22 กันยายน 2545 15:56 น.
windsaint
สายลมคือสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุด
สาเหตุที่ฉันชอบลมเพราะฉันรู้สึกว่าตัวฉันเองเหมือนลม ทั้งลักษณะนิสัยและการเป็นอยู่
ลมเป็นสิ่งที่เย็นสบาย เมื่อมีลมโดนตัวแล้วจะทำให้รู้สึกสดชื่น
เวลาที่ฉันทุกข์ใจ ฉันชอบเดินไปตากลมเพียงลำพัง เพราะเมื่อฉันออกเดินไป
ก็จะมีสายลมคอยไล้ปลอบประโลมจิตใจอยู่ ลมจึงเป็นเหมือนกับกำลังใจของฉัน
ที่ว่าลมมีลักษณะเหมือนฉันก็คือ ลมจะคอยดูแล ปลอบใจ ห่วงใย และให้กำลังใจยามที่เราเศร้า
เหมือนกับฉันที่อยากจะเป็นกำลังใจในเวลาที่เห็นคนอื่นๆเศร้า อยากจะคอยปลอบใจให้หายเหงา หายเศร้า
และอีกสิ่งหนึ่งที่ลมเหมือนฉันคือ ลมเป็นแค่เพียงอากาศ ไม่สามารถสัมผัสได้ และไม่มีใครมองเห็น
เหมือนกับฉันที่เมื่อคนอื่นเขาไม่ต้องการ ฉันก็จะกลายเป็นคนไม่สำคัญและไม่มีใครมองเห็น เป็นเหมือนเพียงแค่อากาศเท่านั้นเอง
ฉันมักเปรียบตัวเองเหมือนกับลมที่ได้แต่คอยห่วงใย แต่ไร้ตัวตน ไร้ความสำคัญ ไร้คุณค่าไม่เคยมีใครเห็นความสำคัญจากตัวฉันซักที
15 กันยายน 2545 16:48 น.
windsaint
แต่ยังเป็นสิ่งที่สร้างความกดดันอย่างแท้จริงให้กับ อ.นคร ผู้ที่ถูกตกเป็นข่าว
นับจากวันที่ 4 กันยา ฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้เข้ารับฟังการเสวนาครั้งนั้นด้วย
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยมีวันไหนที่ฉันไม่เห็น อ.นคร เข้ามาที่ห้องพิพิธภัณฑ์
และทุกครั้งอาจารย์จะได้กำลังใจจากพวกเราชาวพิพิธภัณฑ์กลับไป
ฉันรู้ว่าสิ่งที่ อ.นคร ต้องการมากที่สุดตอนนี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากกำลังใจ
กระแสความกดดันที่ไม่เพียงมาจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังมาจากภายในองค์กรด้วย
อาจารย์หลายๆท่านยังไม่เข้าใจถึงสิ่งที่ อ.นครทำ อ.นครสอนให้เราคิดมากกว่าที่จะยั่วยุให้เกิดกิเลส
สอนให้รู้จักโทษของมันและป้องกันอย่างถูกวิธี
ฉันได้ยินหลายเสียงที่บอกว่ามันเป็นการชี้โพรงให้กระรอก แต่ฉันกลับไม่คิดเช่นนั้น
ฉันกลับคิดว่าสิ่งที่ อ.นคร ทำอยู่นี้ ไม่ใช่การชี้โพรงให้กระรอก
แต่เป็นการชี้กระรอกให้ลงถูกโพรงต่างหาก
9 กันยายน 2545 07:14 น.
