8 มิถุนายน 2548 15:35 น.
winterstar
.สักวันหนึ่ง เมื่อฉันมีความรัก ฉันจะเป็นอย่างนั้น ฉันจะเป็นอย่างนี้
แต่จะมีสักกี่คนเหล่าที่จะเข้าใจว่า ความรัก คือ สิ่งใด มีนิยามของคำว่ารักมากมาย
แต่ไม่เคยมีใครบอกเราได้ว่า ความรักเกิดขึ้น และจบลงเมื่อใด
รู้แต่ว่า เมื่อมีความรัก ก็จะพยายามที่จะรักษามันเอาไว้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด
เพราะความรักเป็นความสุขที่มนุษย์ทุกคนไขว่หา
แต่จะมีสักกี่คนที่สมหวังในรัก.
เมื่อความรักมีทั้งทุกข์และสุข แต่เราก็ยังที่ไขว่คว้าและค้นหาคำว่า รัก
แม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็เช่นกัน
//88// Number eighty eight
ความรัก คือ สิ่งที่ท้าทาย การได้เรียนรู้จักการที่จะรักตัวเองเป็นสิ่งที่ยาก
และการที่ได้เรียนรู้จักการที่จะรักคนอื่นก็เป็นสิ่งที่อยากเช่นกัน
ความรักไม่ว่าจะรักด้วยเหตุผลประการใดแล้วก็ตามต้องการก็ต้องการที่จะได้ในสิ่งที่หวัง
ก็คือ การคาดหวังที่จะได้สิ่งตอบแทนในความรัก กลับคืนมาเช่นกัน
ครั้งหนึ่งผู้เขียนไม่เคยเข้าใจเลยว่า ทำไมต้องเสียน้ำตาให้กับใครที่จากไปเพราะว่าเขาไม่ได้รักเรา
แต่มาวันนี้เมื่อผู้เขียนได้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น
ผู้เขียนก็ได้เข้าใจ หรือประหนึ่งว่าเข้าถึงรสพระธรรมนั้นเอง
กับการจากไปโดยที่เราไม่ได้ตั้งตัวเตรียมรับสถานการณ์ที่จะขึ้น
ก็เลยทำให้เกิดอาการที่เสียว่าเสียศูนย์ เกิดอาการต่างๆ นานา
สิ่งที่เคยผ่านเหล่านี้ คือ บทเรียน หรือ ประสบการณ์ นั่นเอง
เมื่อเราได้เรียนรู้จักคำว่ารักที่ผิดหวัง ก็จะมองโลกในแง่ร้าย
ในช่วงนั้น ผู้เขียนเองก็ หวาดกลัว กับ คำว่า ความรักไปพักใหญ่เหมือนกัน
//99// Number nightly night
แต่ความรักคือ ผลไม้ ที่มีรสชาติประหลาด น่าลิ้มลองกว่า อื่นใด
เป็นอาหารอันโอชารส เมื่อได้เสพแล้ว ก็มักจะอยากเสพอยู่ร่ำไป
ผู้ใดไม่เคยกิน ก็อยากลองกิน ด้วยว่า ชาติหนึ่งขอได้ลองชิมรสชาติรับรู้ความรู้สึก
ดูสักครั้งก็ยังดี ก็เลยมิมีผู้ใดหลุดพ้นจาก วังวนเหล่านี้ ได้เลย
ความรักเป็นดั่งกิเลสที่เป็นตัวยั่วยุให้เกิดแรงกระทำ
เมื่ออยากได้มาครอบครอง ก็ทำทุกวิถีทางที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
