28 กุมภาพันธ์ 2551 08:47 น.
กชมนวรรณ
ในวันว่างร่างกลอนตอนสนุก
ให้เป็นมุขลองอ่านสานเรื่องขัน
เป็นตำนานทักษิณนิยมกัน
จึงลองผันมาเขียนเรียงเป็นกลอน
เรื่องนิทานกาลก่อนสอนไว้นัก
ให้ตระหนักมักเป็นอุทาหรณ์
เรื่องเขม่นข่มขวัญ..กันแน่นอน
เขยคนจรซ้อนกล..คนพ่อตา
อันพ่อตาว่าแน่มาแพ้พ่าย
ด้วยอุบายเขยแสบแทบผวา
หลายเรื่องราวงัดข้อต่อกันมา
ร้าวอุราหน้าแตกแลอับอาย
หลากเรื่องราวคราวแค้นให้แน่นอก
ต้องคอยถกปัญหาที่มากหลาย
จำต้องแก้เล่ห์กลด้วยอุบาย
จนมากลายเป็นนิทานที่อ่านมา
มีวันหนึ่งพ่อตาจับปลาดุก
ล้างแล้วคลุกขลุกเกลือทั่วตัวหนา
แสนยินดีมีอาหารสุดยอดปลา
รสโอชาย่างปิ้งแกล้มน้ำเมา
ย่างจนสุกลุกไปเพื่อจัดหา
หยิบจานมาจัดใส่เจ้าปลาเผา
เจ้าลูกเขยตัวดีคิดย่องเบา
พอคล้อยเงาพ่อตาสวาปาม
จัดการปอกลอกหนังปลาดุกย่าง
เหลือเนื้อก้างวางไว้ไม่เกรงขาม
ฝ่ายพ่อตามาถึงพอรู้ความ
ยืนขบกรามงานนี้มีเอาคืน
เหมือนลิขิตขีดไว้ได้ทวงกลับ
ถึงลำดับสับเปลี่ยนมิอาจฝืน
เขยต้มเผือกเปือกไม่ปอกหลอกพ่อกลืน
ทำลุกยืนขืนกายเดินหายไป
ฝ่ายพ่อตาพาตัวพร้อมหัวร่อ
ถึงแล้วหนอวันนี้มิสงสัย
รีบปอกเปลือกเผือกร้อนกินทันใด
หารู้ไม่ได้ตกหลุมโดนเขยอำ
เขยตัวแสบทำทีรีบรี่กลับ
ใจสดับทับถมปนนึกขำ
หยิบเผือกที่ปอกออกกัดทีละคำ
แถมเปรยเยาะตอกย้ำช้ำพ่อตา
มาวันหนึ่งถึงฤดูลงกล้าข้าว
ทั้งกล้าจ้าวกล้าเหนียวมากหนักหนา
ลูกและเมียจัดสำรับให้พกพา
ถึงเวลาหาทานงานผ่อนคลาย
ด้วยความเหนื่อยเมื่อยล้าพาให้หิว
เดินตัวปลิวรีบตักกับข้าวหลาย
นั่งร่วมวงตรงหัวนาลมสบาย
พลันหนึ่งชายพ่อตาดันผายลม
เสียงสนั่นลั่นดังพลั้งสุดกลั้น
เขยรีบปั้นสีหน้าและด่าขรม
พ่อตาอายขายหน้าข่มอารมณ์
เปรยคำคม ลมมันแรง.. ฟ้าร้องดัง
เจ้าลูกเขยเลยขยับจับผ้าถุง
แล้วฉี่พุ่ง...มุ่งไปตรงพ่อนั่ง
พ่อรีบลุกหลบตัวส่งเสียงดัง
ไอ้เขยงั่ง...ชังมึงนักจักทำไร?
เขยประสาทกราดคำทำทายท้า
ตะโกนว่าฟ้าร้องแล้วใช่ไหม?
