31 มีนาคม 2551 07:17 น.
กชมนวรรณ
รอยน้ำค้าง
พรมเย็นพร่างร้างลาเมื่อคราสาย
ชะโลมใจให้ชุ่มก่อนซุ่มวาย
ทิ้งกลิ่นอายกลายลาจางจากไป
ยามเช้าตรู่
เยือนแค่ครู่อยู่รับความสดใส
ตะวันแผดแดดแรงแสงสาดใจ
เป็นเหมือนไฟไหม้ทรวงลวงแล้วลา
กลิ่นสายหยุด
กรุ่นประดุจฉุดสายใจเสน่หา
ครั้นยามสายหายร้างกลิ่นจางซา
เตือนย้ำว่าสิ่งใดไหนยืนยง
แว่วสายลม
พลิ้วแผ่วพรมโลมกายให้ไหลหลง
พลันพัดผ่านหว่านเหงาเผ้าพะวง
ให้งวยงงดงรักเหมือนหักไป
รอยคำหวาน
เพียงคำขานซ่านจิตให้หวั่นไหว
กลับเรรวนปรวนแปรแท้ร่ำไร
แล้วฝากไว้ใจเศร้าเคล้าเพียงเรา
รอยความหวัง
เป็นซากพังฝังลึกให้นึกเหงา
มีเหลือเพียง..เสียงกระซิบและภาพเงา
ความว่างเปล่ารอยร้างสร้างรอยชัง
รอยอดีต
ดั่งมีดกรีดดวงจิตยากคิดฝัง
หมั่นคอยหลอนคลอนใจให้ประดัง
ไร้สิ่งหวังรั้งเหนี่ยวเกี่ยวแดดวง
เคยร่วมฝัน
นับแต่วัน..นั่นคือรอยที่คอยหวง
เก็บความสุขลึกลึกผนึกทรวง
ชื่นทั้งปวงล่วงรู้อยู่ผู้เดียว
26 มีนาคม 2551 10:53 น.
กชมนวรรณ
โอ้...ว่าใจไยหวนรัญจวนเศร้า
ฉันใดเล่าเจ้าโศกวิโยกแสน
หรือถวิลถิ่นเก่าสู่เมืองแมน
ณ ดินแดนแหนหวงช่วงนานเนา
มิรู้หรือ? คือถิ่นอันต้องห้าม
อย่าคิดลามถามข่าวจะอายเขา
สู้หาสุขพลิกฟื้นผืนดินเรา
อย่าหลงเงาเก่าร้างสร้างสิ่งควร
หยุดอาลัยให้หาวาจาหวาน
คงซมซานนานเหลือเมื่อคิดหวน
หากยังรั้นดั้นด้นคงเซซวน
หยุดคร่ำครวญทวนทบสงบใจ
จงดับทุกข์ซุกเก็บแม้เจ็บเอ๋ย
อย่าคิดเผยเลยเจ้า..เฝ้าหวั่นไหว
จงหมั่นเติมเสริมรักถักสายใย
หยุดหลงไหล...ใคร่ครวญชวนระแวง
เจ้าอยู่ดีมีสุขมิใช่หรือ?
อย่าคิดยื้อถือห่วงเรื่องแสลง
คำว่า รัก หักจบลบเปลี่ยนแปลง
แค่แสดง...ไมตรี.. ตรง.. ที่เดิม
16 มีนาคม 2551 16:15 น.
