ทริปนี้หนีเที่ยวเกิดสืบเนื่องจาก เรื่องหมารีสอร์ท สาวใบตอง (bananaleaf ) เห็นบรรยากาศชายทะเล แล้วเกิดมีความอยาก เที่ยวทะเล เพราะอย่างว่า อุทัยฯ ไม่มีทะเล เลยต้องเพิ่งทะเลที่อื่น พอดีกับที่ความรักระหว่าง พี่น้อง กำลังเบ่งบานเต็มที่ ขณะที่คุยกันเล่นๆ กันทางโทรศัพท์ ณ วันหนึ่ง ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าวันที่เท่าไหร่ คุยไปคุยมา อีท่าไหนจำไม่ได้อีกเหมือนกัน จู่ๆ มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อ เราสองคนนัดวันที่จะเจอกันซะแล้ว เอาละสิ10 นาทีถัดมาจึงพร้อมใจกันหยิบปฎิทินหาวันว่างให้ตรงกัน เช็คไป เช็คมา ปรากฏว่าคุณน้องเธอจะเคลียงานให้เสร็จทันในวันที่ 19 แล้วจะบินมาหาดใหญ่ก่อน ตอนที่นัดฉัน คิดในใจว่าอีกตั้งเกือบเดือนเดี๋ยวคุณเธฮคงจะโทรมาบอกว่า พี่รันใบตองไปไม่ได้แล้วนะ แล้วค่อยหาเวลาเจอกันใหม่น้า แต่.... อีกสักพักได้ยินเสียงโทรศัพท์อ้าว ใบตอง ว่าแล้วว่าต้องโทรมาเลื่อนนัดแน่นอน จ้า ใบตอง มีรัยหรอ มาไม่ได้หรอหรือว่าเคลียงานไม่ได้ล่ะ เปล่าพี่รัน ตองจะโทรมาบอกว่า ตองจองตั๋วเครื่องบินได้แล้วนะ เครื่องออกจาก สุวรรณภูมิ เย็นวันที่ 19 ประมาณทุ่มหนึ่งถึงหาดใหญ่ ประมาณ สองทุ่มครึ่ง พี่รันไปรับใบตองที่สนามบินนะ อ้าวดูมันไอ้น้องคนนี้เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจัดการเสร็จสรรพ ฉันก็ทำแค่รับปากหล่อนไปด้วยความงง กะไม่แน่ใจ ว่า จ้าเอาไว้ใกล้ถึงวันเตือนกันอีกทีเนาะ แถมยังคุณน้องยังบอกอีกว่า วันที่ 19 กลางวันยังมีสอนปรับพื้นฐานเด็กอยู่อีกนะนั่นแล้วจะมาขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ ทันหรอ เจ้าหล่อนตอบมาด้วยเสียงสดใสว่า น่าเดี๋ยวตองจัดการเอง ตอนแรกนัดกันว่าให้ใบตองไปลงที่กระบี่แล้วต่อรถไปที่เกาะลันตาเอง แต่สรุปว่าหล่อนไม่ยอม จะมาหาดใหญ่ให้ได้ บอกจะมาดูฐานะพี่รันก่อนว่าความเป็นอยู่อย่างไร บ้านนอกแค่ไหน อิอิ และคำตอบสุดท้ายที่ได้ยินคือ จะมาถล่มพี่รัน ก่อนไปกระบี่ แหม เศรษฐีจะมาถล่มยาจก ได้ซิเต็มใจ และจึงเกิดแผนการเฉพาะกิจ ที่มีชื่อว่า ทริปนี้...