13 มกราคม 2551 08:40 น.
กชมนวรรณ
ในแววตาที่กล้าแกร่งแฝงแววท้อ
หรือเจ้าพ้อต่อโลกโศกแต่หลัง
เคยรับฝากซากเศร้ากร่อนใจพัง
จึงประดังฝังคิดมาติดตัว
เป็นเด็กน้อยที่ขาดความอบอุ่น
จิตใจกรุ่นคุ้นชั่วร้ายภายในหัว
คอยเฝ้าคิดต่อต้านระวังกลัว
จ้องแต่รัวน้ำคำเหมือนผลาญตน
คิดเป็นแม่แท้จริงหวังติงเจ้า
อย่าหลงเฝ้าเข้าใจทำสับสน
ถึงผ่านโลกโศกเศร้าที่วกวน
ถึงเคยซนทนทุกข์จุกดวงแด
สอนให้เจ้าเรียกแม่แต่เจ้าปัด
ว่ารวบรัดจัดคำทำตอแหล
จะยัดปากฝากไว้ใบตำแย
จักเรียกแก...แม่ไม่เรียกจะทำไม
ฟังวาจาท้าทายเคยผ่านโลก
เป็นหัวโจกชกหนักนักใช่ไหม
จึงซ่อนคำเยาะด่าพาสาใจ
คงโดนใครฝึกมาจนชาชิน
เจ้าเถียงตอกบอกย้ำลิ้นสองแฉก
กลคำแปลกแจกจ่ายร่ายใจหิน
อยากสอนเจ้านับวันใกล้กลับสู่ดิน
หยุดยลยินเสียงต่างเจ้าสร้างเอง.
10 มกราคม 2551 15:32 น.
กชมนวรรณ
ร่ายริษยาพาจิตคิดร้อนรุ่ม
เหมือนไฟรุมสุมเผาจิตสลาย
ดั่งจมปลักสับสนทุรนทุราย
เจ็บเจียนตายกายยับยังจักลอง
คิดไขว่คว้าหาเหตุต้านกับผล
เอาตัวตนวนเวียนเสี้ยนสนอง
หวังให้ฝันนั้นมาสู่ครอบครอง
ผิดทั้งผองมองเมินมิเขินเอย
ปากยิ้มแย้มแต้มไว้ใจมิข่ม
คอยหลงบ่มปมรักที่อยากเผย
จึงเจ็บช้ำจำทนเหมือนดั่งเคย
ไฉนเลยเกยกายมาพ่ายไฟ
เพราะฤทธิ์รักผลักไสใจวายวอด
กว่าจะมอดร้อนผลาญเกินต้านไหว
หากว่าจิตมิคงมั่นพลันหลงไป
ฉุดอย่างไรไฟลามปรามไม่ทัน
คิดลุ่มหลงวนว่ายใช่หรรษา
ร่ายริษยาพาเราให้โศกศัลย์
เป็นบทเรียนผ่านชีวิตให้คิดกัน
หากสักวันหลงผิดติดบ่วงไฟ.
4 มกราคม 2551 12:22 น.
กชมนวรรณ
ลมหนาวล่องหมองมัวทั่วทุกทิศ
วิปริตผิดเหตุอาเพศผล
เทพองค์ใดไหนเสกปัจเจกดล
ในกมลทนทุกข์ปริ่มท้นทรวง
ลมหนาวล่องคล้องใจให้มัวหมอง
คนเคียงครองเคล้าคู่มิอยู่หวง
ร้าวในอกตกต่ำกับคำลวง
จึงอยากทวงรักคืนอย่าฝืนกัน
ลมหนาวล่องป้องหน้าพากันแสง
ไร้เรี่ยวแรงแข็งฝืนตื่นจากฝัน
สายลมหนาวคราวนี้ทำจาบัลย์
ให้โศกศัลย์พลันร้างจางจากลา
ลมหนาวล่องห้องร้างคนข้างเคียง
เคยร่วมเตียงเรียงกายพลันหายหนา
แว่วสำเนียงเสียงพร่ำจำนรรจา
ไร้วาสนาพาคู่สู่วิมาน
ลมหนาวล่องต้องจากรักพรากแล้ว
เหมือนดวงแก้วตกแตกอยากประสาน
บอกกับจิตคิดหักใจไปนงคราญ
เมื่อหนาวผ่านกาลลาพาช้ำไกล.
24 ธันวาคม 2550 08:31 น.
กชมนวรรณ
ในบางวันฝันคิดเรื่องติดเหงา
ในบางคราพาเศร้าอยากเร้นหนี
ในบางครั้งเอาแต่จ้อป้อวจี
ในบางทีหนีห่างกลางผู้คน
เป็นมนุษย์คลุกดินครึ่งชีวิต
ใครลิขิตขีดเขียนไม่เปลี่ยนผล
ผ่านร้อนหนาวคราวยากลำบากทน
ในกมลวนเวียนเปลี่ยนชั่วดี
หากพลาดพลั้งยั้งคิดมีผิดหวัง
เรื่องหนึ่งพังยังสร้างไม่หันหนี
หวังใหม่เถิดเกิดกำลังพันทวี
ฝังกลีมีสุขอย่าทุกข์นา
อิ่มมากไปทำให้นอนหลับยาก
แม้หิวมากมักนอนไม่หลับหนา
คิดถึงมากหวั่นไหวไปทุกครา
กลับเหว่ว้าถ้าคิดถึงไม่ซึ้งใคร
หลั่งน้ำตาคราผิดคิดร้องไห้
ทำบ้าใบ้ใครด่าว่าไฉน
เมื่อยามทุกข์ปลดปล่อยให้ออกไป
คราที่ไหลเปี่ยมสุขบางมุขมี
ก่อนดอกไม้จักบานผ่านฟ้าหมอง
ก่อนได้ครองต้องผ่านร้าวรานหนี
ก่อนจักสุขต้องผ่านทุกข์มากมี
ก่อนฝันดีมีร้ายทักทายเอย.
20 ธันวาคม 2550 15:07 น.
กชมนวรรณ
แสนหนาวเหน็บเจ็บในดวงใจเหงา
ในวันเศร้าร้าวรวดเหมือนปวดหนาม
มองผู้คนล้นทั่วทุกโมงยาม
ช่างน่าขามถามใจตัวนึกกลัวเชียว
บ้างมีพ่อท้อหนักอยากรักษา
อนิจจาขาขาดแสนหวาดเสียว
ลูกหนุ่มน้อยกอดพ่อตัวเป็นเกลียว
สำนึกเดียวเหลียวหารักษาที
บ้างอุ้มลูกผูกไว้ในอ้อมอก
ดูตระหนกปรกเปลี้ยเสียราศี
ตะโกนเพรียกเรียกหมอหนอช่วยที
ใจแม่นี้ดาวดิ้นแทบสิ้นวาย
บ้างประคองมองดูผู้แก่เฒ่า
ช่างน่าเศร้าไข้จับนับหลากหลาย
ทั้งวัยมากพรากแรงฝืนแข็งกาย
ไม่สบายคราวนี้แทบสิ้นไจ
บ้างนอนเตียงเคียงญาติผ้าปิดหน้า
แสนโศกาพาระทมสุดข่มไหว
ต้องเบือนหนีตีจากฉากนั้นไป
ดวงฤทัยนึกหวั่นคิดพรั่นกลัว
เห็นคนทุกข์มีมากกว่าเราหนอ
สำนึกพอขอหยุดจำใส่หัว
จักฮึดสู้รู้จักระวังตัว
ไม่เมามัวหลอนจิตคิดไปเอง.