13 เมษายน 2552 02:04 น.
zalux
ทุ่มเททนทำทำทนเททุ่ม
ฝันวัยหนุ่มสู้สู้หนุ่มวัยฝัน
พลันหยาดเหงื่อไหลไหลเหงื่อหยาดพลัน
ลงฝ่าฟันมั่นมั่นฟันฝ่าลง
จบป.ตรีมีปัญญาหางานไม่
เศรษฐกิจไทยไปโลดซะแบบนี้
บริษัทรับคนงานหาได้มี
จึงต้องบี้ธุรกิจให้เสร็จคลาย
ใช้สติและปัญญาสร้างฐานะ
บวกวาทะติดต่องานสานเส้นสาย
เพื่อให้เธอได้อยู่สุขสบาย
ให้เธอคลายกังวลข้างหน้าไป
เธอบอกว่าอยากแต่งแล้วเราต้องสู้
เพราะโฉมตรูบอกว่าท้อรอไม่ไหว
ผมจึงต้องสู้กับงานจนสุดใจ
เธอกลับไล่บอกว่าผมบ้างาน
ผมจึงแบ่งเวลาเอามาให้
เธอแทงใจด้วยวาจาหักหาญ
บอกว่าผมขี้เกียจน่ารำคาญ
โธ่สันดานไม่เห็นใจกูบ้างเลย
กูทำงานมึงก็ว่ากูบ้าเห่อ
พอกูเผลอมึงก็ว่ากูเอื่อยเฉย
ไม่แวะมาดูแลใจกันบ้างเลย
ไอ้สัตว์เอ้ยพอกูมาด่ากูแทน
ผมจะทำไงดีครับพี่น้อง
ผมควรต้องแต่งกับเธอไปตามแผน
หรือผมควรหลีกลี้หนีหายแทน
ถึงรักแฟนแค่ไหนก็เหนื่อยเป็น
ทำไงได้รักเขาเข้าไปแล้ว
จะหนีแจวดูหนทางอย่างไม่เห็น
ชีวิตคู่นี่มันท่าจะยากเย็น
แสนลำเค็ญแต่เพราะรักยากหักใจ
เครียดบวกเหนื่อยนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
อยากจะตายให้รู้กันนั้นดีไหม
ไม่เอาหรอกมันน่ากลัวเกินไป
งั้นเอาใหม่เป็นพักใจคงจะดี
แต่เผอิญสะเออะมีมือที่สาม
มาคอยตามดูแลไม่หน่ายหนี้
แถมด้วยตังเงินหนาดูเข้าที
อยากเตะอัดลิ้นปี่ซักทีจัง
เสนอส่งเธอเรียนต่อต่างประเทศ
จึงเป็นเหตุให้เกิดปัญหาหลัง
เทอมสี่แสนมันจ่ายไม่เสียดายตัง
เธอบอกอยากไปจังความฝันเลย
เธอบอกว่าเขาอาสาจะส่งให้
เพราะเขามีใจชอบพอขอเฉลย
โธ่อีควายเขาคงไม่หวังอะไรเลย
สี่แสนเลยนะเฟ้ยมันลงทุน
ตังผมมีแต่ไม่ใช้ของพ่อแม่
มันดูแย่ให้พ่อแม่ขอให้ขุน
ตังสี่แสนน่ะขี้ตีนรู้ไหมคุณ
แต่ผลบุญมันไม่มีดีไม่พอ
เซ็งง่าววว
เร่งเร้าเราอยู่ได้ว่าให้รีบมาสู่ขอ
จะรอถึงอายุ 30 โอเคครับ 30 มีเวลา 7 ปี
ผมก็พอทำงานได้สบายหน่อย
มีเวลาไปเยี่ยมเยียนที่บ้าน
แต่เธอดันบอกว่าผมขี้เกียจไม่ทำงานซะงั้น
เอาไปเอามาโปรโมชั่นลดราคาให้เหลือ 25 ซะงั้น
ผมก็ต้องสร้างความมั่นคงล่ะครับ
หาเงินแบบบ้าคลั่ง เพราะผมมีเวลาแค่ 2 ปี
2 ปีนะครับที่ต้องก่อร่างสร้างตัว
พอตั้งใจทำงานสุดๆจนมีเวลาให้เธอแค่อาทิตย์ละ 1 วัน
เธอกลับบอกว่าผมไม่สนใจไม่ดูแลเธอเลย
แถมตอนนี้มีคนมาดูแลเธอแทนผมด้วยเพราะเธอไม่มีใครดูแล
ไม่พอ หมอนี่มีการมีงานทำในการบินไทย อาสาจ่ายค่าเทอมให้เธอตอนเธอไปเรียนต่างประเทศ
เธอบอกว่าทำไมต้องมองว่าเธอทำผิดด้วย
มันเป็นเพราะผมไม่สนใจดูแลเธอเอง
เหมือนกับว่าผมไม่ได้รักเธอเลย
ที่ผมมีอยู่มันก็แค่ความผูกพันธ์ที่มีให้เธอแค่นั้น
วัด ดา ฟักกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!