บางคนก็มิเลือกวิธีที่จะทำเพื่อให้ได้มา ซึ่งสิ่งที่ตนเองนั้นต้องการ
บางคนก็มิกล้าที่จะทำเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ได้แต่เฝ้ามอง แอบมองเพียงห่าง ๆ ก็เป็นสุขใจ
แต่วิธีการปฏิบัติกันไปตามแต่ผู้เสพจะเลือกลิ้มรสมัน
//69// Number sixty night
เมื่อเราได้มาซึ่งความรักบางคนก็เพียงพอแล้วซึ่งสิ่งทีได้มา
..บางคนก็ต้องการมากขึ้นยิ่งขึ้นไปกว่าสิ่งที่มีอยู่
บางคนก็ตำหนิ ติว่าสิ่งที่มีอยู่นั้นไม่ดี ไม่คู่ควร ก็ร่ำแต่จะหาสิ่งที่ดีกว่ามาทดแทน
..บ้างก็เบื่อหน่ายกับสิ่งที่มีอยู่เพราะว่าได้รู้จักกันมานานจนเกินไป จนรู้สึกว่าไม่น่าสนใจ
บ้างก็ กลัว การที่จะสูญเสีย เลยทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง
สุดท้าย ก็จบลงตรงที่ ความว่า ค้นหา สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง หาสิ่งที่ใช่ ทั้งๆ เรานั้น
ไม่เคยล่วงรู้เลยว่าสิ่งที่ใช่ในสิ่งที่เราคาดหมายคือสิ่งใด
ในบางครั้งการสวมใส่สิ่งที่ควรใส่ก็ทำไปเพียงเพราะหน้าที่
..แต่ถ้าสิ่งที่อยากสวมใส่นั้นอึดอัดผู้สวมใส่ก็ไม่อยากใส่มัน
..หรือในบางครั้งทีมันดูขัดสายตา ก็จะทำให้ไม่เข้ากันเกิดความไม่เหมาะสม
แต่สิ่งเหล่านี้ คือ มุมมอง แต่..เราทุกคนต้องสวมใส่
สวมใส่ในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเอง เพื่อให้เกิดความสบาย
แต่ก็ยังต้องแฝงไว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่าการเป็นทางการอยู่ดี
25 เมษายน 2548 11:19 น.
winterstar
ฉันผิดเอง เป็นคำ ที่ฉันใช้ติดปากเสมอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน
ตั้งแต่ได้รู้จักกับชายคนหนึ่ง ฉันมองดูเขาเหมือนว่าเขาเป็นฮีโร่สำหรับฉัน
เขาเก่งในหลายๆ ด้านฉันก็แค่คนหนึ่งที่ปลื้มคนเก่งๆ ก็เท่านั้นเอง
การเข้ามาของเขาก็เหมือนกันใครใดๆ ทั่วไป (ตามฉบับนิยม)
คือมาตอนที่เราอกหักช้ำรัก เข้ามาดูแลห่วงใย ตามประสาคนดีๆ ต่อกัน
สักพักก็เริ่มเปลี่ยนบทบาทไปตามกาลเวลา
ฉันรู้สึกดีเมื่อได้รักกับเขา เขาก็ดูแลเอาใจใส่ดีตามอัตภาพ
หรือตามที่ฉันควรได้ หรือตามที่เขาจัดให้หรือไง ก็ไม่รู้
19 เมษายน 2548 15:48 น.
