26 กุมภาพันธ์ 2548 15:42 น.
กรวรา
มีชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถคันงามราคาหลายล้านท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรถเกิดเสียกระทันหัน ทันใดนั้นเองฝนก็เริ่มตก เกิดพายุอย่างรุนแรง เขาจึงตัดสินใจออกจากรถเพื่อหาคนมาช่วย และแล้วเขาก็ไปเห็นวัดๆหนึ่งตั้งอยู่กลางภูเขา ถ้าเป็นใครเห็นแบบนี้ก็คงจะไปโบกรถขอความช่วยเหลือ แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับพยายามปีนขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค จึงทำให้เขาขึ้นมาถึงวัด เขาก็ได้พบกับท่านเจ้าอาวาสแห่งวัดนี้ แล้วขออนุญาตพักแรมที่วัดนี้ 1 คืน ท่านเจ้าอาวาสก็สั่งให้เณรไปจัดห้องให้ชายหนุ่มได้พัก เมื่อชายหนุ่มหลับไป ก็เกิดเสียงประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นตอนตี 3 กึก กึก กึกโครม ชายหนุ่มเกิดสะดุ้งตื่นขึ้นมาและได้ยินเสียงนี้เป็นเวลา 10 นาที เมื่อเสียงนี้เงียบไปแล้วจึงลุกออกจากเตียงและรีบวิ่งไปหาเจ้าอาวาส
ชายหนุ่ม: หลวงพ่อได้ยินเสียงเมื่อตะกี้ไหมครับ มันดังและน่ากลัวมากเลยครับ
เจ้าอาวาส: อาตมาได้ยินแล้วโยม
ชายหนุ่ม: มันเป็นเสียงของอะไรครับ
เจ้าอาวาส: อาตมาบอกโยมไม่ได้หรอก เพราะโยมไม่ใช่พระ
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินหลวงพ่อบอกอย่างนี้จึงไม่ถามต่อ แล้วเก็บมาคิดว่าเป็นเสียงของอะไรกันแน่ จนกระทั่งผ่านพ้นคืนนั้นไป ชายหนุ่มก็โทรไปแจ้งประกันและยกรถกลับไปที่กรุงเทพฯ
2 ปีต่อมา ชายหนุ่มคนนี้ก็ขับรถแล้วประสบอุบัติเหตุแบบเดิมอีก เขานึกขึ้นได้ทันทีว่าเขาเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ฝนก็ตกลงมาหนักกว่าคราวก่อน ฟ้าก็ร้อง ครืน ครืน พายุก็ซัดกระหน่ำ เขาจึงตัดสินใจไปหลบพายุนี้ที่วัดนั้นอีก และได้เจอเจ้าอาวาส ช่างเป็นเป็นบุญวาสนาเหลือเกิน ที่ทำให้อาตมากับโยมมาพบกันอีก ส่วนชายหนุ่มก็ได้แต่คิดว่า เป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยรึไงวะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแบบนี้ได้ และแล้วชายหนุ่มก็ได้พักในห้องเดิมที่เคยพักมาเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี้เอง ชายหนุ่มรู้สึกฉงนใจเป็นอย่างมาก จนเผลอหลับไป ทันใดนั้นเองตอนตี 3 ก็เกิดเสียงนั้นขึ้นมาอีก กึก กึก กึกโครม ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นรีบลุกขึ้นแล้วออกไปหาต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงนี้ วิ่งไปจนรอบกุฏิแล้วก็ยังหาไม่เจอ จนเสียงนี้เงียบไป เขาจึงเข้าไปถามเจ้าอาวาส
ชายหนุ่ม: นี่มันเสียงอะไรกันแน่ครับหลวงพ่อ
เจ้าอาวาส: อาตมาไม่สามารถบอกโยมได้หรอกว่ามันเป็นเสียงอะไร
ชายหนุ่ม: ทำไมล่ะครับหลวงพ่อ
เจ้าอาวาส: นั้นก็เพราะโยมไม่ใช่พระ
ชายหนุ่ม: แล้ววิธีไหนบ้างที่ทำให้ผมได้เป็นพระล่ะครับหลวงพ่อ
เจ้าอาวาส: โยมต้องออกบวชและจำวัดในวัดแห่งนี้ โยมจะออกบวชอย่างงั้นหรือ?
