6 กุมภาพันธ์ 2551 12:05 น.
ก.นัยจัน
วันหนึ่ง....วันหนึ่ง....วันหนึ่ง
วันสอง ...วันสอง...วันสอง
วันสาม...วันสาม...วันสาม...
สักกี่วันที่ชีวิตจะมีครั้งกำเนิด
หมื่นวันเชิด พันวันคลาย ร้อยวันลับ
เพลาผ่าน แสนเร็วเหลือจะนับ
คงพบกับวันแห่งตนซึ่งต้องตาย
จงรีบเถิด ทำความดี เท่าที่ได้
เร็วเร็วไวรีบเข้า ยังไม่สาย
แม้นก่อนตายหนึ่งวันยังทำได้
เราเป็นตายยังไม่รู้รีบต้องทำ
อย่ามัวเพลินกับวันลวงให้มั่วหลง
ชีวิตคงคลายสงสัยกับตัณหา
ว่ามีเกิดแตกดับ คือธรรมดา
โอ้อนิจา ว่าล่วงแล้ว ก็จากกัน...
6 กุมภาพันธ์ 2551 11:46 น.
ก.นัยจัน
แสงอรุณ รุ่งสาง สว่างแสง ยามแดดแรง สายลม พัดโบกไหว
เสียงเสนาะ ก้านไม้ สะบัดใบ เพลาไกล อีกย่ำรุ่ง แห่งแสงตาวัน
มองชีวิต เช่นเฉก การะเวกแว่ว ว่ารุ่งแล้ว รุ่งแล้ว แซ่วเสียงขัน
ดั่งนกป่า ลอยว่อน กลางไพรวัลย์ โอ้ว่าฉัน ชีวีคล้าย ดั่งตัวนก
ยามมืดบอด สาดส่อง ด้วยสีแสง สว่างแจ้ง แทงโล่ง ลงกลางอก
สิ่งเป็นมา ให้ความคิด มาหยิบยก แม้นผันผก ก็ยังรู้ ด้วยปัญญา
หากบนฟ้า ยังไม่ไร้ แม้นหมู่ดาว คืนเหน็บหนาว ยังคลาย ด้วยภูสา
เจ็บยังคลาย ปวดยังหาย คืนชีวา ชีวิตหนา ย่อมมีหวัง ประทังตน
หากไม่ไร้ ซึ่งความหวัง ที่เคยฝัน วันทั้งวัน ยังมีให้ ได้เห็นผล
ฟ้ายังโปร่ง ตายังเปิด ให้เห็นคน ใช่ปะปน อยู่ด้วย ความดีงาม
มองไปเถิด ลืมตา มองให้เห็น ความที่เป็น ให้เกิดได้ ด้วยดวงสาม
คือแก่นแก้ว รัตนะ อันงดงาม นั่นคือความ เข้าถึง ซึ่งใจเรา
แม้นนกน้อย ลอยผิน บินไม่ไกล เมื่อเติบใหญ่ ได้มองเห็น ฟ้าเทียมเขา
ชีวิตคน เปรียบเช่น นกตัวเบา ไม่นานเรา คงได้อยู่ บนถิ่นเพลิน...
ใช้ธรรมะ และใจตน เข้าถึงตัว ละเว้นชั่ว มุ่งทำดี ใช่ผิวเผิน
ต้องประจักษ์ ความเป็นจริง ใช่ส่วนเกิน จะพาเพลิน นฤพาน ทางสายธรรม...