28 สิงหาคม 2549 18:40 น.
กรวสุภิญโญ
แด่...ธงทิวแย้มหัวใจ
แลหลายหลากฉากสวยด้วยสีสัน
ธงร้อยพันฉันประดับรับลมหนาว
ให้เป็นที่ระลึกนึกเรื่องราว
เมื่อถึงคราวสุขสันต์ระลานตา
มองออกไปในทุ่งกรุงเก่าแก่
มองเห็นแต่ข้าวรวงย้อยห้อยถลา
มองสลับธงประดับในทุ่งนา
มองเพลินตาพาใจเคลิ้มเริ่มหลุดไกล
คืนวันเพ็ญเย็นฉ่ำน้ำปริ่มคลอง
นั่งเหม่อมองริ้วทิงธงตรงไสว
ดั่งสวรรค์เสกสรรหาให้คลาไคล
ทั้งแสงไฟส่องสว่างกลางลำธาร
บุญบั้งไฟในวัดจัดครบรอบ
ด้วยความชอบจึงสุขสนุกสนาน
ครั้นพอก้าวเข้าไปใจเบิกบาน
เมื่อมองผ่านเห็นธงตรงบั้งเพลิง
ทุกๆครั้งเห็นธงคงห่วงหา
ถึงแก้วตาทุกครั้งผ่านงานเถลิง
เพียงเห็นธงสีหวานพลันร่าเริง
ดั่งเอ่ยเอิงเอียงออดอ้อนเอาใจ
แต่ธงใดในหล้าแผ่นฟ้ากว้าง
และธงทั้งสีสันอันไหนๆ
หรือจะสู้ธงทิวริ้วแห่งใจ
ขอเก็บไว้คู่เสาธงตรงใจเทอญ
14 สิงหาคม 2549 19:08 น.
กรวสุภิญโญ
๐๐๐อยากบอกแม่ลูกขอโทษผิดไปแล้ว
ที่แน่แน่วทำไปเพราะดื้อด้าน
แอบหยิบตังค์แอบหนีเที่ยวอยู่ทุกวัน
ก็ลูกนั้นสารเลวรู้ตัวดี
ทุกๆครั้งแม่ว่าเข้าเราก็เถียง
แต่วันนี้ขอเรียบคำสุขขี
ตอบแทนคุณมารดาที่ปราณี
ลูกคนนี้"รักแม่"สุดหัวใจ๐๐๐
29 กรกฎาคม 2549 19:07 น.
กรวสุภิญโญ
วันแรกที่เจอเธอไม่ชอบ
แถมว่าตอบทุกคราวเราพูดหนา
ชอบว่าเราแบรกแตกแหกเวลา
ปากก็หมาพูดอยู่ได้ไม่ลงเอย
วันต่อมาเห็นหน้าแทบบ้าคลั่ง
สายตาดั่งหวังแนบชิดคิดเมินเฉย
เพราะว่าฉันรู้สึกนึกเกินเลย
จึงได้เอ่ยให้เฉลยความในใจ
ทำไมดูสายตาไม่เหมือนก่อน
กลับอาวรณ์ยามเมื่อฉันหวั่นไหว
เมื่อฉันทุกข์ทุกข์ด้วยช่วยหายไว
นานๆไปใจสุขเพราะ"ถูกคอ"
การกระทำล้ำหน้าแสนผาสุข
เพราะพันผูกมากโขโอ้ละหนอ
จะไปไหนไปนั่นหมั่นเคลียคลอ
ไม่รั้งรอรู้สึกดีมีให้เธอ
วันแห่งความสุขใจได้มาถึง
จนอนึ่งเธอซึ่งคิดจิตพลั้งเผลอ
เอ่ยคำหวานที่ไม่เคยผ่านพบเจอ
แต่แล้วเธอบอกสองคำล้ำพอเพียง
พูดวกไปวนมาฟังคมขำ
จะพูดคำว่าอะไรไม่เคยเกี่ยง
ขอแค่เธอเผลอเอ่ยเผยสำเนียง
ได้ยินเสียง..." รักนะ"...แทบบ้าตาย
23 กรกฎาคม 2549 15:30 น.