ชายหนุ่มเก็บข้อสงสัยนี้มานานแล้วจึงตัดสินใจออกบวชเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นเสียงของอะไร แต่ในทางกลับกันชายหนุ่มเกิดซึ้งในรสพระธรรมจนลืมข้อสงสัยที่ตั้งไว้ และอุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา เวลาผ่านไป 40 ปี ขณะที่พระ(ชายหนุ่ม)กำลังจำวัดอยู่นั้น ตอนตี3 ก็เกิดเสียงนั้นอีก กึก กึก กึก..โครมพระ(ชายหนุ่ม)เกิดมีสติจำความได้ว่าต้องการรู้คำตอบของเสียงนี้ พระรูปนี้จึงตรงไปหาเจ้าอาวาส ที่บัดนี้ได้ชราภาพแล้ว พระหนุ่มจึงถามเจ้าอาวาส
พระหนุ่ม: ในตอนนี้ผมได้เป็นพระสงฆ์หรือพุทธสาวกประจำพุทธศาสนาของเราแล้ว ผมเองก็สงสัยมาตลอดจึง ขอให้ท่านได้โปรดบอกผมทีว่านี่เป็นเสียงอะไร
และท่านเจ้าอาวาสก็พาพระองค์นี้ไปดูว่าเป็นเสียงอะไร และในที่สุดหลังจากพระหนุ่มได้แสวงหาคำตอบนี้มานาน ก็รู้แล้วว่าเป็นเสียงของอะไร
แล้วคุณคนที่อ่านอยู่ล่ะ อยากรู้มั้ยล่ะว่าเป็นเสียงของอะไร
แต่เสียดายนะผมเองก็คงจะบอกคุณไม่ได้หรอกนะ
เพราะคุณไม่ใช่พระ
จบบริบูรณ์(HaHaHaHaHa!!!!! ^.^ ฮุฮุฮุ)
22 กุมภาพันธ์ 2548 17:32 น.
กรวรา
เมื่อก่อนโลกของเรามีพระจันทร์อยู่2ดวง เป็นพระจันทร์หญิงและพระจันทร์ชาย
ทั้งคู่มีความรักให้กันและกันและอยู่ด้วยกันมานาน
แต่อยู่มาวันหนึ่งพระจันทร์หญิงได้ไปเจอแสงของพระอาทิตย์เข้า
และเห็นว่าพระอาทิตย์มีรูปงดงามและส่องแสงสว่างไสว จึงอยากอยู่ใกล้พระอาทิตย์
พระจันทร์หญิงก็เริ่มออกห่างพระจันทร์ชายไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งพระจันทร์หญิงได้มาอยู่ใกล้พระอาทิตย์
พระจันทร์หญิงก็ได้รู้ว่าพระอาทิตย์ถึงแม้จะส่องแสงสว่างแต่ก็ส่องแสงไปทั่วจักรวาน ไม่ได้ส่องแสงแต่ตนเองผู้เดียว
พระจันทร์หญิงจึงอยากกลับไปหาพระจันทร์ชาย
แต่ด้วยความห่างไกลก็หากันไม่เจอ
แต่แล้วพระจันทร์ชายก็ทนคิดถึงพระจันทร์หญิงไม่ไหวจึงออกตามหา
แต่ก็ไม่พบ........
พระจันทร์ชายจึงตัดสิ้นใจ............
ระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กๆ..........
กลายเป็นดวงดาวบนฟากฟ้าเพื่อตามหาพระจันทร์หญิง
นับจนบัดนี้ทั้งสองยังตามหากันอยู่ถ้าหากคุณลองมองไปบนฟ้าฟ้ายามค่ำคืน
ในคืนใหนที่พระจันทร์ส่องแสงคุณจะไม่สามารถเห็นดวงดาว
ส่วนในคืนใหนที่ดาวส่วงแสงสวางคุณก็จะไม่พบดวงจันทร์บนฟากฟ้า
การที่มีใครรักคุณมากมายคุณควรจะพอและยอมรับความรักนั้น
หากคุณพบใครที่มีความสวยงามอย่างเช่นพระอาทิตย์แต่แบ่งปันความงามนั้นไปทั่วคุณก็ควรจะยอมรับและอยู่กับผู้ที่เค้ารักคุณคนเดียว
มิฉะนั้นคุณอาจจะต้องเสียเค้าไปตลอดกาลดังเช่นพระจันทร์ทั้งสองซึ่งไม่มีโอกาศได้พบกันอีก
.............................................
15 กุมภาพันธ์ 2548 17:17 น.