หนีเที่ยว เพราะเหตุผลที่ว่าหนีเที่ยวนี้คือต้องการแต่สาวๆ วัยรุ่น(รุ่นไหน ไม่เกี่ยง) แบบเจี๊ยว จ๊าวกันเฉพาะกิจ หนุ่มไม่เกี่ยว แก่ก็ไม่เจาะจง ว่ากันอย่างนั้น แต่สองคนมันจะสนุกอะไร ต้องมีก๊วนของเราสิ ว่าแล้วจัดการโทรหาก๊วนเฉพาะกิจทันที เพราะงานไหนงานนั้นเรื่องเที่ยวไม่มี คำว่า No และงานนี้ก็เช่นกัน ไม่มีคำว่า No กันอีกตามเคย แต่ขอพ่วงเด็กไปด้วยเพราะไอ้ครั้นจะเที่ยวกันแล้วให้คนที่บ้านดูลูกด้วยมันก็กระไรอยู่ อิอิ เลยถือเสียว่าต่างคนต่างปล่อยผีกันไป 5555 จึงมีสาวติ๋ม คนนี้ตั้งใจทุกครั้งที่เที่ยวเพราะเป็นแม่ครัวประจำทีมงาน งานไหนงานนั้นคุณเธออยู่ในครัว ค่ะ ฝีมืออาหารใต้ ขอบอกว่า เธอไม่แพ้ใคร อีกคน คุณลำไย ผู้เป็นคนเอ็นเตอร์เทรน ทีมงาน งานไหนงานนั้นขาดเธอ งานกร่อย สามารถเข้าถึงเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้เฒ่า ผู้แก่ เธอมีเรื่องคุยให้เค้าเฮ ได้ทุกงาน และบอกไปว่างานนี้มี โอเกะ มีหรอคุณเธอจะปฎิเสธ วันที่ 19 มาถึงวันนั้นเป็นอะไร ไม่รู้มันยุ่งทั้งวัน ทำอะไรก็ไม่เสร็จสักอย่าง แม้แต่รีดผ้าจะไปเที่ยวก็ยังไม่จัดการ เช้าเจ้าใบตองโทรมาบอก พี่รัน ตองออกจากบ้านแล้วนะเดี๋ยวถึง สนามบินจะโทรบอก อ้าว ใบตองบอกว่าวันนี้กลางวันมีสอนไม่ใช่หรอ แล้วเครื่องมันออก ตั้ง เกือบสองทุ่มทำไมรีบออกนักล่ะ แหะ พอดีลูกศิษย์เห็นใจ อาจารย์ค่ะ บอกไม่ต้องสอนก็ได้ตองเลย แจกชีทให้นักเรียนไปอ่านแทน อุตส่าห์ลงทุนเพิ่มเนื้อหาชีท ด้วยการซีร๊อคเพิ่มนะ บอกนี่ตองต้องยอมลงทุนควักกระเป๋าตัวเองเลยนะพี่รัน จ้า...แม่ครูผู้เสียสละ ตกเวลาทุ่มกว่าแล้วฉันก็ยังนั่งรีดผ้าไม่ได้จัดกระเป๋าอีกต่างหาก เฮ้อ ชีวิต ทำไมมายุ่งวันนี้นักนะ เพื่อนถามยุ่งเรื่องอะไร หรอ บอกเดี๋ยวนึกก่อน ผ่านไปสักเกือบ 3 นาที ตอบเพื่อนไปว่า ไม่รู้เหมือนกันว่ะ รู้แต่ว่ามันยุ่งจริงๆ ฮา พอได้เวลา ปุ๊ป รีบอาบน้ำแต่งตัวจับรถไปรับน้องที่สนามบิน นั่งรอด้วยการสั่งน้ำอัดลมในสนามบินมานั่งดูดรอเวลา กะกาแฟ เย็น 1 แก้ว ปาเข้าไป 140 บาท โห รู้งี้แม่แวะซื้อใส่ถุงพลาสติกหิ้วมาเองก็ได้ 10 บาทเองถุงเบอร์เริ่ม เทิ้ม แต่เดี๋ยวได้เจอใบตองตัวเป็นๆ แล้วหลังจากเห็นกันแค่ในรูป