แล้วที่ผมทำมาทั้งหมดนี่มันเพื่ออะไรกันครับบบ
มีเวลาให้ก็ว่าผมขี้เกียจแล้วจะมีเงินมาขอมั้ย
ตั้งใจทำงานก็ว่าไม่สนใจดูแล
คือ
จะให้ผมทำยังไงครับ
โว้ยยยยย
สุโค่ยยยย!!!
12 เมษายน 2552 14:57 น.
zalux
ทุนนิยมสามาณย์มาทุกทาง
หรือขุนนางชั่วช้าฉ้อฉล
สองกลุ่มนี้ใครนำพาชาติอับจน
ตรองดูเถิดนรชนคนเดินดิน
ทุนนิยมน่าหวั่นเกรงไปทั่วเขต
ต่างประเทศเกรงใจไทยทองถิ่น
มาบัดนี้อัปรีย์กินแผ่นดิน
แทบจะสิ้นศักดิ์ศรีที่มีมา
สิงคโปรหัวเราะโล่งอกแล้ว
เกือบต้องแจวต้องจอดไม่เป็นท่า
พลเขมรเกือบยกทัพบุกเข้ามา
แต่โชคดีที่ว่าไม่มีเงิน
ความเกรงใจจากเพื่อนบ้านหายไปหมด
ดีมานด์ลดคู่ค้าออกห่างเหิน
คนจัญไรไล่กวดกันเอาจนเพลิน
กูต้องเดินบนแดนดินถิ่นนี้ฤๅ
ขุนนางชนก่นด่ามาอย่าปากมาก
คนเป็นรากต้องโดนเหยียบอย่ามาหือ
มึงต่ำไพร่เข้าใจไหมอย่าลุกฮือ
นี่แหละคือ"ความเป็นไทย"แต่บางบรรพ์
นรชนคนเดินดินกินข้างทาง
หมดอาลัยอ้างว้างอย่างโศกศัลย์
ชั่วดีชอบผิดถูกช่างหัวมัน
มาดูกันละครหลังข่าวทีวี
นี่แหละหนอเมืองพุทธสุดวิเศษ
มีอาเพศงามงามตามสุขี
อยากเจ็บตัวมีคนทำให้ฟรีฟรี
ใส่เสื้อสีไม่เหมือนกันตะบันเข้าไป
สนุกหนอสนุกจังตังอยู่ครบ
เชิญท่านที่เคารพลุกขึ้นได้
สองกรกุมอยู่หว่างขาโน้มลงไป
ไว้อาลัยให้ชาติไทยที่ใกล้พัง
12 เมษายน 2552 13:25 น.
zalux
หมื่นราตรีผ่านพ้น คงอยู่เพื่อปลดปล้น
ขัดแย้งแข่งขัน การใด
พันทิวากู่ร้อง สละมิตรมวลหมู่พ้อง
สู่สร้างสะสม
เฉือนเชือดคมกรีดกร้าว เร่งเร้าสืบสู่ท้าว
เพื่อนพ้องหายห่าง
จมในทางแดกเด้า ละโมบโลภจูบเท้า
ไร้ใคร่สรรญเสริญ
11 เมษายน 2552 15:21 น.
zalux
นวัตกรรมล้ำหน้าตราตรึง
ขับบึ่งทะยานสานฝัน
รวมเป็นหนึ่งเดียวร่วมกัน
ฝ่าฟันหนทางสร้างตน
หนึ่งคนนั้นเล่าเขาจด
หนึ่งรถนี้เล่าเชาสน
จดว่ากระผมหนึ่งคน
ต้องทนอะไรเพื่อมัน
ถ่ายน้ำมันทีนึงหกพันกว่า
เปลี่ยนไฟหน้าหมื่นห้าอาสัญ
เกียร์พังซ่อมไปวายชีวัน
สามแสนเก้าพันมันเกินไป
ได้รถได้ห่วงหน้ามาสี่ห่วง
แล้วก็พ่วงสี่หลังมาอย่าสงสัย
ซ่อมหนึ่งทีกะตังค์หดจดหมดไฟ
ขึ้นปีหน้าฟ้าใหม่ขออีกคัน
ผมอินดี้จึงเลือกจับขับเอาดี้
เหมือนกวีต้องมีความโศกศัลย์
รถไม่เหมือนที่ชาวบ้านเขาขับกัน
ขับสุดมันแสนสนุกแต่ทุกข์เงิน
เจริญแน่ครับขับไอ้นี่
11 เมษายน 2552 14:59 น.