กรวรา
แนนๆ ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ.... จอย เพื่อนร่วมงานของแนนหันมาคุย
ขณะแนนกำลังง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวเอง
อืม...วาเลนไทน์อีกแล้วสินะ แนนเงยหน้าขึ้นสบตาจอยพลางยิ้มพูดเบาๆ
วาเลนไทน์...14 กุมภาพันธ์ วันที่กุหลาบทั่วโลกบานพร้อมกัน
วันที่ความรักงอกงามได้เร็วกว่าทุกวัน และเป็นวันที่กามเทพแผงศร
ให้หลายๆคู่ได้สมหวัง แต่คงไม่ใช่แนน...เธอคนนี้แน่นอน
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย
ความแออัดและตึกสูงในเมืองหลวง...มีหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้น
ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความรัก ความรักของเขาและเธอ
เธอๆ มาเล่นก่อกองทรายด้วยกันมั้ย
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตามอมแมมกำลังนั่งเล่นบนกองทรายสูงท่วมหัว
เธอชื่ออะไร เราชื่อเอ เด็กผู้ชายแนะนำตัวเองก่อน
พลางกระโดดลงมาจากกองทราย
ฉันชื่อแนน เด็กผู้หญิงแนะนำตัวเองบ้างพลางค่อยๆนั่งลง
ทั้งคู่ค่อยๆก่อกองทราย เด็กผู้หญิงวิ่งไปเอาน้ำมารดให้ทรายเปียกชุ่ม
เด็กผู้ชายค่อยๆเอาเศษไม้เกลี่ยให้ดินทรายที่เปียกค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
จนได้เค้าโครงของปราสาททรายที่ต้องการ
เอ เดี๋ยวแนนประดับปราสาททรายเองนะ
เด็กผู้หญิงวิ่งมาพร้อมกับก้อนหินสีสวยในกำมือ
วางลงข้างๆปราสาททรายที่กำลังจะอวดโฉมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง
แนนๆ ตรงนี้เป็นห้องของแนนนะ ห้องของเจ้าหญิงงัย
ส่วนตรงนี้เป็นห้องของเอ......อันนี้เป็นห้องประชุมนะ
เอพูดพลางชี้ไปเรื่อยๆบนปราสาททราย.....กองทรายแห่งความฝัน
เอๆ ต้องทำสวนดอกไม้ตรงนี้ด้วย เจ้าหญิงต้องมีสวนดอกไม้นะ
แนนพูดแย้งขึ้นพลางชี้ไปตรงด้านหน้าปราสาททราย
แนนอยากได้สวนอะไร....อยากได้ดอกไม้อะไร เอพูด
เงยหน้าขึ้นมองหน้าแนนอย่างใจจดใจจ่อ
เอาดอกอะไรดี...เอ ช่วยแนนคิดหน่อยสิ แนนมองหน้าเอด้วยแววตาใสซื่อ
เด็กตัวเล็กๆสองคนกำลังสวมบทเจ้าหญิงและเจ้าชายกันอยู่
อืม...เจ้าหญิงต้องเหมาะกับดอกกุหลาบนะ เอพูดพลางทำท่าคิด
ตกลงๆ สวนดอกกุหลาบนะ เราจะทำสวนดอกกุหลาบที่ลานหน้าปราสาทของเรา
แนนพูดพลางยิ้ม
ค่อยๆเกลี่ยทรายให้เรียบเพื่อทำเป็นลาน....ทั้งคู่สร้างปราสาททรายแห่งความฝันของพวกเขาอยู่นาน....นานจนกระทั่ง
เอ ไปได้แล้ว พ่อเสร็จงานแล้วลูก
เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเดินมาสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆ
พ่อๆ ให้เอเล่นกันแนนอีกแป๊บนะ ลูกชายออดอ้อนพ่อของตัวเอง
หน่า ไปได้แล้ว เดี๋ยววันหลังมาเล่นใหม่ก็ได้นี่ พ่อของเขานั่งยองลง
อธิบายให้ลูกชายฟังพลางลูบหัวเบาๆ
ตกลงครับ เดี๋ยวให้เอบอกแนนก่อนนะ
เด็กผู้ชายตัวมอมแมมพูดพลางวิ่งกลับหลังไปหาเพื่อนของเขา
แนน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอมาหานะ พรุ่งนี้เอจะเอาดอกกุหลาบมา
มาทำสวนกุหลาบให้แนนนะ เอพูดพลางชี้นิ้วลงตรงลานหน้าปราสาททราย
ตกลงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ แนนยิ้มพูดพลางพยักหน้า
เด็กสองคนเล่นกันช่างดูน่ารักเสียนี่กระไร
ทุกวัน เอและแนนจะมานั่งก่อปราสาททรายด้วยกัน
ก่อสร้างความหวังบนมิตรภาพและความรัก
ระหว่างลูกชายเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรและลูกสาวนายช่างใหญ่
แนนๆ เมื่อวานแม่เราสอนให้เราเขียนหนังสือด้วยแหละ
เด็กผู้ชายเสื้อผ้ามอมแมมคลุกฝุ่นและทรายเปียกเงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่วิ่งเข้ามา
ไหนๆ แม่ของเอสอนเขียนคำว่าอะไร แนนถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น
แม่เอสอนเขียนหลายคำ แต่เอจำได้คำเดียว เอพูดพลางทำเสียงเศร้าๆ
เอคงอยากจำทุกคำมาเขียนให้แนนดู
เอจำคำไหนได้ เขียนให้แนนดูหน่อยสิ แนนพูด เอค่อยๆก้มลงข้างๆกองทราย
หยิบเศษไม้เล็กๆปักลงบนผืนทรายที่เพิ่งผ่านฝนเมื่อคืนแล้วตวัดเป็นจังหวะเพียงชั่วครู่
ปรากฎเป็นตัวอักขระลายเส้นบิดพลิ้ว คำว่า รัก
ปรากฎบนผืนทรายราบเรียบที่เกาะตัวเหนียวด้วยหยดน้ำ
เด็กตัวเล็กๆสองคนยืนมองด้วยความตื่นเต้น
อ่านว่าอะไร เอ แนนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นและแปลกใจ
อ่านว่า รัก เอพูดกระซิบข้างหูแนนเบาๆ
เหรอ อ่านว่ารักเหรอ....สอนแนนเขียนหน่อยสิ นะๆๆๆ
แนนพูดพลางเกาะแขนออดอ้อนเอ
มานี่ๆ เอจะสอน เอพูดพลางหยิบเศษไม้เล็กๆให้แนนจับไว้
มือเอและมือแนนจับประสานกัน ตวัดบนกองทรายให้เกิดเป็นอักขระบิดพริ้ว
นี่ไง แนนเขียนได้แล้ว ดีใจจังเลย
แนนพูดพลางหันหลังกลับไปกอดเอด้วยความดีใจ
มันแปลว่าอะไรเหรอ เอ แนนยังคงสงสัยไม่หายในความหมายของมัน
เอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่บอกว่ามันมีความหมายมากนะ
มากจนอธิบายไม่ได้
ใช่สิ...ความหมายมันคงมากมายเกินกว่าเด็กห้าขวบจะรู้
หรือแม้แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่อาจรู้ว่าคำว่ารักคืออะไร....
