8 ธันวาคม 2548 13:55 น.
กรวรา
1.การนอนตื่นสายสามารถช่วยให้คนเรานอนพักผ่อนได้เต็มอิ่มเท่าที่เราต้องการ
2.คนที่นอนตื่นสายจะไม่ตกใจเมื่อตื่นขึ้นมาดูเวลา ซึ่งต่างกับคนตื่นเช้า
3.ถ้าในวันนั้นเราไม่มีอะไรทำ มันคงจะน่าเบื่อ แต่คนนอนตื่นสายสามารถทำให้วันนั้นน่าเบื่อน้อยลงได้ ในเมื่อเวลาในวันนั้นมันจะลดน้อยลงไป
4.ถ้าคุณเป็นอีกคนที่อยากจะลดมื้ออาหาร แต่อดใจไม่ได้การนอนตื่นสายอาจช่วยได้ เพราะคุณจะตื่นมาทันแค่อาหาร 2 มื้อ ( ถ้าคุณไม่มีมื้อดึก )
5.คุณต้องพร้อม ถ้าคิดจะตื่นสาย เพราะอย่างน้อยคุณก็จะพลาดการตื่นเช้าไป รวมทั้งคุณจะอดสิทธิพิเศษที่อาจจะได้ดูดาวฤกษ์ยักษ์ขึ้นมาจากท้องฟ้าด้วยแต่คุณยังมีโอกาสที่จะดูมันตกดิน ฉะนั้นไม่ต้องเสียใจ
6.การนอนตื่นสายจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับเตียงขึ้นมากกว่าคนตื่นเช้าถึงหลายเท่า
7.จะเป็นโอกาสดี ถ้าช่วงนั้นคุณอยากให้หมอนใหม่ของคุณนิ่ม ไม่แข็ง การนอนตื่นสายจะช่วยให้หมอนของคุณนิ่มได้ไวขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องเปลืองแรง
8.ปัญหาขอบตาคล้ำ นอนไม่เพียงพอจะหมดไปถ้าคุณนอนตื่นสาย
9.การนอนตื่นสายจะช่วยคุณประหยัดไฟได้ เพราะคุณไม่ต้องเปิดไฟ ทีวี คุณจะเปิดก้อแค่พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเท่านั้น
10.ถ้าคุณกำลังฝันดีอยู่ แต่แย่แล้วที่มันเช้า ฝันของคุณอาจหมดสนุก ถ้าคุณอยากฝันให้จบโดยที่ไม่กังวลล่ะก้อ เชิญคุณตื่นสายแล้ว
20 ตุลาคม 2548 10:41 น.
กรวรา
'ไอ้สุยยยย...' เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่า ผู้ชายที่แต่งตัวไม่ได้เหมาะกับสถานที่ เช่น อากาศร้อนมากแต่ใส่เสื้อกันหนาวแขนยาวตัวใหญ่ๆ,
'จูบู้ๆ' หมายถึง เจอผู้หญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่ม้าก..มาก
'ไปเด่อ' แปลว่า...ออกไปเที่ยวกัน ถ้าเกิดออกไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วแฟนไม่ได้มาด้วย...อ๊ะ! วันนี้โปร่ง(คือประมาณปลอดโปร่งเพราะแฟนไม่มา) แล้วเที่ยวกลางคืนจนดึกดื่นถึงเช้า ใช้คำว่า 'ยาวไป'
'ห่าน' หมายถึง สาวสวยมากๆ
ในระดับมหาวิทยาลัย ทั้งชายหญิงจะใช้ศัพท์ที่คล้ายกัน มักจะเป็นการเล่นคำ ผสมคำหรือนำศัพท์ในภาษาอังกฤษเข้ามารวมกันให้ฟังแล้วเท่ เก๋ขึ้น เช่น miss you โคตรๆ หมายถึง คิดถึงมาก
'เฟิร์ม' เป็นการบอกหรือตกลงในการนัดหมาย ที่มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า คอนเฟิร์ม, 'เหียก' หมายถึง น่าเกลียด ขี้เหร่มาก