zalux
ผม ผู้เคยใช้นามแฝงว่า "เชา" ได้กระทำการหายหัวไปจาก Thaipoem เป็นเวลา 7 ปี เนื่องจากมีภาระหน้าที่ต้องไปศึกษาต่อยังดาว U-CNX บัดนี้จบการศึกษาแล้วจึงมีเวลาว่างมาใช้สมองบ้าง
ดังนั้นเพื่อเป็นการเรียก Long-Term Memory ของบางท่านถ้ายังอยู่ที่นี่
กระผมก็จะนำเอากลอนที่ยังคงหลงเหลืออยู่มาเล่าใหม่เพื่อให้จำผมได้บ้าง
-------------------------------------------------------------------------------------------
เพราะรัก...
เชา
ยื้อรั้ง ยั้งไว้ ให้นาน
วันผ่าน ทรมาน รวดร้าว
รักล่ม หลุดลอย ไร้เรื่องราว
ผืนดิน ร้อนผ่าว รับน้ำตา
ไหลรินริน ปริ่มมา คาสองเนตร
สิ่งวิเศษ อันใด ในใต้หล้า
ประทาน ที่พัก ซับน้ำตา
ขอเวลา หนึ่งวรรค พักใจ
. . . . . . . .
. . . . . . . . .
เวลาเศร้า ซักวัน คงผ่านไป
เปิดฟ้าใหม่ ใยกันเล่า รักเจ้ายัง
อยู่ยืนยง มั่นคง ไม่คลอนคลัก
ตีชกตัว ตบตัก ตะโกนคลั่ง
ร้องบทเพลง แห่งน้ำตา สุดกำลัง
แค่หวัง เพียงเจ้า กลับมา
----------------------------------------------------------------------------
ผู้ชายก็ลืมยากนะ
เชา
สูงส่ง ระหงเลิศ เจิดจำรัส
เกษากระหวัด ทัดไว้ ใกล้หู
เนตรคม ผสมเข้ม คิ้วดู
รูปพธู ระรึกรัก ยากหักใจ
เคยรัก เคยเคียง เคยสุข
เคยร่วมทุกข์ เคยฝัน เคยใฝ่
เคยรวม จากสอง เป็นหนึ่งใจ
เคยใกล้ เคยผ่าน เรื่องนานมา
Everything - apart - 'N - broken
When... - I fall - in coma...
Everytimes - I think - to ya ...
There's aqua - tearing - form my eyes...
ศัพท์อังกฤษ ไม่ค่อยคล่อง ลองแต่ง
สร้างเรี่ยวแรง แห่งชีวิต นิมิตรหมาย
ให้บุรุษ ในเงาจันทร์ ฝันพร่างพราย
ดาวรอบกาย แต่ว่าสน คน เช่นเธอ
รอรอ ล่วงเลย หลายรุ่ง
เฟื่องฟุ้ง เฝ้าฝัน พรั่นเพ้อ
รอรัก ที่หาย กลับมาเจอ
เพียงเธอ กลับมา หากัน...
แก้ภาษาอังกฤษเล็กน้อย
-----------------------------------------------------------------------------
อยู่คนเดียวอีกแล้วววว
เชา
นภาลั่น หวั่นไหว วิเวก
หมอกเมฆ เมฆา ระย้าสวรรค์
วาตะ โพยพัด นิจอนันต์
ราตรีผัน วันผ่าน นานเท่าใด
ครืนครืน อสุนีบาต ฟาดผืนหล้า
รากแห่งฟ้า สู่ดิน สนั่นไหว
สว่างวาบ แปลบปลาบ หวั่นใจ
ขอเพียงใคร เคียงข้าง ให้ห่างกลัว
---------------------------------------------------------------------------
พิสูจน์รัก ลงเสน่ห์ ฤาจะเทียม รักแท้
เชา
ศิลาแลง แดงชาด พาดหิน
ขีดดิน ระบายร่าง วิเลขา
บรรยายรัก สุดสวาท วาดลงมา
เขียนนภา ว่าข้าฯรัก ปักดวงใจ
ลงอักษร ป้อนจิต ติดเสน่ห์
ผสมเล่ห์ เพทุกล ผลอาศัย
ไม่มีวัน จะได้รักครองฤทัย
หากไม่รัก ด้วยดวงใจ ให้ชีวี
-----------------------------------------------------------------------------
เวลา...