windsaint
จังหวะแรกที่เห็นฉันเหลือบไปมองชื่อโรงเรียนที่ปักอยู่บนชุด รด. ของชายหนุ่ม
และมองเข็มโรงเรียนที่ปักอยู่บนอกเสื้อข้างบนชื่อโรงเรียน เป็นโรงเรียนที่ฉันรู้จักและคุ้นเคยดี
ฉันไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าทั้งสองคนเป็นเพียงเพื่อนกัน
แต่สายตาที่อยู่ไม่สุกของฉันก็เห็นทั้งสองคนคุยกันหัวร่อต่อกระซิกแบบที่หนุ่มสาววัยรุ่นโตๆเขาทำกัน
กิริยาท่าทางอันบอกได้ว่าสองคนนี้ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อนธรรมดาทั่วไป
ท่าทางของทั้งสองดูจะไม่ใส่ใจสายตาประชาชนบนรถเมล์เลย
ยังคงนั่งจับไม้จับมือกันเหมือนเช่นเดิม ฉันยืนอ่านการ์ตูนอย่างไม่ค่อยมีสมาธินัก
สายตาอยู่ไม่สุกของฉันอีกแล้วที่มักจะมองไปทางสองคนนี้
สมองส่วนหัวโบราณของฉันเริ่มทำงานอีกครั้ง ฉันรู้สึกคันปากยิ่งกว่าโดนมดแดงทั้งรังรุมกัด
เจ้าสมองส่วนหัวโบราณตัวดีบอกฉันว่า การกระทำของทั้งสองนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทั้งในด้าน
คุณธรรม จริยธรรม มโนธรรม สามัคคีธรรม และธรรมอื่นๆอีกมากมาย
สมองส่วนหัวโบราณสั่งให้ฉันเดินเข้าไปคุยกับน้องทั้งสอง
แต่ฉันกลัวจะโดนย้อนถามว่าเสือกอะไร ฉันจึงได้แต่ยืนดูอยู่เฉยๆ
ไม่รู้ว่าสวรรค์กลั่นแกล้งหรือนรกให้พร
คนที่นั่งเบาะหลังสุดลุกออกไป ฉันจึงเดินไปนั่งแทนที่ ทำให้ฉันได้เห็นทั้งสองใกล้ขึ้นอีก
ภาพที่ฉันไม่สมควรที่จะเห็นเด็ก ม.4 ทำเช่นนี้
ทั้งโอบ ซบ อิง พิง กระซิบ ทำให้ฉันทั้งคันปากและมือ
ฉันคิดถึง อ.นคร ขึ้นมา ประโยคหลายประโยคที่ฉันได้เรียนรู้จาก อ.นคร ทำให้ฉันเชื่อว่า
เจ้าสมองส่วนหัวโบราณของฉันมันหลับลึกไปแล้ว
แต่ว่าวันนี้มันกลับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการหลับอันยาวนาน
ฉันนึกถึงคำพูดฮิตติดปาก อ.นคร ที่มักกล่าวว่า ตัวเองยังจะเอาไม่รอด จะเลี้ยงช่องคลอดคิดให้ดี
ทำให้ฉันคิดถึงสองคนนี้ การกระทำที่ไม่อายต่อสาธารณชน
ไม่รู้ว่าถ้า อ.นคร ได้มาเห็นจะว่าอย่างไร
ความคิดของฉันพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง ถ้าพ่อแม่ของทั้งสองมาเห็นจะคิดอย่างไร
พ่อแม่ของทั้งสองจะรู้หรือไม่ว่าลูกของพวกเขามากระทำในสิ่งที่น่าละอายเช่นนี้
หากฉันเป็นพ่อคงเสียใจไม่น้อยกับการกระทำของลูกตนเอง อะไรทำให้คนเราเป็นเช่นนี้
เหมือนสวรรค์บันดาลอีกครั้งให้ฉันลงป้ายรถเมล์เดียวกันกับทั้งสอง แต่ยังโชคดีที่ฉันต่อรถคนละคันกับพวกเขา
เพราะฉันไม่รู้ว่าฉันจะห้ามใจตัวเองได้อีกหรือไม่ แต่สิ่งที่ฉันรู้คือ
ระหว่างทางกลับบ้านหลังจากนั้นของฉันมีเรื่องราวให้ฉันคิดมากมาย
ฉันรู้ตัวเองว่าค่อนข้างหัวโบราณ แต่ฉันคิดว่าการหัวโบราณของฉันในการรักษาประเพณีที่ดีงามของไทยมันเป็นสิ่งที่ไม่ผิดไม่ใช่หรือ
เพราะวัยของทั้งสองคนนี้ไม่ใช่วัยที่สมควรเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่คือเรื่องเล่าของคนหัวโบราณคนหนึ่งที่ไปพบกับเหตุการณ์ที่เขาเองถึงแม้จะรับได้ในหลายๆเรื่อง
แต่ในเรื่องเช่นนี้ กับวัยเช่นนี้ สำหรับเขาแล้ว เขายังรับไม่ได้กับสิ่งเช่นนี้ เช่นที่เขาพบมา
1 กันยายน 2545 19:16 น.