winterstar
เราหลอกลวงคนรอบข้างและที่สำคัญคือหลอกลวงตัวเอง
เพื่อที่จะได้ ได้ในสิ่งที่เราคิดว่าเราต้องการ
แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการได้เสียใจเสียมากกว่าสิ่งใด
เรามาอยู่กับชายคนรัก ซึ่งเราเพิ่งได้รู้ความจริงบางอย่างว่า
เขามิได้รักเราเลยแม้แต่น้อย
เขาพร่ำบอกว่ารักเสมอก่อนนอนในทุกคืนตั้งแต่เราคบกัน
จนมาถึงวันนี้ก็ผ่านมาหนึ่งปีกว่า
สิ่งที่ผ่านมาจากคำพูดต่างๆ กับสิ่งที่เราได้พบเจอในวันนี้
มันแตกต่างกันอย่างมาก
สิ่งต่างๆ เป็นเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น
แค่ค่ำคืนนี้ คือเรื่องจริงมิใช่ความฝันเหมือนเช่นทุกวัน
คืนนี้ เราอยู่กับเขา การที่เราได้มาอยู่ด้วยกันในคืนนี้
มิใช่ว่าเขามาหาเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันแต่อย่างใด
แต่เขาต้องมาด้วยเพราะรับปากกับกลุ่มเพื่อนๆ ไว้ว่าจะมาหา
ซึ่งเราเองก็ได้ห้ามปรามไว้ว่าอย่ามา
เพราะว่าเขากำลังทำธุรกิจใหม่ ไม่ควรทิ้งงานมา
แต่เราเองก็ดีใจมากที่เราจะได้พบเขาอยู่กับเขาอย่างเช่นคนรักกัน.
ขณะที่เราอยู่ด้วยกันก็เกิดปัญหาเรื่องงานเข้ามาทำให้ปวดหัวจนได้
แต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาไปได้
คืนนั้นเขาออกไปพบเพื่อนตามที่ได้นัดกันไว้
ทิ้งให้เราอยู่คนเดียวภายในห้องพัก
ซึ่งในข้อนี้เองเราก็ทราบดีอยู่ก่อนแล้ว
..คนเราก็ช่างแปลกเหลือเกินทั้งที่รู้แต่ก็นะ
คิดมากนั่นเองคิดไปต่างๆ นานา แต่ก็ช่างเถอะนอนดีกว่า
จะคิดไปทำไมปวดหัวเป่าๆ .. คิดได้ดังนั้นก็นอนไป
คุณเคยเป็นเหมือนเราบ้างไหม เราตื่นขึ้นมาตอนตี 2
เหมือนกับว่าเรามีนาฬิกาปลุกเป็นของตัวเอง
ตามันลุกโพลนขึ้นมาตอนตี 2 ความรู้สึกง่วงนอนก็หายไป
เรามองนาฬิกาเห็นว่า น่าจะได้เวลาที่เขาน่าจะกลับมาได้เสียที
เราก็นอนรอเวลาให้มันผ่านไป
ระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดเรื่องต่างๆ เสียวุ่นวาย เขาจะกลับมาหรือยัง
หรือยังอยู่กลับเพื่อนๆ หรือว่าอยู่กลับใครนะ
แล้วถ้าเขาไม่กลับมาหละ ถ้าเขากลับมาเมาหละจะทำไง
ดูแลอย่างไรดี หรือจะโทรไปถามดี ว่าจะกลับมั้ย
ถ้าเมาให้เขานอนค้างบ้านเพื่อนเลยก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
แต่คงไม่ดีแน่อย่าไปโทรกวนเลย
(นิสัยโดยส่วนตัวเขาแล้ว เขาเป็นคนรู้หน้าที่ดี ข้อนี้ ...