เชา
รอยรัก ยากหัก ปักตรึง
อย่าคะนึง เลยเจ้า อย่าหมาย
ดึงความรัก ที่ปัก ลงกลางกาย
รักที่หาย กลับกลาย ทำร้ายกัน
แม้มีผู้ เยียวยา ให้หายขาด
ไม่สามารถ ปันใจ ได้เลยฉัน
ยังรักหลง คงมั่น อยู่ทุกวัน
ทิวาผัน ราตรีผ่าน กาลเลื่อนลอย
รอแล้วรอ ตะวันเคลื่อน เดือนดับ
ราตรีประดับ ดารารุ่ง ระเรืองใส
สว่างแวม วับวาม ขอดามใจ
เพียงฤทัย ใจไม่ขาด อาจไม่เกิน
ราตรี นี่นี้ ประดับดาว
วอนแสงพราว สกาวระยับ วับเผิน
ให้เวลา ในวันนั้น หยุดเดิน
ให้ข้าเดิน กลับสู่ที่ อตีตา
อธิฐาน เฝ้ารอ ขอวันหนึ่ง
คนเคยรัก เคยซึ้ง กลับมาหา
ความรักจะ ยิ่งใหญ่ ด้วยเวลา
พิสูจน์มา ว่ารักยิ่ง - ใหญ่เพียงใด
-----------------------------------------------------------------------
เชา คือใคร!!!
เชา
เชาคือใคร ใยเล่า จึงเฝ้าแต่ง
กลอนอ่อนแรง อ่อนล้า จิตตาเศร้า
นี่แหละคือ สิ่งบ่งบอก ตัวของเรา
กลอนไม่เศร้า เล่าไม่ซึ้ง จึงของปลอม
ของจริงแท้ แน่นอน เกิดจากจิต
จากชีวิต แท้จริง ยิ่งสงสัย
กลอนพันร้อย ล้านเล่มเกวียน เขียนในใจ
ด้นสดไป ลงกระดาษ วาดตามจริง
สิ่งที่อ่าน ที่ท่านเห็น เป็นจริงหมด
กลอนทุกบด เกิดจาก เพียงหนึ่งหญิง
สอนให้ชาย ขี้โกหก พูดความจริง
เชา ขอวิง วอนท่านอย่า อ่านต่อเลย
เอาเป็นว่า จะทำให้ท่านยิ้ม
แม้ยิ้มกริ่ม ก็เอา เดาก่อนเฉย
ยิ้มนิดนิด ซักสามครั้ง ให้หน่อยเอย
เพียงนี้เลย ก็ทำให้ เชาพอใจ
เอ๊ะบอกว่า อย่าอ่าน ยังอ่านอยู่
อย่าคิดว่า ไม่รู้ ตีหน้าใส
แค่เพียงอยาก บอกรักเค้า จนล้นใจ
เอ๊ะยังไง ใครให้อ่าน รำคาญจริง
ผ่านมาอีก หลายบท พลวรรค
แทบกระอัก ด้นกลอนสด ปดผู้หญิง
อีกทั้งชายที่ นั่งอ่าน หาความจริง
หากแต่กลอน คือสิ่งแต่ง แสดงมา
แล้วอะไร เป็นจริง หรือไหนหลอก
จริงไม่วอก คือชีวิต ที่อ่านหา
ที่โกหก คือเรื่องยิ้ม ที่อ่านมา
โถคนบ้า โดนหลอกได้ น่าอายเอย
แต่ว่าไป คนอ่านนี่ ก็พอด้าน
บอกอย่าอ่าน ห้ามกี่ครั้ง ยังทำเฉย
หยุดหยุดหยุด อย่าอ่าน ต่ออีกเลย
เดี๋ยวพลอยเฮ้ย!!! โกรธเชาเข้า เอ้า...ซวย
พอๆแล้ว ไม่เอาแล้ว ขี้เกียจแต่ง
ใจคอแรง จะไม่ยิ้ม ให้กันโหย
ยิ้มน้อยน้อย หรือเหี้ยมโหด โกรธแดโดย
แค่สามโชย คงสำเร็จ ไม่เข็ดกลอน
โห...ใจคอจะไม่ยิ้มให้ผมซัก 3 ทีเลยหรอ
-------------------------------------------------------------------------
มณฑกานต์ เงาจันทรา
เชา
ร่ำร้อง ร้องหา หาใดเล่า
คุกเข่า วิงวอน อธิษฐาน
สุดคิดถึง มองฟ้าสบ คัคนานต์
