14 สิงหาคม 2551 16:07 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
เมื่อเงาของโลกบดบังดวงจันทร์
อีกฟากหนึ่งก็ยังสวย
เมื่อเงาของดวงจันทร์ทาบทอทับโลก
อีกฟากหนึ่งก็ยังสดใส
เฉกเช่นความรัก
ที่ทำให้ดวงตาข้างหนึ่งบอด
แต่อีกข้างหนึ่งก็ยังคงมองเห็น
หรือเพราะเธอคือ ดวงจันทร์ หรือว่าฉันคือโลก
เปรียบเสมือนความรัก
ที่ทำให้ราแสบตาได้
คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างเจิดจ้า
เร่าร้อนและอบอุ่นตามฤดูกาลแห่งอารมณ์
17 มิถุนายน 2551 18:20 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ดอกฝนร่วงหล่นดินส่งกลิ่นหอม
เป็นกลิ่นดินเคยดอมถิ่นบ้านเก่า
หอมคละคลุ้งเคยกรุ่นกายไม่ต้องเดา
กลิ่นที่เราเคยรู้รับประทับใจ
ภาพลมโชยโปรยริมน้ำย้ำพร่ำเรียก
เหมือนสำเหนียกคล้ายสำเนียงเสียงสิ่งไหน
ใบไม้พริ้วลิ่วระบำร่ำระใบ
แม่น้ำใสผ่านสายตาน่ามองดู
เราเคยใช้ผืนแผ่นดินเป็นกระดาษ
เป็นนักวาดตัวนิดน้อยที่คอยอยู่
ใช้เศษไม้ขีดวาดกระหวัดดู
วาดรูปปูขาเกเดินเซมา
นั่งมองผ่านนึกภาพย้อนในวัยเด็ก
ตัวเล็กเล็กช่างซุกซนเป็นหนักหนา
แอบนั่งเล่นในสวนสุขอุรา
พอโตมาได้แต่มองสะท้อนใจ
5 มิถุนายน 2551 16:31 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
ในความเยือกเย็นของคืนค่ำ
ในเสียงกรีดปีกช้ำของแมลงช่างฝัน
ในแสงเหลืองนวลของดวงจันทร์
ในเลื่อมพรายร้อยพันของแสงดาว
ขอตั้งจิตจากหัวใจอนิษฐาน
ให้กังวานพลิ้วผ่านฟ้าเวหาหาว
ผ่านรัตติกาลยามราตรีที่ทอดยาว
สู่เรื่องราวแนบฝากไว้ในห้วงคำนึง
คุณคือตัวแทนถ้อยคำของความรัก
ทีฉันเป็นสุขนักยามนึกถึง
คุณคือเรื่องราวความห่วงหาที่ตราตรึง
ที่สร้างความซาบซึ้งให้จดจำ
คุณคือตัวแทนสิ่งงดงาม
ที่ติดตามลบล้างความเจ็บช้ำ
คุณคือความดีมีค่าให้จดจำ
คุณคือถ้อยคำถักร้อยที่ฉันรัก
30 พฤษภาคม 2551 14:02 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
วันนี้ฉันมีห่วงแสนหน่วงหนัก
ห่วงของรักที่มากมายมีหลายอย่าง
ห่วงกระเป๋าสิ้นเดือนดันทรัพย์จาง
ห่วงท้องว่างพุงแบนแฟบแอบหิวโซ
แถมห่วงหาอาลัยใครคนหนึ่ง
ภาพยังซึ้งฝังจิตคิดโมโห
มาขโมยทำไมเงินก้อนโต
ฝากข้อความอวดโอ่มาโชว์เรา
แค่หยิบยืมหมุนก่อนเดือดร้อนหนัก
เพราะว่ารักเลยไม่พลาดแม้ขลาดเขลา
เดินกระหยิ่มยิ้มยั่วย่องเบาเบา
เดี๊ยวคืนเราถ้าไม่ตายคงได้คืน
แล้วมีห่วงอีกคราตามมาติด
ห่วงชีวิตคิดว่าคงต้องฝืน
หิวแค่ไหนต้องยอมทนกล้ำกลืน
ไม่งั้นยื่นยานรอบขอบสะเอว
โอ้ว่าหนอเกิดมามีแต่ห่วง
ห่วงคำลวงหลงเชื่อโดดปากเหว
ห่วงกลัวเจอะผู้ชายสันดานเลว
เหมือนมีเปลวไฟร้อนผ่อนความตาย
ห่วงสุดท้ายคือห่วงหาพาให้หึง
จึงปั่นปึ่งแสนงอนซ่อนความหมาย
แต่ที่ห่วงหนักหนาเวลาตาย
ไม่มีหมอนสองใบแนบกายเอย
30 พฤษภาคม 2551 07:57 น.
กระต่ายใต้เงาจันทร์
แสงแดดอ่อนแย้มรับอรุณยิ้ม
พื้นยอดหญ้าเอมอิ่มปริ่มน้ำค้าง
มวลเมฆขาวอาบอวลเนื้อนวลปราง
พรายสะพร่างเก็จพราวราวกลางวัน
ทุกวันคืนพ้นผ่านบันดาลพบ
ดั่งประสบวิมานผ่านความฝัน
ดวงดอกไม้ผลิรอล้อตะวัน
หลากสีสันผ่านฟ้าทะเลดาว
ผ่านเส้นสายพริ้มพรายในวันรุ่ง
แสงสีรุ้งทอทาบอาบเมฆขาว
เหมือนมอบร้อยใยรักพักสักคราว
หลายเรื่องราวเหนื่อยนักแวะพักล้า
ให้ธรรมชาติรักษาคราทนทุกข์
มาปลอบปลุกกล่อมขวัญสู้วันหน้า
แล้วสู้ต่ออย่าท้อต่อชะตา
ธรรมชาติรักษาใจหายสักวัน