กรวสุภิญโญ
เลิศความรักครั้งสุดท้ายในวันศุกร์
กลับแสนทุกข์คือวันจันทร์นั่นไฉน
วันศุกร์ยังบอกรักก่อนจากไป
เมื่อห่างไกลเพียงสองวันเธอผันแปร
เหมือนผ่านมาเธอลืมหมดทุกสิ่ง
ที่เคยบอกรักจริงไม่แยแส
แต่วันนี้เธอกลับมาไม่เหลียวแล
หรือเธอแค่แกล้งทำให้ช้ำทรวง
จะกล่าวถึงตัวฉันในวันเสาร์
รักของเรายังมั่นและแสนหวง
วันอาทิตย์ยังส่งใจให้ตักตวง
โธ่คนลวงเธอมาทำให้ช้ำใจ
มารู้ตัววันจันทร์ฉันอกหัก
เธอพังรักของฉันจนหวั่นไหว
อยากจะถามว่าเธอนั้นแอบมีใคร
ใยห่างไกลร้างลาเมินหน้าเรา
แต่สุดท้ายคำตอบฉันมองเห็น
แสนลำเค็ญเมื่อเห็นเธอและเขา
เอาอกเอาใจได้เหมือนกับเรา
เห็นเพียงเงาเธอและเขาเดินจากไป
เห็นครั้งสองนั่งมองหมองหม่นเศร้า
เขาเห็นเราทำเมินเดินหลีกเลี่ยง
สุดที่รักทำไมเธอต้องลำเอียง
คนเคยเคียงคู่กันคือฉันไง
เธอคงลืมไปแล้วเพียงวันสอง
ฉันกลับต้องนั่งนองน้ำตาไหล
แสนสุดจะน้อยจิตคิดน้อยใจ
จะบรรยายกับใครคงไม่ฟัง
ในชีวิตไม่เหลือใครอีกแล้ว
ต้องคลาดแคล้วเธอไปหมดความหวัง
ปานชีวีนี้ของฉันมันจะพัง
โปรดจงฟังคำขอร้องต้องชะตา
ฉันรักเธอผ่านมาอย่างรื่นเรียบ
รักฉันเปรียบได้ดั่งแผ่นภูผา
ยอมให้เธอเข้าพิสูจน์ด้วยเวลา
แต่ดันมาล่มเรือใจกลางฝันปอง
ก่อนนี้เคยนั่งจ้องมองนวลหน้า
ด้วยสายตาพาฝันกันทั้งสอง
แต่ตอนนี้หน้ากันมิหันมอง
ได้แต่จ้องเธออยู่อยากคู่กัน
จะถามสักกี่ครั้งก็รักอยู่
เธอก็รู้ว่าฉันรักยังหักหาญ
อยากจะสิ้นชีวีแลวิญญาณ
ไม่รักกันฉันจะอยู่ไปเพื่อใคร
ถ้าจะหลั่งน้ำตามาให้เห็น
ก็คงเป็นทะเลเลือดมิเหือดหาย
จะขออยู่เพื่อต่อสู่จนสุดใจ
ไม่ยอมคลายรักที่พรากจากกันนาน
แม้จะท้อแต่ก็ไม่ยอมถอย
ตั้งตาคอยความรักสมัครสมาน
ส่งเสียงใจให้ไปถึงซึ่งดวงมาลย์
ที่ห่างกัน-ให้ได้-ใกล้เหมือนเดิม
แม้ไม่กำลังใจจะไปสู้
จะคอยดูแลเธอไม่ห่างหาย
จะรอวันที่เธอนั้นกลับใจ
ทิ้งรักใหม่ที่ลวงหลอกแล้วกลับมา
หัวใจฉันพร้อมรับ เธอกลับเสมอ
เธอกลับมายินดีมิหวั่นไหว
ที่ผ่านลบลืมให้ผ่านไป
พร้อมเปิดใจรับเธอเสมอกาล
ฉันจะเล่าให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง
แสนสุดซึ้งที่เธอเผลอรักฉัน
จำได้ไหมเราเคยบอกรักกัน
จำได้ไหมเราเคยฝันกันทุกคืน
เธออ่อนล้าไม่ไหวนั้นยังฝืน
ฉันเห็นแล้วกล้ำกลืนน้ำตาไหล
เธอให้ความรักฉันเกินสิ่งใด
ฉันก็ให้กลับไปอย่างเช่นกัน
เธอไม่เคยว่าคำให้ช้ำจิต
ฉันก็คิดว่ารักนี้มิใช่ฝัน
เธอทำซึ้งอยู่ซึ่งทุกคืนวัน
ฉันสุขสันต์รักเธอมิเสื่อมจาง
เธอหายไปฉันใคร่อยากใกล้ชิด
สองชีวิตสองเราไม่เคยห่าง
เธอทำเหมือนรักนี้มิจืดจาง
เธอเปิดทางหัวใจให้คนเดียว
แค่ผ่านไปสองเราเสาร์อาทิตย์
เธอกลับปิดทางใจแลเหลียว
หัวใจพลั้งรักพรากยาก-ยา-เยียว
ใจดวงเดียวให้เธอไปเอาคืน