สว่างกาล ราตรี ไม่มีดาว
พระจันทร์ร้อง เรียกหา ดาราเปล่ง
แสงตนเอง บดบัง ทั้งลมหนาว
เรียกดารา ตามหา หมู่ดาว
แสงจันทร์วาว ดาวถูกกลบ ลบเลือนไป
จันทร์เอ๋ยจันทร์ เจ้าเหงา หรือป่าวหนอ
เจ้าเฝ้ารอ หมู่ดาววับ จับสดใส
พอจันทร์มา เต็มดวง ดาวจากไป
ไม่มีใคร ไหนเลยเล่า อยู่เฝ้าจันทร์
มณฑกานต์ คัคนานต์ ยามพานพบ
ยามเมื่อสบ ดาราเล่า เขาอยู่ไหน
มณฑกานต์ จันทรา อย่าพึ่งไป
ยังมีใคร ข้างล่าง ที่เฝ้ามอง
เพียงมนุษย์ ปุถุชน คนคนหนึ่ง
แอบมองทึ่ง หลงจันทร์เจ้า ไม่มีสอง
เพียงมนุษย์ ต่ำต้อย ที่ยังมอง
อยากจะจอง ไขว่คว้า หาจันทร์
มณฑกานต์ จันทรา อย่าพึ่งหลบ
เดือนแรมลบ จันทร์เจ้า เหงาแล้วฉัน
เห็นดารา โกฏิล้าน เปล่งเย้ยจันทร์
เก็บไปฝัน เห็นจันทร์เจ้า เราก็พอ
--------------------------------------------------------------------------
แด่เธอ...ผู้เป็นทุกอย่าง
เชา
ฝากให้ฟ้า นภา ดาราจักร
ให้เธอพัก จากงานหนัก ที่มาหา
ให้ใจฉัน ปันห่วงใย ทุกเวลา
จากนภา จรดพิภพ ซบลงนอน
เพียงคืนนี้ ค่ำวันนี้ มีจันทร์กล่อม
ดาราล้อม ฝันดี ยามกอดหมอน
มีสายลม พัดความโศก ยามเธอนอน
ร้อยบทกลอน สะท้อนจิต คิดถึงเธอ
ห่วงห่วงเธอ อยากเจอ เพียงหน้า
สบตา บอกรัก ภักดิ์เสมอ
จะเอื้อมฟ้า คว้าดาว มาให้เธอ
ขอพบเจอ พิศวาส ทุกชาติไป
ค่ำคืนนี้ แค่เธอ ไม่มีเรื่อง
ขุ่นเคือง ทำร้าย เสียใจ
กลอนนี้ เป็นลม พัดไป
เพียงให้ เธอสุขใจ ... นิรันดร์
----------------------------------------------------------------------------
ตื่นราตรี!!! (อันเก่าเสีย)
เชา
กลิ่นคลุ้ง ฟุ้งคาว เน่าเละ
ฟอนเฟะ แฉะเยิ้ม หลั่งไหล
เหลืองอ่อน กลิ่นคลุ้ง ตลบไกล
ตับไต ไหลทะลัก ผลั่กพลัน
แดงฉาน ชาดหลั่ง โลหิตย้อย
ตาห้อย ค่อยหลุด จากขัณฑ์
ชันกาย ลุกขึ้น ขาพลัน
หักสะบั้น แขนขาด ปราดนอน
กรีดร้อง กังวาล พล่านพุ่ง
สุวานมุ่ง ระส่ำ พร่ำหอน
แสยะยิ้ม คืบคลาน ตัวขาดพอง
ไหลลงกอง สยองไส้ ไหลลงดิน
กลิ่นเลือด น้ำเหลือง เนืองเคล้า
กลิ่นกาย เหม็นเน่า ชั่วช้า
อยากตาย แต่ไม่ มรณา
ตัวข้า อมตะ เพราะเคยตาย
คืบคลาน นานมา มังสาหลุด
ครืดหยุด ติดดิน ถิ่นพื้น
กายา หลุดออก ไม่คืน
ข้าฟื้น กลับมา จากอเวจี
โหยหวน ครวญคราง พลางจิต
ยามอาทิตย์ พ้นฟ้า ข้าคงหนี
กลับลงสู่ ใต้พื้น ธรณี
ตรงที่ ข้านอนซุก สุขนิรันดร์
------------------------------------------------------------
ทำใจ...เด่ะ
เชา