น้ำที่ราดกราดทั่วคือฝนไง
พ่อตาไวคว้าถาดจับฟาดโครม
เขยตัวแสบแปลบเจ็บตรงที่หัว
แต่มิกลัวรัวถามพายุโหม
พ่อทำไมไยฟาดถาดจู่โจม
แล้วถาโถมโครมโครมลงกะบาล
พ่อตาตอบปลอบใจในเขยรัก
แจ้งประจักหักบอกออกเล่าขาน
เมื่อฟ้าร้องก้องดังฝนประทาน
ก็ถึงกาลฟ้าผ่าต่อมาเอย
เจ้าเขยแสบแปลบหัวไม่กลัวพ่อ
ลุกขึ้นล่อถีบส่งลงนอนเฉย
ส่วนพ่อตาเจ็บระบมฟังมันเอ่ย
ฟ้าผ่าเลย..โดนพ่อถ่อกระเด็น
ตามท้องเรื่องเปลื้องไว้เพียงเท่านี้
เรื่องคดีเขยรักมักจะเห็น
เกิดตำนานขานเล่ากันเช้าเย็น
จึงกลายเป็นนิทานตำนานมา
22 กุมภาพันธ์ 2551 16:59 น.
กชมนวรรณ
ในสังคมคนเราทุกวันนี้
ทั้งคนดีและพาลผล่านผสม
ร้อยความคิดร้อยจิตมีร้อยคม
ผ่านอบรมปนเประเนชน
หากคิดแต่แค่หากัลยณมิตร
สปริตคิดดีมิสับสน
เพื่อกันตัวของเราไม่ร้อนรน
แล้วเล่ห์กลคนลวงล่วงรู้ไง
การเรียนรู้ทุกอย่างสร้างสติ
เรื่องอุตริพานพบจบสงสัย
ผ่านเข้ามาหาเราเก็บเกี่ยวไป
เรื่องจิตใจใคร่ครวญทบทวนกัน
ทุกสิ่งอย่างวางกฎลดหย่อนบ้าง
คนเลวสร้างเจดีย์อย่าเห็นขัน
คนดีอาจชั่วมั่วได้ในสักวัน
ความผกผันเปลี่ยนแปลงคือแน่นอน
ทุกสิ่งอย่างคนพาลย่อมทำได้
จดจำไว้ให้เป็นอุทาหรณ์
เป็นคนดี.. ดีจริงหรือละคร
พึงสังวรณ์สอนตัวเพื่อวัดใจ
เรื่องดีชั่วตัวเราย่อมรู้แยก
ความคิดแตกแจกแจงแจ้งสิ่งไหน
อยู่ที่เราเข้าหาหนทางใด
ลึกแล้วไซร้ใครทุกผู้รู้ชั่วดี.
18 กุมภาพันธ์ 2551 09:16 น.
กชมนวรรณ
ตกบ่วงรักปักทรวงปานประหนึ่ง
จะไร้ซึ่งดวงฤทัยของพี่หนา
หากมิได้พานพบสบสายตา
ขวัญชีวาคงด่าวดิ้นสิ้นลมปราณ
กระวนกระวายกระส่ายกระสับ
เฝ้าสดับจับเจ่าอยากเล่าขาน
ไม่ได้บอกคิดถึงคงซมซาน
ใจอยากสานสัมพันธ์ฉันกับเธอ
เป็นบ่วงรักยากนักจักผลักไส
แสนหวั่นไหวไกลตัวกลัวจะเผลอ
พาลเจ็บปวดรวดร้าวจริงนะเออ
คิดเสมอเพ้อครวญรัญจวนใจ
ห่วงเสมอว่าเธอจะมีทุกข์
ต้องคอยซุกอารมณ์ที่หวั่นไหว
ว่าอยู่ดีมีสุขเป็นอย่างไร
คิดถึงกันบ้างไหมใคร่รู้จริง
ส่งอักษรกลอนเปล่าเพื่อสื่อสาร
ถ้อยที่จารผ่านบอกกับยอดหญิง
ติดบ่วงรักรัดใจมิไหวติง
อยากแนบอิงพิงพักตรงตักนาง
12 กุมภาพันธ์ 2551 09:38 น.