เธอเห็นหน้าเหมือนเห็นหมาตัวหนึ่ง
เธอหมดซึ้งหมดรักยากจักฝืน
ฉันจึงได้แต่พร่ำนั่งกล้ำกลืน
อยากย้อนคืนวันให้กลับมาเหมือนก่อน
แม้เป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น
รักเธอนั้นเปรียบน้ำคำที่พร่ำสอน
ว่ารักใครรักแท้รักแน่นอน
จบฉากตอนก็จะเศร้าเหงาอุรา
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
จะไม่ห้ามใจเธอให้หวั่นไหว
เลิกรักฉันวันนี้ไม่เป็นไร
เริ่มกันใหม่พรุ่งนี้ที่ยังคอย
รักของฉันรักแรกแต่ก็เศร้า
อยากให้เข้าใจว่าล้าเหงาหงอย
เมื่อเธอรักใจฉันก็หลุดลอย
ยากจะสอยกลับคืนต้องฝืนใจ
กลับมารักกันได้ไหมฉันขอร้อง
เห็นใจน้องเถิดพี่อย่าพลักลักไส
น้องห่างพี่ใจที่มีเหงาหงอยไป
ทำอะไรก็มืดหม่นปนน้ำคำ
อยากให้นึกถึงรักองกันบ้าง
ต้องอ้างว้างความรู้สึกลึกถลำ
อย่าให้รักน้องนี้ต้องมีกรรม
จะจดจำรักพี่มิลืมเลือน
จำได้ไหมเราเคยเป็นมากกว่านี้
ไม่ใช่น้องมิใช่พี่มากกว่าเพื่อน
จะขอย้ำคำนี้ที่ตักเตือน
มากกว่าเพื่อนคือรักกันฉันและเธอ
แต่ทำไมเปลี่ยนไปขนาดนี้
ตอบฉันทีที่ว่าเธอพลั้งเผลอ
ฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบเจอ
เธอก็เจอรักฉันเช่นกันเลย
พอมาถึงตอนนี้เธอเปลี่ยนแปร
เหลียวแลอยากฟังคำเฉลย
อยากจะให้รักของเรานั้นลงเอย
มาคาดเคยคิดคำเธออำลา
ถ้าวันนี้ฉันเป็นคนต้องจาก
ด้วยรักพรากรักร้าวถึงคราวหนา
ก่อนจะตาย!!ขอพร่ำคำกล่าวลา
แม้ชาตินี้...ชาติหน้า...จะรักเธอ
19 กรกฎาคม 2549 20:34 น.
กรวสุภิญโญ
...อากาศไม่ต้องเสาะแสวงหา
แต่ความรักจะได้มาต้องบากบั่น
อากาศได้มาง่ายๆ และมีอยู่มากมายร้อยพัน
ส่วนความรัก แม้เพียงฝัน . . . ก็สุขใจ
...อากาศแทบไม่มีน้ำหนัก
ส่วนความรัก ใครก็เห็นว่ายิ่งใหญ่
อากาศ ไม่เคยสร้างความเสียใจ
หากความรัก ทำให้ต้องร้องไห้ มีน้ำตา
...อากาศ ทำให้ทุกชีวิตดำรงอยู่
และความรัก ทำให้ลมหายใจทุกอณูมีคุณค่า
อากาศมองเห็นได้ยากด้วยสายตา
ส่วนความรัก เห็นด้วยตารู้ด้วยใจ
...มีอากาศโลกก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่
มีความรักโลกจะกลายเป็นสีชมพูหวานไหว
สำหรับอากาศ เข้า-ออกตามลมหายใจ
แต่ความรักหากมีไว้ . . . ก็ไม่อยากสูญเสียไปสักนิดเดียว
...ดูแลรักษาอากาศว่าลำบาก
ดูแลความรัก ยิ่งยุ่งยาก หากไม่ชอบแลเหลียว
อากาศมากเท่าไหร่ . . . ก็ไม่กลมเกลียว
ความรักแม้บางเบาก็แน่นเหนียว . . .และผูกพัน
...ส่วนประกอบของอากาศสามารถบรรยาย
แต่ความรักไม่อาจอธิบายด้วยคำสั้นๆ
อากาศ อาจดี - แย่ แต่ละวัน
ส่วนความรักนั้น จะยังคงอบอุ่นกรุ่นหัวใจ
"ความรัก" กับ "อากาศ"
หากถามฉันว่าเลือกที่จะขาดสิ่งไหน
แม้อากาศจำเป็นสักเพียงใด
ในโลกที่ความรักสิ้นไร้. . . ก็ไม่อาจทนอยู่ได้ เช่นกัน. . .