รักร้าว รานรอน เรื่อยล้า
รักล้ม ร่วงรา ร้างไหล
รักร้อน รุมเร้า เรไร
รักรา เลือนไร ร้างเรา
หยาดน้ำฟ้า หลั่งมา ห่าฝน
หนึ่งคน ทนทุกข์ รุกเร้า
ธารา - นัยน์ตา เป็นเพื่อนเงา
แสนเหงา เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย
หนึ่งคน กมลร้าว กราวแหลก
หนึ่งคน แตกแยก แหลกสลาย
หนึ่งคน สมจิต พริ้งพราย
หนึ่งคน หมดความหมาย ทลายลง
ครืนโครม กระหน่ำซ้ำ พายุ
วาหุ แห่โหม โทรมสรง
นำตา เอื่อยไหล อ่อนลง
ฉันปลง ฉันไป ทำใจ...ว้อยยย
---------------------------------------------------------------
ชีวาจะตัดหฤทัย
เชา
สุริยาขับฟ้าแล้ว นภาพิศผ่องแผ้ว
ชีวิตเริ่มต้น อีกนา
ตริตรองคิดจิตไซร้ ขาดคนเคียงใกล้
จักใฝ่ฝันหา แต่ผู้ชิดชม บทนา
.................................
นรชน ณ วิเวกอ้าง ว้างจิต เซ็งเฮย
ตริหาผู้พินิจ- คิด ชิดใกล้
ชีวาผ่านชีวิต สงบเงียบ สุขฤๅ
เปิดจิตปล่อยตนไว้ แด่ผู้ ไฝ่แล
เบิกเบื้องทั้งคู่เนตร มองไป
อกหักจัก - มงคลไชย ไป่บ้า
ปุถุชนบ่นอยากใกล้ ดาราเด่น นางฤา
เพี้ยงเพียงอยากพบหน้า แห่งเจ้า พาขวัญ
......................................
นั่งทำมึนแต่เช้า อยู่เฝ้าคอมเหมือนบ้า ข้าวปลาไม่ยอมกิน ยังไม่ชินกับรักร้าง
แสน อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว อยากไปเที่ยวไปเล่น ใจเย็นเย็นน้องชาย อย่าริหมายสิ่งใด ใจชกช้ำข้าเอ๋ย นั่งเฉยเฉยไปก่อน นอนเถิดนอนซักงีบ งีบซักงีบค่อยตื่น
ตื่นแล้วตื่นต้องเดิน เดินแล้วเดินไปไหน ...ดีน้อ T T
สุริยะ จ จับฟ้า คราใด
เพียงฤทัย จับจิต คิดหลง
บาทาก่าย หน้าผาก หากพะวง
หนึ่งอนงค์ คงฝักราก ยากหักใจ
ทิตยะ สุริยง ปลงสุดจิต
นิรฤทธิ์ พิษรัก จักหาย
รักษาจิต ชีวิต นิมิตรกาย
ชีวาวาย คงมิคลาย พายพัดไป
............................................
จะว่าไปไอ้พวกนี้มันสมัยปี 44 - 45 นะครับเนี่ย
ทำไมมันถึงบอกว่าปี 47 ก็ไม่รู้
ว่าแต่เริ่มมีใครจำผมได้มั่งหว่า แฮะๆ
อ้อ มีอีกอัน อันนี้โดนด่าเพียบ
ชื่อกลอนคือ "ว่างเปล่า" ลองหาๆดูละกันครับ
ถ้าใครจำผมได้ อาจจะมีคำถามว่า ผมยังรอหญิงอันเป็นที่รักคนนั้นอยู่หรือไม่
ทุกท่านครับ ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไป 7 ปี คนอย่างผมเนี่ย
ลืมไปแล้วครับ แฮ่ๆ
ความปากดีในวัยเด็ก กลายมาเป็นเรื่องฮาแตกกันในวงสุราเสมอครับ
แล้วจะเข้ามาแต่งบ่อยๆครับ
พบกับผมได้ตามร้านสุราชั้นนำทั่วไป