24 มกราคม 2554 16:03 น.
กรกต
ฟ้าหลังฝน
หน้าหนาวปนลมฝน ยากจรดลผ่านแดนไกล
เย็นเยือกดวงหทัย ฝากสิ่งคลุ้งรุ้งแพรวพร่าง
ยืนจ้องสองใจจิต มิอาจคิดจะแรมร้าง
หลบหลีกมิอาจจาง หวนคำนึงเคล้าคลึงปน
เบิ่งฟ้ายามทอแสง หลากสีแห่งสวยระคน
แดงปนน้ำเงินจน ชมพูอ่อนทอดโค้งนภา
สองวงโก่งรุ้งเคล้า ดุจดั่งเจ้าหนาวสั่นผวา
โอบไว้แนบอุรา รวมสองร่างกลางฝนพรำ
วันนี้มิเหมือนเก่า สุดแสนเศร้าเงาชื่นฉ่ำ
อยู่เดียวเปลี่ยวใจนำ ครั้งอุ่นไอได้ฝากกัน
ฝนซาห่างหายแล้ว ในใจแผ่วคิดฝากฝัน
ดวงมาลย์สานฝากนั้น ล้ำลึกเหลือเอื้ออาทร
บุปผานานาชาติ หยดน้ำสาดสั่นใบอ่อน
รินหยาดรดร้าวรอน ป่วนห้วงหามิมาคลาย
ลมเย็นผ่านกายเคล้า นึกถึงสาวซิมากลาย
เสียงแผ่วแว่วมมาหาย คงสิ้นแล้วแนวเสน่หา
ยิ่งนึกยิ่งสะท้อน โอนเอนอ่อนยากหวนมา
เหลือบแลแม้ฝนลา สิ่งชื่นฉ่ำย้ำดวงมาลย์
อกเราแสนเหงาหงอย สู้ยืนคอยจนไหวหวั่น
ฟ้าฝนพลันจากพลัน มิอาจสล้างกลางวิญญา.
กรกต.
23 มกราคม 2554 20:38 น.
กรกต
กรุงธนบุรี
กรุงธนบุรีล่มแล้ว เรืองรอง
ธ สู่ทรงยึดครอง แว่นแคว้น
เลอเลิศสิ่งสู่สนอง เคียงคู่ ดินเฮย
ขับม่านจนแน่นแฟ้น เกียรติก้องเผ่าไท
ก๊กแตกสิ้นพ่ายแพ้ บารมี
อยุธเยศเปล่งรัศมี ยากคว้า
ฟ้าไพร่ต่างเกษมศรี เริ่มก่อ กรุงแฮ
พระศาสน์ทั่วล้วนหล้า ร่ำร้องสรรเสริญ
ไทก่อกำเนิดแพร้ว ศรีกรุง
ทรงมุ่งรวมใฝ่ผดุง จรัสฟ้า
ใย ธ มิอาจจรุง สานต่อ ไทนา
น้ำตารินฝากหล้า จากสิ้นผองไท
อนุสาวรีย์สร้างไว้ บูชา
ม้าที่ทรงกายา ดาบพี้
เจ้าจ้อยเอ๋ยวาสนา ตกต่ำ จริงนอ
สิ้นดับเทอดข้านี้ สูญสิ้นวายชนม์
ธนบุรีเอยลบล้าง นามขจร
ตัวกูซิล้างรอน บ่ขึ้ง
หยาดน้ำตาเปียกปอน ม้าคู่ กายเฮย
ชนสุขใจข้าซึ้ง เปี่ยมไว้ปานสรวง
ธนบุรีสิ้นสูญแล้ว ตามกู
เกิดใหม่อย่าอดสู แก่ข้า
เพียงไทจงเชิดชู ผองเผ่า ไว้แฮ
ทุกสิ่งมึงอย่าล้า สูญสิ้นเผ่าไท.
กรกต.
23 มกราคม 2554 18:59 น.
กรกต
ดาวจากฟ้า
ดาวน้อยพรายพร่างฟ้า เวหน
ลอยล่องท่ามจรดล สว่างฟ้า
พราวระยิบนฤมล สวยสด
ฤาส่งเจ้าผ่านหล้า ลับสิ้นแดดวง
เปล่งคว้างป่วนหรุบแล้ว ดวงมาลย์
ดุจดั่งดาวร้าวราน ต่อห้วง
เสน่หายากจักขาน คืนสู่
วิเวกยากจักล้วง สู่ฟ้าเวทนา
ชนชั้นมักไขว่คว้า หวังปอง
เพียงแค่หวังยึดครอง สุดพลิ้ว
ตระกายสู่ครรลอง ทางก่อ
แลลับแสนสุดกริ้ว โทษห้วงนภาสนอง
พลิกผันปั่นป่วนแล้ว สาวชน
หวังสู่จุดเด่นจน คลั่งคลุ้ง
สู้ตบแต่งปะปน สรีระ
หวังสู่ดาวเฟื่องฟุ้ง จรดไว้นภาสรวง
สิ้นตัวเนื้อหมดสิ้น จำยอม
คิดกอบกิจออมชอม จักคว้า
สิ้นสาวผ่านดมดอม หวังก่อ
สู่ภาพจนอ่อนล้า ร่ำไห้ครวญถวิล
เป็นดาวบนนภาแล้ว แลลับ
มิอาจสู่คืนกลับ ฟากฟ้า
น้ำตาหลั่งระยับ ป่วนแยก
ดาวจากฟ้าสู่หล้า ร่ำไห้เนืองนอง.
กรกต.