ศัพท์ทั่วไปมีหลากหลายเป็นที่นิยม และรู้กันเป็นวงกว้าง แต่บางคำก็รู้กันเป็นกลุ่มเฉพาะ อาทิ 'เด้ง' หมายถึง หน้าขาว หน้าวอก ต้องไปโบ๊ะหน่อยแล้ว 'โบ๊ะ' หมายถึง แต่งหน้า เติมแป้ง เสริมสวยอะไรทำนองนี้
'เม้ง ขี้เม้ง' คือพวกที่ชอบวีน ขี้โวยวาย ด่าเก่ง ปากจัด หน้าตาบูดบึ้ง, 'อิม' มาจาก impossible หมายถึง พวกเด็กเรียน คือสามารถทำเรื่อง(เรียน) ที่ยากๆ ที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้(ได้คะแนนดีมากในวิชาที่ยากๆ) ความหมายของคำว่า เด็กเรียนยังมีอีกหลายคำ เช่น ตู้,อึบ,ทึก
'ทำเนียน' มาจากแนบเนียน หมายถึง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นพวกเดียวกัน ทำตัวกลมกลืน, (ทำ)สึม มีความหมายคล้ายเนียน แต่ถ้าเป็นพวกที่ทำสึมได้เก่งมากๆ เรียกพวกนี้ว่า 'เชิง' (มาจาก ชั้นเชิง) หรือเรียกพวกที่เป็นเซียนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้ เช่น เป็นเชิงเรื่องเกมส์ ก็คือเก่ง, เป็นเซียนในเรื่องเกมส์, นอย มาจากพารานอย หมายถึง วิตกกังวล, 'ชิว' ความหมายในทำนองดูเบลอๆ ลอยๆ (เหมือนพวกอดหลับอดนอนหรือพวกพี้ยา), 'เนิบ' คือ สบายๆ ไม่ยุ่ง เช่น "วันนี้เป็นไงบ้าง?","เนิบๆ ว่ะวันนี้", 'ป๊อก' หมายถึง หลับ "เหนื่อยจังวันนี้ กลับถึงบ้านต้องป๊อกเลยแน่ๆ"
'โปร' มาจาก project หมายถึง คนที่เราแอบชอบ (ประมาณว่าเราวางโครงการกับคนนี้ไว้), 'กลุ่มอิด' พวกอิดใช้เรียกกลุ่มที่มีอิทธิพลในคณะ หรือในมหาวิทยาลัย เช่นมีที่จอดรถเป็นของตัวเอง
'ซิ่ว' มาจาก ฟอสซิล หมายถึงคนที่เคยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยอื่นมาก่อนแล้วย้ายที่เรียนมาอยู่ที่ใหม่เป็นเด็กปี 1 อีกรอบ เช่น ตุ้ม(นามสมมุติ) เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 1 ปี แล้วไปสอบเอ็นทรานซ์ใหม่อีกรอบคราวนี้ได้เรียนที่จุฬาฯ แสดงว่า ตุ้มซิ่วมาจาก ม.เกษตรฯ
'แหล' มาจากคำว่า ตอแหล(โกหก นั่นเอง), ตรึม,ตูม,บึ้ม,ล้านเจ็ด,เบ้ม แปลว่า เยอะ มาก มากมาย, 'แป้ก' แปลว่า ฝืด ไม่ฮา ไม่ขำ เช่น มุขนี้แป้ก, 'จี๊ด,ตึบ' แปลว่า สุดยอด เจ๋งหรือเจ๋งสุด แปลว่า เก่ง ดีที่สุด
'รั่ว' หมายถึง ไม่คิดก่อนพูด(รั่วออกมาจากสมองโดยไม่คิดไตร่ตรองก่อนพูด), 'ซัดโฮก' คือการกินกะซวกๆ อย่างแรง 'จิก' หมายถึง จีบคนแปลกหน้าที่หล่อๆ สวยๆ ส่วนคำว่า 'นก' หมายถึง ไม่ได้ พลาดท่า หรือแห้ว 'กระหลั่ว' แปลว่า เลว