windsaint
สวนฯใหญ่ ในฐานะพี่ ยังไม่ยอมลุกไปไหน ยังคงเก็บอุปกรณ์ต่อไปเรื่อยๆ
ฟ้าที่เริ่มมืดส่งสัญญาณอันตราย
ฝนตกลงมาแล้วในท้องฟ้าฝั่งใกล้ๆ และกำลังเรื่อยมา
17.30 น. น้องแถว A ได้เดินลงจากแสตนด์
แต่เหมือนฟ้าไม่เข้าข้าง ยังไม่ทันจะลงหมดแถว สายฝนก็สาดลงมาอย่างหนัก
ส่งผลให้น้องที่อยู่แถวอื่นหลีกหนีกันลงจากแสตนด์ ต่างคนต่างวิ่งเพื่อหลบฝน
หลายคนแย่งกันไปจนลืมทุกอย่าง ต่างทิ้งอุปกรณ์ของตัวเอง
ต่างลืมไปว่าอุปกรณ์เหล่านี้คือชีวิตของรุ่นพี่
คือสิ่งที่คอยสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียนที่เขามาอาศัยพึ่งใบบุญแห่งนี้
เพลท สิ่งที่ฉันได้รับการสั่งสอนจากรุ่นพี่สมัยเป็น Staff เชียร์ว่า รักษาเพลทเท่าชีวิต
ฉันยืนบังสายฝนให้แก่ 1:1 และคอยบอกให้น้องเอาถุงคลุมเพลทเพื่อไม่ให้เสียหายมากกว่านี้
กระดาษสีเมื่อโดนน้ำก็ต้องเปื่อยยุ่ยเป็นธรรมดา แน่นอนเพลทเสียหายมากแน่ๆ
เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ที่ฉันยืนตากฝนอยู่บนแสตนด์โดยไม่คิดที่จะหาที่กำบัง
สิ่งที่ฉันห่วงไม่ใช่ตัวฉันเอง แต่เป็นเพลท 1:1 และอุปกรณ์เชียร์
เพราะมันคือหยาดเหงื่อของเชียร์ที่กว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง
ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะซาเม็ดลงและยังคงตกหนักขึ้นเหมือนฟ้าพิโรธ
เหมือนฟ้าโกรธที่รุ่นน้องทำไม่ดีจึงลงโทษลงมา แต่มันก็เป็นการลงโทษที่หนักหนา รุนแรงมากทีเดียว
หากเวลานั้นฉันอารมณ์ดีฉันคงคิดว่าตัวเองกำลังถ่ายมิวสิกวิดีโออยู่แน่ๆ
สายฝนยังคงตกลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ท้องฟ้าจากสีทองเป็นสีเทา
น้องลงจากแสตนด์เกือบหมดแล้ว ฉันเหลือบไปเห็นสวนปทุมฯ มาช่วยกันเก็บอุปกรณ์ที่น้องๆทิ้งไว้
และที่สำคัญ พวกเขาเป็นผู้หญิง แต่กลับมีสปิริตและความรักโรงเรียนมากกว่า น้องสวนใหญ่ฯบางคนซะอีก
ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจในความเป็นพี่-น้อง จริงๆ
ฉันเดินลงจากแสตนด์พร้อม 1:1 ที่ถูกคลุมถุงอย่างดี ร่างกายของฉันเปียกชุ่มไปทั้งตัว คนอื่นๆก็เช่นกัน
แต่ยังไม่มีใครย่อท้อ ต่างคนต่างยังช่วยกันขนของอย่างขะมักเขม้น เหมือนกับว่าไม่มีใครเหน็ดเหนื่อย สวนปทุมฯยังคงช่วยขนของ
เสียงเพลงโรงเรียนดังขึ้นเพื่อเป็นการปลุกกำลังใจของทุกคน ต่างคนต่างแข็งขันช่วยกันอย่างสุดใจ
ภาพนี้ทำให้ฉันน้ำตาคลอ ไม่น่าเชื่อว่าโรงเรียนน้องจะสปิริตรุนแรงเช่นนี้
เพลงโรงเรียนจบไปหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังคงมีเพลงอื่นดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง เม็ดฝนแต่ละเม็ดลงมาทำร้ายจิตใจ Staff เชียร์ทุกคน
ต่างคนต่างไม่เป็นอันทำงาน ยังดีที่มีรุ่นพี่ศิษย์เก่ามาช่วยบ้าง ทำให้งานรวดเร็วขึ้น
ฉันสงสารและเห็นใจพวกเขา พวกเขาคงจะทำใจได้ยากที่จะเห็นสิ่งที่ตนรักเสียหายมากมายขนาดนี้
งานนี้สวนกุหลาบฯเสียหายไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท เป็นงานที่เรียกว่า ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ
นับเป็นบทเรียนราคาแพงทีเดียว บทเรียนที่จะต้องจดจำและถูกจดบันทึกไว้ตราบนานเท่านาน
และเป็นสิ่งที่ฉันจะจารึกไว้ในความทรงจำ ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บเอาไว้เป็นอุทาหรณ์เพื่อให้รู้ว่า ความลำบากสามารถพิสูจน์คนได้
เป็นอุทาหรณ์ที่ฉันจะยังไม่ลืมเลือนต่อไปอีกนานแสนนาน
1 กันยายน 2545 19:12 น.