ว่าตัวอ้วนๆ กลมๆ ขาวๆ จนมีพี่ชายตั้งฉายาให้เราสองคนว่า พี่หมีดาม กะหมีขาวแล้ว ได้ยินเสียงประกาศว่าเครื่องเที่ยวที่ใบตองโทรมาบอกลงแล้วใจเต้น ตุ้มๆ ต่อมๆ เดินไปคอยน้อง ที่ประตูทางออกผู้โดยสาร แต่แอบเอาตัวบังเสา ไว้นะ แบบลองดูซิว่าใบตองลงมาแล้วหาไม่เจอ ทำหน้าแบบไหน สักพัก เห็นหมู เฮ้ย ...ไม่ใช่ ผู้หญิงตัวอ้วนๆ กลมกลมใส่แว่นเดินลากกระเป๋าเดินทางมาด้วยมาดมั่นมาก มั่นที่ได้หนีนักเรียนมาเที่ยว แน่นอน ต้องเจ้าใบตองแหง ฉันยืนมองน้องเงียบๆ อย่างส่งกระแสจิตผ่านเสา บังเอิญกระแสจิตมันแรง เสาบังไม่อยู่ (หรือว่าหุ่นแบบบังเสาไม่มิดก็ไม่แน่ใจ) ใบตองหันมาเห็น รีบเดินเข้ามา ฉันหรอ ตื่นเต้นแค่ยืนรอน้องเดินลากกระเป๋าเข้ามาหาพร้อมยกมือสองมือเพื่อกอดน้อง วินาทีนั้น คนไม่เคยมีน้องอย่างฉันรู้แล้วว่า น้องไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันกับเราทีหลังแต่คนที่เรารักเหมือนน้อง ความรู้สึกห่วงใย และผูกพันไม่ต่างกันเลยสักนิด อ้อมกอดของกันและกันมันอบอุ่นแนบไปถึงหัวใจ แต่มือเรากลับเย็นเฉียบ ผละมองหน้ากันให้ชัดยิ่งขึ้น เจ้าใบตองคว้าหน้าฉันเข้าจุ๊ฟ แก้มซ้ายก่อนบอก อันนี้ฝากลุงเบรฟฯ แล้วจุ๊ฟ อีกข้างบอก ข้างนี้ฝากป้าหวาน ฉันน้ำตาซึมนิดหน่อยตามประสาคนหวั่นไหว ง่าย... ฮา เสียดายไม่ได้พกกล้องไปเก็บความประทับใจเอาไว้ แต่ไม่เป็นไรหรอก มันประทับอยู่ในใจฉันและฉันได้บันทึกมันไว้แล้วตามแบบฉบับของคนชอบบันทึก หลังจากวินาทีตื่นเต้นผ่านไป ฉันลากมือน้องไปยังรถที่รออยู่ ใบตองกะฉันเดินกุมมือกันไป ใบตองถามรถจอดที่ไหนพี่รัน ฉันบอกตามมาเหอะ พอไปถึงลานจอดรถซึ่งมีรถเก๋งจอดอยู่เพียบ ใบตองคงจะยิ้มในใจนึกว่าฉันจะเอารถเก๋งคนโตไปรับ อิอิ แต่ฉันกลับเดินไปหารถตุ๊กๆ ของน้องชายคนหนึ่ง บอกเอ้าใบตองขึ้นรถเร็ว ใบตองขึ้นรถตุ๊ก ตุ๊ก พร้อมหัวเราะกร๊าก อย่างสมใจ เพราะไม่เคยนั่งรถตุ๊กตุ๊ก หาดใหญ่ 555 คืนนั้นกว่าจะกลับเข้าบ้านฉันได้ปาเข้าไปอีกเกือบตีหนึ่ง พอถึงบ้านแอบย่องไปเคาะประตู เพราะดันลืมเอากุญแจบ้านออกมา ฮา บอกแล้วว่าการหนีเที่ยวนี่มันมักจะมีอุปสรรคขวากหนามให้เราได้แก้ตัว เฮ้ย...ไม่ใช่...