพชรเก็จมณี
เสียงใบไม้ดั่งดนตรีร่ายระบำ
สุขนิยามเย็นเยียบเงียบสงัด
สู่ภวังค์ผมปลิวปลัดยามคืนค่ำ
กลิ่นจำปีที่ปลายผมหอมเหลือล้ำ
ในรอยจางความทรงจำเริ่มทำงาน
ความคิดถึงความทรงจำช่างล้ำลึก
ยิ่งคืนค่ำดื่นดึกทักทายผ่าน
ความคิดถึงเดินตามมาเนิ่นนาน
มอบความคิดถึงส่งผ่านม่านฟ้าไกล
15 กรกฎาคม 2553 22:06 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อเป็นเด็กน้อยวิ่งเล่นเพราะสนุก
หกล้ม-นั่ง-นอน-ยืน-ลุก เริงร่า
เสียงหัวเราะยิ้มแก้มแต้มประดับประดา
ไร้เดียงสาสดใสวัยน่ารัก
แต่เมื่อเติบโตสู่ห้วงช่วงวัยวัน
ความฝันที่สดใสใครหาญหัก
ห้วงมายาเล่ห์มากมายเข้าทายทัก
บ้างจมปลักตกห้วงเหวแห่งชีวิต
ผ่านร้อยกลเรื่องฉ้อฉลมีมากมาย
ผ่านวันคืนเลวร้ายใครลิขิต
มาบ่มความเกลียดชังกระทั่งมิตร
หรือโลกวิปริตเพาะบ่มความเกลียดชัง
ในปรัชญาชีวิตย่อมมีความงดงาม
เหมือนกระจกส่องถามยามเหลียวหลัง
ใช้ความดีมาต่อเติมเสริมพลัง
ที่ล้นหลั่งคือความดี ตอบโลก ได้ไม่อายฟ้า
ในธรรมะมีความง่าย-เงียบ-สงบ-งาม
มีอยู่ในตัวตนทุกโมงยามลองค้นหา
ใช้สติพินิจ-พิจารณา
จะเป็นคนเยี่ยงกาหรือกล้วยไม้ที่งดงาม
8 กรกฎาคม 2553 21:02 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เคลื่อนไหวในห้วงแห่งชีวิต
เขียนเรื่องราวถูกผิดเป็นร้อยเรื่อง
ไม่ปราดเปรื่องยิ่งเขียนยิ่งขุ่นเคือง
สารพัดเรื่องปัญหาแห่งชีวิต
อดทนสู้ลมฝนทุกอย่างก้าว
ผ่านกี่ร้อนหนาวเผาดวงจิต
ฝ่าดงหนามแสงสีแห่งมวลมิตร
ฝ่าจริตคนชังไม่หวังดี
เพราะร้อยถ้อยคำไม่ล้ำลึก
แต่มีสุขที่เขียนได้ทุกที่
สุข โศก เศร้า คละเคล้าบทกวี
บางบทตอนมีจากชีวิตจริง
คำบางคำหวานล้ำบรรเจิดจ้า
คำบางคำปวดปร่าท้าทายยิ่ง
บนโลกลวงนิยามความเป็นจริง
เกิดจากความคิดหลายสิ่งวางไม่ลง
บางบรรทัดใต้น้ำคำมีน้ำตา
บางเวลาแค่เศษกระดาษเป็นผุยผง
แต่ยังนั่งจมจ่องานอย่างมั่นคง
วางไม่ลงหมั่นเพียรเขียนเนื้องาน
ผ่านกี่ปีเคยถูกขว้างทิ้งตระกร้า
แต่ยังบ้ายังนั่งหวังสืบสาน
บทพิสูจน์เรื่องจริงเป็นตำนาน
เพราะรักงานเขียนเรื่องเล่าที่กล่าวมา
มองเก้าอี้ที่เปื้อนเหงื่ออันงามงด
ผู้เขียนคงหมดโรยแรงอย่างอ่อนล้า
พิงพนักเก้าอี้หลับหล่นปนน้ำตา
ออกจากห้วงมายา...สู่สามัญ....
2 กรกฎาคม 2553 00:19 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สายฝนพร่ำเหมือนลำนำเริ่มร่ำไห้
หยาดน้ำใสหล่นเรียงเพียงเพราะว่า
แค่ดอกฝนปนเปื้อนคราบน้ำตา
คง...ไม่ใช่หลั่งออกมาจากช้างใน
ค่ำคืนนี้เย็นเหยียบจนหนาวเหน็บ
ใจแสนเจ็บหม่นคว้างทิศทางไหน
เพราะ..น้ำฝน...หรือ...น้ำตา...ออกจากใจ...
ฝนในใจปนเปื้อนคราบน้ำตา
ยิ่งดึกดื่นฝนตกอกหมองไหม้
ไร้คนคอยสนใจไม่มาหา
หลงผลัดถิ่นแดนดินไม่ชินตา
ทุกข์ทรมาอับหม่นจนหนทาง
สายฝนพรูลมกรูกราวรวดร้าวนัก
คนเคยรักกลับเลือนหายลับกลายห่าง
เหลือความเหงากลางสายฝนปนอ้างว้าง
น้ำตาฝนหล่นวางทางน้ำตา
1 กรกฎาคม 2553 01:07 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ฉันนั่งมองไกลไปปลายฟ้า
เห็นเดือนดาราสุกสกาววับวาวใส
อยากจะเก็บเดือนดาวอิงแอบอุ่นอกไอ
เก็บดวงดาวเอาไว้ในห้องนอน
อยากให้เดือนดาวยิ้มลงที่ตรงหน้า
อยากจะคว้าเดือนดาราไว้ใต้หมอน
แล้วกระซิบอ้อนคำพร่ำเว้าวอน
ก่อนเข้านอนจะขอพรจากเดือนดาว
ขออนิษฐานตั้งความหวังอย่างที่คิด
ขอทุกชีวิตบริสุทธิ์ดั่งสีขาว
มีความสุขสดใสเช่นเดือนดาว
พร้อมบอกกล่าวพบฝันในวันดี
มองดวงดาวบานช่องทางหน้าต่าง
ทุกก้าวอย่างชีวิตคนบนวิถี
ขอพรดาวให้ทุกคนพบโชคดี
ฉันขอเพียงเท่านี้ได้ไหมดาว