สักวัน เราจะรู้ความหมายมัน แม่เอบอก เอพูดพลางหันไปมองแนน
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆตน
อืม สักวันนะ แนนพูดพลางหันมายิ้มให้กับเอ ใช่
สักวันแนนและเอคงรู้ความหมายของมัน......
โอ๊ย...เจ็บ
เด็กผู้หญิงผมเปียพูดขึ้นพลางจับผมเปียของตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งๆ
เธอโดนเพื่อนแกล้งดึงเปียผมของเธอประจำ
ใครดึงผมเปียแนน
เด็กผู้ชายนั่งข้างๆเธอหันขวับกลับไปมองแทบจะพร้อมกันกับเจ้าของผมเปีย
เห็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสามคนนั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะกันคิกคักพลางชี้นิ้วมาที่แนน
ทำไมๆ ข้าดึงเอง จะทำไม หนึ่งในเด็กสามคนพูดพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
แกล้งผู้หญิง หน้าตัวเมีย เอยืนขึ้นชี้หน้าด่า
แล้วจะทำไม เด็กทั้งสามกรูกันมายืนหน้าเอ
ถีบโต๊ะเรียนกระจัดกระจายคนละทิศคนละทาง
ไม่เอาเอ อย่าไปยุ่งกับพวกนั้น แนนพูดพลางเกาะแขนเอไว้แน่น
เอเอามือจับแขนแนนออกจากตัวทันที...
ปั้ง...หนึ่งหมัดปล่อยออกไป คล้ายเป็นการประกาศสงครามของคนสองกลุ่ม
ทั้งสามคนกรูเข้ามารุมเอคล้ายหมาป่ากำลังรุมขยุ้มเหยื่อ
โต๊ะเรียนที่กระจัดกระจาย
ข้าวของทั้งของเอและแนนตกกระจายเกลื่อนกลาดคนละทิศคนละทาง
หยุด!!
เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง...มีอำนาจมากพอจะทำให้ทั้งสี่คนหยุดการตะลุมบอนกัน
พวกเธอทำอะไรกัน อันธพาลกันใหญ่แล้วนะ
ครูประจำชั้นเข้ามาห้ามทัพหมาป่าขยุ้มเหยื่อ แม้จะห้ามทัพได้
แต่ก็ได้ปรากฎเลือดไหลซิบๆที่คิ้วและโหนกแก้มของเอ
เอ เจ็บมั้ย แนนวิ่งเข้ามาทันทีที่ครูประจำชั้นเดินออกไป
ไม่เจ็บหรอก เอพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาแนน
ไม่เจ็บอะไร เลือดไหลใหญ่แล้ว ไปห้องพยาบาลนะ แนนจะทำแผลให้
แนนพูดพลางดึงตัวเอออกจากห้องเรียนไป
เลือดไหลเป็นทางลงมาจากคิ้วและโหนกแก้มเปรอะเปื้อนเสื้อนักเรียนสีขาวของเอ
โอ๊ย...เจ็บ อย่าจับสิ
เอพูดโพล่งขึ้นขณะที่แนนกำลังกดดูความลึกของบาดแผล...แต่แนนกลับยิ้มออก
โอ๊ย แสบ
เอโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อแนนค่อยๆกดสำลีชุบแอลกอฮอลงบนแผลของเอ
แสบก็ทนสิ อยากหาเรื่องเค้านี่นา แนนพูดพลางยิ้ม
ค่อยๆเช็ดแผลบนใบหน้าของเอช้าๆอย่างระมัดระวัง
ทุกครั้งที่มีคนแกล้งแนน เอจะยืดอกปกป้องแนนเสมอ
แม้จะต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในภาวะเป็นรองก็ตามที....
แนนๆ แฮปวาเลนไทน์นะ
ชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวภูมิฐานพูดห้วนๆพลางยืนกุหลาบแดงให้กับมือหญิงสาว
อีตาบ๊อง อย่ามาทำหวานใส่ฉันหน่า แนนพูดกวนๆพลางยิ้ม
เอได้แต่ยืนม้วนด้วยความอาย
อ้าว ก็วันนี้วันวาเลนไทน์
ทำหวานให้เจ้าหญิงของตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป เอพูดพลางยิ้ม
ทำไมหนุ่มวัยรุ่นเวลาอายนี่ดูตลกดีแท้
ทั้งมือทั้งแขนแทบจะไม่มีที่เก็บ
สงสัยถ้าแทรกแผ่นดินหนีได้คงหนีหายไปแล้ว
หวานกับเค้าก็เป็นเหรอ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ
แนนพูดพลางยื่นมือไปหยิกจมูกเอด้วยความเขิน
เอยังคงพยายามสำรวมอาการเขินอยู่
เอรักแนนนะ เอพูดพลางจับมือแนนขึ้นมาเขียนรูปหัวใจไว้ที่ฝ่ามือ
ตอนนี้แนนเริ่มหน้าแดงขึ้นบ้างแล้ว
แต่ยังพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตัวเอง
เหรอ....เขียนคำว่ารักตรงนี้ ดูไม่ซึ้งเลย แนนพยายามบ่ายเบี่ยง
ไม่เลิกแหย่เอ
เดี๋ยวสักวัน เอจะเขียนไว้ตรงหัวใจแนนเลยนะ เอพูดประหม่า
มองหน้าแนนพลางเอื้อมมือดึงตัวแนนเข้ามาโอบกอดไว้แน่น....สักวัน
เอจะเขียนคำว่ารักไว้ในหัวใจแนนเลย.....
ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีโต๊ะหินอ่อนวางเรียงรายเป็นแนว
มีนักศึกษาจับกลุ่ม บ้างคุยกัน บ้างอ่านหนังสือ
บ้างหยอกล้อกินขนมกัน...
เอ เย็นนี้แนนไปทำวิทยานิพนธ์กับเพื่อนนะ แนนพูดพลางเก็บหนังสือ
ไปทำวิทยานิพนธ์กับใคร เอเงยหน้าขึ้นมองแนนทันที
ไปกับกิ๊ฟกับฝนหนะ นะๆๆๆ แนนพูดพลางเดินไปนั่งข้างๆเอ
เขย่าแขนเหมือนเด็กอ้อนวอนผู้ใหญ่
ให้เอไปส่งมั้ย เอว่างนะ เอพูดพลางยิ้ม ลูบผมแนนเบาๆ
ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฝนเอารถมา แนนพูดพลางซบหน้าลงบนบ่าของเอ
นี่ แล้วกินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาล่ะ เข้าใจมั้ย
กลับถึงบ้านก็อย่าลืมโทรมาบอกด้วย
เอพูดพลางจ้องหน้าแนนด้วยสีหน้าจริงจัง
ค่ะ หัวหน้า สั่งจริงๆเลย แนนพูดพลางยิ้ม
เอามือหยิกจมูกเอด้วยความเขิน
กิ๊ฟๆ แฟนแกเป็นงัยบ้าง ฝนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ
ขณะที่ตนอยู่หลังพวงมาลัย
ปวดหัวสุดๆ เจ้าชู้เป็นบ้าเลย
กิ๊ฟพูดปัดๆคล้ายกับไม่ค่อยพอใจในแฟนตัวเองนัก
ทำไมไม่เลิกๆไปสิ จะได้ไม่กลุ้ม ฝนเสนอความเห็น
มองหน้ากิ๊ฟผ่านกระจกมองหลัง
หน่า....ให้โอกาสสักครั้ง
กิ๊ฟพูดพลางซบหน้าลงที่กระจกหันหน้ามองออกนอกรถด้วยอาการเอือมระอา
โอกาสสักครั้ง รอบที่ล้าน เสียงหัวเราะดังขึ้นเกือบพร้อมกันทั้งรถ
แล้วแนนล่ะ แหม...เจ้าชายเธอเอาใจเธอดีนะ
ฝนพูดขึ้นพลางหันไปมองแนนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
โอ๊ย รายนั้นไม่รู้กี่ปีแล้ว
ยังจับไม่ได้สักทีว่ามีกิ๊กเก็บไว้ที่ไหน
แนนพูดยิ้มพลางหันไปมองหน้าฝน
แปลได้สองอย่าง...ถ้าแฟนเธอไม่รักเธอคนเดียว
เค้าก็เก่งมากที่หลอกเธอมานานหลายปี
เสียงหัวเราะดังขึ้นแทบจะพร้อมกันทั่วรถ
เอี๊ยยดดด..... เสียงเบรกลากล้อดังยาวจากด้านข้างตัวรถ
คนทั้งรถหันไปมองแทบจะพร้อมกัน
รถบรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนรถเก๋งของฝนอย่างจัง
แรงอัดทำให้กระจกทุกบานแตกละเอียด
ห้องโดยสารด้านหน้าฝั่งคนนั่งยุบเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด....ร่างไร้สติของแนนยังคงสงบนิ่งติดอยู่ในรถเก๋งขนาดสองตอน
มัจจุราชอาจฉุดวิญญาณเธอออกจากร่างได้ทุกเมื่อ
แนนๆ เสียงกระซิบเบาๆดังข้างหู ทำให้แนนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมา
อยู่ไหน....โอ๊ย เจ็บ แนนค่อยๆอ้าปากพูด แต่ไม่ชัดนัก
เฝือกขาวถูกแต่งแต้มถามร่างกายของแนนคล้ายกับเป็นเครื่องประดับ
ใจเย็นๆ แนน เธอสลบไปสองเดือน .....สองเดือน สองเดือน
แนนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง.
...ฝนค่อยๆอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แนนฟัง.....
