13 ธันวาคม 2553 19:05 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เหมือนตกบ่วงเงียบงันของความเหงา
โลกทั้งโลกซึมเศร้าสีเทาหม่น
เกิดเวียนว่ายอยู่ในละครคน
ชะตาว่ายวนซึมแทรกจนแปลกใจ
กระแสผ่านการเวลาหลายวิกฤต
ใต้เงาโลกเบี้ยวบิดคิดสงสัย
มีคำถามนิยามแห่งความนัย
อยู่ในโลกความสงสัยใต้น้ำตา
ทุกเรื่องราวระลึกระทึกผ่าน
อยู่ใต้ม่านมืดหม่นจนปวดปร่า
ระทดท้อขาดวิ่นสิ้นชะตา
อยู่ห้วงเหวหุบผาชะตากรรม
หยาดน้ำตารินไหลไม่สิ้นสุด
หมดแรงเรี่ยวโทรมทรุดโดนกระหน่ำ
หรือเกิดมาชาตินี้ใช้หนี้กรรม
ถึงมีแต่เรื่องรุมซ้ำทำร้ายใจ
อยากจะหยุดหัวใจไว้ตรงนี้
พอกันทีเรื่องราวเข้าใจไหม
ฉันเริ่มเหนื่อยจนท้อแล้วหนอใจ
อยากหลับใหลลืมตื่นมิฟื้นมา
แต่โชคชะตารุมเร้าอุปโลกน์
บนเส้นทางเศร้าโศรกโลกเหว่หว้า
ใต้รอยยิ้มซ่อนเงื่อนเปื้อนน้ำตา
เจ็บจนชาปวดจนชินแทบสิ้นใจ
ปล่อยน้ำตาเป็นทางแห่งสีขาว
ตกภวังค์เร้นร้าวอยากหลับใหล
ไม่รับรู้ไม่อยากเห็นความเป็นไป
หยดน้ำใสไหลร่วงถ่วงกายนอน
อยากหลับแล้วหลับใหลให้สนิท
จากทุกอย่างวางชีวิตที่หลอกหลอน
ไม่ห่วงหาหมดอาลัยไร้อาวรณ์
หลับตานอนนิ่งสนิทนิจนิรันดร์
19 พฤศจิกายน 2553 14:16 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
กระทงธารสวยงามยามพบเห็น
กลางเดือนเพ็ญกระจ่างสว่างไสว
น้ำกระเพื่อมพัดพาลอยล่องไป
พริ้มหลับตาอนิษฐานไว้ในกระทง
ในทั่วแดนถิ่นหล้าทั่วฟ้าส่อง
ความเรืองรองวับวาวราวประสงค์
ให้ผองเพื่อน-มิตรสหายสมจำนงค์
อนิษฐานเรื่องดีมอบส่งกระทงใจ
คืนวันเพ็ญแสงวับวาวราวสวรรค์
พลุไฟแต้มสีสันสว่างไสว
ราวยั่วเย้าหยอกเอินฟ้าอันอำไพ
คืนยี่เป็งเห็นโคมไฟบนราวฟ้า
กระแสธารเห็นกระทงลอยละล่อง
ผ่านกระแสน้ำสีทองดูล้ำค่า
กระทงธารสวยเด่นดูงามตา
สวยสง่าประโลมฝั่งณ.ถั่งธาร
ฟังสิฟัง...เริ่มบรรเลงปี่ซอแว่วคลอขับ
มโหรีขานรับประสานเสียง
เคล้าเสียงคลื่นประทับจิตสนิทเพียง
สังคีตเสียงประดุจมนต์แห่งคนธรรพ์
น้อมจิตอนิษฐานขอขมา
แม่คงคาจากหัวใจที่ล้นหลั่ง
ธูปเทียนหอมน้อมความหวัง
ต่อเติมพลังตามรอยบาทพระศาสดา
8 พฤศจิกายน 2553 23:04 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
กรีดบรรเลง บทเพลงผ่านลมหนาว
บอกเรื่องราวคืนวันอันสดใส