'ปลอม' ทำผิด ไม่จริง เสแสร้ง, 'เล่นใหญ่' หมายถึง อาการ over acting , 'อินดี้' หมายถึงพวกแปลกไม่เหมือนใคร มีสไตล์ของตัวเอง, 'โอเค' จะพูดสั้นๆ ว่า 'โอ' เช่น เป็นไงโอป่าว, 'กิ๊ก' หมายถึงช่วงที่ก่อนจะเป็นแฟนกัน จะเรียกอีกฝ่ายหนึ่งว่าคนนั้นคนนี้เป็นกิ๊ก ถ้าแฟนจะเรียกว่า 'ปู๊'
'สิ่งอัน' หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนคำว่านู่นนี่นั่น เป็นคำติดปาก ใช้ได้กับทุกอย่าง, 'ป่วย' หมายถึงพวกที่ไม่ค่อยปกติ อาจเรียกว่า พวกแอ๊บ (abnormal) หรือพวกเสื่อม ก็ได้,หลายอย่าง หมายถึงคนหนึ่งคนแต่เป็นได้หลายอย่าง เช่น อีนี่หลายอย่าง หมายถึง คนคนนี้เป็นทั้งผู้ชาย เกย์ กะเทย แต๋ว และตุ๊ด เป็นต้น
อาการไม่พอใจ ไม่สนใจใคร หรือไม่อยากยุ่งด้วย เป็นอาการที่เรียกว่า 'เบลอใส่',พวกเกย์,กะเทย จะเรียกผู้หญิงแท้ว่า 'ชะนี' สำหรับคำว่า 'ผิดเพศ' จะออกเสียงเพี้ยนไปเป็น 'พิษเพด' (ทำเสียงหนักๆ ย้ำๆ)
คนที่มี 'G-monitor' หมายถึง ผู้ที่มีเซ้นส์ที่สามารถรับรู้ว่าคนนั้นคนนี้เป็นเกย์, 'มั่นกระเด็น' หมายถึงความมั่นใจกระเด็นหายไป หมดความมั่นใจ
บางคนอาจไม่เข้าใจความหมายของการสนทนาของนักศึกษากลุ่มนี้ ลองมาฟังตัวอย่างนี้ แล้วจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น
ญ 1 : ต๊าย! เธอๆ ดูผู้ชายคนนั้นสิ 'แคม' จังเลย
ญ 2+ญ 3 : แหวะ คนนั้นน่ะเหรอชั้น(ฉัน)ว่า "อบกบ" จะตาย
คำแปล 'แคม' หมายถึง หล่อ 'อบกบ' ตรงกันข้ามคือ ไม่หล่อ(มีอีกคำหนึ่งที่มีความหมายเหมือนอบกบ คือคำว่า โป๊ะ)
และแล้วหญิงทั้งสามคนก็เข้าไปกินอาหารที่ร้านหนึ่ง เมื่อกินเสร็จ จึงออกมาจากร้าน ทั้งสามคนต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ชั้น(ฉัน) จะไม่มากินที่ร้านนี้อีกแล้ว ให้ตายสิ! เอ็ดย่าแล้วยังแพ้ฝุ่นอีก
คนที่ไม่เคยรู้ศัพท์แปลกๆ เหล่านี้ คงงงตายไปเลยว่าสาวๆ พวกนี้เขาคุยอะไรกันหนอ "เอ็ดย่าแล้วยังแพ้ฝุ่นอีก" หมายถึงอาหารที่ร้านนี้ไม่อร่อยแถมยังแพงอีกต่างหาก(เอ็ดย่า คล้ายๆ กับกินหญ้า หมายความว่า ไม่อร่อย ส่วนแพ้ฝุ่น หมายถึงมีราคาแพง)
คำศัพท์ที่ยืมมาจากภาษาอื่นก็มีโดยเฉพาะภาษาอังกฤษดูจะมีเยอะที่สุด ส่วนใหญ่มักพูดกันสั้นๆ ไม่พูดเต็มคำ อาจพูดเฉพาะพยางค์หน้าหรือหลังเท่านั้น เช่น เซอร์,เดิ้ล(modern),in,out,work,
return (หมายถึง การกลับมาคืนดีกับแฟนเก่า),self,เมาธ์,อีเดียต(idiot),เหวย(ภาษาจีน ใช้เวลารับโทรศัพท์),แดนซ์,ติ๊ด(artist),ชิก(chic) ฯลฯ
20 ตุลาคม 2548 10:36 น.