แล้ว สรุปว่าฉันเจ็บคนเดียวใช่มั้ย แนนพยายามพูด
เสียงพูดของแนนแทบจะไม่ได้ยิน
อืม... ฝนพยักหน้าเบาๆ กำมือแนนไว้นิ่งๆ
เอ ล่ะ เออยู่ไหน แนนเพิ่งนึกขึ้นได้ แฟนเธออยู่ไหน
เอมาหาเธอครั้งเดียว วันแรกที่ชน แล้วหายไปเลย
ฝนพูดพลางลูบหัวแนนเบาๆ
ไม่เป็นไรนะ ไม่มีเอ เราก็อยู่กันได้ จริงมั้ยเพื่อน
ฝนพยายามพูดปลอบใจแนน
อืม... น้ำตาค่อยๆกลั่นตัวหยดลงมาจากนัยน์ตาของแนน
คำพูดของฝนตอนคุยกันในรถคงจะเป็นความจริง....เขาเก่งมากจริงๆ
เก่งมากที่หลอกแนนมาหลายปี
เก่งมากที่หลอกว่ามีแนนคนเดียว.....ทำไมผู้ชายทั้งโลกถึงนิสัยเหมือนกันหมดเลย
เสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกัน เสียดายความรักที่มอบให้.....เสียดาย
เสียดาย เสียดาย
คุณแนน ค่อยๆก้าวนะครับ ช้าๆ บุรุษพยาบาลพยายามพยุงแนนขึ้นเดิน
แนนยังคงไม่หายเจ็บดี ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก
ระวังล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ
บุรุษพยาบาลเดินช้าๆเพื่อให้แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่ใช่เอนะ....ทำไม
ทำไม ทำไม
คุณบุรุษพยาบาลค่ะ นี่ฉันสลบไปนานถึงขั้นต้องกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ
แนนถามด้วยความสงสัย
โห คุณไม่ได้เดินสามเดือนนี่ มันนานนะครับ
บุรุษพยาบาลตอบด้วยความสุภาพ
จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าจะถามชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล
เกรงว่ามันจะยาวไป แนนพูดพลางยิ้ม
ผมชื่อ กอล์ฟ ครับ บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆ
นับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟเริ่มสนิทกัน
ทุกเย็นกอล์ฟจะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด
ไม่นานแนนก็สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด....
คุณแนนค่ะ น้ำดื่มค่ะ พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างๆเธอ
ขณะเธอนั่งรอกอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล
เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ด้วยไมตรี
กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกัน แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออกมา
มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็กน้อย
ไปสิครับ กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทางโรงพยาบาล
ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ
ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก
แนนและกอล์ฟสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ....จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟมาแทนที่เอ
บ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ เอก็ไม่โทรมา
บ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ เอก็ไม่ติดต่อมา
บ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่ปรากฎตัว
เอ....เอ....เอ เอหายไปไหน
ไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะให้แนน
ไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนน
มันคงหายไปแล้ว....หายไปพร้อมกับเอ
หายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายเจ้าชู้
ทำไมผู้ชายเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไม
ใกล้วาเลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ
ไม่มีเอคอยให้ดอกกุหลาบแดง ไม่มีอีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้ดู
แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์
ว่างค่ะ ทำไมค่ะ แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
พอดีผมมีของจะให้แนนนะครับ
เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ กอล์ฟเสนอความเห็น
ตกลงค่ะ แนนพูดพลางกดวางสาย
สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง....หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้เสียที
วันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลก
แม้ในลานที่สยามหรือที่วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆว่า เซนเตอร์พอยต์
ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดง...นักเรียน
นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่วลาน
ขอโทษค่ะ มาสาย แนนพูดพลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
ไม่เป็นอะไรครับ กอล์ฟพูดพลางยิ้ม
อืม...ว่าแต่มีอะไรจะให้แนนเหรอ
แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ แนนจะจับได้ทันที
อันนี้ของแนนนะครับ ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออกมาจากถุงอย่างช้าๆ
วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล
หมายความว่ายังไงค่ะ จะขอหัวใจแนนเหรอ แนนพูดติดตลกพลางยิ้ม
เธอคิดว่าเธออ่านเกมส์ออกหมด
ผมคงไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอก กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำให้แนนงง
อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่... ไม่ทันแนนจะพูดจบ
กอล์ฟต่อคำพูดของเขาทันที
ผมไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอกครับ เพราะหัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน
ปั้ง...เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตทุบลงกลางศีรษะ
แนนเริ่มงงกับความหมายขึ้นไปทุกที...มันแปลว่าอะไร???