กชมนวรรณ
คิดถึงซึ้งบ้างไหม ?ใครหนึ่งถาม
มันเหมือนหนามกุหลาบตำฝากไว้
แสนเจ็บหยอกตอกคำย้ำที่ใจ
เหมือนสงสัย...ใคร่รู้...ดูน้ำคำ
ยากจะเอ่ยเผยตอบได้แค่อึ้ง
ครั้งหนึ่งซึ่ง..ซึ้งนักหักถลำ
ทำได้เพียงรับรู้และจดจำ
เหมือนใจดำ...ทำร้ายได้ทุกครา
รักขนานวานปล่อยอย่าคอยยื้อ
จงปล่อยมือ...ตรึกไว้..ไร้วาสนา
อย่าย้ำถามตามข่าวเหมือนผ่านมา
แค่รักษาค่ารักจากวารวัน
รักขนานซ่านทรวงห่วงแค่ไหน
คงทำได้แค่เก็บความสุขสันต์
ยามเมื่อเจอเผลอแอบแปลบจาบัลย์
สายสัมพันธ์ฉันเธอมิเคยเลือน
ขอจงหยุดฉุดยื้อดื้อหมั่นถาม
หมั่นคอยปรามห้ามจิตคิดเชือดเฉือน
เก็บความหวานกาลก่อนซ่อนกับเดือน
อย่าย้ำเตือนเราสองหมองเท่ากัน...
7 กุมภาพันธ์ 2551 10:31 น.
กชมนวรรณ
จ่ายตลาดวันตรุษสุดระทึก
เหมือนออกศึกคึกคักมากซื้อขาย
คนแออัดยัดเยียดเบียดจะตาย
หาสิ่งหมายขายบอกแถบถอดใจ
ขนมเข่ง...เจ๊ฝากบอกเจ้าเก่า
ตายแล้วเราเขาตั้งขายที่ไหน
เอาละหว่า...ว่าแล้วค่อยมองไป
เออ...แล้วไก่ค่อยกลับมาต่อรอง
เดินเบียดคนวนเวียนท้ายตลาด
รีบแซงปาดตัดหน้าเพื่อหาของ
ใครเดินตามทรามวัยมิใคร่มอง
หาสิ่งปองจ้องทั่วไม่กลัวเงา
รีบจัดหาพาซื้อของกำหนด
ทั้งผักสดลดต่อพอไม่เขลา
หิ้วสองมือถือถุงมิใช่เบา
ไก่เจ้าเก่ารีบรุดจุดที่วาง
เลือกไก่สดสอดมือล้วงกระเป๋า
ใจกระเส่าเร่าร้อนมองตาขวาง
ดังตกหลุมกุมอกเหมือนเลือนลาง
ใจบอบบาง.. มาหาย.. อายผู้คน
ทั้งเงินสดหัวใจอยู่ไหนหนอ
คล้ายเสียงหวอจอแจแลสับสน
นึกลำดับจับความยามพี่ชน
คงหลงกลคนลวงล้วงลาไกล
จึงฝากข่าวกล่าวบอกอย่าล่องหน
โจรแยบยลซนล้วงห่วงบ้างไหม ?
ว่าฉกติดแนบพ่วงทั้งดวงใจ
มันหวั่นไหวใกล้คลั่งดังเจียนตาย
โจร..รูปหล่อขอกลับมาหาหน่อย
โปรดอย่าปล่อยคอยรอพ้อจนสาย
ล้วงหัวใจไปหมดน้องเดียวดาย
ยอมหักอายร่ายข่าวไม่เอาความ
ทั้งเงินสดกดใหม่บัตรเครติต
จะจดสิทธิ์ติดตัวให้วาบหวาม
อธิฐานบานบนโจรรูปงาม
พ่อจงตามถามข่าวน้องสาวมา
หากทราบความตามกล่าวพี่อย่าหลบ
ใคร่ประสบพบพักตร์ด้วยกังขา
มันหวั่นไหวใจสั่นตามพี่ยา
ประกาศหากาตัวเพื่อกักใจ
หากไม่เชื่อกลัวลวงต้องถ้วนถี่
ใบขับขี่ชี้ชัดอย่าสงสัย
ตลอดชีพกรมรับรองทั้งสองใบ
ตรงซอกในใบกระเป๋าจงหยิบดู
หยุดลังเลเลยหนามาขอร้อง
มัวจดจ้องป้องบอกตรงซอกหู
กระซิบแผ่วแว่วรักอยากอุ้มชู
จงรับรู้สู่ขออย่า(ให้)...รอนาน.