อย่าได้ทำเป็นเด็ดขาด เป็นเรื่องแน่ๆ)
แต่ละนาทีที่ผ่านไปช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน รอ
จนเวลาล่วงเลยมาจนจะตี 3 เห็นจะได้
แล้วเสียโทรศัพท์ของเราก็ดังขึ้น เป็นการโทรจากเขานั่นเอง
เขาโทรมาบอกว่าถึงหน้าห้องแล้ว
เรารีบปลุกขึ้นไปเปิดประตูให้เขาเข้ามา
เขาเมา แต่ยังพอมีสติ คุยกันได้ในระดับหนึ่ง
เขาบ่นเรื่องเมา ว่าไม่น่ากินมากเลย เมาไม่ไหวเลย
ว่าจะกลับมาชื่นใจเสียหน่อย เราเองก็ ได้แต่ยิ้มแหย่ๆ
แล้วเขาก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้านอน เขาเข้ามานอนข้างๆ
เราก็จับตัวเขา ตัวร้อนยังกับไฟ (เป็นเรื่องธรรมดาของคนกินเหล้าเข้าไปในปริมาณมากๆ แอลกอฮอล์จะเข้าไปทำให้ตัวร้อนหรือแดง)
เราก็ไม่รู้จะทำไง คิดได้ว่ามีผ้าเช็ดหน้า
ก็ลุกขึ้นไปเอามาไปชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้เขาเพื่อลดความร้อน
เช็ดได้สักครู่เขาก็บอกว่าไม่ต้องหรอก เด๋วนอนสักพักเด๋วก็ดีขึ้น
ระหว่างนั้น เขาก็บ่นเรื่องต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย
เราเองก็ทำได้แค่เป็นห่วง (กลับมันตายหละ)
แล้วเขาก็ดึงตัวเราเข้าไปกอด
เราเข้าไปซุกอยู่ในปีกของเขาบางคนคงนึกว่าเป็นภาพที่โรแมนติก
สำหรับการที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนรัก .
แต่สำหรับเราในตอนนั้นคล้ายๆ จะตายในบัดดล
เพราะทั้งกลิ่นของเหล้าที่เหม็นคลุ้ง และตัวที่ร้อนของเขาแล้ว
เขายังกอดรัดอย่างเต็มแรง หายใจแทบไม่ออก
วงแขนของเขาช่างอบอุ่น (อย่างแรง) กอดก่ายอยู่ที่คอ (หายใจไม่ออก)
เรานิ่งไปพักใหญ่ แล้วสุดท้ายก็ไม่ไหวแล้ว
พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแห่งรักของเขา
รีบออกมาหายใจเกือบไม่ทัน..คืนนั้น สรุปว่า เขาเมา หลับ
(เรารอด) ฮี่ๆๆ
ตอนเช้าตื่นมา เราก็ทำกิจกรรมตามปกติของมนุษย์
แปรงฟัน ล้างหน้า ดูทีวี
เขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วก็บ่นว่าปวดเนื้อปวดตัว
เราก็ทำหน้าที่คนรักที่ดี ก็เขาไปบีบนวดให้
แล้วเขาก็เล่าเรื่องต่างๆ เราเองก็ได้แต่ขำ ในสิ่งที่เขาพูดคุย
ตอนที่เขาเมาเขาพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อย
เราก็พูดเล่าให้เขาฟังว่าเขาพูดอะไรอย่างไรบ้าง
เขาเองก็มานั่งขำตัวเองอยู่เหมือนกัน
(นี่หละ ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เปลี่ยนคนได้จริงๆ) ทั้งวัน
เราทำหน้าที่เป็นหมอนวดตั้งแต่เช้ายันเย็น
เขาเองไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงเลย ปวดเมื่อยไปทั้งตัว
ก็ได้แต่นอนให้เรานวด พอตกบ่าย ก็เกิดอาการง่วงกันทั้งคู่
ก็ต่างคนต่างนอน กะว่าตอนบ่ายสอง จะออกไปซื้อของข้างนอกกัน
เขาก็ตั้งปลุกมือถือไว้ แล้วพอถึงเวลา มือถือมันก็ปลุก
เขาก็กดดับเสียงเพราะเปลี่ยนใจแล้วว่าไม่ไปแล้ว
เพราะไปไม่ไหวยังเมาค้างอยู่นั่นเอง
แล้วเจ้ากรรมมันก็ดันปลุกทุกๆ 10 นาที
เราเองก็รำคาญเลยเอามือถือเขามากดใช้งานเพื่อจะยกเลิกการปลุกนั้น
เข้าผิดเข้าถูก แล้วก็ดันเข้าไปอ่าน sms ของเขา
แบบว่าไม่ได้ตั้งใจกดหรอกในทีแรก
อ่านข้อความพบข้อความที่ทำให้รู้สึกแย่
เขาเก็บ ข้อความนี้ไว้ ข้อความนี้ถูกส่งมาเมื่อวันวาเลน์ไทล์ ปี 46
เป็นข้อความเก่า ของอดีตคนรักของเขา
แต่ข้อความที่เราส่งไปถึงเขานั้นไม่เคยที่เขาจะเก็บเอาไว้เลยสักครั้ง
ทำให้เรารู้สึกน้อยใจนอนร้องไห้แบบเงียบๆ
อยู่ข้างๆ กายชายผู้นั้น ผู้ที่เรารัก
นี่คือคำสามพยางค์ที่ทำให้ฉันทำเพื่อคำๆ นี้ .รัก .