เพลงดนตรีพริ้วไพเราะเสนาะใจ
เสียงหวานใสมอบให้จากปลายฟ้า
ฟังสิฟังเพลงหวานขับขานแว่ว
ดั่งใยแก้วครวญถึงคนึงหา
ผ่านแมกไม้สายธารหมอกฝากบอกมา
มอบบทเพลงตรึงตราจากหัวใจ
สังคีตเสียงเรียงร้อยโปรดคอยรับ
โปรดสดับรับฟังอย่าไปไหน
พลิ้วบรรเลงบทเพลงหวานส่งให้ไป
โปรดรับไว้บทเพลงหนึ่งคะนึงครวญ
เป็นบทเพลงหวานซึ้งหนึ่งลมหนาว
ที่บอกกล่าวความคิดถึงคะนึงหวน
ใต้ท้องฟ้าจันทราสีเหลืองนวล
แผ่วรัญจวนบอกคิดถึงเพียงหนึ่งใคร
28 ตุลาคม 2553 23:43 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สายฝนพร่ำเหมือนลำนำเริ่มร่ำไห้
หยาดน้ำใสหล่นเรียงเพียงเพราะว่า
แค่ดอกฝนปนเปื้อนคราบน้ำตา
คง...ไม่ใช่หลั่งออกมาจากข้างใน
ค่ำคืนนี้เย็นเหยียบจนหนาวเหน็บ
ใจแสนเจ็บหม่นคว้างทิศทางไหน
เพราะ..น้ำฝน...หรือ...น้ำตา...ออกจากใจ...
ฝนในใจปนเปื้อนคราบน้ำตา
ยิ่งดึกดื่นลมฝนปนลมหนาว
ปนเส้นทางทอดยาวคอยมองหา
หลงผลัดถิ่นแดนดินไม่ชินตา
ทุกข์ทรมาอับหม่นจนหนทาง
สายฝนพรูลมกรูกราวรวดร้าวนัก
คนเคยรักกลับเลือนหายลับกลายห่าง
เหลือความเหงากลางสายฝนปนอ้างว้าง
รักของเราไกลห่างเริ่มร้างลา
น้ำตาฝนปนลมหนาวทุกเช้าค่ำ
ตาแดงช้ำรอคอยละห้อยหา
กี่ปีเคลื่อนเดือนคล้อยคอยเรื่อยมา
กับคำที่พี่สัญญาจากหัวใจ
ตอนนี้หัวใจแหลกเริ่มแยกยับ
เหมือนถูกเฆี่ยนย่อยยับจนหมองไหม้
กลางสายฝนลมหนาวร้าวเกินใคร
กลั้นสะอื้นหยาดน้ำใสเริ่มไหลริน
22 ตุลาคม 2553 23:30 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ไหววังเวงเงียบงันที่เวิ้งฟ้า
เดือนดารามอบรักทายทักถาม
ละอองฝนไอเย็นใต้ฟ้างาม
กลางดื่นดึกท่ามนิยามสงบงัน
หอมเอ๋ยหอมละอองฝนปนไอหมอก
ความหนาวเยือนมาบอกเจ้าจอมขวัญ
กลิ่นราตรีหอมเย้ายวนชวนชมจันทร์
กาลเวลาาแปรเปลี่ยนผันไฟฝันจาง
ใกล้รุ่งสางละอองฝนปนไอหมอก
ผีเสื้อเหย้าหยอก-ดอกไม้ ไม่คลายห่าง
หอมกลิ่นดินกลิ่นใบไม้ใต้ใบบาง
มีความรักแทรกระหว่างขึ้นกลางใจ
ธรรมชาติไม่เคยทิ้งมวลมนุษย์
มอบอากาศที่บริสุทธิ์สุขสดใส
ให้ร่มเงาแผ่กิ่งก้านมอบผลใบ
ธรรมชาติคือผู้ให้อย่างแท้จริง
แล้วมนุษย์ทำไมไยฉุดคร่า
ทำลายป่าให้สูญหายไปหลายสิ่ง
ธรรมชาติเกื้อการุนณ์หนุนเอื้ออิง
แต่มนุษย์กลับละทิ้งด้วยเมตตา