กรวรา
เรื่องนี้ เกิดขึ้นที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง คือว่า
มีคนไข้ตายบนเตียงเดียวกัน ซ้ำ ๆ แล้วหลายคน ที่น่าแปลก คือ ทุกศพ ตาย เมื่อเวลา บ่ายโมง ของ
ทุกวันอาทิตย์ โดยทั้งหมอเล็ก หมอใหญ่ พยาบาลเวร ไม่อาจให้คำอธิบายได้ สร้างความหวาด -
กลัวไปทั่วทั้งโรงพยาบาล บ้างก็ร่ำลือกันถึงความเฮี้ยนที่หลาย ๆ คน เคยได้ยินมา บรรดาคุณหมอ
จึงตัดสินใจ ลงไปที่ห้องผู้ป่วย เพื่อตรวจสอบ หาสาเหตุการตายในวันอาทิตย์หน้า
กระทั่ง ถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ทุกคนรอคอย 2-3 นาทีก่อนจะบ่ายโมง
ทั้งหมอ และ พยาบาล ต่างรอคอย อย่างลุ้นระทึก แอบมองอยู่ข้างนอกว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น ต่างคน
ต่างกำหลวงพ่อประจำตัวแน่น บ้างก็ผ้ายันต์ บ้างก็ไม้กางเขน ด้วยความหวาดกลัว และลุ้นว่าจะได้
เห็นวิญญาณ เฮี้ยน หรือไม่? จนเข็มนาฬิกาเดินมาที่ 13.00 น. บรรยากาศก็เย็นเยียบ ขึ้นมาโดย
ฉับพลัน ไร้เสียงรบกวนใด ๆ แม้เสียงลมหายใจ ก็แทบจะไม่ได้ยิน....และแล้ว.... ......
+++ พนักงานทำความสะอาดคนใหม่ +++ ซึ่งทำงานแค่วันอาทิตย์ ก็เข้ามาในห้องผู้ป่วย
จากนั้น ...... ก็ถอดปลั๊กเครื่องช่วยหายใจออก ???..... แล้ว...เสียบปลั๊กเครื่องดูดฝุ่นแทน...!!!!
และ..... ทำความสะอาด..ต่อ..ด้วยความ...สบายใจ.... . จนเสร็จ ... .....
19 ตุลาคม 2548 09:00 น.
กรวรา
การแสวงหาความรักที่ออนไลน์อยู่บนโลกไซเบอร์ใบนี้ ไม่ได้ง่ายดายหรือยากลำบากไปกว่าการแสวงหาความรักในโลกแห่งความเป็นจริงที่มีผู้คนเดินสวนกันไปมาแม้แต่น้อย
มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากชีวิตจริง...
คุณจะบอกได้ในทันทีที่คุณเดินสวนกับใครสักคนและรู้สึกสะดุดตา สะดุดความรู้สึก กับใครคนนั้นไหม ว่าคนๆ นั้นคือ "คนที่ใช่" .. คือใครบางคนที่คุณตามหา หรือคือคนที่คุณมั่นใจว่าจะวางอนาคตไว้ร่วมกับเขา
แน่นอน...