เรารู้สึกทรมานในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก
ได้แต่ร้องไห้ คือ สิ่งเดียวที่เราทำได้
ได้แต่มองเขาจากทางด้านหลัง
มองด้วยความปวดร้าวใจ เขาก็ไม่ได้ไปทำร้ายอะไรเรา
เราเองต่างหากที่ทำร้ายตัวเอง ดิ้นรนที่จะมาหาเขาเอง เจ็บดีมั้ยหละ..
และนี่คือคำสามพยางค์ที่ฉันได้เป็นผลลัพท์ ..โง่..
เราไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก็เลยลุกขึ้นเพราะเรารู้สึกว่า
เรานอนข้างชายผู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว มันรู้สึกเหมือนหมดแรงที่จะรัก
ชายผู้นี้ต่อไปยังไงไม่รู้ ก็เลยลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า เก็บของใส่กระเป๋า
กะว่าจะกลับเสียที เสียใจพอแล้ว แล้วโทรศัพท์ ของเขาก็ดังขึ้นพอดี
ตอนที่เรากำลังจะเข้าไปดูหน้าเขาอีกครั้ง
เราหยิบโทรศัพท์ขึ้น พอดีว่าไปโดนปุ่มรับโทรศัพท์ก็เลยยื่นให้เขา
แล้วกระซิบว่า มีคนโทรมา
เพราะกลัวว่าในสายจะได้ยินเสียงของเรานั้นเอง
(แบบว่าฉันรู้ตัวนะว่าไม่ควรให้ใครรู้ว่ามีฉันเป็นคนรักของเธอ)
จับใจความได้ว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเมื่อคืนนั่นหละ
โทรมาชวนไปต่อตอนเย็นอีก
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะปฏิเสธไปเพราะว่ายังเมาค้างอยู่นั่นเอง
(นี่คงเป็นเหตุผลคงไม่ได้กลัวว่าเราจะน้อยใจหรือเสียใจหรอก
ถ้าเขาจะไปเราหรือจะมีสิทธิ์ไปห้ามอะไรได้ ก็เดิมๆ ร้องไห้ไปเด๊ะ)
แล้วเราก็เดินออกไปจากห้อง เขาก็ร้องถามว่าจะไปไหน
เราก็บอกไปว่าไปเดินเล่น
เราเดินออกไปจากห้องสักพัก กระเป๋าเงิน กุญแจห้อง
และมือถือที่ปิดเครื่อง เท่านั้น
เพราะ ยังใจไม่ถึงพอที่จะจากไป เดินออกไปเรื่อยๆ
การได้อยู่คนเดียวได้คิดอะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเขาสักพักทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
พร้อมที่จะเข้าไปทำหน้าที่คนรักที่ดีต่อ (พยายามรักษาภาพพจน์ สุดยอด)
เมื่อเรากลับมาเขาก็เหมือนจะพอทราบว่าเราเป็นอะไรไปเขาก็พยายามถาม
เราเองก็ไม่ได้บอกอะไรไป
เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดไป
เพราะการอ่านข้อความนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราเองต่างหากที่เข้าไป
ละเมิดสิทธิ์ตรงนั้น ซึ่งเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว
เราแค่น้อยใจเท่านั้นหละ ส่วนเรื่องความรักนั้นเราไม่สามารถ
รู้ได้หรอก ว่าเขารักเราหรือไม่ ถึงจะไม่รักก็ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ
ไม่มีอะไรดีหรือเลวไปกว่านี้อีกแล้ว
เรารู้ตัวเองว่ารักเขา แต่ตอนไปนี้ จะรักแต่น้อย รักเขาแค่เสมอตัว
ไม่มากกว่าตัวเอง
เขาก็พยายามพูดเล่นหัวกับเรา เราเองก็ทำได้แค่ยิ้มแหย่ๆ ไปงั้น
เขาเองก็รู้
เราก็บอกปัดว่าไม่มีอะไร นอนเถอะ เมื่อยมั้ย จะนวดให้
พอนวดไปสักพัก เราก็เมื่อย (ออกแนวหมดแรงใจมากกว่า)
ก็ล้มตัวลงไปนอน แล้วสักพัก ก็รู้สึกว่าอยากร้องไห้
ก็หันหลังให้เขาแล้วก็ร้องไห้ อยู่สักพัก ก็รู้สึกว่าไม่ไหว
ร้องไห้ไม่หยุด ก็เลยลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
เข้าไปล้างหน้าเผื่อว่าจะได้หยุดร้อง ขณะนั้นเอง เลือดกำเดาไหล
คงเป็นเพราะอากาศคงร้อน เพราะตอนที่ออกไปเดินข้างตอนนั้นอากาศร้อนมาก พอเข้ามาในห้องเจอแอร์ที่เย็นจัดเลยทำให้เลือดกำเดาไหลออกมา
ก็เลยล้างเลือดที่ไหลออกมาแล้วก็มานอนอยู่ข้างๆ
เขาอีกครั้งเพื่อให้เลือดหยุดไหล
เป็นจังหวะที่เขาคงสางเมาแล้วมั้ง (คิดเอาเอง)
เขาก็สอนเราว่า อย่าไปคิดมากเลย คิดแล้วประโยชน์อะไร
คิดในสิ่งที่ควรก็พอ คิดในเรื่องที่เป็นเรื่อง ตั้งใจทำงาน
ทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบจะดีกว่า อย่าคิดแต่เรื่องไร้สาระ
แล้วเขาก็กอดเรา แต่การกอดคราวนี้ ทำให้เรารู้สึกดีอย่างประหลาด
น้ำตาไหลล้มออกมาจากขอบตา
อ้าว ร้องไห้ทำไมอีกแล้วหละ ขี้แย่ จริงๆ เลย เป่าไม่ได้ร้องสักหน่อย
ก็เถียงไปด้วยยังคงมีอารมณ์น้อยใจอยู่
แล้วก็. เล่าไม่ได้แล้ว ..
เรื่องของคนสองคน ต่อจากนี้ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ไม่รู้หรอกว่าจะเป็นอย่างไร ต่อไปเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ ก็ รู้แล้วหละ ว่า รัก กับ โง่ นะมันอยู่คู่กันเสมอ
ถ้าเมื่อไหร่ ที่เราใช้ความรักในทางที่ผิด
เราก็จะกลายเป็นคนโง่ไปในทันที
ฉลาดที่จะเลือกรักเมื่อไหร่
เราก็จะมีความสุขกับคำว่า รัก
6 กุมภาพันธ์ 2548 22:11 น.
winterstar
.....เขาผู้ซึ่งตั้งข้อแม้ต่างๆ ให้กับความรักของเขา
.....เขาไม่ชอบที่จะพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก
.....เขาไม่ชอบที่จะอยู่เฉย
.....เขาผู้ซึ่งรอบคอบเสมอ
.....เขาผู้ซึ่งไม่เคยที่จะคิดผิด
.....เขาผู้ซึ่งผ่านน้ำร้อนมากก่อน ไม่ว่าจะเตือนสิ่งใด ก็ต่างหวังดีและเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรเสมอๆ
.....เขาผู้ซึ่งเป็นที่รักของฉัน เขาคนนั้นช่าง..ช่างมันเถอะ
เขาเคยบอกฉันมาครั้งหนึ่งว่า .....