กชมนวรรณ
ลันตาในแดนฝัน จึงหมายมั่นเพื่อมาหา
ฟ้าครามงามติดตา คลื่นซัดซ่าพารื่นรมย์
สายลมบ่มแดดอ่อน ใบสนว่อนร่อนทับถม
วอนเอยวอนสายลม โบกสุขสมฝากเขาที
ต่างชาติต่างภาษา เอื้อนวาจาหน้าสุขขี
ยิ้มแย้มแจ่มฤดี ณ แดนนี้หาดสำราญ
คลองดาวขาวสะอาด ดุจภาพวาดคลื่นสาดสาน
ไม่เหลือรอยตำนาน "สึนามิ" ผ่านพ้นภัย
ทะเลที่สัมผัส สายลมพัดล้วนสดใส
พร้อมแขกจากถิ่นไกล มากน้ำใจผู้มาเยือน
รับสุขเพียงหลับตา ล่องจิตพาไปเสมือน
ลมพริ้ว ลิ่ว ลิ่ว เตือน ชมดาวเดือนพราวกลางใจ
ธรรมชาติรังสรรค์ แดนสวรรค์อันสดใส
มิอยากจากเลือนไกล คงหวั่นไหวเมื่อเอ่ยลา
6 มีนาคม 2551 11:01 น.
กชมนวรรณ
ดอกรำเพยต้องแสงงามไสว
เหลืองสดใสไกวแกว่งแลงามสม
ดอกสวยล้อแดดพลิ้วปลิวตามลม
ดูน่าชมกลมกลืนดื่นละลาน
โดนแดดอ่อนส่งศรีเป็นสีสด
ยิ่งงามงดกลีบแย้มแต้มประสาน
สายลมโปรยกิ่งเอนเล่นตูมบาน
อยู่รวมชานร่วมช่อล่อสายตา
ระริกไหวใยรักสมัครสมาน
หากผสานก้านดอกออกกลีบหนา
ต้านลมแรงแดดร้อนช่วยผ่อนพา
มองดูดีมีค่าน่าชมเชย
ช่อรำเพยเผยจิตเมื่อคิดย้อน
เหมือนจักสอนซ่อนนัยใคร่อยากเผย
อวดกลีบเหลืองเฟื่องฟูอยู่ชิดเกย
ทุกดอกเอยเผยงามเมื่อยามรวม
สายลมแรงแกล้งหยอกให้ดอกช้ำ
ฝากรอยย้ำซ้ำหนักเมื่อหละหลวม
อีกแดดร้อนหนอนยอกซอกกลีบบวม
เจ้าคงอ่วมน่วมหนักหลักคลอนแคลน
เจ้ารำเผยเอ่ยรำพันนับวันหมอง
ไม่สนองครองจิตมิตรหวงแหน
อันดอกใดไหนเลยจักมาแทน
มิเหมือนแม้นไม้อื่นดื่นสายพันธุ์
ริ้วรอยช้ำซ้ำปล่อยไมตรีเหงา
คงเหลือเพียงภาพเงากับรอยฝัน
ยอมไหวเอนเคลื่อนเบียดเสียดสีกัน
แม้นถึงวันโรยราเหลือค่าใด...
1 มีนาคม 2551 07:22 น.
กชมนวรรณ
กอดตัวเองเพ่งดูดาวบนปลายฟ้า
ทนเหว่ว้าหาดาวประกายแสง
แสนหดหู่อยู่อย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง
ดาวลับแสงแฝงหายฟ้ามืดมน
ใช่เพียงเราเหงาหนักกับรักหมอง
ฟ้าฉลองรองรับความสับสน
จึงก้มหน้าก้าวเดินอย่างอดทน
ฟ้าส่งฝนหล่นรับซับน้ำตา
ฟ้าหรือฉันกันหนอที่ร้องไห้
ทำแค่ได้ป้ายมือป้องตรงหน้า
ให้ยอมรับกับคำกล่าวอำลา
ฟ้าอาสาเป็นเพื่อนเมื่อฝนพรำ
มองทางไหนใจเอ๋ยมีแต่เหงา
ยืนแอบเสาริมถนนฝนกระหน่ำ
ชะล้างใจได้ไหมหนอ..ให้ลืมคำ
เธอเอ่ยย้ำ...จำลามิใช่เรา
สายฝนพรำน้ำตาซึมสะอื้นไห้
ก้าวต่อไปใจวอนฟ้าผ่อนเหงา
ให้ดาวคืนเยือนแสงคลายซบเซา
เพื่อว่าเราได้หายคลาย...คิดถึง.