23 ธันวาคม 2549 02:00 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แปลกใจและแปลกตา
ฟ้าหม่นฝ้าคลุ้งละออง
ใบหญ้าชุ่มฉ่ำนอง
ต้องน้ำค้างอาบไอเย็น
นิ่งนานและเนิบน้าว
สั่นหวั่นหนาวให้แลเห็น
หยาดย้อยทั้งกระเซ็น
ลำเค็ญคั้นกลั่นผ่านใจ
แอบซ่อนและซุกซบ
อิงไออบแมกหมู่ใบ
ต่างเจ็บต่างเหน็บใน
อิงกันไปเหมือนนำพา
หมอกหนาวและน้ำค้าง
พราวพร่างพรมโรยช้าช้า
ลงสู่พงดงหญ้า
เย็นนวลตาเรื่อละเลง
แดดสวยและแสงงาม
ยามแรกเช้าเคล้าเสียงเพลง
หมอกหนาวไหวหวั่นเกรง
เพลงตะวันคำสัญญา
21 ธันวาคม 2549 20:58 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
บนเส้นทาง
ณ.ถนนบนทางที่เปลี่ยวเหงา
เหลือเพียงเงาเราสองที่หมองหมาง
ขาดกันแล้วแยกกันคนละทาง
เป็นตัวอย่างความรักที่ลางเลือน
เหลือเพียงอดีต
ไม่มีใครจะลบรอยอดีต
ฟ้าได้ขีดรักเราร้างอย่างเฉือดเชือน
รอยร้าวลึกแผลร้ายคอยย้ำเตือน
เจ็บใดเหมือนเจ็บอกตกน้ำตา
ความเหงา
ต่อแต่นี้มีแค่ความเงียบเหงา
ความหม่นเศร้าคอยเตือนเยือนมาหา
ใต้แผ่นฟ้าต้องยอมรับโชคชะตา
กลับคำว่าต่อแต่นี้ไม่มีเรา
รอยน้ำตา
เหลือแต่เพียงละอองใสไล้ใบหน้า
ม่านน้ำตารินหลั่งอย่างโง่เขลา
ซบสะอื้นกับหมอนเพียงเบาเบา
จากนี้เราอยู่โดดเดี่ยวเพียงเดียวดาย
20 ธันวาคม 2549 22:20 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
สมน้ำหน้าเจ็บแล้วไม่จดจำ
ไปโดนทำร้ายตั้งหลายหน
ก็ทึ่มจนเชยเลยไม่ทันคน
มานั่งบ่นคร่ำครวญบอกอยากตาย
ก็รู้จักผู้หญิงไม่ดีพอ
นึกว่าหล่อคารมแถมเหลือร้าย
แถมมีลายพาดตัวตั้งมากมาย
ชาติเสือที่ไว้ลายกลายเป็นแมว
มาดูถูกผู้หญิงเพศอ่อนแอ
นึกว่าแน่ที่แท้ก็กินแห้ว
ยังอ่อนหัดเห็นชัดว่าหมดแวว
แค่ปลายแถวจะจีบฉันฝันเถอะเธอ
ทำระริกระรี้เข้ามาคุย
มาพูดชุ่ยคิดถึงฉันเสมอ
ไปให้ไกลถึงตายไม่อยากเจอ
พ่อกะล่อนอย่างเธอน่ารำคาญ
19 ธันวาคม 2549 06:33 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
-:ดวงตะวันสาดส่องเริ่มทอแสง:-
สีส้มแดงสวยใสทั่วพื้นหญ้า
พอเริ่มเช้าฝนโปรยเม็ดบางตา
สายฝนซารุ้งจับฟ้าดูสวยดี
-:จิบกาแฟนั่งแกว่งชิงช้าไกว:-
กิ่งไม้เริ่มผลัดใบหล่นตรงนี้
ดอกไม้ที่แซมผมสวยเข้าที
ยามบ่ายอารมณ์ดีคิดถึงใคร
-:เริ่มเข้าสู่ดินแดนสนธยา:-
อาทิตย์ลับขอบฟ้าลาร่มไม้
เบื้องบนดาวหล่นอนิษฐานทันใด
ให้คนไกลรักฉันได้ไหมดาว
-:ถึงราตรีแอบซุกกายใต้ผ้าอุ่น:-
รออ้อมกอดนุ่มละมุนคลายเหน็บหนาว
เธอรู้ตัวบ้างไหมในเรื่องราว
ทุกครั้งคราวอ้อมกอดนั้นฝันถึงเธอ
14 ธันวาคม 2549 19:45 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
...........................................
ต้องมาอยู่อย่างอ้างว้างกลางเมืองใหญ่
เดินขอทานเขากินแทบสิ้นใจ
กว่าจะได้อะไรสักหยิบมือ
เคยเป็นถึงเจ้าพญาติดอาวุธ
เป็นสิ่งสูงที่สุดมิใช่หรือ
เคยสู้ศึกยิ่งใหญ่ให้คนลือ
กลับมาถืองวงรอเหมือนขอทาน
ต้องเดินทางจากไพรมาไกลมาก
ได้แต่ฝากรอยเท้าไว้เล่าขาน
ว่าครั้งหนึ่งเคยอยู่ป่ามาช้านาน
เคยมีบ้านที่เป็นบ้านอยู่ในไพร
ต้องจากบ้านจากแผ่นดินจากถิ่นเกิด
มาเป็นหุ่นให้เขาเชิดในเมืองใหญ่
ชักเย่อ เตะฟุตบอล ฟ้อนรำไป
ทำบ้าบ้าอะไร....ได้ทั้งนั้น
ชูงวงขึ้นร้องขอร้องต่อฟ้า
บอกผู้คนทั้งหมดว่าที่ทำนั้น
ทำเพื่อเพียงเลี้ยงชีวิตไปวันวัน
ถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะอดตาย
ไม่มีป่ากว้างใหญ่ให้อีกแล้ว
ไม่มีคนมาเข้าแถวโห่ร้องไห้
ไม่มีศึกให้สู้....อีกต่อไป
มีแต่วันเพื่อรั้งไว้เพื่ออำลา
ที่เดินย่ำตามตรอกซอกถนน
ก็เพื่อบอกผู้คนให้รู้ว่า
ครั้งหนึ่งเคยมีช้างใหญ่ผ่านไปมา
ก่อนจะถูกประทับตราว่าสูญพันธุ์
............................................................
เคยอยู่อย่างยิ่งใหญ่ในไพรกว้าง
ต้องมาอยู่อย่างอ้างว้างกลางเมืองใหญ่
ไม่มีสิทธิ์จะเลือกทำอะไร
ไม่ว่าพงไพรหรือในเมือง