แก้ไขอยู่เสมอๆ กว่าจะจัดกระเป๋าที่ฉันจับผ้ายัดๆใส่ กว่าจะนอน ปรากฏว่าใบตองอยู่บ้านฉันไม่ถึง 5 ชั่วโมง หกโมงเช้าเรารีบออกจากบ้านกันทันที แวะทานอาหารเที่ยงที่ตรัง และ ต่อรถจากตรังไปเกาะ ลันตา ถึงเกาะประมาณ บ่ายสามโมงเย็น หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธีแล้วจัดการแยกย้ายกันเข้าสู่ที่พักพร้อมคิดโปรแกรมเที่ยว แต่ที่แน่ๆ มื้อเย็นนี้ฝีมือแม่ครัว คุณติ๋ม แน่นอนเจ้าค่ะบอกแล้วงานนี้เอามาไม่ผิดคน มื้อแรกของเกาะลันตา รู้สึกเป็นกับข้าว สองสามอย่างง่ายๆ จำพวกกุ้ง หมึก ผัดเผ็ดแบบอาหารใต้ และ ต้มยำ ปลากระป๋อง งานนี้มีฮา มาก เพราะ พวกเล่นหอบปลากระป๋อง อะยัมมาจาหาดใหญ่เป็นโหล และ บะหมี่สำเร็จรูปอีกเป็นแพค ๆ สุดท้ายไม่ได้กินหรอกของที่หอบกันไปนะหอบกลับ และให้น้องๆ ที่รีสอร์ทเค้าไว้ทานกัน ได้ยินใบตองมันบ่น อะไร มาเที่ยวทะเลใจคอ จะกินมาม่า กันหรอ เค้าจะกินอาหารทะเล555 แต่มื้อแรกอาหารทะเลของเจ้าใบตองคือ ต้มยำ ปลากระป๋อง ตราไก่ อิอิ แต่ก็เจริญอาหารดีเหมือนกัน มิน่า หุ่นได้ไม่เปลี่ยนแปลง บอกให้ลดหน่อยหล่อนเป้ปากลดทำไม ลดไปก็ไม่ใช่ใบตองสิ เออแล้วพรุ่งนี้ก็รู้ว่าใบตองจะเป็นใบตองหรือปลาพะยูนเกยตื้น(ส่วนฉันก็ใช่ย่อยเหมือนกัน เล่นพกห่วงยางส่วนตัวไปด้วย แต่หนาน้อยกว่าใบตองนิดหน่อย) ตอนแรกกะกันว่า พักผ่อนกันก่อนแล้วกะจะข้ามเรือไปเกาะพีพี กันเองแต่ พี่สะใภ้แนะนำให้เหมาเรือ กันไปเรียกว่า one day tour. คือเหมาเป็นรายบุคคล ไปมีอาหารกลางวันเลี้ยง แล้วพาไปแต่ละเกาะ แต่ละอ่าว ที่มีปะการัง และปลาสวยๆอย่างที่เคยเห็นในทีวี เอาละสิ ตื่นเต้นซะไม่มีเคยแต่ตะกายน้ำ ทะเลอยู่ริมฝั่ง ไม่เคยไปตะกายแถวอ่าวมาหยา ที่เค้าลือกันว่าสวยนักหนา ทีนี้ล่ะ เราจะได้เจอของจริง จะเป็นหมูขาว ดำลอยอืดในน้ำหรือปลาพะยูนเกยตื้นกัน ไปเดี๋ยวได้รู้กันพรุ่งนี้ เรือนัดเวลา เจ็ดโมงครึ่ง ให้เสร็จ ปรากฏว่า เจ็ดโมงครึ่งหลานทำอาหารเช้าให้คนละชุด คนอื่นลงมานั่งทานกันหมดแล้วเหลือแต่ใบตอง รถมารับแล้วเจ้าหล่อนเตรีมตัวยังไม่เสร็จ เพราะมัวแต่จัดห่วงยาง ส่วนตัวให้เป็นระเบียบอยู่ ฮา กลัวไปถึงอ่าวแล้วเกิดไม่มีชูชีพ ให้ก็ใช้ห่วงยางส่วนตัวกันไปเลย (แต่ละคนที่ไปพกไปเองทั้งนั้น แต่ใบตอง กะ คุณติ๋ม พกไปมากกว่าคนอื่นเขา ฉันหรอ พกไปสิ แต่แค่พอเอาตัวรอด ฮา) หลังจากทำให้คนขับรถมารับไปขึ้นเรือ หัวเสียพอเป็นกระสัย แล้ว ยายใบตองจอมช้า ก็ทำท่าทางเเอคชั่นได้อย่างหน้าบานตาชื่นอย่างที่เห็นที่แระค่ะเพื่อเตรียมลงเรือไปอ่าวมาหยา เป็นอันดับแรก บรรยากาศ ระหว่างทางไปอ่าวมาหยาที่ทะเลเป็นใจ มีน้ำทะเลสีเขียวสวย ใส รับคนอุทัยฯ อย่างเต็มใจ อิอิ นี่คือถ้ำไวกิ้ง (แหะ หากจะไม่ผิดนะค่ะ วันนั้นลืมหยิบสมุดบันทึก ติดไปด้วยเสียดายมากๆ) อีกมุมหนึ่งของถ้ำไวกิ้ง ที่มีรังนกนางแอ่นอาศัยอยู่มาก มองจากภายนอก จะเห็นไม้ไผ่ระโยงระยางเต็มไปเต็ม ดูทึมๆน่ากลัวแต่ได้อีกบรรยากาศหนึ่งค่ะ รู้สึกจะเคยมีละครเรื่องหนึ่งมาใช้เป็นฉากถ่ายทำด้วย วันนั้นทะเลเป็นใจจริงๆ ค่ะ นี่ก็อีกมุมหนึ่งของหน้าถ้ำ เฮ้ย!!! ไม่ใช่หน้าใบตอง อิอิ แบรคกราวเป็นคนต่างชาติแต่รูปนี้ใบตองเหมือนสาวญี่ปุ่น มาเที่ยวทะเลเนาะ กร๊ากกก แต่ดั้งหายไปนิดเปล่านี่.. ด้านล่างเรือก็จะมีที่นั่งให้หลบแดดร้อนเปรี้ยงๆ แต่สองหมูไม่กลัวค่ะ กลัวอายฝรั่งมากกว่า เดี๋ยวจะว่าเราไม่กล้าอาบแดด เลยอาบแดดกันหน่อย เริ่มเห็นความเขียว ของอีกคนชัดเจนขึ้นแล้วใช่ไหมค่ะ แต่แหมหุ่นไม่ต่างกันเลยนะนั่น แถมสียังตัดกันอีกต่างหาก.. บรรยากาศท้องทะเล กลางแดดเปรี้ยง แต่ขอโทษก่อนลงน้ำมีการตุนกันเพียบกินกันไม่หยุดหย่อน เพราะเล่นหอบขึ้นเรือเป็นกระสอบ (ของกินเล่นล้วนๆ) แล้วนี่จะลอยตัวกันได้หรอ ดูหุ่นแต่ละคนแล้วกลุ้มใจมาก.. เกาะที่ชี้ในรูปนะเกาะอะไร แล้วใบตอง คำตอบคือ เกาะ เกาะ เกาะ อะไรแล้วไม่รู้พี่รัน ทำไมไม่จำล่ะ อ้าวก็มันหลายเกาะ นี่ งั้นขออนุญาต ใช้เรียกเฉพาะกิจเป็นเกาะ หมูชี้ แล้วกันนะค่ะ ใกล้แล้วค่ะ ใกล้ถึงอ่าวมาหยา อ่าวในฝันกันแล้ว.. รูปนี้ต้องขอโทษ ท่านผู้อ่านด้วยรู้ว่ามันไม่สุภาพแต่เจ้าใบตอง เค้าเกิดคิดพิเรนท์ ขึ้นมาบอกยกขาหน่อย เดี๋ยวจะเอาไปตั้งคำถาม ว่าอันไหนขาหมีอันไหนขาหมู หากใครตอบได้ใจใบตองที่สุด เรามีรางวัลให้เป็นขาหมูตุ๋นค่ะ งานนี้รับรางวัลที่ หญิงรพี นะค่ะ.... ในที่สุดก็มาถึงอ่าวในฝันกันสักที