หากคุณยังมีเหตุผลเพียงพอที่จะไม่ปล่อยให้อารมณ์อ่อนไหว วาบหวาม เป็นตัวบงการว่า คนที่คุณคิดว่าเขาอาจจะใช่คนที่คุณรอคอย คือคนที่จะร่วมชีวิตกับคุณ จนกว่าคุณจะได้เรียนรู้และพิสูจน์คนๆ นั้นอย่างชัดเจนเสียก่อน
การแลกเปลี่ยนทางความคิดกับคนพิเศษที่ออนไลน์มาพบกันอาจเริ่มต้นขึ้นอย่างเปิดเผยและง่ายดาย
ความสวยงามของตัวหนังสือที่พิมพ์ส่งมาอาจเป็นมนต์ขลังเสียจนทำให้หัวใจของคุณ .. ผูกมัดด้วยจิตนาการงดงามของ "ภาพฝันอุดมคติ"
แต่คุณจะด่วนสรุปได้อย่างไรว่า .. นั่นคือ "ความรัก"
จนกว่าคุณจะก้าวออกมาจากโลกแห่งความฝันของคุณ เพื่อมาพบกับความเป็นจริงที่คนๆ นั้นเป็นอยู่
การปล่อยให้ตัวเองผูกพันอยู่กับ "จินตนาการ" มีแต่จะทำให้คุณพบกับความผิดหวังและปวดร้าว หากภาพฝันนั้นไม่เป็นอย่างที่คุณคิด
"ความรัก" ไม่อาจเริ่มต้นระหว่างคนแปลกหน้า...
และไม่ว่าคุณจะออนไลน์คุยกับเขายาวนานนับปี ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคย เปิดเผยเพียงไร "กำแพงแห่งความแปลกหน้า" ก็ไม่มีวันพังทลายลง จนกว่าคุณและเขาจะได้พบกันใน "โลกแห่งความเป็นจริง"
"รักแท้" ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายดายบนโลกสับสนใบนี้ และยิ่งไม่อาจค้นพบได้ง่ายดายในโลกที่มองไม่เห็น
"ความรัก" ต้องการการเรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้งระหว่างคนสองคน
"ความรัก" คือการรู้จักเพื่อที่จะยอมรับในตัวตนของกันและกันอย่างแท้จริง
ดังนั้น หากคุณกำลังคิดว่าคุณมีความรักหรือเจ็บปวดกับคนพิเศษสักคนที่ออนไลน์มาพบกันประจำทุกวัน ทั้งที่คุณไม่เคยได้ยินเสียง ไม่เคยเห็นหน้า และไม่เคยจะรับรู้ความจริงว่าเขาเป็นอย่างไรเมื่อใช้ชีวิตอยู่ในสังคมปกติ
หรือเพียงแต่หลงรัก "ภาพอุดมคติ" ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมา
ก็คือการพาเขาก้าวออกมาจากโลกแห่งจินตนาการใบนั้น เพื่อมาพบกันใน "ชีวิตจริง"
จำไว้ว่า .. "หนึ่งปีที่คุยกัน ก็ไม่เท่าหนึ่งวันที่ได้พบหน้า"
เมื่อคุณพบเขา คุณจะได้คำตอบกับตัวเองชัดเจนว่า เขาคือคนที่คุณสมควรเรียนรู้และรู้สึกพิเศษต่อไปหรือไม่
สีหน้า แววตา และภาษาท่าทางอื่นๆ ของเขา คือสิ่งที่จะทำให้คุณรู้ชัดเจนได้มากกว่าตัวหนังสือที่อ่อนหวาน ห่วงใยที่พิมพ์ส่งมา หรือเสียงทางโทรศัพท์ ว่าเขาคือเพื่อนที่จริงใจและต้องการผูกมัดกับคุณอย่างจริงจัง หรือเพียงแค่ต้องการให้คุณตกหลุมพรางความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา เพื่อความสนุกในเกมหรือผลประโยชน์ทางอารมณ์
หากคุณรู้ตัวว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่อ่อนไหว เชื่อคนง่าย และมองโลกในแง่ดีเกินไป
ก็จงอย่าใช้ "หัวใจ" ในการตัดสิน และรับรู้ตัวหนังสือที่ผ่านมาทางอินเตอร์เน็ต แต่จงใช้ "สมอง" ในการอ่านทุกตัวอักษรอย่างมีสติ อย่าปล่อยให้กับดักของภาษา พันธนาการหัวใจคุณ อย่างที่ตัวฉันเองและเพื่อนๆ อีกหลายคนเคยเผลอไผลมาก่อน
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีเหตุผล และเท่าทันเกมสนุกในโลกไซเบอร์นี้ จนรู้สึกชินชากับตัวหนังสือทุกตัวที่พิมพ์ส่งมา ก็ได้โปรดอย่าใช้ตัวหนังสือของคุณ ตอบกลับไปในสิ่งที่ตัวคุณเองไม่ได้รู้สึกรู้สา
เพราะคนที่ได้อ่านข้อความของคุณ อาจเป็นเพียงมือใหม่ที่อ่อนไหว และตกหลุมพรางของถ้อยคำที่คุณใช้ได้ง่ายดาย
To handle yourself, use your head, To handle others, use your heart.