windsaint
ฉันยอมรับว่าฉันคาดหวังที่จะเห็นภาพแปรอักษรที่เยี่ยมยอดกว่าสวนฯอื่น
อยากเห็นน้องที่มีสปิริตแปรรูปภาพที่สวยงามให้ฉันได้ดู
เมื่อฉันไปถึง ฉันขึ้นแสตนด์ฝั่งคนดู ฉันนั่งดูการแปรอักษรไปเรื่อยๆ พลางใจฉันก็คิดไปว่า
เกิดอะไรขึ้นกับสวนกุหลาบฯ ที่เคยได้ชื่อว่าแปรอักษรดีที่สุด
ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า น้องแปรอักษรผิด ถือเพลทไม่นิ่ง
นี่น่ะหรือสิ่งที่ฉันรอคอย นี่น่ะหรือสิ่งที่ฉันอยากเห็น
มันกลายเป็นเวลาที่ดูไร้ค่าเหลือเกิน แบบนี้ฉันสู้เอาเวลาไปนั่งคุยกับเพื่อนที่อื่น
สู้เอาเวลาไปเดินเตร็ดเตร่ สู้เอาเวลาไปอ่านหนังสือไม่ดีกว่าหรือ
แล้วเพื่อน Staff สมัยที่ฉันยังอยู่เชียร์ก็มาหาฉัน บอกให้ฉันไปช่วยเป็นสวัสดิการแถว
ฉันรีบตกลงทันที ทำไมน่ะหรือ? นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ฉันจะได้ขึ้นแสตนด์เชียร์อีกครั้งก่อนที่ฉันจะจบไป
ฉันขึ้นแสตนด์ด้วยความประหม่าเล็กๆ ก็ฉันไม่ได้ขึ้นมาเกือบ 2 ปี แล้วนี่ นับจากงาน Staff แปรอักษรวันลูกเสือ
นานพอดูทีเดียวที่ฉันหันไปจับงานอื่นจนลืมการเชียร์ไป
ฉันเข้าไปในกลุ่มสวัสดิการแถว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นห้องคิงที่ฉันรู้จักคุ้นเคย ทำให้ความประหม่าของฉันลดลงไป
ภาพที่คุ้นเคย ลีดเดอร์ Staffที่คุมข้างๆ ประธานเชียร์ที่ยืนพูด ปลุกจิตใจที่หลับใหลอยู่ในส่วนลึกให้ตื่นขึ้นมาโลดแล่นอีกครั้ง
ฉันมองน้องที่อยู่ในแถว ทำไมน้องไม่ตั้งใจ ทำไมน้องไม่ร้องเพลง ยังคงเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวสมอง และยังเป็นคำถามที่ค้างคาใจฉันอยู่จนบัดนี้
ฉันนั่งเชียร์ไปเรื่อยๆ และคอยสังเกตพฤติกรรมของน้องที่เปลี่ยนไปจากสมัยฉัน
สมัยที่ฉันเป็นคนมานั่งแปร ทนร้อนได้มากกว่าที่น้องต้องทนอยู่นี้ น้องไม่เชื่อฟังรุ่นพี่
จนกระทั่ง Staff คนหนึ่งบ่นออกมาว่า เดี๋ยวนี้สวนกุหลาบฯมันเลวถึงขนาดนี้แล้วหรือ
ฉันได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไร
นี่คือสิ่งที่ฉันต้องเผชิญเมื่อตอนฉันอยู่ ม.4 สมัยที่น้อง Staff คนนั้น ม.2 ขณะนี้สิ่งที่เขาทำมันสะท้อนเข้าตัวของเขาเข้าแล้ว