หัวใจของคุณ คือเจ้าของกุหลาบดอกนี้
กอล์ฟพูดต่อ....แนนทำหน้างงๆไม่เข้าใจความหมายแม้แต่นิดเดียว
ตอนคุณประสบอุบัติเหตุเข้ามาที่โรงพยาบาล
คุณเสียเลือดมาก...หัวใจคุณเต้นอ่อนจนแทบจะล้มเหลว
พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึงที่สุด
กอล์ฟเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่แนนไม่เคยรู้
มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วยคุณให้ได้
เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้น ไม่ว่าทางเราจะขออะไร
เขาจะจัดหาให้หมด.....คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจมาก
กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่...แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟหมายถึงเอ
ผมยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับชีวิตคุณ
กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างงอยู่
เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้คุณ
เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล
แต่กลับไม่พบว่ามีเลือดถุงไหนที่ตรงกับเลือดคุณ
กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตามองไร้จุดหมาย
สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดี
เขาบอกให้ทางเราเอาไป เอาไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร
ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ
กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้นน้ำตา....แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำใสๆ
ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ
จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ.....ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ
กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำ
เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร..... ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการอะไร
เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้มเหลว
เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ
หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที
ตกลง ผมหาให้ เขาตอบสั้นๆโดยไม่ลังเลเลย
ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจให้แนน
ทั้งๆที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อจะทำให้เธอ
คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและหมออึ้งกันไปหมด
โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้ เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาหัวใจให้คุณได้
กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาแนน....ตอนนี้กอล์ฟเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว
เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ได้โอนเงินมาซื้อหัวใจเทียมให้คุณ
แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการกุศลให้โรงพยาบาล
มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม นานา คุณดูดีๆ คำว่า แนน และ
เอ ถ้าเขียนติดกัน มันคือ นานา นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเขา
เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขารัก...เพราะไม่มีหัวใจเทียมสำรอง
เปี๊ยง....แนนโดนสะกิดต่อมความจำเข้าเต็มเปา...เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้นหราที่โรงพยาบาล
แต่เธอไม่เคยเฉลียวใจสักนิด...มิน่า
ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธอดีเสียจนน่าแปลกใจ
ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนได้เสียกับโรงพยาบาลแม้แต่บาทเดียว
ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล
เขาก็ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลครับ ทิ้งโน้ตไว้ว่า มอบหัวใจให้เธอ
- เขามอบหัวใจของเขาให้คุณ ทันทีที่กอล์ฟพูดจบ
แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ
โต๊ะรอบข้างหันมามองแนนเป็นตาเดียว....เอคือเจ้าของหัวใจ
หัวใจที่อยู่ในร่างของแนน
เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ
กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้กับแนน
มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย.....
ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขาเป็นของคุณ
ใช่ หัวใจเอเป็นของแนน
เป็นของแนนจริงๆ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไปเรียบร้อยแล้ว ตายไปพร้อมกับเอ
ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทุกอย่างเพื่อเธอ
กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลนไทน์ที่จะถึง
รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก
ขอแค่ดอกเดียวก็พอ...เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา
กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา
นั่งนิ่งๆสักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป....ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง
เอรักแนนนะ เอรักแนนนะ เอรักแนนนะ
คำพูดซ้ำๆดังมาจากเครื่องเล่นเทป
เป็นคำพูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำโดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120
นาทีโดยมีเพลงประกอบเบาๆ
แนนค่อยๆคลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียงบรรทัดเดียว
หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนคนเดียว
13 กุมภาพันธ์ 2548 15:42 น.
กรวรา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วกับเรื่องราวของนิ้ว แ ต่ ล ะ นิ้ ว
พระเจ้าได้ทรงเรียกนิ้วทุกนิ้วมาเข้าประชุมเพื่อจัดตำแหน่งของนิ้วต่างๆ
นิ้วแรกมีนิสัยเกเร และชอบกลั่นแกล้งนิ้วอื่นที่อ่อนแอกว่า จึงไม่มีใครชอบและอยากคบด้วย พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วโป้ง" พระองค์ทรงจัดให้นิ้วโป้งอยู่ไกลจากนิ้วอื่นๆ มากที่สุด และทรงเสกให้นิ้วโป้งเป็นนิ้วที่สั้นที่สุดเพื่อไม่ให้รังแกผู้อื่นได้อีกต่อไป
นิ้วต่อไป มีนิสัยถือตนว่าตัวเองมีอำนาจ ชอบใช้อำนาจสั่งโน่นสั่งนี่ พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วชี้" และทรงวางนิ้วชี้ไว้อยู่ข้างๆ นิ้วโป้ง เพื่อนิ้วโป้งจะได้เกรงกลัวจนไม่กล้าเกเรหรือกลั่นแกล้งใครอีก
นิ้วต่อไปมีนิสัยรักความยุตธรรม มีความกล้าหาญและรักความถูกต้อง พระเจ้าจึงทรงเสกให้นิ้วนี้เป็นนิ้วที่ยาวที่สุดเพื่อที่จะคอยดูแลนิ้วอื่นๆได้และได้วางไว้ข้างๆ นิ้วชี้เพื่อคอยเตือนสตินิ้วชี้ให้รู้จักใช้อำนาจที่มีอย่างยุติธรรม และด้วยนิสัยรักความยุติธรรมนี่เอง พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วกลาง"
นิ้วต่อไป เป็นนิ้วแห่งความรักและคำสัญญา มีนิสัยอ่อนโยน ซื่อสัตย์และมั่นคงในความรักด้วยนิสัยคล้ายผู้หญิงนี่เอง พระเจ้าจึงทรงตั้งชื่อนิ้วนี้ว่า "นิ้วนาง" และจัดวางนิ้วนางให้อยู่ข้างๆ นิ้วกลาง เพื่อนิ้วกลางจะได้คอยดูแลนิ้วนางที่อ่อนโยนได้
นิ้วสุดท้าย "นิ้วก้อย" นิ้วก่อยเป็นนิ้วแห่งมิตรภาพ เพราะฉะนั้นนิ้วนี้เป็นนิ้วที่เล็กที่สุด ฉะนั้น จึงมักโดนนิ้วโป้งจอมเกเรแกล้งอยู่เป็นประจำ พระเจ้าจึงทรงจับนิ้วก้อยไปวางไว้ข้างๆ นิ้วนาง ซึ่งไกลากนิ้วโป้งมากที่สุด
บางทีพระเจ้าก็บอกอะไรเราจากนิ้วของเราเอง พระองค์เสกนิ้วโป้งให้สั้นๆ ดูน่าเกลียด เพื่อจะเตือนเราว่า ถ้าเราเป็นคนเกเร นิสัยไม่ดี ถึงแม้ว่าเราจะดูดีอย่างไร เราก็จะเป็นคนน่าเกลียดในสายตาคนอื่น ไม่มีใครอยากจะสมาคมด้วย
พระองค์จับนิ้วชี้ไว้ข้างๆ นิ้วโป้งเหมือนจะเตือนเราว่า บางทีคนที่เกเรมากๆ ก็อาจต้องให้คนที่มีอำนาจเหนือเขาหรือคนที่เขาเคารพเชื่อฟังดูแลเข้า จึงจะทำให้เขาหยุดนิสัยเสียนั้นได้
พระองค์ทรงจัดนิ้วชี้ไว้ข้างนิ้วกลาง เพื่อเตือนเราเอีกว่า ถ้าเรามีอำนาจอยู่ในมือ เราก็ต้องใช้มันอย่างถูกต้องและยุติธรรม
พระองค์ทรงสร้างนิ้วก้อยและนิ้วนางไว้อยู่ข้างกัน เพื่อบอกเราว่า...มิตรภาพที่ดีนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก และไม่มีความรักแท้จริงใดๆ ในโลกที่ปราศจากมิตรภาพและการให้อภัยเช่นกัน....
12 กุมภาพันธ์ 2548 00:54 น.
กรวรา
ฝ่ายหญิงชื่อฝ้าย ฝ่ายชายชื่อทศ
ถึง คุณทศ ขอโทษที่ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ขอโทษที่กระโดกกระเดก ขอโทษที่ใจร้อนเสมอ และต้องให้ทศคอยเตือนเสมอ (น่าเบื่อมาก) ขอโทษที่ชอบร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกัน ขอโทษที่ไม่น่ารักและน่าถนุถนอม ขอโทษที่ไม่รู้จักโตสักที ขอโทษที่ขี้ใจน้อย ขอโทษที่ขี้งอน ขอโทษที่ชอบพูดตรง ขอโทษที่เคยทำร้ายจิตใจกัน ขอโทษที่ชอบจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของทศ ขอโทษที่ขี้บ่นเหลือเกิน ขอโทษที่รักทศ ซะมากมาย จากฟองฝ้าย
ถึง คุณฝ้าย ขอบคุณครับที่ไม่อ่อนหวาน ผู้ชายอย่างผมจะได้แอบหวานกับเขาบ้าง ขอบคุณครับที่กระโดกกระเดก ผมจะได้มองออกว่าคุณเขิน ขอบคุณครับที่ใจร้อนผมยินดีที่จะทำให้มันเย็น ( ผมไม่เคยเบื่อเลย ) ขอบคุณครับที่ร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกันผมจะได้มีโอกาสเช็ดน้ำตาของคุณบ้าง ขอบคุณครับที่ไม่น่ารักและน่าถนุถนอมขืนน่ารักกว่านี้ผมคงแย่งชิงกะคนอื่นอีกนานโข ขอบคุณครับที่ขี้ใจน้อยมันแสดงว่าผมก็มีความสำคัญพอให้ฝ้ายโกรธบ้าง ขอบคุณครับที่ขี้งอนผมจะได้ง้อไงแต่อย่านานนักล่ะผมทรมานใจนะครับ ขอบคุณครับที่พูดตรง (T_T ) ฮื่อ ๆ ผมรู้แล้วว่าผมทำกับข้าวไม่อร่อย ขอบคุณครับที่ทำร้ายจิตใจกันฮื่อๆๆๆ มันทำให้ผมได้รู้ถึงความเหนียวแน่นของความสัมพันธ์ ของเราสองคนมันไม่ขาดกันง่ายๆ หรอก ( ผมไม่ยอม ) ขอบคุณครับที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผมนั่นแน่เป็นห่วงผมล่ะสิ ขอบคุณครับที่เอ๊ยไม่เอาดีกว่าข้อนี้ขี้บ่นไม่ดีเหมือนยายแก่ แต่ถ้าจะเป็นจริง ๆ ผมขอเป็นตาแก่นะ สุดท้ายขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตผม ขอบคุณครับที่ทำให้ผมรู้ความหมายของคำว่า you complete me. โดยไม่ต้องเปิดDictionary ขอบคุณที่อยู่เพื่อให้ผมรัก.. จาก ทศภาค