ไม่ต้องกังวลนะยังก็ยังรักเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนยังคงรักเหมือนเดิม
โตแล้วนะ อย่าทำตัวเหมือนเด็กๆ
(อืม...) เป็นคำตอบเดียวที่ฉันคิดออก
แต่สำหรับใครหลายต่อหลายคน
คงจะรู้สึกดีใจถ้าหากคนรักของเราบอกเราเช่นนี้
แต่สำหรับฉันกลับไม่ได้รู้สึกเหมือนเช่นที่เขาบอกเลย
ฉันยังคงระแวงอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าทำไม ....
วันเวลาผ่านไปเขาก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของเขาดีเช่นเดิม
เขาเป็นคนคงเส้นคงวา ปฏิบัติตามหน้าที่ใช่หัวใจที่เรียกร้อง
ยังคงโทรมาบอกรักก่อนนอนในทุกๆ คืน
(คือ สิ่งเดียวที่ยังคงทำอยู่) ฉันเริ่มรู้สึกว่าฉันกับเขาเริ่มห่างออกไปทุกที ทุกที
จากที่เมื่อก่อนเขาเป็นคนบอกว่า .....
จะทำให้เราไม่รู้สึกเหมือนว่าเราห่างไกลกัน ไม่ต้องกลัวนะคนดี
แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่าตั้งแต่ฉันรู้จักกับเขามานั้น
ฉันไม่เคยที่จะอยู่ใกล้เขาเลยสักครั้ง
ไม่ว่าฉันจะทำอะไรไม่เคยที่จะเข้าท่าไม่เข้าตากรรมการเลยสักที
สิ่งที่ฉันคิดสิ่งที่ฉันทำดูเหมือนไม่มีความหมาย
ฉันมีค่าในเวลาที่เขาต้องการฉันก็เพียงแค่....แค่นั้นเอง
ฉันเริ่มที่จะรู้สึกน้อยใจในตอนแรกๆ
แต่มันกลับเริ่มทวีคูณมากขึ้น มากขึ้นจนกลายเป็นเสียใจทุกครั้งที่เขาต้องการฉัน
ร้องไห้ทุกทีเมื่อเขาจากไป ฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเครื่องบำบัดความใคร่
หรือสิ่งที่เรียกอย่างสุภาพว่า โสเภณี
21 มกราคม 2548 22:04 น.
winterstar
หากแต่มันยังคงดำรงอยู่เพียงเพราะว่ายังไม่ดับสิ้นสูญไปจากโลกนี้
.....ก็เพียงเท่านั้น
วันวานคือ.....
อดีตที่ยังไม่ผ่านพ้นไปเสียที เจ็บปวดอยู่เสมอ
เมื่อลมหนาวพัดผ่านมา.....
รอยแผลก็เริ่มเจ็บปวดเจ็บแสบทุกครั้งที่น้ำตาไหล
ทุกคืนที่ผ่านมาเมื่อหลับตาก็สะดุ้งตื่น
ร้องไห้ทุกครั้งที่ลืมตา หลับตาพร้อมคราบน้ำตาที่ไหลริน
.....เป็นเช่นนี้ อยู่เสมอ
สายลมหนาวที่พัดผ่านมา กลับน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม
ความอบอุ่นอยู่แห่งหนใด ความรักความเข้าใจไม่เคยที่จะรู้จัก
โดดเดียวเดียวดายท่ามกลางผู้คนที่ขวักไขว่ไปมามากหน้าหลายตา
ตะโกนกรีดร้องเหมือนคนบ้า แต่เหมือนไม่มีใครเลยที่จะได้ยินเสียงของฉัน