ได้ยินแต่ชื่อกันมานานแล้ว นี่เป็นบริเวณทางเข้าอ่าวมาหยา จะเห็นว่าท้องทะเล เป็นสีเขียวใสมาก หากเพื่อนๆ ที่เคยไปมานานแล้ว เห็นแล้ว อยากจะทบทวนความทรงจำรับรองไม่ผิดหวังค่ะ แค่เรายืนมองจาก ดาดฟ้าเรือ ก็สามารถเห็น ปลาการ์ตูนตัวสวยๆ และปลาอื่นๆ ที่ฉันไม่สันทัดในเรื่องชื่อปลา( ที่จริงไม่สันทัดทุกเรื่องแหละ ถนัดแต่เที่ยวและกิน) ตัวใหญ่ว่ายน้ำอยู่เต็มท้องทะเลไปหมด โดยคนที่ไม่ชอบลงน้ำก็สามารถนั่งชมจากบนเรือ ก็ได้บรรยากาศอีกแบบหนี่งค่ะ แต่ทนร้อนนิดหน่อยอิอิ... ที่เห็นเป็นเงาๆ ในน้ำทะเลนั่นคือปลานะค่ะ พอดีตากล้องเป็นมือใหม่จัดจับ เลยจับภาพลูกสาวชัดกว่าปลาไปหน่อย ไม่ว่ากันค่ะ... ทำประหนึ่งว่า เป็นคนว่ายน้ำแข็งมาก แต่ขอโทษค่ะ กว่าจะได้อย่างนี้กินน้ำทะเล จนในคอขมไปหมด ไม่ยอมใส่หน้ากาก และ หลอดดูด อิอิ เพราะมันอึดอัด มาก แต่หมูอ้วน ไปได้ไกลกว่าค่ะ เห็นล่ำขนาดนั้นลอยไปเกยเต้นโน่นสุด อ่าวโน้น 55555555 นี่ต้องอาศัยห่วงยางของใบตองช่วยเพื่อให้ลอยตัวได้ค่ะอิอิ ดูไม่จืด ขาวกะดำ ตัดกันโดยมีสีเขียวเป็นขอบ เฮ้อ สงสารตัวเอง...เอ๊ะ ใครหว่าดำได้ใจจริงๆ งานนี้มีเฮ เมื่อตอนแรก ทำเป็นไม่กล้าห่างเรือกันสักเท่าไหร่ แต่พอใบตองชักคุ้นกะทะเล เลยว่ายห่างออกไปเรื่อยๆ โดยให้เหตุผลว่า ยิ่งไกลปลายิ่งสวย ประการังก็สวย กว่าจะรู้ตัวโน่น ไปเกยอยู่สุดอ่าวแล้ว เรือก็จะตีออกไปที่อื่นแล้วแต่ใบตองยังพลิกตัวกลับเรือไม่ได้ ฉันสอดส่ายสายตาหาเห็นโบกมืออยู่ลิบๆ โน่น เดือดร้อนเด็กเรืออีกแล้ว ต้องกระโดดว่ายน้ำไปลากปลาพะยูนเกยตื้นกลับขึ้นเรือ เสียดายมากที่ไม่ได้ถ่ายภาพนั้นเอาไว้ เด็กเรือ ตัวไม่ใหญ่มาก ผอมๆ ว่ายน้ำลากวัตถุขาวๆ ใหญ่ ตีน้ำเข้าหาเรือ 5555555 ขำมากจนลืมเก็บภาพไว้ให้เจ้าตัวไว้ดูเล่น ดูไม่จืดจิงๆๆๆ 5555555555 วันนี้ฝากไว้แค่นี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวค่อยมาต่อที่เกาะลิงกะ เกาะพีพี ในภาคสองใหม่ค่ะ....ขอปิดท้ายด้วยภาพที่ต้องขอบคุณตากล้องที่สามารถทำให้คนขี้เหร่ตัวดำ ดูดีขึ้นมานิดหนึ่งพอจะอวดได้ ว่าแต่เป็นใครหว่า....ไม่เห็นดำเท่าไหร่เลยนิ...(คิดเอาเอง)