จงใช้สมองดูแลหัวใจของคุณเอง และจงใช้หัวใจเพื่อดูแลหัวใจดวงอื่นๆ ที่ออนไลน์มาพบกับคุณ...
หากคุณเป็นคนหนึ่งซึ่งกำลังออนไลน์เพื่อค้นหารักแท้...
ก็ขอให้คุณโชคดีและเดินทางในโลกไซเบอร์นี้อย่างปลอดภัย จนกว่าจะพบใครสักคนที่พร้อมจะก้าวไปในชีวิตจริงกับคุณ
ที่สำคัญ .. อย่าลืมระมัดระวังดูแลหัวใจคุณเองให้ดี ตลอดการเดินทางครั้งนี้ด้วย
10 ตุลาคม 2548 09:52 น.
กรวรา
> >>> >> >การขอแต่งงานที่น่ารักที่สุด
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >อยากให้อ่าน
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >เรื่องของเพื่อนเรา...
>>
>> > >>> >>
>>
>> > >>> >> >ผู้หญิงชอบทานมังคุด
>>
>> > >>> >>
>>
>> > >>> >> >ผู้ชายนัดทานข้าวกันสองคน
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >พอผู้หญิงมาถึงทานข้าวเสร็จ
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >ผู้หญิงจะสั่งของหวาน
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >ผู้ชายบอกว่า อ้อ วันนี้มีของ surprise
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >เอามังคุดมาฝาก
>>
>> > >>> >>
>>
>> > >>>คนขายบอกเหลือ 3 ลูก
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >จะเอามั้ย เลยเหมามาหมด
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >มีมังคุดใส่ตระกร้าเล็ก ๆ อยู่สามลูก
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >ผู้หญิงถาม เอามั้ย แบ่งกันทาน
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >ผู้ชายบอก ไม่หรอก
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >ตั้งใจเอามาให้จริง ๆ อยากให้ดีใจ และแปลกใจ
>>
>> > >>> >>>>
>>
>> > >>> >> >ผู้หญิงหยิบมังคุดขึ้นมา
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >อ้าวผ่ามาให้ด้วย
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >แล้วมีเลขเขียนไว้ด้วย
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >ลูก 1, 2, 3 เออตลกดี
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >เปิดลูกแรกจะทาน
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >เห็นกระดาษเขียนว่า
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >"ตกลงแต่งงานกับผมนะครับ
>>ถ้าไม่ขัดข้องเชิญทานลูกที่สองได้ครับ"
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >หยิบลูกที่สองเปิดดู
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >เห็นแหวนวงนึงนอนอยู่ในมังคุด
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >พร้อมกับกระดาษเขียนว่า
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >"ตกใจล่ะซิ แต่อย่าพึ่งสวมนะครับ เปิดดูลูกที่สามซะก่อน"
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >ลูกที่สาม เปิดออกดู
>>
>> > >>> >>
>
>>
>> > >>> >> >มีกระดาษเขียนว่า
>>
>> > >>> >> >
>>
>> > >>> >> >"ถ้าคุณไม่ขัดข้องกรุณาหันมายิ้มให้กำลังใจผมหนึ่งที
>>
>> > >>> >> >ผมกำลังลุ้นจนจะเป็นลมอยู่แล้ว
>>
>> > >>>แล้วผมจะเป็นคนสวมแหวนให้คุณเองครับ"
>> >> > >>> >> > >>